หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1308

ตอนที่ 1308

บทที่ 1308 กองทัพมังกรดำ

ฟู่ ฟู่!

เมื่อเวินชิงเฉวียนโยนตัวเองเข้าไปในหม้อกลั่น หม้อกลั่นก็พวยพุ่งด้วยเพลิงลุกโชติช่วงเป็นไฟสีฟ้าที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยน แต่ทุกคนรู้ว่านี่เป็นเพียงรูปลักษณ์เท่านั้น เพลิงที่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนใช้ในการกลั่นสามารถเปลี่ยนจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มให้กลายเป็นเถ้าถ่านได้ในพริบตา

เวินจื่อหยู่และจอมยุทธ์ตระกูลเวินคนอื่นๆ มองไปที่หม้อกลั่นด้วยท่าทางเป็นกังวล แผ่นหลังของพวกเขาชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็น หากเวินชิงเฉวียนล้มเหลว นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะยอมรับได้

นั่นเป็นเพราะเมื่อนางล้มเหลว ร่างก็จะเหลือเพียงกองเถ้าถ่านไว้ดูต่างหน้า

พวกต่งซันก็กำลังมองหม้อกลั่นขนาดใหญ่ ถ้าเวินชิงเฉวียนประสบความสำเร็จ พวกเขาก็จะใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อยึดมรดกนี้มาให้ได้

ดังนั้นการปะทะกันจึงสงบลงชั่วคราว ยกเว้นสมรภูมิของมู่เฉินแห่งเดียว

องครักษ์เงาไม่มีจิตใต้สำนึกหลงเหลือ พวกเขาคิดเพียงแต่สังหารอย่างไร ดังนั้นพวกเขาไม่ได้สนใจกับการรับมรดก สิ่งที่พวกเขาต้องการคือฆ่ามู่เฉินที่กีดขวางหน้าเส้นทางให้กลายเป็นกองเนื้อ

แต่ไม่ว่าจะโจมตีอย่างไร พวกเขาถูกสกัดอย่างแน่นหนาโดยมู่เฉิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์รักษ์ที่อยู่ในค่ายกลเพลิงทะยาน ตอนนี้มันอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชโดยที่แขนข้างหนึ่งถูกทำลาย

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินควบคุมสมรภูมิไว้ทั้งหมด เป็นเพียงเรื่องเวลาที่องครักษ์ทั้งสองจะพ่ายแพ้

ตู้ม!

ขณะที่มู่เฉินต้านองครักษ์เงาทั้งสองไว้ได้ ทันใดนั้นก็เกิดการเคลื่อนไหวในถ้ำ เสียงทุ้มต่ำดังก้องจากในหม้อกลั่นที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิง

ฟู่ ฟู่!

อึดใจเพลิงสีฟ้าก็กวาดออกมาจากหม้อกลั่น เสาลุกขึ้นจากภายใน เงาร่างค่อยๆ ปรากฏขึ้น

เมื่อพวกเวินจื่อหยู่เห็นร่างที่คุ้นเคย ความสุขก็พัดไปทั่วใบหน้าของพวกเขา

นี่คือเวินชิงเฉวียน

ขณะนี้ดวงตาของนางปิดลงพร้อมกับเพลิงสีฟ้าเปล่งประกายบนร่างกาย เพลิงเหล่านี้ดูเหมือนมีจิตวิญญาณ ห่อหุ้มร่างกายของนาง ก่อตัวเป็นแก้วมรกตราวกับเกราะแสงที่ปกป้องนางไว้

แพขนตายาวสั่นไหวก่อนที่ดวงตาของนางจะเปิดขึ้นกะทันหัน เพลิงสีฟ้ากะพริบวูบไหวอยู่ภายใน ยามนี้นางช่างดูมีเสน่ห์มากกว่าปกติ
อ่านนิยาย
นางรู้สึกงุนงงไปเล็กน้อยเมื่อเห็นเปลวไฟบนร่างกายก่อนที่ความสุขจะวูบไหวในดวงตา นั่นเป็นเพราะนางสามารถสัมผัสได้ถึงมรดกในห้วงแห่งจิตในตอนนี้

กระทั่งเพลิงสีฟ้ายังไหลอวลอยู่ในร่างกายของนาง

ชัดว่าการตัดสินใจกระโจนตัวลงไปในหม้อกลั่น ไม่ได้ทำให้นางกลายเป็นเถ้าถ่าน แต่ได้รับมรดกของภูตผีเสื้อโอสถ

มีความเข้าใจต่อการเล่นแร่แปรธาตุและทักษะลับมากมาย นี่อาจไร้ประโยชน์กับคนอื่นๆ แต่ในฐานะนักเล่นแร่แปรธาตุนี่เป็นขุมสมบัติเลยทีเดียว

ก็เป็นเหมือนตอนมู่เฉินได้รับความเข้าใจต่อค่ายกลจากมารดา ทำให้เขาสามารถบรรลุการเป็นหลิงเจิ้นจงซือขั้นเทียนได้ มิหนำซ้ำยังให้ความช่วยเหลือยิ่งใหญ่ในการพัฒนาในอนาคตเพื่อเข้าสู่ขุมพลังเทียนจื้อจุน

ด้วยมรดกนี้ เวินชิงเฉวียนจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่มีชื่อเสียงในอนาคต แน่นอนว่านี่เป็นข่าวที่ดีสำหรับตระกูลเวิน

เพราะนักเล่นแร่แปรธาตุเป็นศาสตร์อีกแขนงหนึ่งที่ได้รับการต้อนรับมากในมหาพันภพ

“ข้อมูลที่ได้มาเป็นเรื่องจริง!”

เวินชิงเฉวียนชื่นชมยินดี แต่นางรู้ว่าต้องใช้ความกล้าหาญอย่างยิ่งในการรับมรดก เพราะไม่ใช่ทุกคนที่กล้ากระโจนลงไปในหม้อกลั่น เนื่องจากอาจไม่เหลือแม้แต่ซากไว้ได้

ระหว่างชีวิตและมรดกผู้คนส่วนใหญ่เลือกชีวิต เพราะไม่มีชีวิตมรดกใดๆ ก็ไร้ประโยชน์

“บ้าเอ๊ย!”

เมื่อเห็นเวินชิงเฉวียนได้รับมรดกไปแล้ว ใบหน้าของต่งซันและพรรคพวกก็เปลี่ยนไปรุนแรง เนื่องจากการได้รับมรดกของภูตผีเสื้อโอสถของเวินชิงเฉวียน นี่ไม่เท่ากับว่าทุกสิ่งที่พวกเขาพยายามสลายกลายเป็นอากาศธาตุเรอะ?

“ฮ่าๆ เจ้าประสบความสำเร็จจริงๆ”

สายตาของหวู่ทงวูบไหว ขณะที่เริ่มหัวเราะร่วนอยู่ภายในคุกน้ำ นิ้วหนีบเข้าด้วยกันยันต์สีดำก็ปรากฏ บนยันต์ถูกวาดด้วยลวดลายลึกซึ้ง ทำให้เกิดความผันผวนที่แปลกประหลาด

หวู่ทงเงยหน้าขึ้นมองหลิงซีพลางยิ้มอ่อน ก่อนที่ยันต์ในมือจะกลายเป็นเปลวไฟ

หลิงซีจับจ้องอีกฝ่ายอยู่ตลอด ดังนั้นเมื่อยันต์ปรากฏในมือเขา นางก็สังเกตเห็นทันที นางรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ รีบเร้าค่ายกลทันที

ซ่า!

น้ำสีดำไร้ขอบเขตกดลงพร้อมกับแรงน่ากลัว มังกรดำนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหาหวู่ทง ไม่ว่าเขาตั้งใจทำอะไร หลิงซีก็ต้องหยุดก่อน

“ปฏิกิริยาเร็วใช้ได้ แต่น่าเสียดายที่ไร้ประโยชน์”

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งกีดขวางของหลิงซี หวู่ทงก็ยิ้มบาง ยันต์ในมือเขากลายเป็นควันสีดำห่อหุ้มร่างเอาไว้

เมื่อควันดำล้อมรอบ ร่างเงาของหวู่ทงก็หายวับไปทันที

“ชิงเฉวียนระวัง!”

มู่เฉินที่กำลังเผชิญหน้ากับองครักษ์เงาสองคนตะโกนเตือน ขณะที่ดวงตาเปล่งประกาย

วาบ!

กลุ่มควันสีดำมาปรากฏที่เบื้องหน้าเวินชิงเฉวียนคว้าข้อมือบางเอาไว้ จากนั้นก็เหวี่ยงนางกระแทกเข้ากับหม้อกลั่นที่อยู่ด้านล่าง

เคร้ง!

ปะทะกับหม้อหนักหน่วงเกิดเสียงดังกึกก้องขึ้น แต่อาจเป็นเพราะเวินชิงเฉวียนได้รับมรดก นางเลยไม่ได้กลายเป็นเถ้าถ่านจากเปลวไฟบนหม้อกลั่น

อ็อก
อ่านนิยาย
แต่กระนั้นผลกระทบนี้ก็ทำให้เวินชิงเฉวียนกระอักเลือดเต็มปาก หม้อกลั่นถึงกับปลิวออกไป

แต่หลังจากเหวี่ยงเวินชิงเฉวียนแล้ว หวู่ทงก็ไม่ได้ออกกระบวนท่าโจมตีใดๆ อย่างที่ทุกคนคาดไว้ ตรงกันข้ามเขาหยุดเคลื่อนไหว จ้องไปยังสถานที่ที่หม้อขนาดใหญ่เคยสถิตอยู่ก่อนหน้า ท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือชัดเจน

หม้อที่อยู่ก่อนหน้าที่ถูกกระแทกออกไปโดยเวินชิงเฉวียน ปรากฏค่ายกลขึ้นตรงจุดที่หม้อที่เคยอยู่เมื่อครู่

หวู่ทงมองไปที่ค่ายกลด้วยดวงตาเป็นประกาย ยันต์ยิงออกไปตกลงบนค่ายกล

ฮึ่ม ฮึ่ม

ทันใดแสงหลิงเข้มข้นก็ปะทุขึ้นจากค่ายกล มิติบิดเบือนก่อนเส้นทางจะเกิดขึ้น

การเปลี่ยนแปลงฉับพลันทำให้ทุกคนคาดไม่ถึง ไม่มีใครคิดว่าจะมีสิ่งพิเศษภายใต้หม้อกลั่นนี้

“เวินชิงเฉวียน เจ้าคิดว่าเป้าหมายของตระกูลหวู่เป็นแค่มรดกของภูตผีเสื้อโอสถรึ?” หวู่ทงหันกลับมามองที่เวินชิงเฉวียนด้วยดวงตาหรี่แคบลงจากรอยยิ้ม

“ข้อมูลที่ตระกูลเวินได้รวบรวมเกี่ยวข้องกับภูตผีเสื้อโอสถเท่านั้น แต่พวกเจ้าไม่รู้ว่ามีมรดกอีกอย่างซ่อนอยู่ที่นี่ ซึ่งเป็นของสามีของนาง—จักรพรรดิมังกรดำ!”

“จักรพรรดิมังกรดำ?!” เวินชิงเฉวียนตกใจ นี่คือสิ่งที่นางไม่รู้จริงๆ แต่นางทราบประวัติของจักรพรรดิมังกรดำ เขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนที่มีชื่อเสียงและเป็นสามีของภูตผีเสื้อโอสถ

นอกจากนี้สิ่งที่จักรพรรดิมังกรดำทรงพลังที่สุดไม่ใช่ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิง แต่เป็นศาสตร์จั้นเจิ้นซือ!

เขาได้สร้างกองทัพมังกรดำขึ้นมา ซึ่งนักรบทุกคนในกองทัพชโลมด้วยเลือดมังกรสร้างพวกเขาเป็นนักรบมังกร กองทัพมังกรดำตอนสถานะสุดยอด ทำให้จักรพรรดิมังกรดำกลายเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงในขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน

ทว่าผลจากการมหาสงครามครั้งยิ่งใหญ่ ทำให้จักรพรรดิมังกรดำต้องสละชีวิตไปพร้อมกับภูตผีเสื้อโอสถ จากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวใดๆ แม้แต่กองทัพมังกรดำก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“เป้าหมายของตระกูลหวู่คือกองทัพมังกรดำนั่นเองรึ?!” เวินชิงเฉวียนคิดได้ในทันที ตระกูลหวู่ต้องได้รับข่าวเกี่ยวกับกองทัพมังกรดำที่ไหนสักแห่ง นั่นคือเหตุผลที่พวกเขามุ่งหน้ามายังสถานที่แห่งนี้ด้วยทุกอย่างที่มี

หวู่ทงยักไหล่ยิ้ม “แม้ว่าตามข้อมูลกองทัพมังกรดำได้รับความเสียหาย แต่เนื่องจากนักรบทุกคนได้รับการชโลมด้วยเลือดมังกร ในเวลาสุดท้ายจักรพรรดิมังกรดำจึงได้เปลี่ยนกองทัพมังกรดำกลายเป็นกองทัพอมตะ มิหนำซ้ำยังทำให้พวกเขาหลับใหล ดังนั้นกองทัพนี้จึงได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี หากกองทัพนี้อยู่ในมือตระกูลหวู่ละก็ ข้าจะสามารถควบคุมกองทัพมังกรดำทำลายล้างตระกูลเวินเพียงแค่พลิกฝ่ามือเท่านั้น!”

“ทว่ากองทัพมังกรดำได้รับการปกป้องจากหม้อกลั่นของภูตผีเสื้อโอสถและด้วยเพลิงประหลาดบนหม้อกลั่น แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็ยังกลายเป็นเถ้าถ่านได้เมื่อสัมผัส เฉพาะผู้ที่ได้รับมรดกของภูตผีเสื้อโอสถเท่านั้นที่มีภูมิคุ้มกันต่อเพลิงเหล่านั้น”

ขณะที่พูดหวู่ทงก็มองไปที่เวินชิงเฉวียนด้วยสายตาเย้ยหยัน “ดังนั้นหากเจ้าไม่มีความกล้า ข้าอาจจะต้องปวดหัวหนักกับมรดกนี้ เพราะวิธีการแบบเสี่ยงชีวิตไม่เหมาะกับข้าหรอก”

ใบหน้าของเวินชิงเฉวียนซีดขาวลง แบบนี้นี่เองหวู่ทงรอให้นางได้รับมรดกเพื่อจะใช้นางเป็นกุญแจไขเข้าไปในมิติมังกรดำ!

แต่ถ้ากองทัพมังกรดำตกอยู่ในมือตระกูลหวู่จริงๆ ละก็ จะเป็นหายนะต่อตระกูลเวินอย่างยิ่ง

ดังนั้นต้องขัดขวางให้ได้

“คิดจะขัดขวางข้าเหรอ? ที่จริงพูดกับพวกเจ้ามากขนาดนี้ ก็แค่ไม่ต้องการให้พวกเจ้ารบกวนเสถียรภาพของมิติมังกรดำนี้”

เหมือนรู้เจตนาของอีกฝ่าย หวู่ทงก็ส่ายหัวมองมิติที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเบื้องหน้า ก่อนที่จะหันไปมองมู่เฉิน เวินชิงเฉวียน และคนอื่นๆ รอยยิ้มเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า

“ตอนนี้พวกเจ้าก็เตรียมตัวรอข้าออกมาพร้อมกับกองทัพมังกรดำเถอะ หวังว่าพวกเจ้าจะยังเหลือความกล้าที่จะประจันหน้าข้านะ”

“นอกจากนี้ข้าก็ใจดีที่จะบอกซะหน่อยว่ามีเพียงจั้นเจิ้นซือเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่มิติมังกรดำได้ ดังนั้นพวกเจ้าหยุดเสียเวลาซะ”

“และบังเอิญเชียวแหละ เพราะข้าเป็นจั้นเจิ้นซือ”

มองดูศัตรูด้วยสายตาสงสาร หวู่ทงก็สูดหายใจลึกก้าวย่างเข้าไปโดยไม่ลังเล

แต่จังหวะนั้นเองเสียงหัวเราะที่แฝงความประหลาดใจเล็กน้อยก็ดังก้องไปทั่วถ้ำแห่งนี้

“จั้นเจิ้นซือรึ?

“บังเอิญจริง ข้าก็เป็นเหมือนกัน!”

ทุกคนหันขวับไปก็เห็นเงาของมู่เฉินที่ขวางองครักษ์เงาทะยานออกไป ร่างเขาราวกับสายฟ้าพุ่งเข้าไปในมิตินั้น

ในช่วงเวลานั้นความผันผวนแปลกประหลาดก็เพิ่มขึ้นในร่างกาย ซึ่งก็คือรัศมีจั้นยี่ที่เป็นเอกลักษณ์ของจั้นเจิ้นซือ!

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท