หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1299

ตอนที่ 1299

บทที่ 1299 เก็บเป็นที่ครอบครอง
ฟู่ ฟู่!

เกลียวลมดำมืดกวนตัวต่อเนื่องในเจดีย์ผลึกใสเมื่อใดที่ลมปะทะกับผนังเจดีย์ ริ้วแสงก็จางลงชัดว่าถูกพายุหลอมวิญญาณกัดกร่อน

ฮึ่ม!

ทว่าขณะที่มวลลมโหมกระหน่ำ เจดีย์ก็เบ่งบาน ผลึกคลื่นหลิงที่ดูราวกับผ้าไหมไขว้พันกันไปรอบๆ พายุหลอมวิญญาณ

ชี่ ชี่!

พลังงานสองสายสัมผัสกัน คลื่นหลิงก็ระเบิดออก พายุหลอมวิญญาณเหมือนกำลังดิ้นรนพยายามที่จะสลัดให้หลุดจากผลึกคลื่นนี่

เนื่องจากมันสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานเอกลักษณ์ที่อยู่ในผลึกพลังงาน ซึ่งทำให้ไม่สามารถสลายคลื่นหลิงได้อย่างง่ายดาย

ผลึกคลื่นที่ผันรอบพายุหลอมวิญญาณก็โดนสะบัดหลุดออกมาจากการดิ้นรนอย่างต่อเนื่อง ชัดว่าไม่ง่ายที่จะมัดอีกฝ่ายเอาไว้

“มีปัญหาจริงด้วย”

ดวงตาของมู่เฉินกะพริบ แต่เขาก็ไม่ได้รีบร้อนเพราะพายุเป็นลมไร้ราก ไม่ได้ไม่มีจุดสิ้นสุด ในทางตรงกันข้ามตัวเขามีคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขต ดังนั้นแม้ว่าเขาจะตบลงไปอย่างช้าๆ เขาก็จะสามารถจัดการกับพายุหลอมวิญญาณนี้ได้

เมื่อความคิดนี้พล่านขึ้น มู่เฉินก็ไม่ได้กังวล ผลึกคลื่นหลิงเริ่มห่อหุ้มพายุ แม้ว่าส่วนใหญ่จะถูกย่อยสลายโดยพายุ แต่ก็ยังมีผลึกคลื่นหลิงบางส่วนติดหนึบอยู่กับลม

ภายในเวลาครึ่งชั่วโมง พายุทรงพลังก็เริ่มชะลอตัวลง เนื่องจากบนลมพายุเริ่มกระจายผลึกแวววาวออกมา

แม้ว่าพายุนี้จะมีลักษณะเฉพาะ แต่ก็มีเพียงสัญชาตญาณไม่มีสติปัญญา ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับวิธีของมู่เฉินก็ไม่สามารถหลบหนีได้

สุดท้ายลูกกลมแสงกว้างประมาณหนึ่งร้อยจั้งก็ลอยอยู่ในเจดีย์พร้อมกับลมพายุพัดโชย แต่ทุกครั้งที่สัมผัสกับลูกกลมแสงก็จะเด้งกลับมา พลังการสลายของมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากแล้ว

“ถูกผลึกเรียบร้อยแล้วหรือ?”

เมื่อสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ภายในเจดีย์มู่เฉินก็โล่งใจก่อนที่จะรีบวาดตราประทับ ฉับพลันมู่เฉินชุดขาวก็ปรากฏตัวขึ้น

เมื่อมู่เฉินชุดขาวปรากฏตัวก็ยื่นมือไปที่เจดีย์เทคลื่นหลิงจากร่างลงไป

พร้อมกับการสนับสนุนของมู่เฉินชุดขาว ลูกกลมแสงก็เริ่มหดตัวลง ทว่าพลังปิดผนึกกลับแข็งแกร่งขึ้น

ในเวลาเพียงไม่กี่สิบลมหายใจ ลูกกลมแสงก็ถูกลดขนาดลงจนเหลือเท่าขนาดศีรษะมนุษย์ พลังปิดผนึกได้ทำให้พายุค่อยๆ สงบลง

“สำเร็จ!”

มู่เฉินเปิดดวงตาฉับพลันพร้อมกับความสุขกะพริบอยู่ภายใน ความบ้าบิ่นของเขาประสบความสำเร็จแล้ว!

“สำเร็จเหรอ?”

เมื่อเห็นท่าทางมีความสุขของมู่เฉิน ลั่วหลี หลิงซีและหลงเซี่ยงก็ตกใจไปก่อนที่จะอุทานพร้อมกัน

ใบหน้าของมู่เฉินเต็มไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาพลิกฝ่ามือลูกกลมแสงขนาดของหัวคนก็ปรากฏขึ้น ซึ่งปกคลุมไปด้วยลวดลายที่กำจายพลังปิดผนึกยิ่งใหญ่ไว้

ทั้งสามคนมองมาด้วยความอยากรู้ พวกเขาเห็นพายุหลอมวิญญาณสงบนิ่งอยู่ภายใน พายุซึ่งน่ากลัวต่อคลื่นหลิงใดๆ กลับไม่สามารถฝ่าด่านนี้ออกมาได้

“แม้จะเสียแรงไปบ้างแต่ก็โชคดีที่สำเร็จ ทว่าพายุนี่ก็พยายามสลายพลังปิดผนึกของข้าอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นข้าจำเป็นต้องคงผนึกไว้อย่างต่อเนื่อง มิฉะนั้นมันอาจแตกออกได้น่ะ”

“โชคดีที่สิ่งนี้ไม่เกินกว่าจะเป็นภาระของข้า” มู่เฉินมองลูกกลมแสง รู้สึกชื่นชอบอย่างยิ่ง

หลิงซีเดาะลิ้น นางไม่เคยคิดว่ามู่เฉินจะบ้าระห่ำที่จะปราบพายุหลอมวิญญาณ แม้ว่าเขาจะปิดผนึกส่วนหนึ่งของพายุเท่านั้น แต่ถ้าเขาปลดปล่อยออกมาขณะที่เผชิญหน้ากับศัตรู แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มยังอยู่ในสภาพน่าสมเพชได้ หากพวกเขาประมาทก็อาจถูกสังหารได้เลยทีเดียว!

นี่เป็นเครื่องจักรสังหารชัดๆ

“ด้วยพายุนี้ ถ้าเผชิญหน้ากับกู้ซือหวงอีก เขาต้องตกไปในประตูนรกทางเดียว” หลงเซี่ยงชื่นชม

“กู้ซือหวงยังไม่คู่ควรให้ข้าใช้พายุหลอมวิญญาณ” มู่เฉินยิ้มบาง ด้วยความสำเร็จปัจจุบันในฐานะหลิงเจิ้นจงซือขั้นเทียน แม้ว่าจะไม่พึ่งขุมพลังหลิง เขาก็ยังสามารถทำให้กู้ซือหวงต้องคลานหนีกับการต่อสู้ สำหรับพายุหลอมวิญญาณ ชายคนนั้นไม่มีคุณสมบัติที่จะบังคับให้เขาใช้ได้หรอก

“ตอนนี้เจ้าชักจะโอหังใหญ่แล้ว” หลิงซีกลอกตาใส่มู่เฉิน

ลั่วหลีหัวเราะเบาๆ แววขบขันฉายในดวงตา แม้ว่านางจะรู้ว่ามู่เฉินพูดอย่างนี้เพราะความเชื่อมั่น แต่ก็เป็นเรื่องดีที่หลิงซีจะระงับความเย่อหยิ่งของเขาไว้บ้าง

มู่เฉินได้แต่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้

“นายน้อย ในเมื่อพายุนี้ทรงพลังมาก ทำไมเราถึงไม่เอาไปมากกว่านี้?” หลงเซี่ยงพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย ก่อนหน้านี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากพายุบ้าคลั่งนี่ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่ามันน่ากลัวแค่ไหน ในเมื่อมู่เฉินสามารถบรรจุเอาไว้ได้ ก็ควรคว้าโอกาสและดูดซับให้มากกว่านี้

มู่เฉินส่ายหัว “ด้วยพลังในปัจจุบันของข้า หากเอาไปมากกว่านี้จะเป็นภาระต่อข้า ซึ่งจะทำให้พลังการต่อสู้ลดลง มันไม่คุ้มค่า”

ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการเก็บพายุเพิ่มอีกนิด แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะผนึกคลื่นหลิงของเขาไม่สามารถบรรจุพลังย่อยสลายของพายุที่ปลดปล่อยออกมาได้อย่างสมบูรณ์ เพียงแค่พายุต้องใช้เวลามากขึ้นในการสลายพลังงานของเขา

ถ้าเขารับมากเกินไป เจดีย์ก็จะไม่สามารถกักเก็บไว้ได้ อาจทำให้เกิดปัญหากับเขาแทน

หน้าผากของหลงเซี่ยงกระตุกเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็เงียบลง

“พายุหลอมวิญญาณกำลังอ่อนลง”

ทันใดนั้นลั่วหลีก็ร้องอุทาน เมื่อเห็นพายุนอกถ้ำเริ่มสงบลง

มู่เฉินและคนอื่นๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็น

“เตรียมไปกันต่อเถอะ”

มู่เฉินกล่าว จากนั้นก็โบกมือเก็บพายุไว้ในเจดีย์

ทั้งสี่รออยู่ช่วงสั้นๆ ไม่กี่นาทีต่อมาพายุหลอมวิญญาณก็กลายเป็นลมอ่อนค่อยๆ จางหายไป

“ไป!”

เมื่อพายุสลายหายไปก็ไม่รอให้ต้องอุทานกับทิวทัศน์ของมิตินี้ กลุ่มมู่เฉินกลายเป็นร่างแสงสี่สายทะยานออกไป

เบื้องหน้าพวกเขาผีเสื้อสีมรกตนำทางอีกครั้ง

เนื่องจากมีเหตุการณ์พายุหลอมวิญญาณมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งระวังมากขึ้น เมื่อมีสิ่งผิดปกติก็จะหยุดการเดินทางหาที่หลบทันที

แต่ดูท่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขาได้รับโชค การเดินทางต่อจึงเป็นไปอย่างราบรื่นมาก

แม้ว่าพวกเขาพบกลุ่มบางกลุ่มระหว่างทาง แต่ก็ไม่ได้โต้ตอบกัน เพราะแต่ละฝ่ายคุมเชิงรักษาระยะทาง เพื่อไม่ให้เกิดการต่อสู้ขึ้น

การเดินทางของพวกเขายังคงดำเนินต่อไปเป็นเวลาเกือบครึ่งวัน ก่อนที่พวกเขาจะตระหนักได้ว่าผีเสื้อมรกตที่นำทางได้กระจายแสงแรงกล้าออกมา

หัวใจของพวกเขาสั่นไหว เพราะนั่นหมายความว่าพวกเขาเข้าใกล้พวกเวินชิงเฉวียนแล้ว

ฟิ้ว!

ขณะที่ทั้งสี่บินข้ามยอดเขาโดดเดี่ยว เทือกเขาแห้งแตกก็ปรากฏเบื้องหน้าครรลองสายตา ทุกยอดเขาดูราวกับใบมีดที่เปล่งรัศมีคมกริบ

ฮึ่ม!

ในเวลาเดียวกันผีเสื้อมรกตก็สั่นสะเทือนก่อนที่จะสลายไป

“พบพวกนางแล้ว!”

ลั่วหลีฉายแววร่าเริงบนใบหน้าขณะที่มองไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เมื่อผีเสื้อมรกตหายไปแสงก็ลอยไปในทิศทางนั้น นั่นหมายความว่าพวกเวินชิงเฉวียนจะต้องอยู่ที่นั่นแน่!

ทั้งสี่คนเหาะเหินข้ามเทือกเขาก็เห็นพวกเวินชิงเฉวียนในหุบเขาลึกด้านใน

“เดี๋ยวก่อน”

แต่ขณะที่ลั่วหลีตั้งใจจะเข้าไปหาเวินชิงเฉวียน จู่ๆ มู่เฉินก็เอ่ยขัดไว้ สายตาเป็นประกายวูบไหว

“ดูเหมือนพวกนางจะประสบปัญหาบางอย่าง”

ลั่วหลีเพ่งสายตาไปก็เห็นมีกลุ่มคนหนึ่งยืนที่เบื้องหน้ากลุ่มเวินชิงเฉวียน นอกจากนี้ยังสามารถสัมผัสกับความผันผวนของคลื่นหลิงที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังอีกด้วย พวกเขาตั้งแนวขนาบขวางพวกเวินชิงเฉวียนไว้ในหุบเขา

เห็นได้ชัดว่าด้วยเหตุผลบางอย่างพวกเวินชิงเฉวียนถูกหมายตาแล้ว

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท