หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1283

ตอนที่ 1283

บทที่ 1283 น้ำเต้าแดง
วาบ!

กระบี่แก้วเจาะทะลุมิติทันที เฉือนลงไปในทิศทางของกู้ซือหวง การจู่โจมกะทันหันนี้ช่างเต็มไปด้วยกลยุทธ์มากมาย แม้จะมีขุมพลังนี้ กู้ซือหวงก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีนี้ได้ เขาได้เพียงแต่ยืนมองกระบี่กวาดผ่านไปด้วยสีหน้าหวาดผวา

วินาทีนั้นแม้แต่วิญญาณก็หลุดออกจากร่าง เขาสามารถรู้สึกได้ว่ากระบี่ในมือของมู่เฉินชุดขาวเปล่งประกายรัศมีที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวออกมา

รัศมีนี่เป็นเอกลักษณ์ของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน!

ในอดีตเจ้าของกระบี่เล่มนี้จะต้องเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนแท้จริงแน่นอน!

ดังนั้นเมื่อกระบี่เคลื่อนผ่าน แม้แต่กู้ซือหวงก็รู้สึกหวาดผวา ทั้งๆ ที่เขามีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม เขาไม่เคยคิดเลยว่ามู่เฉินจะมีอาวุธที่น่ากลัวเช่นนี้

กระบี่แก้วนั่นจะต้องอยู่เหนือระดับอาวุธมหสวรรค์ขั้นสูงแน่

เมื่อกระบี่ฟาดลงมาก็รู้สึกราวกับว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ในฐานะจอมยุทธ์มากประสบการณ์ อึดใจสุดท้ายกู้ซือหวงก็ขยับศีรษะเล็กน้อยในมุมแปลกประหลาด

ชี่!

กระบี่เฉียดใบหูเฉือนลงบนไหล่ของเขา แม้ว่าจะมีร่างกายทรงพลัง กู้ซือหวงก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดรุนแรงที่อธิบายไม่ได้มาจากตรงที่โดนฟัน

อ๊าก!

กู้ซือหวงร้องเสียงหลง เกือบครึ่งหนึ่งของร่างกายส่วนบนจากไหล่พาดลงมาราวกับสะพายแล่ง นอกจากนี้ยังมีแสงผลึกวูบไหวบนร่างกาย แม้จะมีการฟื้นตัวอันแข็งแกร่งของเขาในฐานะจอมยุทธ์ตี้จื้อจุน ก็ไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่ เลือดปกคลุมทั่วร่างดูน่าสมเพชอย่างไม่น่าเชื่อในขณะนี้

ปัง!

ด้วยความหวาดหวั่นใหญ่หลวง กู้ซือหวงก็ถอยกลับอย่างลนลานโดยไม่สนใจบาดแผลของตนเอง หนีไปไกลหมื่นจั้ง ก่อนที่จะหยุดมองไปที่มู่เฉินชุดขาวด้วยความตะลึงพรึงเพริด

“น่า-เสีย-ดาย”

มู่เฉินชุดขาวจับกระบี่เกล็ดจักรพรรดิมองไปที่กู้ซือหวงพลางส่ายหัวอย่างเสียดาย ด้วยร่างหลักและร่างรองร่างหนึ่งที่เป็นเหยื่อล่อก็ดึงดูดความสนใจทั้งหมดของกู้ซือหวง ดังนั้นร่างรองอีกร่างจึงสามารถซ่อนตัวเพื่อลอบโจมตีที่ไม่คาดคิดได้

ผลลัพธ์ค่อนข้างดีทีเดียว แม้แต่กู้ซือหวงก็ไม่สามารถหลบได้ เพียงแต่สุดท้ายหลบจุดตายได้ มิฉะนั้นต่อให้กู้ซือหวงไม่ตาย เขาก็จะสูญเสียพลังในการต่อสู้ทั้งหมด

มู่เฉินชุดขาวสะบัดเลือดบนกระบี่ออก ก่อนที่เบนสายตาไปกระบี่แก้ว เขาสามารถสัมผัสถึงพลังงานส่วนที่เหลือภายในหายไปอีกส่วน

ตามการประเมินกระบี่เล่มนี้อาจจะใช้งานได้อีกสองครั้งก่อนที่จะหมดประโยชน์อย่างแท้จริง ในเวลานั้นกระบี่เกล็ดจักรพรรดิจะไม่มีพิษสงเช่นนี้อีกต่อไป

