หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1297

ตอนที่ 1297

บทที่ 1297 เข้าสู่แดนเซิ่งยวนโบราณ
ฟิ้ว!

แสงสีแดงเข้มฉวัดเฉวียนราวกับอุกกาบาตในท้องฟ้ามืดมิด พร้อมกันนั้นสายฟ้าสีดำที่ราวกับอสรพิษเกรี้ยวกราดก็ฟาดลงมาจากชั้นฟ้าเป็นระยะ เมื่อสายฟ้าทำลายล้างพุ่งเข้ามาในรัศมีหนึ่งร้อยจั้งของแสงสีแดงเข้ม อุณหภูมิที่น่ากลัวก็กำจายออกมา ลบสายฟ้าเหล่านั้นออกไป

เมื่อมองผ่านแสงสีแดงเข้มไปจะมองเห็นเป็นน้ำเต้าสีแดง พวกมู่เฉินนั่งอยู่ข้างบนพร้อมกับชื่อเหยียนอยู่เบื้องหน้า

“ในส่วนลึกของทวีปเซิ่งยวนสภาพแวดล้อมเลวร้ายแท้จริง”

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองดูสายฟ้าป่าเถื่อนแล่นแปลบปลาบด้วยความเคร่งเครียด ในสถานที่เช่นนี้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายก็ยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายหากประมาท

ต้องขอบคุณที่มีชื่อเหยียนเป็นผู้นำ ไม่เช่นนั้นหากมีเพียงพวกเขาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบกว่าวันเพื่อผ่าพายุมิติกาลเวลาไป

“นี่ยังน้อย สภาพแวดล้อมในแดนเซิ่งยวนโบราณแย่กว่านี้อีก” เมื่อเห็นสีหน้ามู่เฉินเคร่งเครียด ชื่อเหยียนก็แสยะยิ้ม

เปลือกตาของมู่เฉินกระตุกเมื่อได้ยิน แดนเซิ่งยวนโบราณอันตรายขนาดนั้นเชียวเหรอ?

“มีจอมยุทธ์สุดยอดจำนวนมากสิ้นชีพในแดนเซิ่งยวน แม้พวกเขาจะสิ้นชีพแต่พลังงานหลิงของพวกเขาไม่ได้กระจายไปไหน เนื่องจากพลังงานทรงพลังมากเกินไปจึงก่อตัวเป็นปรากฏการณ์ประเภทต่างๆ”

ชื่อเหยียนยิ้มขณะที่พูดต่อว่า “ดังนั้นสภาพแวดล้อมและปรากฏการณ์ที่รุนแรงอาจเกิดจากการละสังขารของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน แล้วจะไม่น่าสะพรึงกลัวได้ยังไง?”

ในขณะที่เขาพูด ทั้งสี่ก็สูดอากาศเย็นลึกสุดปอด ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนที่ละสังขารเหรอ? มิน่าล่ะชื่อเหยียนถึงบอกว่าที่เห็นอยู่นี่ไม่มีอะไรเลย

“นอกจากสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายในแดนเซิ่งยวนโบราณที่พวกเจ้าต้องระวัง ยังต้องระวังกลุ่มอื่นๆ ด้วย จากข้อมูลที่รู้มาพบว่าครั้งนี้มีกลุ่มจำนวนมากขึ้นกว่าครั้งก่อน มากจนแม้แต่เหล่ามือสังหารปีศาจก็มุ่งหน้าไปด้วยเช่นกันๆ ไม่มีใครที่จัดการได้ง่ายๆ” ชื่อเหยียนเตือนทั้งสี่ด้วยท่าทางเคร่งเครียดหลายส่วน

มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะหดตาลง เนื่องจากมือสังหารปีศาจเหล่านั้นไม่ใช่คนธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมือสังหารปีศาจขั้นสูง จอมยุทธ์เหล่านั้นเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขาม แม้กระทั่งกับประมุขน้อยของเผ่าฝูถูอย่างเฉวียนหลัวและมั่วซิน

ทว่าพวกเขาไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเพื่อผ่านพายุมิติกาลเวลาหรือ? เหล่ามือสังหารมีความสามารถนั้นเหรอ?

“ฮ่าๆ มือสังหารปีศาจถือเป็นสมาชิกวังมหาพันภพ ตราบใดที่พวกเขามีคะแนนสังหารเพียงพอ พวกเขาก็จะสามารถเชิญจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนของวังส่งพวกเขาไปสู่แดนเซิ่งยวนโบราณได้” ชื่อเหยียนอธิบายกับความสงสัยของมู่เฉิน

“คะแนนสังหารปีศาจเป็นของดีทีเดียว”

มู่เฉินยิ้ม ไม่คิดว่าคะแนนสังหารจะสามารถเชิญจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนมาได้ด้วย

“ถ้าเจ้ามีคะแนนมากพอ ไม่ต้องพูดถึงระดับเทียนจื้อจุนธรรมดาเลย แต่เจ้าสามารถเชิญได้กระทั่งราชันสังหารปีศาจฉิงเทียนได้ ฮ่าๆ นั่นระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งเชียวนะ แต่เหตุผลของเจ้าต้องชอบธรรม เพราะราชันสังหารปีศาจไม่ช่วยเจ้าไปทำอะไรที่ขัดต่อศีลธรรมหรอก”

มู่เฉินกับลั่วหลีมองหน้ากัน นี่เป็นเรื่องมากเกินไปแล้วจริงๆ ต้องรู้ว่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งเป็นการดำรงอยู่สุดยอดในมหาพันภพ

เช่นเดียวกับเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามการพบพวกเขายากยิ่งกว่ายาก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการเชิญ ใครจะรู้ว่าความโปรดปรานต้องยิ่งใหญ่เพียงใดถึงจะประสบความสำเร็จเป้าหมายได้

ทว่าที่วังมหาพันภพกลับสามารถเชิญได้กระทั่งจอมยุทธ์ระดับนั้น ดูท่าทางวังคงจะจัดเต็มสำหรับคะแนนสังหารปีศาจแล้ว

ขณะที่พวกเขาถอนหายใจ น้ำเต้าสีแดงก็เดินทางผ่านมิติด้วยความเร็วแทบจะคอหักตาย แม้แต่กลุ่มของมู่เฉินยังอดอุทานไม่ได้ เนื่องจากวิธีการของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนไม่ได้เป็นสิ่งที่คนธรรมดาสามารถเข้าใจได้

ภายใต้ความเร็วในการเดินทางของชื่อเหยียน อีกสองชั่วโมงก็ผ่านไป กลุ่มของมู่เฉินรู้สึกว่าความผันผวนของที่นี่ดูเหมือนจะหนาแน่นขึ้น

พวกเขาเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจก็เห็นรอยแตกในมิติพร้อมกับแรงกดดันที่น่ากลัวซึ่งห่อหุ้มหัวใจ ทำให้รู้สึกหายใจไม่ออกเลยทีเดียว

ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ชื่อเหยียนยังแสดงสีหน้าเคร่งเครียด เริ่มชะลอความเร็วลง

เมื่อเห็นท่าทางนั้นหัวใจของมู่เฉินและคนอื่นๆ ก็สั่นไหว พวกเขาเข้าใจว่ากำลังจะเข้าถึงส่วนลึกของทวีปเซิ่งยวนแล้ว

“นั่นคือพายุมิติกาลเวลา”

ทันใดนั้นเสียงเตือนภัยของชื่อเหยียนก็ดังกึกก้อง ขณะที่ความคิดนี้แล่นพล่านในใจทุกคน

พวกเขามองไปในระยะไกลก็เห็นชั้นฟ้าและชั้นดินในสภาพที่แตกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับพายุสีขาวเงินก่อหายนะระหว่างฟ้าดิน มันยิ่งใหญ่มากจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด ไม่มีวัตถุใดในพายุราวกับว่าเป็นดินแดนว่างเปล่า

เบื้องหน้าพายุทอร์นาโดมหึมาเช่นนี้ กลุ่มมู่เฉินตัวเล็กราวกับเศษธุลี พวกเขารู้สึกว่าถ้าเข้าไปก็อาจจะถูกทำลายเป็นอากาศธาตุในทันที

เผชิญกับความผันผวนทำลายล้าง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็ยังครั่นคราม

ชื่อเหยียนควบคุมน้ำเต้าสีแดงเข้มค่อยๆ ชะลอตัวลงเมื่ออยู่ห่างจากพายุหลายหมื่นจั้ง ในระยะนี้พวกมู่เฉินก็เห็นพื้นที่รอบๆ น้ำเต้าสีแดงเริ่มบิดเบือน

ต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้ไม่มีสายฟ้าสักสายที่สามารถลดแสงรอบน้ำเต้านี้ลงได้ แต่เมื่อพวกเขามาที่นี่เพียงแค่เข้าใกล้ก็ทำให้แสงสว่างรอบน้ำเต้าบิดเบือนไปหมดแล้ว

ดังนั้นสามารถบอกถึงความสามารถการทำลายล้างที่มีอยู่ในพายุมิติกาลเวลาได้

“อีกหนึ่งก้านธูปจะเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการเข้าสู่พายุ” ชื่อเหยียนมองพายุอย่างเคร่งเครียดแล้วพูดขึ้น

มู่เฉินและคนอื่นๆ พยักหน้า ร่างกายเริ่มตึงเครียด

ขณะที่กำลังรอคอย ลั่วหลีก็เขยิบเข้าหามู่เฉินพูดว่า “เมื่อเราเข้าไปในแดนเซิ่งยวนโบราณแล้วก็รีบติดต่อชิงเฉวียนก่อนนะ ข้าได้ยินมาว่าพวกนางมีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับสุสานของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนคนหนึ่ง”

“หืม?”

มู่เฉินรู้สึกประหลาดใจ เนื่องจากเขาไม่คิดว่าเวินชิงเฉวียนจะหาข่าวกรองได้เร็วเช่นนี้ ก่อนที่จะเข้าสู่สุดแดนเซิ่งยวนโบราณก็ตั้งเป้าหมายไว้เรียบร้อยแล้ว

“แต่ดูไม่ค่อยเหมาะสมนะที่เราจะเข้าร่วมในเมื่อพวกนางได้ข้อมูลมา?” อึดใจเขาก็ขมวดคิ้วแน่น

ข้อมูลมีค่าอย่างยิ่ง เพราะหากฝ่ายหนึ่งเคลื่อนไหวก่อนพวกเขาอาจได้รับมรดก แล้วพวกเขาจะปล่อยให้คนอื่นมาแบ่งปันไปได้อย่างไร?

ลั่วหลียิ้มบาง “นี่เป็นสิ่งที่ชิงเฉวียนบอกมา เพราะพวกนางไม่ใช่กลุ่มเดียวที่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นอาจมีการแข่งขันรุนแรง ชัดว่าเราเป็นตัวเลือกของผู้ร่วมมือที่ดี”

มู่เฉินเข้าใจพลางพยักหน้า หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็ลองดูว่าจะได้รับเบาะแสอะไรเกี่ยวกับวิชาเจดีย์แปดองค์บ้างไหม

“ถ้างั้นเราก็เป็นหนี้บุญคุณนางแล้ว”

มู่เฉินยิ้ม ด้วยมีกลุ่มมากมายในแดนเซิ่งยวน มีหลายกลุ่มที่ดูแข็งแกร่งกว่าพวกเขา และถ้าดูจากภายนอกก็มีหลายกลุ่มที่พวกนางสามารถเลือกร่วมมือได้ แต่เหตุผลที่เวินชิงเฉวียนเลือกพวกเขานั้นเป็นเพราะความสัมพันธ์ฉันมิตรที่มีมานาน

ลั่วหลียิ้มก่อนที่จะพูดอย่างหลักแหลม “บางทีในภายหลังพวกเขาถึงได้รู้ว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องก็ได้”

แม้ในกลุ่มพวกเขาดูเหมือนคนที่ทรงพลังที่สุดก็คือหลิงซีที่เป็นหลิงเจิ้นจงซือขั้นเทียน บางทีหลายคนอาจมองข้ามมู่เฉินซึ่งเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย แต่ลั่วหลีรู้ดีว่าใครกันที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มนาง

“เฮ้ ครั้งนี้คนมาเยอะจริงๆ” ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน ชื่อเหยียนก็พูดโพล่งออกมาขณะมองไปในระยะไกล

สายตาของกลุ่มมู่เฉินติดตามไปแต่ไม่เห็นเงาร่างใดๆ ทว่าจากการรับรู้ถึงคลื่นพลังงาน พวกเขาสามารถรู้สึกถึงแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวที่เกิดจากพื้นที่เหล่านั้น

การที่สามารถปลดปล่อยความกดดันทรงพลังเช่นนี้ในพายุ จะไม่มีใครได้นอกจากเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน

มู่เฉินสัมผัสคร่าวๆ ก็พบว่ามีแรงกดดันที่น่ากลัวไม่น้อยกว่าสิบสาย นั่นหมายความว่าตามจำนวนการรับรู้ของเขาเพียงอย่างเดียว ก็มีจำนวนจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเกินที่นับได้ด้วยสองมือ

นี่ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เนื่องจากจอมยุทธ์ระดับนี้แทบจะไม่เคยเห็นตามปกติกลับมารวมตัวกันที่นี่เพื่อสิ่งเย้ายวนในแดนเซิ่งยวน

ครืน!

ขณะที่มู่เฉินถอนหายใจ เสียงฟ้าคำรนก็ดังกึกก้องสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งฟ้าดิน

เสียงคำรามยิ่งใหญ่สั่นสะท้าน พายุมิติกาลเวลาป่าเถื่อนก็ชะลอตัวลง เปลี่ยนอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย

เมื่อเห็นฉากนี้มู่เฉินและคนอื่นๆ ก็รู้ว่าเวลาที่ดีที่สุดในการเข้าสู่แดนเซิ่งยวนโบราณมาถึงแล้ว!

“ไป!”

สายตาของชื่อเหยียนวูบไหวก่อนที่จะกระทืบเท้า หินหนืดพุ่งทะลักออกมาจากช่องเปิดของน้ำเต้า

“จำไว้ถ้าต้องการออกจากแดนเซิ่งยวนโบราณให้ทำลายเครื่องรางที่ข้าให้ เจ้าจะกลับออกมาที่ทวีปเซิ่งยวนทันที!”

กลุ่มมู่เฉินพยักหน้าจากนั้นก็ทะยานออกไป เกลียวแสงสีแดงเข้มจากน้ำเต้าฉีกออกแล้วห่อหุ้มพวกเขาไว้

ตู้ม!

ลาวานี้ราวกับมังกร เมื่อส่งคำรามก็พาทั้งสี่คนเข้าไปสู่พายุสีเงินและหายไป

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท