หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1276

ตอนที่ 1276

บทที่ 1276 ตกลงไปในกับดัก
“หลงเซี่ยงทักทายนายน้อย”

ขณะที่ชายวัยกลางคนคุกเข่า มู่เฉินซึ่งเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ก็อึ้งไปทันที แม้แต่ลั่วหลีและคนอื่นๆ ก็ตะลึงไปตามกัน พวกเขาตกใจกับการเปลี่ยนแปลงฉับพลันที่เกิดขึ้นนี้

พวกเขาไม่คิดเลยว่าชายวัยกลางคนที่ดูดุดันในไม่กี่นาทีที่ผ่านมาจะแสดงท่าทางเช่นนี้

นอกจากนี้พวกเขายังสามารถบอกได้ว่าความเคารพบนใบหน้ามาจากใจจริง ไม่มีการเส้แสร้งแต่อย่างใด

ลั่วหลีและคนอื่นๆ แลกเปลี่ยนสายตากัน พวกเขาเห็นความงุนงงในสายตาของกันและกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายวัยกลางคน…

มู่เฉินอึ้งไปชั่วอึดใจก็ฟื้นคืนสติ ทว่าความตื่นระวังของเขาไม่ลดลงเมื่อมองไปที่หลงเซี่ยง “เจ้าเป็นสมาชิกเผ่าฝูถูใช่ไหม?”

“ใช่!” หลงเซี่ยงพยักหน้า

“งั้นเจ้าก็น่าจะทราบถึงความคิดของเผ่าฝูถูที่มีต่อข้า” มู่เฉินยิ้มบางสายตาคมกริบจ้องมองหลงเซี่ยง “เผ่าฝูถูไม่ปฏิบัติกับข้าอย่างนี้แน่นอน”

เมื่อเห็นความสงสัยของมู่เฉิน หลงเซี่ยงก็พยักหน้าอย่างจริงจัง “ข้าเป็นสมาชิกคนหนึ่งในเผ่าฝูถู แต่หากไม่ใช่เพราะนายหญิงข้าคงกลายเป็นกองกระดูกไร้ค่า นายหญิงมอบชีวิตใหม่ให้ข้า ในใจของข้าตำแหน่งของนางนั้นยิ่งใหญ่กว่าเผ่าโบราณนัก”

“นายหญิงของเจ้าคือใคร?” สายตาของมู่เฉินวูบไหว

หลงเซี่ยงยิ้ม “ท่านแม่ของเจ้า—ชิงเหยี่ยนจิ้ง”

มู่เฉินจับจ้องไปที่หลงเซี่ยง อีกฝ่ายก็ไม่ได้หลบสายตาเขา นอกจากนี้เมื่อหลงเซี่ยงพูดถึงชิงเหยี่ยนจิ้งก็เห็นความเคารพจากใจ

หลังจากลังเลครู่หนึ่ง เขาก็ลดความตื่นระวัง ด้วยสถานะและการกระทำของเผ่าฝูถูไม่จำเป็นที่พวกเขาจะต้องลดตัวและหลอกลวง คนเหล่านี้ทรงพลัง ดังนั้นพวกเขาสามารถส่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มออกมาหรือกระทั่งเทียนจื้อจุนเพื่อทำให้สิ่งต่างๆ ง่ายขึ้นสำหรับพวกเขา

ดังนั้นเขาจึงก้าวออกไปประคองหลงเซี่ยงขึ้น “พี่ใหญ่หลงเซี่ยงลุกขึ้นเถอะ ถ้าไม่ว่าอะไรก็เรียกข้าว่ามู่เฉินเลย ข้าไม่คู่ควรกับการเป็นนายน้อย”

หลงเซี่ยงส่ายหัวตอบ “มารดาของเจ้าเป็นนายหญิงของข้า ดังนั้นเจ้าก็ต้องเป็นนายน้อย”

น้ำเสียงดื้อรั้นไม่ยอมงอ ชัดว่าจะไม่เปลี่ยนในเรื่องนี้

มู่เฉินก็ได้แต่เกาหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขาพึ่งพาตนเองมาตลอดหลายปี ถึงมารดาของเขาจะเป็นคนจากเผ่าฝูถูโบราณ มิหนำซ้ำยังเป็นหลิงเจิ้นต้าจงซือ ทว่าตัวเขาไม่เคยมีความสุขกับการอยู่ในตำแหน่งนั้นหรือใช้ทรัพยากรของพวกเขาสักครั้ง ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับการเป็นคนธรรมดา เมื่อมีจอมยุทธ์ขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มมาเรียกเขาว่านายน้อย นี่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ

แต่เมื่อเห็นว่าหลงเซี่ยงดื้อแค่ไหน มู่เฉินก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “คำพูดข้าเมื่อสักครู่ อย่าเก็บไปใส่ใจเลยนะ”

ตอนแรกเขาคิดว่าเผ่าฝูถูส่งหลงเซี่ยงมาหยั่งเชิง ดังนั้นเขาจึงไม่มีความสุภาพเมื่อพูด

หลิงเซี่ยงยิ้มด้วยความยินดี “นายน้อยสมเป็นลูกของนายหญิงอย่างแท้จริง ด้วยพรสวรรค์ที่โดดเด่นเช่นนี้ ที่สำคัญเจ้ายังสามารถไปถึงระดับนี้ได้ แม้จะไม่มีความช่วยเหลือจากนายหญิง ไม่ง่ายเลยจริงๆ”

คำพูดของเขามาจากก้นบึ้งของหัวใจ เนื่องจากมู่เฉินประสบความสำเร็จด้วยวัยนี้ก็น่าตกตะลึงอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่ชายหนุ่มจะเป็นนักรบทวีปซีเทียน ตอนนี้ยังบรรลุขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายแล้วอีกด้วย ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือการเผชิญหน้ากับมู่เฉินที่มีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย แม้แต่คนอย่างหลงเซี่ยงยังไม่รู้สึกว่าจะเอาชนะได้

“ถ้านายน้อยเติบโตในเผ่าฝูถูละก็ ข้าเกรงว่าเจ้าจะกลายเป็นผู้สมัครชั้นดีของตำแหน่งประมุขคนต่อไป เจ้าจะไม่อ่อนแอกว่านายน้อยเฉวียนหลัวตอนนี้เลย” หลงเซี่ยงถอนหายใจ

มู่เฉินยิ้ม ไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไร เขาพึ่งตัวเองมาตลอด ดังนั้นเขาจึงไม่ได้โลภมากในทรัพยากรของเผ่าฝูถู

“พี่ใหญ่หลงเซี่ยง… ท่านแม่ข้าเป็นยังไงบ้าง?” แม้ว่าเขาจะไม่สนใจทรัพยากรของเผ่าโบราณ แต่เขาก็กังวลว่ามารดาเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้ ในอดีตเขาไม่มีความผูกพันกับเผ่าโบราณนี้ ดังนั้นในเมื่อตอนนี้เขาได้พบผู้ใต้บังคับบัญชาของมารดา เขาก็ต้องถามอย่างละเอียด

“นายหญิงถูกจองจำ แต่นางไม่ได้เป็นอะไรมาก ก็มีแต่คิดถึงเจ้าและบิดาเจ้ามากเท่านั้น” หลงเซี่ยงยิ้มพูดอย่างภาคภูมิ “พลังของนายหญิงลึกซึ้งและไม่อาจหยั่งรู้ แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่กล้าคุกคามมากเกินไป หากไม่ใช่นายหญิงไม่ต้องการให้นายน้อยติดร่างแหไปละก็ ข้าคิดว่าพวกเขาคงไม่สามารถควบคุมนางไว้ได้”

มู่เฉินรู้สึกโล่งใจเมื่อรับรู้ แม้ว่าเผ่าฝูถูจะเป็นเผ่าโบราณ การพยายามจัดการกับหลิงเจิ้นต้าจงซือก็ยังคงต้องจ่ายราคาแพงระยับ ซึ่งอาจทำร้ายรากฐานเผ่าพันธุ์

แต่เมื่อคิดได้ว่าเขาเป็นเหตุผลที่ทำให้มารดาถูกจองจำ มู่เฉินก็รู้สึกเสียใจและโทษตัวเอง

“นายน้อยไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง ข้าแน่ใจว่านายหญิงต้องพึงพอใจมากเมื่อเห็นความสำเร็จของเจ้า” ราวกับว่าเขารู้เกี่ยวกับการตำหนิตนเองของมู่เฉิน หลงเซี่ยงก็เอ่ยปลอบใจ

มู่เฉินพยักหน้า เขาไม่ใช่คนที่ติดอยู่ในความเศร้าโศก ไม่มีประโยชน์ในการตำหนิตัวเองตอนนี้ เขาเพียงแต่ต้องพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนถึงจุดที่เผ่าฝูถูไม่สามารถพาเขาไปเป็นตัวประกันเพื่อขู่มารดาของเขาได้อีกต่อไป

ในห้องโถงเมื่อลั่วหลีและคนอื่นๆ เห็นว่าความเป็นปรปักษ์หายไปก็รู้สึกโล่งใจ สถานการณ์บอกพวกเขาแล้วว่าชายวัยกลางคนนี้เป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู

“นายน้อยได้รับตำแหน่งนักรบทวีปซีเทียน ทำให้ชื่อขจรขจายออกไป ผู้คนในเผ่าฝูถูเริ่มให้ความสนใจกับเจ้า” หลงเซี่ยงเอ่ยเตือนเมื่อจ้องมองมู่เฉิน

มู่เฉินไม่แปลกใจกับสิ่งนี้ เนื่องจากเขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อนตัวจากขอบเขตของเผ่าฝูถูไปตลอดกาล แต่ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นเด็กหนุ่มอ่อนแออีกต่อไป แม้ว่าเขาจะประหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม เขาก็สามารถต่อสู้ได้

ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าเผ่าฝูถูจะตัดสินใจที่จะส่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนออกมา เขาก็สามารถต่อต้านได้เช่นกันโดยการเรียกกำลังเสริม

พูดโดยรวมก็คือตอนนี้เขามีกำลังในการปกป้องตัวเอง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเผ่าฝูถูจะใช้ไม้ไหนในการจับเขาไปคุกคามมารดาของเขา

“ข้าจะระวังตัว” มู่เฉินยิ้ม แม้ว่าเขาจะไม่กลัวเผ่าฝูถูอีกต่อไป แต่เขาก็ยังต้องระวัง เพราะอย่างไรพวกเขาก็เป็นหนึ่งในห้าเผ่าโบราณที่ยิ่งใหญ่

หลงเซี่ยงพยักหน้าให้ ดวงตาวูบไหวเหมือนต้องการพูดอะไร แต่สุดท้ายเขาก็กลืนคำพูดที่มาถึงลำคอกลับลงไป

ทว่าทันใดนั้นก็มีคนเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าลั่วหลี “องค์จักรพรรดินีมีคนส่งข้อความมาที่วัง เราไม่รู้ว่ามาจากใคร”

ขณะที่พูดเขาก็หยิบชิ้นหยกออกมา

ลั่วหลีอึ้งไปวูบหนึ่ง ก่อนที่ยื่นมือดึงชิ้นหยกเข้ามา เมื่อสัมผัสโดนใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไปและมองไปที่มู่เฉิน

“มีอะไรรึ?” มู่เฉินถาม

ลั่วหลีลังเลสั้นๆ ก่อนที่นางจะเติมคลื่นหลิงเข้าไปในชิ้นหยก ทันใดนั้นชิ้นหยกก็เรืองแสง หน้าจอพุ่งออกมามีภาพชายชราสวมเสื้อคลุมสีเทาปรากฏขึ้น

ชายชรานั่งอยู่เบื้องหน้าเจดีย์สีดำ สายตาราวกับทะลุผ่านมิติจับจ้องมาที่มู่เฉิน ก่อนที่เสียงของเขาจะดังกึกก้อง “ไอ้กาลกิณีมู่เฉิน ตอนนี้หลงเซี่ยงคงได้พบกับเจ้าแล้ว แต่ไม่ว่าเขาจะจับตัวเจ้าหรือไม่ ข้าก็มีบางอย่างที่จะบอกให้รู้”

“หากเจ้าต้องการช่วยเหลือหญิงสาวคนนี้ก็ให้มาที่เกาะหัวใจหยกในทวีปวั้นเต่า ไม่งั้นข้าจะส่งนางไปยังเผ่า พวกเขาคงไม่สงสารหญิงสาวที่มีชนักติดหลังหรอก”

เมื่อสิ้นเสียงเขา ภาพคุกก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอพร้อมกับหญิงสาวสวมชุดขาวนั่งอยู่เงียบๆ

“พี่หลิงซี!”

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพหญิงสาว ดวงตาของเขาแคบลง รังสีสังหารแน่นหนาพล่านจากดวงตาของเขา

“หากเจ้าไม่ต้องการเห็นนางตาย ข้าจะรออยู่ที่เกาะหัวใจหยก”

ชายชรายิ้มไม่แยแส สะบัดแขนเสื้อหน้าจอก็หายไป ส่วนชิ้นหยกก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่าน

ทั้งโถงเงียบกริบ โดยที่ใบหน้าของมู่เฉินมืดครึ้ม

เขาไม่คิดเลยว่าหลิงซีซึ่งขาดการติดต่อจะถูกขังอยู่ในเกาะหัวใจหยก

มู่เฉินหันไปหาหลงเซี่ยงถามว่า “พี่ใหญ่หลงเซี่ยง ชายคนนั้นพูดความจริงรึเปล่า?”

หลังจากลังเลครู่หนึ่งหลงเซี่ยงก็พยักหน้า “หลิงซีถูกขังอยู่ในเกาะหัวใจหยก กู้ซือหวงใช้นางข่มขู่ให้ข้าพาเจ้าไปที่เกาะหัวใจหยก”

“ตอนแรกข้าตั้งใจจะกลับไปแอบช่วยหลิงซีหลังจากพบเจ้าแล้ว แต่ข้าไม่คิดว่าไอ้เฒ่านั่นจะส่งคนตามหลังมา เพื่อแจ้งข่าวนี้กับเจ้า…”

“ดูเหมือนว่าไอ้เฒ่านั่นจะรู้ว่าถึงเราจะพบกันแต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะจับเจ้าไป”

“นายน้อย ไอ้เฒ่าคนนั้นเลวทรามต้องการให้เจ้าตกหลุมพราง เขาดูแลเกาะหัวใจหยกมาหลายปีแล้ว และที่นั่นก็เป็นป้อมปราการที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มยังมีปัญหา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกู้ซือหวงเองก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม!”

หลงเซี่ยงพยายามเกลี้ยกล่อม แม้ว่ามู่เฉินจะทรงพลัง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ระดับนั้นในสายตาของเขา

ได้ฟังคำพูดโน้มน้าว มู่เฉินก็ยิ้มพลางพยักหน้า เสียงเอ่ยออกมาอย่างนิ่งสงบ

“พี่ใหญ่หลงเซี่ยง ข้ารู้ว่าเขาต้องการให้ข้าตกลงไปในกับดัก… แต่เขาคงไม่เคยคิดว่า…”

“กับดักของเขา…เล็กไปหน่อย”

“บางครั้ง…ถ้ากับดักแตกนักล่าก็จะกลายเป็นคนถูกล่า…”

มู่เฉินพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่เย็นชาสาดไอเข่นฆ่าเข้มข้น ทำให้แม้แต่หลงเซี่ยงยังตัวสั่น

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท