หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1282

ตอนที่ 1282

บทที่ 1282 ราชสีห์เทวโลกพินาศ
ฮึ่ม ฮึ่ม

การปะทะกันจากคลื่นเสียงค่อยๆ กระจายออกไป ทำให้เกิดคลื่นยกตัวขึ้นรอบเกาะหัวใจหยก ซึ่งดูราวกับวันโลกาวินาศ

ยืนอยู่บนร่างราชสีห์เทวโลกใบหน้าของกู้ซือหวงก็มืดมนถึงขีดสุด พลังที่มู่เฉินแสดงให้เห็นทำให้เขาตะลึงพรึงเพริด ขณะเดียวกันจิตสังหารรุนแรงก็เพิ่มขึ้นในหัวใจ

แม้ว่ามู่เฉินจะมีมารดาที่เป็นยอดยุทธ์แบบชิงเหยี่ยนจิ้ง แต่เขากลับไม่เคยใช้ทรัพยากรสักอย่างเดียวของเผ่าฝูถู ถึงกระนั้นเขาก็ยังสามารถเข้าถึงระดับสูงดังกล่าวได้ตั้งแต่อายุยังน้อย

ดังนั้นในแง่ของพรสวรรค์มู่เฉินไม่ด้อยกว่าประมุขน้อยเฉวียนหลัว อัจฉริยะของเผ่าในรอบพันปีเลยทีเดียว

หากวันหนึ่งมู่เฉินสามารถกลับไปยังเผ่าได้ละก็ เขาจะกลายเป็นคู่แข่งที่ทรงพลังที่สุดที่จะชิงชัยตำแหน่งประมุขคนใหม่กับประมุขน้อยของพวกเขา

สายตาอัดแน่นด้วยความตั้งใจฆ่าหนาแน่น อึดใจกู้ซือหวงก็สูดหายใจลึก มือวาดตราประทับโดยไม่ลังเล

ตู้ม!

ขณะที่กระบวนท่าวูบไหว โลกก็สั่นสะเทือน เนื่องจากร่างราชสีห์เทวโลกเปล่งความกดดันที่น่ากลัว

เวลานี้แม้แต่มิติทั้งหมดยังโยกคลอน

โฮก โฮก!

เสียงคำรามอันน่าตื่นตะลึงระเบิดจากร่างราชสีห์เทวโลก ทุกเสียงคำรามพัดพาพายุไปทั่วบริเวณ เมื่อเสียงคำรามทวีความรุนแรงแสงสีดำก็รวมตัวกันที่หน้าผากร่างราชสีห์เทวโลก

เมื่อมู่เฉินมองดูแสงสีดำ ม่านตาก็หดแคบลง เขารู้สึกถึงอันตรายใหญ่หลวง ทันใดนั้นคลื่นหลิงในร่างกายก็ไหลเวียนอย่างรุนแรง ขณะที่เข้าสู่สภาวะการป้องกันสูงสุด

เมื่อผู้อาวุโสอสรพิษมรกตที่ติดอยู่ในค่ายกลที่เห็นฉากนี้ ใบหน้าก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เขาเข้าใจกู้ซือหวงค่อนข้างดี เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามทำอะไรในตอนนี้

“กู้ซือหวงจะใช้กระบวนท่านี้จริงหรือ? ไอ้เด็กเหลือขอนั่นจัดการยากขนาดนั้นเชียว?”

สายตาของผู้อาวุโสอสรพิษมรกตวูบไหว ตัวเขาเคยปะทะกับกู้ซือหวง ดังนั้นจึงรู้ว่ากระบวนท่านี้น่ากลัวแค่ไหน แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็ไม่กล้ารับซึ่งหน้า

แต่ตอนนี้กู้ซือหวงกลับใช้กระบวนท่าดังกล่าวเพื่อจัดการกับมู่เฉินที่เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ซึ่งดูจะมากไปหน่อย…

ทว่าผู้อาวุโสอสรพิษมรกตก็เป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ระวังตัวแจเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงบอกได้ว่าไม่ใช่เพราะกู้ซือหวงต้องการจะใช้กระบวนท่านี้ แต่ทักษะอื่นไม่เพียงพอที่จะจัดการกับมู่เฉินที่เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย

“สถานการณ์นี้ไม่ค่อยจะดีแล้วสิ”

ผู้อาวุโสอสรพิษมรกตพึมพำกับตัวเอง ด้วยนิสัยของเขาฉลาดแกมโกงราวกับงูพิษ สาเหตุที่เขามาช่วยกู้ซือหวงเพราะเขาไม่รู้สึกว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายจะเป็นภัยคุกคาม

แต่เมื่อมองจากตอนนี้ชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

นอกจากนี้…

เขามองไปอีกทางหนึ่งที่เกิดการต่อสู้เช่นกัน ในเวลานี้เหลียงเสียหยูกำลังตกอยู่ในภาวะชะงักงันเนื่องจากคู่ต่อสู้ของเขาทั้งคู่ยากจัดการได้อย่างน่าประหลาดใจนัก

แม้ว่าหลงเซี่ยงจะมีขุมพลังเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม แต่เขาก็มีพละกำลังที่น่าสะพรึงกลัว แม้กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็อาจต้องทนทุกข์เมื่อเผชิญหน้ากับเขา

สำหรับหญิงสาวสะคราญโฉมปานล่มเมือง นางทำให้เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อยิ่งกว่า แม้ว่าจะมีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่ก็ทำให้ใบหน้าของผู้อาวุโสอสรพิษมรกตเปลี่ยนไป เมื่อเขาเห็นร่างเทห์สวรรค์ของนาง

เขาจำได้ว่านี่เป็นร่างเทพวารีของลั่วเสินที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ!

ด้วยพลังร่างเทห์สวรรค์ของลั่วเสิน แม้ว่าลั่วหลีจะได้แต่สนับสนุนหลงเซี่ยง แต่การโจมตีบางครั้งของนางก็ทำให้เหลียงเสียหยูมีปัญหาไป จนไม่สามารถตั้งสมาธิจัดการหลงเซี่ยงได้เต็มกำลัง

แม้ว่าการรวมตัวของพวกเขาจะดูหรูหราด้วยจำนวนจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มสามคน แต่ตอนนี้กลับไม่มีข้อได้เปรียบในการต่อสู้แล้ว…

เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ใบหน้าขอผู้อาวุโสอสรพิษมรกตก็ดิ่งลง ดวงตาวูบไหว ไม่รู้คิดอะไรอยู่

ขณะที่ผู้อาวุโสอสรพิษมรกตตกอยู่ในความภวังค์คิด แสงสีดำก็ควบแน่นบนหน้าผากของร่างราชสีห์เทวโลก มองดูราวกับหลุมดำ

สายตาหนาวเหน็บของกู้ซือหวงจ้องเขม็งที่มู่เฉิน เสียงน่ากลัวดังก้อง

“หลายปีที่ผ่านมาคนที่ทำให้ข้าต้องใช้วิชานี้ล้วนเป็นจอมยุทธ์ตี้จื้อจุนขั้นเต็มทั้งสิ้น นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าใช้กับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย!”

“ดังนั้นครั้งนี้ถึงเวลาตายแล้ว!”

เมื่อพูดจบสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเป็นชั่วร้าย กระบวนท่าในฝ่ามือหมุนควงเร็วรี่ เสียงคำรามดังสะท้อน

“ทักษะเทห์สววรรค์ ราชสีห์เทวโลกพินาศ!”

เมื่อเขาคำราม หลุมดำบนหน้าผากร่างราชสีห์เทวโลกก็หมุนคว้างรุนแรง ลำแสงสีดำพุ่งถัดออกมา

ลำแสงสีดำก่อตัวเป็นสิงโตสีดำขนาดใหญ่หลายสิบจั้งที่ปกคลุมไปด้วยลวดลายลึกล้ำพร้อมกับรัศมีทำลายล้างเล็ดลอดออกมา

ขณะที่สิงโตเคลื่อนไหว ทุกอย่างในเส้นทางก็พังทลายลง พลังชีวิตทั้งหมดสูญสลาย

มองร่างสิงโตสีดำใบหน้าของมู่เฉินก็เคร่งขรึมลงหลายส่วน จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มทรงพลังอย่างแท้จริง ความสามารถของทักษะดังกล่าวนิยามได้ด้วยคำว่าน่าสะพรึงกลัวเท่านั้น

พลังความสามารถของทักษะเทห์สวรรค์นี้เป็นสิ่งที่วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเต็มบางวิชายังไม่อาจเทียบเคียง!

ฮา

มู่เฉินสูดหายใจเข้าลึก เขารู้ว่ากู้ซือหวงได้นำกระบวนท่าขั้นสุดยอดออกมาแล้ว หากเขาไม่สามารถปิดกั้นได้ เขาจะต้องพ่ายแพ้ในวันนี้ แม้ว่าจะได้รับการคุ้มครองจากร่างสุริยะนิรันดร์ก็ตาม

ดังนั้นเขาจึงกระทืบเท้า เทคลื่นหลิงทุกหยาดหยดลงในร่างสีม่วงทอง

ฮึ่ม ฮึ่ม

ดังนั้นรหัสเทพอมตะก็เริ่มขดตัวรอบตัวเขาราวกับมังกรสีม่วงทองขนาดใหญ่

ในเวลาไม่กี่อึดใจ จำนวนก็มาถึงห้าสิบห้าลวดลาย!

นี่เป็นขีดจำกัดปัจจุบันของมู่เฉิน

มองดูลวดลายทั้งห้าสิบห้าลวดลาย กู้ซือหวงก็หัวเราะในใจ เขารับรู้ถึงพลังของรหัสเทพอมตะผ่านการแลกกระบวนท่าก่อนหน้า แต่ห้าสิบห้าลวดลายนี้ยังไม่สามารถสกัดการสังหารของเขาได้!

“ถ้านี่คือทั้งหมดที่มีก็นอนง่อยอยู่ที่นี่แล้วกัน!”

กู้ซือหวงยิ้มเหี้ยม ขณะที่สิงโตสีดำเพิ่มความเร็วพุ่งเข้าหาร่างสีม่วงทอง

ขณะที่สิงโตเข้าประชิด มู่เฉินก็เม้มปาก ตัวเขารู้ดีว่ารหัสเทพอมตะห้าสิบหน้าลวดลายยังไม่เพียงพอ…

“ในเมื่อเป็นแบบนี้…”

สายตาของมู่เฉินวูบไหวขณะที่วาดตราประทับ ครู่ต่อมามิติที่ด้านข้างก็ผันผวน ก่อนที่เงาร่างหนึ่งจะปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ

นี่คือมู่เฉินชุดดำ!

เมื่อกู้ซือหวงเห็นมู่เฉินปรากฏขึ้นอีกคน เขาก็จ้องเขม็งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเขารู้สึกได้ว่ามู่เฉินคนนี้ก็มีคลื่นหลิงทรงพลังไม่แพ้กัน

จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายอีกคน!

“เป็นไปได้ยังไง?!” กู้ซือหวงอุทานลั่น

ทว่ามู่เฉินไม่สนใจ เมื่อมู่เฉินชุดดำปรากฏตัวก็วางมือบนร่างสุริยะนิรันดร์ คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพุ่งออกมาจากร่างเขาเข้าสู่ร่างสีม่วงทอง

ด้วยแหล่งพลังงานอื่นร่างสีม่วงทองก็ผันแสงเรืองรอง ควบแน่นเป็นรหัสเทพอมตะที่มากขึ้นเรื่อยๆ

ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจรหัสเทพอมตะที่รอบตัวก็เพิ่มขึ้นถึงแปดสิบลวดลาย!

ลวดลายทั้งหมดล้อมรอบมู่เฉิน เปล่งความผันผวนที่น่าสะพรึงออกมา ทำให้มิติโยกคลอนไปหมด

มองดูจำนวนของรหัสเทพอมตะ มู่เฉินก็รู้สึกโล่งใจก่อนที่จะโบกมือ รหัสทั้งหมดก็พุ่งออกมา

“รหัสเทพอมตะ แปรเปลี่ยน โล่อมตะ!”

ลวดลายทั้งแปดสิบลวดลายถักทอกันเป็นโล่สีม่วงทองขนาดพันจั้งที่เบื้องหน้ามู่เฉินพร้อมกับรัศมีอมตะที่ทำให้ดูเหมือนไม่สามารถทำลายได้

ด้วยการป้องกันแบบนี้ แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญกับกระบวนท่าขั้นสุดยอดของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม ก็คงสามารถต้านทานได้บ้าง

ตู้ม!

เมื่อโล่ถูกสร้างขึ้นสิงโตสีดำก็มาถึง แม้จะมีขนาดเล็กกว่าโล่ แต่ดวงตาของมู่เฉินก็ถึงกับแคบลงทันทีที่เกิดการชนกัน

นั่นเพราะเขาพบว่าตนเองก็ยังประเมินกระบวนท่านี้ของกู้ซือหวงต่ำไป!

ครืน!

เสียงสะท้อนขนาดใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อดังก้อง พายุใหญ่คลื่นหลิงกวาดออกในบริเวณโดยรอบ ทำให้มิติแตกสลาย

รัศมีสีดำพัวพันบนโล่ ภายใต้การกัดกร่อนของรัศมีหายนะ รอยแตกก็เริ่มปรากฏขึ้นบนโล่

“ไอ้เด็กเวร แกต้องการหยุดกระบวนท่าข้าด้วยสิ่งนี้เรอะ? ฝันไปแล้ว!” กู้ซือหวงคำรามด้วยเสียงหัวเราะ

ปัง!

เมื่อเสียงหัวเราะดังขึ้นตัวโล่ก็มาถึงขีดจำกัดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อึดใจถัดไปพลังที่เหลือก็ห่อหุ้มไปในทิศทางของมู่เฉิน

ใบหน้าของกู้ซือหวงเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย็นชา แม้โล่จะต้านพลังส่วนใหญ่ไว้ได้ แต่พลังที่เหลืออยู่ก็ยังสามารถทำร้ายมู่เฉินได้

แสงสีดำกระจายหายไป ทิศทางมู่เฉินก็เห็นได้ชัดขึ้น

เมื่อกู้ซือหวงมองไปใบหน้าก็ดิ่งลง เนื่องจากเขาเห็นว่ามู่เฉินยังคงยืนอยู่บนไหล่ของร่างสีม่วงทองโดยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ทว่าใบหน้าของมู่เฉินชุดดำซีดเผือดลง คลื่นหลิงรอบตัวเขาก็ลดลงสูญเสียพลังในการต่อสู้ไป

เห็นได้ชัดว่าในวินาทีสุดท้ายมู่เฉินชุดดำดูดซับความเสียหายทั้งหมด เพื่อที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อมู่เฉิน

“เจ้าเล่ห์เหลือเกิน!”

ใบหน้าของกู้ซือหวงเย็นชาขณะที่แสยะยิ้ม “แต่ก็ช่าง ร่างเสมือนของแกบาดเจ็บหนักแล้ว ข้าจะดูสิว่าแกจะทำอะไรได้อีกบ้าง”

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำร้ายมู่เฉิน แต่เขาก็จัดการกับมู่เฉินชุดดำ ตอนนี้มู่เฉินไม่สามารถยืมพลังได้อีกต่อไป

ทว่าเผชิญหน้ากับเสียงหัวเราะบ้าคลั่งของกู้ซือหวง มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้มผิดแผก

“ใครบอกแกว่าข้ามีร่างรองแค่ร่างเดียว?”

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน ม่านตาของกู้ซือหวงก็แคบลง ภัยคุกคามคลุมเครือห่อหุ้มหัวใจเขาไว้ เขาหันหลังควับ ทันใดนั้นก็เห็นสิ่งน่าสะพรึงกลัว มิติด้านหลังเขาฉีกขาดจากกันเงาสีขาวปรากฏขึ้น

นี่คือมู่เฉินชุดขาว ทว่าตอนนี้อีกฝ่ายได้ถือกระบี่แก้วโบราณเอาไว้

เมื่อกู้ซือหวงมองไปที่กระบี่ วิญญาณของเขาก็แทบจะหลุดออกจากร่าง เพราะเขารู้สึกถึงรัศมีของจอมยุทธ์เทียนจื้อจุนบนกระบี่เล่มนั้น!

เห็นสายตาสิ้นหวังของกู้ซือหวง มู่เฉินชุดขาวก็ยิ้มอ่อน พริบตากระบี่แก้วใสในมือก็ตัดผ่านมิติ เฉือนลงไปที่หัวของกู้ซือหวงในลักษณะที่ไม่อาจหลบหนีได้

“ไอ้แก่ ตายซะเถอะ…”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท