หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1284

ตอนที่ 1284

บทที่ 1284 ท่านเซียนชื่อเหยียน
ผลัวะ!

มือคล้ายกับหัตถ์เทพอัดแน่นด้วยพลังสูงล้ำไม่มีใครขวางได้

แต่เมื่อมือนั้นกำลังจะโอบล้อมพื้นที่เอาไว้ มิติที่เบื้องหน้ามู่เฉินก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ น้ำเต้าสีแดงบินฉวัดเฉวียนออกมาอย่างแปลกประหลาด

เมื่อน้ำเต้าปรากฏขึ้น ก็กำจายแสงสีแดงเข้มดูราวกับว่าเป็นแหล่งกำเนิดของภูเขาไฟ เกลียวสีแดงเข้มประหนึ่งเปลวไฟที่ลุกโชติช่วง ทุกจุดของแสงสีแดงเข้มเหมือนเป็นมหาสมุทรเพลิง

อุณหภูมิในบริเวณนี้เพิ่มสูงขึ้นกะทันหัน กระทั่งรอบด้านยังต้มเดือด

ตู้ม!

เกลียวแสงสีแดงเข้มไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า ปะทะกับมือใหญ่ จังหวะนั้นทั้งบริเวณก็สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น เมฆหมอกนับไม่ถ้วนลุกโชนออกจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น

ตึง!

ภายใต้แสงสีแดงเข้ม มือใหญ่ก็แห้งลงอย่างรวดเร็ว รอยแตกปกคลุม อึดใจต่อมาก็ถูกแสงสีแดงเข้มจนแข็งเป็นหิน

ครืน!

มือใหญ่แหลกสลาย ก่อนจะกลายเป็นเศษหินนับไม่ถ้วนร่วงกราวลงมาจากท้องฟ้า ยกคลื่นที่น่าตกใจขึ้นในเวิ้งทะเลนี้

เมื่อกู้ซือหวงและเหลียงเสียหยูเห็นมือพังทลายลง ความหวาดหวั่นก็วูบไหวในดวงตาพร้อมกับความกลัวปรากฏบนใบหน้า

เห็นได้ชัดว่าฉากนี้ทำให้พวกเขาตกใจไปหมดแล้ว

กระบวนท่านี้เป็นของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน ทว่าการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวกลับได้รับการแก้ไขอย่างง่ายดาย แบบนี้ฝ่ายตรงข้ามจะน่ากลัวแค่ไหนกัน?!

ต่อหน้าจอมยุทธ์ระดับนี้ จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็ราวกับเป็นแค่มดปลวกเท่านั้น

ฮา

เมื่อน้ำเต้าแดงทำลายมือนั้นก็บินกลับไปพลิ้วลงไม่ไกลจากกลุ่มมู่เฉินภายใต้สายตาตกตะลึง

ตอนนี้เองพวกเขาก็พบว่าชายชราคนหนึ่งในชุดธรรมดา ไม่รู้มาปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไร

ชายชรายิ้มตาหยีก่อนที่จะจับคว้าน้ำเต้าแดงบิออกมาคำหนึ่ง ขณะนั้นเองมู่เฉินและคนอื่นๆ ก็เห็นของเหลวสีแดงเข้มเหนียวหนืดไหลเข้าสู่ปากของชายชรา

แม้จะไม่ได้สัมผัส กลุ่มมู่เฉินก็รับรู้ได้ถึงอุณหภูมิที่น่ากลัว พวกเขารู้ว่าตนเองไม่มีความสามารถดื่มลาวาราวกับสุราเหมือนอย่างที่ชายชราทำแน่นอน

มู่เฉินและลั่วหลีแลกเปลี่ยนสายตากัน พวกเขามองเห็นความตกใจในสายตากันและกัน ตัดสินจากการเคลื่อนไหวเมื่อครู่ ชายชราผู้นี้เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนตัวจริงเสียงจริงแน่!

ทว่าพวกเขาไม่เข้าใจทำไมจอมยุทธ์ระดับนี้ที่ไม่รู้จักกันถึงช่วยเหลือพวกเขา

อย่างไรก็ตามชายชราไม่ได้ใส่ใจกับความตกใจของพวกเขา หลังจากดื่มไปอึกหนึ่งเขาก็เงยหน้าขึ้นมองอุโมงค์มิติด้านหลังกู้ซือหวงและเหลียงเสียหยูด้วยรอยยิ้ม “ยังไงก็เป็นคนมีชื่อเสียงในเผ่าฝูถู ทำไมต้องลดสถานะตนเองมากลั่นแกล้งคนรุ่นใหม่ด้วย?”

กู้ซือหวงและเหลียงเสียหยูใบ้กินจากความกลัว อุโมงค์ที่อยู่ข้างหลังยังคงนิ่งสงบก่อนที่จะมีเสียงพูดเปล่งออกมา “ที่แท้ก็เซียนเฒ่าชื่อเหยียนเผ่าไท่หลิง แต่เผ่าฝูถูและเผ่าไท่หลิง ต่างคนต่างอยู่ไม่แส่เรื่องกันเละกัน ทำไมแกต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเผ่าข้าด้วย”

ชายชราที่ถูกเรียกว่าเซียนชื่อเหยียนยิ้มพลางส่ายหัว “ที่นี่มีเมล็ดพันธุ์ที่ข้าค้นหามานาน ดังนั้นข้าจะปล่อยให้เผ่าฝูถูทำลายได้ยังไง?”

“หึ ไอ้เด็กกาลกิณีนี่มีเชื้อสายของเผ่าข้า หากเผ่าไท่หลิงต้องการจะพามันไป ข้ากลัวว่าแรงกระทบจะไม่ใช่สิ่งที่แม้แต่แกก็สามารถทนได้!” เสียงโกรธแค้นดังขึ้นจากอุโมงค์มิติขณะที่สะท้อนก้องออกไป

ชื่อเหยียนกลอกตาชี้ไปที่ลั่วหลีแล้วก็มู่เฉิน “เมล็ดพันธุ์ที่ข้าบอกคือนาง ไม่ใช่เขา”

เมื่อมู่เฉินเห็นสิ่งนี้ก็ได้แต่ยักไหล่อย่างเซ็งๆ เท่านั้น

อีกด้านหนึ่งของอุโมงค์มิติก็รู้สึกโล่งใจก่อนที่จะพูดอีกครั้งว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ เจ้าก็พานางออกไปซะ แต่ไอ้เด็กกาลกิณีต้องอยู่ที่นี่!”

เมื่อลั่วหลีได้ยินคำพูดนั่น นางก็พูดขึ้นทันที “ถ้ามู่เฉินอยู่ ข้าก็อยู่!”

จบคำพูด นางก็หันไปหาชื่อเหยียน “ขอบคุณที่ผู้อาวุโสให้ความสำคัญเจ้าค่ะ”

เมื่อชื่อเหยียนได้ยินคำพูดของนาง เขาก็ไม่โกรธแต่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะหันไปมองอุโมงค์มิติ “ดูเหมือนว่าข้าจะปล่อยให้เด็กคนนี้อยู่ไม่ได้ หากเจ้าไม่ยอมปล่อย ข้าก็คงต้องขอลองชิมพลังอำนาจของเผ่าฝูถูซะหน่อยแล้ว”

ขณะที่พูดน้ำเต้าสีแดงก็ค่อยๆ เปล่งประกายแสงสีแดงออกมา ก่อนที่อุณหภูมิน่าสะพรึงจะพัดระหว่างสวรรค์และโลก

เมื่อเห็นการตัดสินใจเด็ดขาดของชื่อเหยียน ฝั่งในอุโมงค์มิติก็เงียบไป จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนจากเผ่าฝูถูโกรธจัดอย่างเห็นได้ชัด เรื่องของวันนี้เป็นสิ่งที่เขาทำภายใต้ความคิดของตนเอง หากคนในตระกูลรู้เรื่องนี้เข้าจะทำให้เขาเดือดร้อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรื่องนี้ไปถึงหูชิงเหยี่ยนจิ้ง ด้วยนิสัยของนางคงจะอาฆาตแค้นไม่เลิกแน่ ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรที่แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ยังไม่สามารถปราบไว้ได้ ดังนั้นเขาจะต้องเป็นคนที่รับทุกข์ทั้งหมดแน่นอน

ขณะที่ในอุโมงค์มิติยังคงเงียบสงบ ชื่อเหยียนก็หันไปมองมู่เฉิน ดวงตาวูบไหวพลางถอนหายใจ “เด็กคนนี้ก็เป็นเมล็ดพันธุ์ยอดเยี่ยม เผ่าโบราณของเจ้าใช้ชีวิตอย่างอุดมสมบูรณ์โดยไม่เห็นคุณค่า หากเด็กคนนี้ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง เขาจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนในอนาคตแน่นอน แต่กระนั้นพวกเจ้าก็ยังปฏิบัติต่อเขาในฐานะตัวกาลิกิณี ตลกแท้จริง”

ได้ยินการประเมินของชื่อเหยียนเกี่ยวกับมู่เฉิน เสียงที่ไม่สามารถระบุอารมณ์ได้ก็เค้นดังออกมาจากอีกด้านหนึ่งของอุโมงค์มิติ แต่เขาก็ไม่ได้อธิบายอะไร “ในเมื่อไอ้เซียนเฒ่าอย่างแกต้องการแทรกแซงเรื่องนี้ งั้นก็แล้วแต่ แค่หวังว่าแกจะรับผลที่ตามมาได้!”

“นี่เป็นเรื่องของข้า พวกเจ้าไม่ต้องสะเออะสอน” ชื่อเหยียนหัวเราะเบาๆ

จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนจากเผ่าฝูถูรู้ดีว่าคงไม่มีความคืบหน้าในเรื่องนี้แล้ว คลื่นหลิงก็กวาดออกดูดร่างกู้ซือหวงและเหลียงเสียหยูเข้าไปในกระแสมิติ

ความผันผวนของห้วงมิติกระจายออกแล้วค่อยๆ หายไป

การหายไปของกระแสมิติ ทำให้ความกดดันน่าสะพรึงที่ล้อมรอบบริเวณนี้ก็ลดระดับลงอย่างรวดเร็ว แสงส่องลงมายังสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง

มู่เฉิน ลั่วหลีและหลงเซี่ยงรู้สึกโล่งใจอย่างมาก เนื่องจากแรงกดดันที่มาจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนทรงพลังเกินไป การดำรงอยู่แบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถจัดการได้ในขณะนี้

“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือท่านผู้อาวุโส”

มู่เฉินหันกลับประสานมือก้มศีรษะให้ชื่อเหยียน

ชื่อเหยียนโบกมือขณะที่เขามองมู่เฉินพร้อมกับรอยยิ้มแปลกประหลาด “ไอ้หนู แม้ไม่มีชายชราคนนี้ ข้าเชื่อว่าวันนี้ก็ไม่มีใครทำอะไรกับเจ้าได้”

เขาเหลือบไปที่หินสลักที่ยังอยู่ในมือของมู่เฉิน สัมผัสได้ถึงรัศมีทรงพลังที่กำจายเบาบาง แม้กระทั่งคนอย่างเขายังแขยงอยู่หน่อยๆ เลย

มู่เฉินยิ้มบางก่อนจะแลกเปลี่ยนสายตากับลั่วหลีพูดว่า “ผู้อาวุโส ไม่ทราบว่าท่านตามหาตัวลั่วหลีด้วยเรื่องอะไร?”

เขายังไม่ได้เก็บหินสลัก ปล่อยให้ชื่อเหยียนสัมผัส ซึ่งนี่เป็นรูปแบบการข่มขู่อย่างหนึ่ง นั่นเป็นเพราะเขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับความตั้งใจของชื่อเหยียนกับลั่วหลี ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล มู่เฉินก็จะบอกให้รู้ว่าแม้ว่าเขาจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำอะไรไม่ได้

ในโลกนี้การยืมพลังของคนอื่นก็ถือเป็นจุดแข็งเช่นกัน

ลั่วหลีกวาดม่านตาแก้วใสไปที่ชื่อเหยียนด้วยความสงสัย เมื่อชายชรามองลั่วหลี เขายิ้มตาหยี “ที่จริงแล้วเหตุผลที่ตาแก่คนนี้มาหานางเป็นเรื่องง่าย… ข้าต้องการให้นางไปเป็นธิดาเทพของเผ่าไท่หลิงน่ะ”

“ธิดาเทพอีกแล้วเหรอ?!”

ใบหน้าของมู่เฉินและลั่วหลีเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้

“อะแฮ่ม ธิดาเทพเผ่าไท่หลิงไม่เหมือนกับตำหนักซีเทียนนะ!” เมื่อชื่อเหยียนเห็นสายตาระแวดระวังของพวกเขาก็อธิบายทันที

ดูท่าเขารู้เรื่องที่จักรพรรดิสัประยุทธ์พยายามจะเกี้ยวลั่วหลีให้รับตำแหน่งธิดาเทพ

“ผู้อาวุโส ข้าเป็นจักรพรรดินีตระกูลลั่วเสิน นอกจากนี้ข้าก็ไม่ได้เป็นคนจากเผ่าไท่หลิง ดังนั้นข้าขอสำนึกบุญคุณของท่านไว้ในใจ” นางส่ายหัวปฏิเสธความหวังดีของชื่อเหยียน แม้ว่าเผ่าไท่หลิงจะเป็นหนึ่งในห้าเผ่าโบราณของมหาพันโลก แต่นางก็ไม่มีแผนที่จะภักดีต่อพวกเขา

เมื่อเห็นว่าลั่วหลีปฏิเสธโดยไม่ลังเล ชื่อเหยียนก็ตะลึงงัน เผ่าไม่หลิงมีชื่อเสียงเลื่องลื่อในมหาพันภพ ไม่มีใครที่ไม่ต้องการเชื่อมสัมพันธ์กับพวกเขาในทางปฏิบัติ แต่ในสายตาของลั่วหลีไม่ได้สนใจสักนิด

เผชิญกับผลลัพธ์นี้ ชื่อเหยียนก็มีใบหน้าเปรี้ยวฝาดไป

มู่เฉินและลั่วหลีแลกเปลี่ยนสายตากันก่อนที่จะเลิกสนใจชายชรา

มู่เฉินหันไปมองที่ส่วนลึกของเกาะหัวใจหยกพูดกับลั่วหลีว่า “ไปช่วยพี่หลิงซีกันก่อนเถอะ”

ลั่วหลีพยักหน้า จากนั้นทั้งสองก็มุ่งหน้าไปที่ยังส่วนลึกของเกาะ ปล่อยชื่อเหยียนให้ยืนทึ่มทื่อตรงนั้นด้วยสีหน้าขมขื่น

เวลาเดียวกันที่เผ่าฝูถู

ชายชราชุดดำมองไปที่กู้ซือหวงและเหลียงเสียหยูที่กำลังตัวสั่นเทาพูดด้วยเสียงเย็น “เจ้าสองคนช่างกล้า เครื่องรางของข้าไม่ได้ให้ไว้เพื่อจัดการกับไอ้ตัวกาลกิณี!”

ใบหน้าของกู้ซือหวงและเหลียงเสียหยูดิ่งลง ไม่กล้าแก้ตัวอะไร

เมื่อเห็นท่าทางทั้งสองไร้ประโยชน์ ชายชราสวมชุดดำก็เค้นเสียงดวงตากะพริบวูบไหว “เจ้าสองคนติดตามข้าไปเยี่ยมเยียนประมุขน้อย รายงานทุกสิ่งที่รู้เกี่ยวกับไอ้กาลกิณีนั่น เพื่อให้เขาตัดสินใจ”

เมื่อพูดจบเขาก็สะบัดแขนเสื้อออกไป เมื่อกู้ซือหวงและเหลียงเสียหยูเห็นก็รีบติดตามไปด้วยเช่นกัน

ทั้งสามเดินผ่านอาคารหลายหลัง ก่อนจะมาถึงลานหินที่สร้างขึ้นบนหน้าผาสูงชันเมฆล้อมรอบลาน ชายหนุ่มชุดสีฟ้าอมเขียวนั่งเงียบๆ อยู่ที่นั่น รัศมีของเขาลึกพอกับก้นบึ้งไม่อาจหยั่งรู้ เจดีย์ผลึกใสสามารถมองเห็นผ่านดวงตาที่เปิดออก

ชายชราชุดดำมายืนที่เบื้องหลังชายหนุ่ม ส่วนกู้ซือหวงและเหลียงเสียหยูก็คุกเข่าทำความเคารพ

“คารวะประมุขน้อย!”

ชายหนุ่มชุดสีฟ้าอมเขียวเปิดตาอย่างช้าๆ มองทะเลเมฆผ่านรอยยิ้มจางๆ ก่อนที่เสียงจะดังก้องเนิบนาบโดยไม่มีอารมณ์ใดๆ

“เจ้าสองคนเจอไอ้กาลกิณีคนนั้นแล้วใช่ไหม?

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท