หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1298

ตอนที่ 1298

บทที่ 1298 พายุหลอมวิญญาณ
ฟ้าดินที่นี่แตกสลายอัดแน่นไปด้วยรัศมีโบราณ

ดวงอาทิตย์คล้ายจะตกแตกเอิบอาบด้วยแสงอ่อนจาง

พื้นดินปกคลุมไปด้วยหุบเหวลึกไม่มีที่สิ้นสุดพร้อมสาดความมืดมิดที่ทำให้กระดูกสันหลังเย็นเยือกลง

ราวกับว่ามิติแห่งนี้ถูกทำลายด้วยมือยักษ์ ทำลายทุกสรรพชีวิตให้สิ้นซาก

“นี่คือหนึ่งในสมรภูมิรบระหว่างมหาพันภพกับเผ่าปีศาจต่างมิติรึ?”

พวกมู่เฉินยืนอยู่บนภูเขาขณะที่จ้องมองภูมิประเทศนี้ด้วยใบหน้าตกตะลึง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขามองเห็นภูเขาลอยอยู่ในอากาศจากพายุในระยะไกลก็ทำเอาดวงตาหดเกร็งลง

นั่นเป็นเพราะกฎฟ้าดินถูกทำลาย ทำให้แรงโน้มถ่วงอยู่ในภาวะสับสน

“ความกดดันที่นี่มีมากเกินไป ทำเอาหายใจไม่ออกเลย” ลั่วหลีตอบกลับด้วยท่าทางเคร่งเครียด

แม้แต่การต่อสู้ที่นี่ก็จะทำให้หมดคลื่นหลิงมากกว่าที่อื่นในมหาพันภพ เนื่องจากต้องทนต่อแรงกดดันที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง

“มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนมากมายสิ้นชีพลงที่นี่ แม้ว่าพวกเขาจะสิ้นชีพไปแล้วแต่ก็ยังมีร่องรอยของรัศมีที่เหลืออยู่หลอมรวมเข้าระหว่างฟ้าดิน ทำให้เรารู้สึกกดดัน” หลิงซีพูดเบาๆ

“สมกับเป็นหนึ่งในดินแดนหายนะของมหาพันภพ” หลงเซี่ยงถอนหายใจ ในสถานที่นี้แม้จะเป็นจอมยุทธ์เกือบจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนอย่างเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ

มู่เฉินพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะมองไปที่ลั่วหลี “เราไปหากลุ่มของเวินชิงเฉวียนก่อนไหม?”

ในเมื่อเวินชิงเฉวียนมีข้อมูลสุสานของร่างจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนและชักชวนให้ช่วยเหลือกันและกัน มู่เฉินก็ไม่คิดปฏิเสธเรื่องดังกล่าว เนื่องจากพวกเขาเพิ่งเข้ามิติแห่งนี้ ทำให้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้น้อยมาก

ลั่วหลีพยักหน้าก่อนที่จะแบมือออกมา ผีเสื้อมรกตปรากฏขึ้น ภายใต้การควบคุมของลั่วหลีมันก็กระจายแสงสีเขียวบินวนอยู่เบื้องหน้าลั่วหลี จากนั้นก็ทำการสัมผัสก่อนที่จะบินไปในทิศทางตะวันตก

“ตามมันไป แล้วเราก็จะไปพบกับเวินชิงเฉวียน” ลั่วหลียิ้ม

“ไป!”

มู่เฉินตะเบ็งเสียงทะยานออกไปพร้อมกับอีกสามคนติดตามมา

เนื่องจากแดนเซิ่งยวนโบราณเต็มไปด้วยอันตรายทุกประเภท ดังนั้นพวกเขาจึงชะลอตัวเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน ไม่ให้เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น

และความจริงก็พิสูจน์ว่าความระมัดระวังของมู่เฉินจำเป็นจริงๆ

ฟู่ ฟู่

ลมแผดเสียงอย่างไม่มีที่สิ้นสุดทั่วบริเวณมืดมิด แม้ว่าจะดูไม่ค่อยอันตราย แต่เมื่อใดที่มันสัมผัสกับพลังงานหลิง คลื่นพลังหลิงก็จะละลายกลายเป็นเม็ดทราย

ตอนนี้กลุ่มมู่เฉินซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ ขณะที่มองพายุด้วยความหวาดผวา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลงเซี่ยงที่แขนของเขาเป็นสีเหลืองคล้ำ เป็นเพราะเขาหลบเลี่ยงไม่ทัน จึงถูกลมพัดใส่ทำให้คลื่นหลิงที่แขนของเขาสลายตัว มากจนแขนทั้งข้างยังเกือบจะกลายเป็นทรายไปแล้ว

โชคดีที่มู่เฉินไหวตัวรีบดึงเขาออกมา มิฉะนั้นแม้จะเป็นจอมยุทธ์เกือบจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุน เขาก็ไม่สามารถทนอยู่ได้นาน ก่อนที่จะสลายตัวเป็นทราย

“ช่างเป็นพายุที่น่ากลัวเสียจริง!” หลงเซี่ยงรู้สึกหวาดกลัว เขามีประสบการณ์เพียงพอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ไม่มีสักครั้งที่น่ากลัวมากขนาดนี้ ลองคิดดูว่าเขาเกือบจะกลายเป็นทรายทั้งที่ยังไม่ทันสู้ ยามนี้หลงเซี่ยงรู้สึกถึงความสั่นสะเทือนของกระดูกสันหลังเลยทีเดียว

“นั่นน่าจะเป็นพายุหลอมวิญญาณ” ลั่วหลีมองไปที่สายลมมืดมิดพลางพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

“พายุหลอมวิญญาณ?” มู่เฉินและคนอื่นๆ อึ้งไปเมื่อได้ยินคำพูดของนาง

“ก็ข้าไม่ได้เข้าสมาธิฝึกฝนเหมือนเจ้าเลยได้ฟังหลายเรื่องจากท่านชื่อเหยียน ซึ่งจ่ายราคาไปไม่น้อยสำหรับการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแดนเซิ่งยวนโบราณนี้” ลั่วหลีกลอกตาใส่มู่เฉิน

มู่เฉินหัวเราะแฮะๆ เขาให้ความสำคัญกับการฝึกฝนมากเกินพอดี ทำให้ไม่ได้รวบรวมข้อมูล โชคดีที่ลั่วหลีละเอียดลออกว่า

“มีภัยพิบัติที่น่ากลัวมากมายในแดนเซิ่งยวนโบราณและพายุหลอมวิญญาณก็เป็นหนึ่งในนั้น ว่ากันว่าพายุนี้ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ที่ไม่มีพลังงานหลิง แต่สำหรับคนที่มี ช่วงเวลาที่พลังงานหลิงสัมผัสกับมันก็จะสลายกลายเป็นทราย”

“แม้ว่าพี่ใหญ่หลงเซี่ยงจะไม่ได้ใช้คลื่นหลิง แต่ร่างกายพวกเราได้รับการขัดเกลาโดยคลื่นหลิงมาตลอด ดังนั้นจึงมีพลังงานไหลเวียนอยู่ตามธรรมดา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้แขนของเขาเกือบจะกลายเป็นทรายน่ะ”

หลงเซี่ยงแอบเดาะลิ้น การพูดแบบนี้ก็หมายความว่าแม้พวกเขาจะถอนคลื่นหลิงแล้ว ก็ไม่สามารถผ่านพายุหลอมวิญญาณไปได้ เนื่องจากร่างกายของพวกเขามีพลังงานไหลเวียนอยู่

“’งั้นเราก็ต้องรอให้พายุผ่านไปก่อนเท่านั้นเหรอ?” หลิงซีถาม

“นั่นเป็นเป็นทางเลือกเดียวของเรา” ลั่วหลีพยักหน้าอย่างจนใจใครจะจินตนาการได้ว่าแค่พายุเพียงอย่างเดียวก็ทำให้พวกนางดูน่าสมเพชขนาดนี้

“แต่โชคดีที่พวกมันก่อตัวไม่นาน เราคงไม่ต้องรอนานนักหรอก”

มู่เฉินพยักหน้า “งั้นก็รอให้มันสลายไป”

ขณะที่พูดเขาก็จ้องมองไปที่พายุหลอมวิญญาณ ถึงแม้ว่านี่จะอันตราย แต่ก็อาจเป็นอาวุธที่ยอดเยี่ยม หากเขาสามารถรวบรวมและปล่อยออกมาเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู ซึ่งจะสามารถบรรลุผลแบบจินตนาการไม่ได้เลย

“เจ้าคิดจะเอาพายุหลอมวิญญาณนี่ไปเหรอ?” ลั่วหลีราวกับเห็นผ่านความคิดของมู่เฉินด้วยเพียงเหลือบมองแวบเดียว ม่านตาของนางขยายกว้างขึ้น มู่เฉินชักจะกล้าบิ่นเกินไปแล้ว

หลิงซีและหลงเซี่ยงก็ตกตะลึงไปเช่นกันเมื่อมองไปที่มู่เฉิน หากคนอื่นเห็นพายุหลอมวิญญาณ พวกเขาเลือกที่จะหลีกเลี่ยง แต่มู่เฉินกลับคิดจะเอามันไป?

เมื่อเห็นสายตาตกตะลึงของทุกคน มู่เฉินก็อดยิ้มไม่ได้ “แม้ว่าพายุหลอมวิญญาณจะทรงพลัง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะรวบรวมไม่ได้นี่น่า”

“ถึงแม้ว่าพายุหลอมวิญญาณจะสามารถสลายคลื่นหลิงได้ แต่ถ้าเราสามารถผนึกมันได้ชั่วคราว เราก็จะรวบรวมเอาไว้ได้”

“ผนึก? ใช้ผนึกต่อต้านความสามารถย่อยสลายรึ?” หลิงซีกับคนอื่นๆ แลกเปลี่ยนสายตากัน ในมหาพันภพถ้าพูดถึงพลังในการปิดผนึกก็ต้องให้เผ่าฝูถูเป็นอันดับแรกเลย

“นายน้อย แม้ว่าผนึกของเผ่าฝูถูจะทรงพลัง แต่ก็มีหลายระดับ ข้ากลัวว่าอำนาจการผนึกแบบธรรมดาจะไม่สามารถทำอะไรกับมันได้” หลงเซี่ยงส่ายหัว เนื่องจากเขามีความรู้เกี่ยวกับทักษะในการผนึกของเผ่าฝูถูดี

“เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนสำหรับพลังผนึกธรรมดา”

มู่เฉินยิ้มก่อนที่แสงตกผลึกจะปรากฏในดวงตา เจดีย์ผลึกแก้วใสพุ่งออกมาลอยอยู่เบื้องหน้าเปล่งรัศมีศักดิ์สิทธิ์

“แต่พลังการผนึกเจดีย์พุทธะของข้าแข็งแกร่งกว่าเจดีย์ธรรมดามาก”

“ที่แท้ก็เจดีย์พุทธะ!” ดวงตาของหลิงซีสว่างวาบเมื่อเห็นภาพตรงหน้า นางรู้ว่าเจดีย์พุทธะหายากมากในเผ่าฝูถู

หากเป็นเช่นนั้น มู่เฉินก็น่าจะลองดูสักหน่อย

“แต่เจ้าบ้าบิ่นไป ไม่กลัวความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับเจดีย์พุทธะนี่รึ?” หลิงซีเม้มริมฝีปาก แม้ว่าสิ่งที่มู่เฉินกล่าวอาจใช้งานได้ แต่ก็ยังคงอันตราย สมาชิกในเผ่าฝูถูถือว่าเจดีย์ของพวกเขาเป็นสิ่งมีค่าที่สุด พวกเขาจะไม่ยอมใช้ง่ายๆ อย่างแน่นอน ไม่เหมือนมู่เฉินที่ตั้งใจจะใช้เพื่อจัดการกับพายุหลอมวิญญาณนี่

ก็เหมือนกับเฉวียนหลัว เขาเองก็มีเจดีย์พุทธะ แต่หลิงซีรู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำอะไรแบบนี้แน่

แน่นอนว่านี่ก็เป็นเพราะประสบการณ์ที่แตกต่างกันระหว่างเขากับมู่เฉิน เฉวียนหลัวถือตัวว่ามีสถานะสูงส่งเขาจะยอมเสี่ยงแบบมู่เฉินได้อย่างไร?

“อยากได้อะไรก็ต้องเสี่ยง ไม่มีของได้เปล่าในโลกนี้หรอก” มู่เฉินไม่ได้ยึดติดกับเรื่องนี้ เพราะตัวเขาคุ้นชินกับความเสี่ยงอยู่แล้ว บางครั้งเขาก็ต้องมองข้ามความเป็นตายไปบ้าง

“งั้นก็ลองดูกันหน่อย แต่ถ้าสถานการณ์ไม่ดีก็หยุดทันทีนะ”

ลั่วหลีรู้ว่ามู่เฉินตัดสินใจแล้ว ดังนั้นนางจะไม่หยุดเขา ในทางตรงกันข้ามนางจะให้การสนับสนุนที่สุดแก่เขา

มู่เฉินพยักหน้าจากนั้นก็เดินไปสองก้าวออกไปที่หน้าปากถ้ำ สายตามองพายุหลอมวิญญาณด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขายกมือขึ้นเจดีย์พุทธะก็เปล่งประกายแวววาว ทะยานออกจากถ้ำในวินาทีต่อมา

ฮึ่ม!

เมื่อเจดีย์บินเข้าไปในพายุหลอมวิญญาณ เกลียวแสงผลึกใสก็ต่อต้านแรงลม ในเวลาเดียวกันแรงดูดก็ระเบิดออกพร้อมกับมวลลมไร้ขอบเขตกวาดเข้ามาในเจดีย์ด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

มันดูดซับอยู่เป็นเวลานาน ก่อนที่มู่เฉินจะสะบัดแขนเสื้อ เจดีย์พุทธะก็บินกลับมาพร้อมกับเขาก้าวออกมารับไว้ คลื่นหลิงในร่างกายเขาพุ่งเข้าเจดีย์ทันที

ขั้นตอนต่อไปจะสำคัญที่สุด เนื่องจากเขาจำเป็นต้องใช้พลังปิดผนึกของเจดีย์เพื่อผนึกพายุหลอมวิญญาณ

หากเขาล้มเหลวพายุนี้ก็จะสร้างความเสียหายอย่างมากต่อเจดีย์

ดังนั้นมู่เฉินจะล้มเหลวไม่ได้!

“ผนึกซะ”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท