บทที่ 1321 แสดงพลังอำนาจ
ตู้ม!
คลื่นหลิงราวกับภูเขาไฟระเบิดออกในตลาดทำให้มิติสั่นสะเทือน ผู้คนจำนวนมากที่เฝ้ามองถึงกับเปลี่ยนสีหน้า พวกเขาถอยกันจ้าละหวั่น แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มยังมองมั่วซินด้วยสายตาหวาดกลัว
ประมุขน้อยเผ่าฝูถู สมคำล่ำลือจริงๆ
ท่ามกลางสายตาหวาดกลัวมากมาย สายตาของมั่วซินก็จับจ้องไปที่มู่เฉินราวกับเหยี่ยว วินาทีต่อมาเขาก้าวออกไปร่างเงาทะยานไปหามู่เฉินทันที
แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มยังมองเห็นเพียงภาพมายาเท่านั้น
“เร็วมาก!”
หัวใจของผู้คนสั่นไหว เผชิญกับความเร็วนี้พวกเขาไม่มีเวลาที่จะป้องกันตัวก่อนที่การโจมตีของมั่วซินจะมาถึงตัวแน่นอน
“แกยังไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดคำเหล่านี้กับมู่เฉิน!”
ทว่าเมื่อมั่วซินทะยานเข้ามา หลิงซีก็เป็นคนแรกที่เกรี้ยวกราด ในแง่ของสถานะมู่เฉินไม่ได้ต่ำกว่ามั่วซินเลย แต่คำพูดของชายคนนี้ช่างจองหองไม่เห็นมู่เฉินอยู่ในสายตา
ใบหน้าของหลิงซีเย็นเยือกขณะที่โบกมือ แสงดาวนับไม่ถ้วนรวมอยู่ในสภาพแวดล้อมก่อร่างเป็นค่ายกลห่อหุ้มมั่วซินไว้ภายใน
โฮก!
คลื่นหลิงทรงพลังรวมตัวกันอย่างรวดเร็วในค่ายกล ถักทอเป็นมังกรสิงห์ส่งเสียงคำรามดุร้าย
มังกรสิงห์นี้เหมือนจริงอย่างยิ่ง ขณะที่คำรามก็เปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งเข้าหามั่วซินด้วยความดุร้าย
“ค่ายกล? กลสั่วๆ”
มั่วซินเยาะเย้ยไม่คิดหยุดลง เขาเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกับคลื่นหลิงรุนแรงรวมตัวกันบนกำปั้น ชั้นแสงสีดำห่อหุ้มกำปั้นของเขาเอาไว้
ตู้ม!
กำปั้นปะทะกับหัวมังกรสิงห์ มิติผันผวนและแตกออกจากกัน ขณะที่มังกรสิงห์ระเบิดออกทันที
เห็นได้ชัดว่าค่ายกลที่หลิงซีสร้างขึ้นอย่างเร่งรีบ ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อมั่วซินเลย
“ในเมื่อแกเสนอหน้าเอง งั้นข้าจัดการแกก่อนแล้วกัน!” มังกรสิงห์แตกสลายจากกำปั้น เงาร่างมั่วซินก็ทะลวงมิติมาปรากฏตัวต่อหน้าหลิงซี คลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวห่อหุ้มกำปั้น พุ่งไปที่หน้าอกของหลิงซีหมายที่จะฆ่าในกระบวนท่าเดียว
การโจมตีของมั่วซินรวดเร็วมาก เมื่อเทียบกันแม้แต่หวู่ทงที่สู้มาก่อนหน้าก็เทียบไม่ติด
ดังนั้นเมื่อหมัดซัดมา หลิงซีก็ขมวดคิ้วเบาๆ สัญลักษณ์หลิงยิ่งนับไม่ถ้วนกลั่นตัวเร็วรี่ นางไม่ได้เลือกที่จะป้องกัน เพราะตราบใดที่สามารถสร้างค่ายกลนี้ได้เสร็จสิ้น แม้แต่มั่วซินก็ต้องจ่ายราคาแพงระยับ
แต่แน่นอนว่านางก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากมั่วซิน
นี่เป็นการต่อสู้แบบไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะ
แต่เมื่อการโจมตีของมั่วซินพุ่งเข้ามาใกล้หลิงซี ข้อมือนางก็ถูกดึงกลับทันที
ในเวลาเดียวกันร่างของมู่เฉินก็พุ่งออกมาราวกับเสือดาว รัศมีร้ายกาจพวยพุ่งในดวงตาขณะที่กระโจนเข้าใส่มั่วซิน
“เลิกหลบอยู่หลังผู้หญิงแล้วเรอะ?” เมื่อเห็นมู่เฉินพุ่งเข้ามา ความเยาะเย้ยที่แขวนอยู่บนริมฝีปากของมั่วซินก็แน่นหนาขึ้น ทว่าการโจมตีของเขาไม่แสดงสัญญาณจะผ่อนลง ตรงกันข้ามความผันผวนของคลื่นหลิงที่มากับหมัดกลับหนาแน่นมากขึ้น
เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจจะจัดการมู่เฉินด้วยกำปั้นเดียว
มู่เฉินไม่มีสีหน้าใด เจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ส่องประกายแวววับในดวงตา คลื่นหลิงในร่างกายเขาได้รับการปรับเปลี่ยน ขยายเป็นผลึกคลื่นหลิงที่ราวกับคลื่นเชี่ยวกรากโหมกระหน่ำในร่างกาย
ประจันหน้ากับหมัดดุเดือดของมั่วซิน มู่เฉินก็ขว้างหม้ดใส่ไปเช่นกัน
ผลึกคลื่นหลิงรวมตัวกันที่กำปั้นของเขา ทำให้ท่อนแขนตกผลึกพร้อมกับความผันผวนที่ไม่สามารถทำลายได้สั่นไหวในมิติ
นอกจากนี้ผลึกคลื่นหลิงยังวูบไหวมาพร้อมกับความผันผวนที่แปลกประหลาด ซึ่งทำให้คลื่นหลิงในฟ้าดินไม่กล้าเข้าใกล้
“เจดีย์พุทธะจริงด้วย!”
ดวงตาของมั่วซินสั่นไหว ในเผ่าฝูถูมีเพียงเจดีย์พุทธะที่มีความสามารถในการผนึกที่บริสุทธิ์และทรงพลังเพียงนี้ คลื่นหลิงใดๆ จะถูกผนึกอย่างรวดเร็วเมื่อถูกสัมผัส
“แต่นี่ไร้ประโยชน์กับข้า!”
มั่วซินเค้นเสียงเย็นขณะที่แสงสีดำกะพริบในนัยน์ตา มีเจดีย์ปรากฏในรูม่านตาของเขาด้วย ทว่ามันเป็นสีดำสนิท
เจดีย์สีดำนี้ก็เป็นสิ่งหายากในเผ่าฝูถู มีเพียงสายเลือดบริสุทธิ์ที่สุดของตระกูลมั่วเท่านั้นถึงสามารถฝึกฝนได้ แม้ว่าเจดีย์จะมีความสามารถในการปิดผนึก แต่ก็ไม่ได้บริสุทธิ์เท่าเจดีย์พุทธะ มิหนำซ้ำยังมืดมนและน่ากลัวกว่า
แสงสีดำเปลี่ยนท่อนแขนของมั่วซินเป็นสีดำสนิทพร้อมกับควันดำเชี่ยวกราก ราวกับว่ามีความสามารถในการกัดกร่อน เมื่อควันลอยขึ้นก็ทิ้งรอยดำไว้ในมิติ
ตู้ม!
หมัดแสงสว่างและมืดมิดปะทะกันอย่างดุเดือด อึดใจต่อมาแสงสองสายก็ระเบิดออก พวกมันพยายามที่จะกัดเซาะซึ่งกันและกันอยู่ตลอดเวลา แม้แต่พื้นดินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาก็ทรุดตัวลง ทิ้งรอยร้าวราวกับใยแมงมุมขนาดใหญ่ไว้บนพื้นเมื่อแผ่ขยายออกไป
คลื่นหลิงทรงพลังกวาดออก ขณะที่มู่เฉินและมั่วซินตัวสั่นสะท้าน มู่เฉินถอยหลังออกไปหลายสิบก้าว หินก้อนใหญ่ที่เบื้องหลังแตกสลายเป็นเถ้าถ่านตั้งแต่ยังห่างออกไปหลายสิบจั้ง
“เป็นแค่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายยังกล้าเสนอหน้ากับข้าเรอะ?” มั่วซินก้าวถอยไปไม่กี่ก้าว ชัดว่าเขาได้เปรียบจากกระบวนท่านี้ เขาเค้นเสียงเย้ยหยัน
ฮึ่ม
แต่เมื่อเสียงของเขาจางลง เขาก็รู้สึกถึงคลื่นมิติทางด้านขวามือ ภาพเงาปรากฏขึ้นพร้อมกับหมัดทรงพลังปกคลุมไปด้วยผลึกแสง
การจู่โจมฉับพลันทำให้มั่วซินประหลาดใจ เนื่องจากมู่เฉินถูกโจมตีอย่างชัดเจนจากกระบวนท่าของเขา ดังนั้นตอนนี้ใครกันที่กำลังซัดใส่เขา?
แม้จะประหลาดใจ แต่ก็มีปฏิกิริยาทันท่วงที เขาตบฝ่ามือออกไปปะทะกับกำปั้นผลึกใส
ปัง!
ในการเผชิญหน้าครั้งนี้มั่วซินกลับเป็นฝ่ายที่ต้องทนทุกข์ มือของเขาสั่นเทาก่อนที่จะกระเด็นออกไป
ขณะที่ถอยกลับใบหน้าของมั่วซินก็มืดครึ้มพร้อมกับความตื่นตะลึงวูบไหวในดวงตา นั่นเป็นเพราะทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเป็นมู่เฉินที่ทำร้ายเขา
“ทำไมมีมู่เฉินสองคน?” หัวใจของมั่งซินตะลึงลาน
“ไม่ ยังมีอีกคน!”
เวลานี้มั่วซินรู้สึกถึงความผันผวนของพลังงานจากด้านหลัง ม่านตาถึงกับหดลง แต่คราวนี้เขาก็ไม่ทันป้องกันแล้ว คลื่นหลิงทรงพลังปะทะกับแผ่นหลังของเขา
ปัง!
พลังน่าสะพรึงกลัวระเบิดขึ้น มั่วซินกระเด็นออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่ แหวกเป็นทางยาวก่อนที่ร่างจะถูกฝังอยู่ในซากปรักหักพัง
เงียบชี่
ทั้งตลาดตกอยู่ในความเงียบงัน หลายคนฉายแววตกตะลึงในสายตา พวกเขาไม่เคยคิดว่านี่จะเป็นผลลัพธ์ระหว่างการเผชิญหน้าของทั้งสอง
การปะทะกันในกระบวนท่าแรกมู่เฉินตกเป็นเบี้ยล่างอย่างชัดเจน แต่ไม่มีใครคิดว่าจะมีมู่เฉินอีกสองคนที่มีพลังคล้ายกันปรากฏขึ้น ทำให้มั่วซินตกอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช
“นี่มันร่างดวงจิตอะไรกัน? ทำไมถึงกับมีพลังเทียบเท่ากับร่างหลักได้!” ทุกคนมองไปที่ร่างทั้งสามด้วยความหวาดผวา พวกเขาปล่อยรัศมีที่เหมือนกัน แต่ล้วนมีความผันผวนของคลื่นหลิงที่ทรงพลัง
เมื่อกลุ่มชิงซวงเห็นภาพนี้จากที่ไกล พวกนางก็เงียบงันลงไปเช่นกัน
ชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะขยี้ตา ความไม่เชื่อปรากฏบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าผลลัพธ์นี้เป็นสิ่งที่นางไม่อาจจินตนาการได้
“ทำไม…ทำไมเป็นแบบนี้ได้? ร่างดวงจิตนั่นมันอะไรกัน!” ชิงหลิงเบิกตากว้างขณะพูดตะกุกตะกัก
ชิงซวงที่มีใบหน้าเย็นชาเสมอยังตกตะลึงไป แต่นางก็ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว นางมองมู่เฉินอย่างลึกซึ้งเอ่ยเยาะเย้ยตนเอง “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมองพลาด เขาที่เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ไม่ง่ายอย่างที่เห็น”
ด้วยร่างดวงจิตทั้งสองร่างที่มีพลังเช่นเดียวกัน แม้ว่ามู่เฉินจะเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย แต่อำนาจการต่อสู้ที่เขาครอบครองไม่ได้อ่อนแอไปกว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มเลย
ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมมู่เฉินยังสงบนิ่งอยู่ได้ แม้จะเป็นศัตรูกับเฉวียนหลังและมั่วซิน ที่แท้เขาก็มีพลังในการเผชิญหน้าจริงๆ
ตลกแล้วที่นางบอกว่าจะต้องปกป้องเขา ตอนนี้เมื่อเห็นก็รู้สึกว่าทำให้ตัวเองขายหน้าแล้ว
ชิงหลิงมุ่ยปาก ท่าทางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นเงาร่างทั้งสามนางก็เลือกเงียบไป คนที่สามารถทำให้มั่วซินทนทุกข์ทรมานในการเผชิญหน้า เพียงพอที่จะทำให้นางเก็บความถือดีเอาไว้
ในเวลาเดียวกันเฉวียนหลัวกลับมองสิ่งนี้ด้วยท่าทางสงบ เนื่องจากเขารู้เกี่ยวกับข้อมูลมู่เฉินมานาน ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจที่มั่วซินจะเสียเปรียบจากความประมาทของตนเอง
แต่เมื่อเขาเห็นร่างรองทั้งสอง ไฟแห่งความโลภที่ไม่สามารถปกปิดได้ก็วูบไหวในดวงตา
“วิชาสามพิสุทธิ์ของจริง”
“ไอ้กาลกิณีนั่นโชคดีนัก แต่ตราบใดที่แกตกอยู่ในกำมือข้า วิชาสุดยอดนี้ก็จะเป็นของข้า!”