“แต่พลังการต่อสู้ของกู้ซือหวงก็น่าจะลดลงหกถึงเจ็ดส่วนแล้ว เขาไม่ได้เป็นภัยคุกคามอีกต่อไป”

มู่เฉินชุดขาวมองร่างหลัก เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า เขาจึงพุ่งเข้าไปอีกครั้ง แสงกะพริบวูบวาบบนกระบี่เกล็ดจักรพรรดิ ในเวลานี้กู้ซือหวงตกอยู่ในสภาพอ่อนแอที่สุด ดังนั้นเขาจะปล่อยโอกาสดีเช่นนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด

เมื่อเห็นมู่เฉินชุดสีขาวพุ่งตรงมา กู้ซือหวงก็ถอยจ้าละหวั่น เห็นได้ชัดว่าเขากลัวกระบี่เล่มนั้นมาก

ฮึ่ม!

เมื่อมู่เฉินที่ยืนอยู่บนร่างเทพสุริยะนิรันดร์เห็นสิ่งนี้ เขาก็เร้าร่างเทพสุริยะนิรันดร์ รหัสเทพอมตะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนที่จะทำการโจมตีกู้ซือหวง

กู้ซือหวงในตอนแรกได้เปรียบทุกประตูก็ตกเป็นเบี้ยล่าง เขาหลบหนีการไล่ล่าของมู่เฉินชุดขาวอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังต้องป้องกันการโจมตีของมู่เฉิน ยามนี้รอบด้านถูกล้อมไปด้วยอันตรายแล้ว

ขณะที่กู้ซือหวงตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต เหลียงเสียหยูที่ตึงมืออยู่กับหลงเซี่ยงและลั่วหลีก็สังเกตเห็นภาพนั้นเช่นกัน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาไม่เคยคิดว่ากู้ซือหวงจะถูกบีบอยู่ในจุดนั้น

“บ้าเอ้ย ไอ้เด็กกาลกิณีนั่นมีทักษะแบบนี้ด้วยหรือ?!”

หัวใจของเหลียงเสียหยูสั่นไหวด้วยความตื่นตระหนก หากกู้ซือหวงพ่ายแพ้ เขาก็ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ไม่ดีกว่าแน่

ดังนั้นเขาต้องไปช่วยเหลือพรรคพวก!

“ห่วงตัวเองก่อนเถอะ!”

ทว่าขณะที่สมาธิแตกซ่าน เสียงหัวเราะร้ายกาจก็ดังก้อง หลงเซี่ยงมาปรากฏตรงหน้าแล้วซัดหมัดออกมา นี่เป็นหมัดที่มาพร้อมกับเสียงคำรามของมังกรพลายที่บรรจุด้วยพลังของสัตว์อสูรทั้งสองไว้อย่างล้นหลาม กระแทกลงบนม่านพลังที่เบื้องหน้าเหลียงเสียหยู

ปัง!

ม่านแข็งแกร่งแตกออก เหลียงเสียหยูก็ถลาออกไปพร้อมกับใบหน้าสลับไปมาระหว่างสีขาวกับสีเขียว ขณะที่เขาพยายามระงับคลื่นหลิงที่พลุ่งพล่านในร่างกาย เขาก็เห็นหลิงเซี่ยงพุ่งมาอีกครั้ง ดังนั้นเขาได้แต่ตั้งสมาธิจัดการหลงเซี่ยงและลั่วหลีที่อยู่ตรงหน้า

ขณะที่เหลียงเสียหยูกำลังติดพันการต่อสู้ ผู้อาวุโสอสรพิษมรกตที่ถูกขังอยู่ค่ายกลก็มองไปที่กู้ซือหวงด้วยสีหน้ามืดมน จากนั้นเขาก็จ้องมองที่กระบี่ในมือมู่เฉินด้วยริ้วความหวาดหวั่นในดวงตา

เมื่อครู่เขาเห็นมู่เฉินชุดขาวที่ถือกระบี่เกือบสังหารกู้ซือหวงได้แล้ว

“ไอ้เด็กเหลือขอนั่นแปลกประหลาดเหลือเกิน มันเป็นแค่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายเท่านั้น แต่กลับมีร่างรองสองร่างที่มีขุมพลังเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นกระบี่แก้วนั่นต้องเป็นของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนอย่างแน่นอน!”

“หรือว่ามันมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนหนุนหลังอยู่?”

แค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ทำให้หัวใจของผู้อาวุโสอสรพิษมรกตเย็นยะเยือก เขาเป็นจอมยุทธ์อิสระ ไม่มีการสนับสนุนที่ทรงพลังอย่างเผ่าฝูถู ถ้าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนที่อยู่เบื้องหลังมู่เฉินปรากฏตัวขึ้นละก็ แม้ว่าเขาจะสร้างปัญหาให้เผ่าฝูถูไม่ได้ แต่จะทำอะไรกับคนอย่างเขาไม่ได้เชียวเหรอ?

กู้ซือหวงและเหลียงเสียหยูมีเผ่าฝูถูสนับสนุน แต่เขาไม่มีอะไรเลย!

“ไอ้หมาแก่ แกลากข้าเข้าไปในเรื่องวุ่นจริงๆ ไอ้เด็กประหลาดนั่นดูเหมือนคนที่ไม่มีเบื้องหลังตรงไหน?!”

ผู้อาวุโสอสรพิษมรกตสาปแช่งในใจ สถานการณ์นี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากสิ่งที่กู้ซือหวงพ่นบอกก่อนหน้า

“ข้าอยู่ต่อไม่ได้แล้ว นี่เป็นเรื่องระหว่างไอ้เด็กเหลือขอกับเผ่าฝูถู คนอย่างข้าไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้”

ผู้อาวุโสอสรพิษมรกตกัดฟันกรอด กระดาษรางสีทองปรากฏในมือทำให้เกิดความผันผวนในมิติ

นี่คือกระดาษรางโบราณเป็นสิ่งที่เขาได้รับจากซากอารยธรรมโบราณ ตราบใดที่ใช้มันเขาก็จะสามารถหลุดพ้นจากสถานการณ์อันตรายใดๆ ได้

ตอนแรกเขาก็ไม่ต้องการใช้ แต่ถ้าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนที่อยู่เบื้องหลังมู่เฉินปรากฏตัว เขาก็ไม่มีทางหนีได้อีกแล้ว

ด้วยความคิดนี้ผู้อาวุโสอสรพิษมรกตก็ไม่ลังเล นิ้วสะบัดออกไป กระดาษรางลุกโชติช่วง ทำให้เกิดระลอกคลื่นมิติผันผวนเข้มข้น ก่อร่างเป็นวังวนทำลายพันธนาการของค่ายกลสะเก็ดดาวไหลเวียนสวรรค์

“อสรพิษมรกต เจ้าคิดจะทำอะไร?!” เมื่อสัมผัสถึงความผันผวนมิติที่รุนแรง กู้ซือหวงที่สังเกตเห็นก็ตะคอกลั่น

แต่ผู้อาวุโสอสรพิษมรกตไม่ตอบสนองอะไร เขาก้าวเข้าไปในอุโมงค์มิติหายวับไปกับตา

“ไอ้เวร!”

เฝ้ามองการหนีของผู้อาวุโสอสรพิษมรกต กู้ซือหวงก็โกรธจนแทบคลั่ง หากไม่มีอีกฝ่ายคอยช่วยต้านค่ายกล หลิงซีก็จะใช้ค่ายกลประสานแรงเข้าช่วย เผชิญหน้ากับค่ายกลทรงพลังนี้ ไม่มีความหวังใดๆ สำหรับเขาที่หลังชนฝาแล้ว

ฮึ่ม ฮึ่ม

ความคิดนี่ไม่ผิดเลย ทันทีที่ผู้อาวุโสอสรพิษมรกตหลบหนีค่ายกลสะเก็ดดาวไหลเวียนสวรรค์ที่ล้อมรอบเกาะก็เริ่มเคลื่อนไหว แสงดาวพุ่งลงมาจากท้องฟ้าพยายามกักขังเขา

เมื่อกู้ซือหวงเห็นแสงดาวเหล่านั้นก็รู้สึกหนังหัวชาหนึบไปหมด ค่ายกลนี้สามารถจัดการกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มได้ ถ้าเขาอยู่ในสภาพเต็มร้อยก็ไม่มีอะไรน่ากลัว แต่นี่ไม่เพียงเขาได้รับบาดเจ็บหนัก เขายังต้องเผชิญกับการโจมตีที่ดุเดือดของมู่เฉิน ถ้าเขาติดอยู่ในค่ายกลบวกกับมู่เฉินใช้กระบี่อีกครั้ง งานนี้ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแล้ว

เพียงแค่คิดความตายก็ทำเอากู้ซือหวงรู้สึกกลัวไม่รู้จบ ก่อนที่เขาจะกัดฟันคำราม “ไอ้สารเลว แกบังคับข้าเองนะ!”

ขณะที่คำรามก็ถือแผ่นหยกบดขยี้ลงไป

ปัง!

แผ่นหยกที่ถูกขยี้ก็กำจายแสงหลิงไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อตัวเป็นวังวนขนาดใหญ่เกิดความผันผวนน่าสะพรึงกลัว

เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ ใบหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนไป ความผันผวนของคลื่นหลิงช่างลึกซึ้งและไม่อาจหยั่งรู้ แค่รู้สึกสั้นๆ ก็ทำให้รู้สึกสิ้นหวัง

“จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน!”

ม่านตามู่เฉินหดลง เขาไม่คิดว่ากู้ซือหวงจะสามารถเชิญจอมยุทธ์ระดับนี้ของเผ่าฝูถูมาได้

ทันใดนั้นหินสลักอักขระชิ้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา หากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนจากเผ่าฝูถูมาถึงจริง เขาก็จะต้องใช้ความช่วยเหลือครั้งสุดท้ายเชิญเทพจักรพรรดิสงครามมา

ความปั่นป่วนนี้ทำให้สนามรบฝั่งลั่วหลีหยุดลง เหลียงเสียหยูก็เคลื่อนไหวไปปรากฏตัวข้างกู้ซือหวงมองวังวนขนาดใหญ่ “ตาเฒ่า เจ้าไม่รู้หรือไงว่าท่านผู้อาวุโสใหญ่พูดมาก่อนว่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนห้ามเข้ายุ่งเกี่ยวกับการจัดการไอ้เด็กนี่”

“ตอนนี้ข้าไม่สนอะไรแล้ว!”

กู้ซือหวงกัดฟันขณะพูดต่อ “ผู้อาวุโสเฮยกวางอยู่ข้างเรา แค่ซ่อนเรื่องให้ดี ผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่รู้หรอก”

เหลียงเสียหยูได้แต่พยักหน้าตามคำพูดไป

“ทำลายอุโมงค์มิติ!”

มู่เฉินคำราม หากพวกเขาสามารถทำลายช่องทางนี้ได้ จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็จะไม่สามารถมาที่นี่ได้

เมื่อมู่เฉินคำราม แสงดาวนับไม่ถ้วนจากค่ายกลก็ตกลงมาราวกับอุกกาบาตมุ่งไปทางอุโมงค์มิติ

มู่เฉินสั่งร่างเทพสุริยะนิรันดร์ รหัสเทพอมตะก็ทะยานขึ้นไปพุ่งเข้าหาอุโมงค์มิตินั่น

แม้แต่หลงเซี่ยงและลั่วหลีก็ออกกระบวนท่า พวกเขาปลดปล่อยการโจมตี พยายามทำลายอุโมงค์นั้น

แต่เผชิญหน้ากับการกระทำของพวกเขา กู้ซือหวงก็ยิ้มเย้ยหยันเท่านั้น

อุโมงค์มิติขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อการโจมตีพุ่งไปถึง เสียงแก่ชราก็ดังกึกก้องพร้อมด้วยแรงกดดันมหาศาลเดินทางผ่านมิติห่างไกลสะท้อนออกมาในภูมิภาคนี้

“ไอ้พวกโอหัง แกกล้าที่จะไร้มารยาทต่อหน้าชายชราคนนี้เหรอ?!”

ตู้ม!

มือคลื่นหลิงที่จินตนาการไม่ได้ยื่นออกมาจากมิติ สลายการโจมตีทันทีก่อนที่จะโอบล้อมเกาะทั้งหมดไว้

ใบหน้าของหลงเซี่ยงขาวซีด เผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน พวกเขาไม่สามารถต้านทานได้เลย

สายตาของมู่เฉินเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม เขามองฝ่ามือตั้งใจจะบดขยี้หินสลัก

แต่ทันใดนั้นมิติเบื้องหน้าพวกเขาก็แตกออก น้ำเต้าสีแดงบินออกมาอย่างแปลกประหลาด

“เฮ้ ชายชราคนนี้อุตส่าห์พบเมล็ดพันธุ์ชั้นดี ถ้าโดนเผ่าฝูถูของพวกเจ้าทำลาย เผ่าไท่หลิงโบราณของข้าจะไม่จบเรื่องง่ายๆ แน่!

เมื่อน้ำเต้าสีแดงบินออกมา เสียงหัวเราะลั่นก็ดังที่ด้านข้างกลุ่มมู่เฉิน

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท