หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1321

ตอนที่ 1321

บทที่ 1321 แสดงพลังอำนาจ
ตู้ม!

คลื่นหลิงราวกับภูเขาไฟระเบิดออกในตลาดทำให้มิติสั่นสะเทือน ผู้คนจำนวนมากที่เฝ้ามองถึงกับเปลี่ยนสีหน้า พวกเขาถอยกันจ้าละหวั่น แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มยังมองมั่วซินด้วยสายตาหวาดกลัว

ประมุขน้อยเผ่าฝูถู สมคำล่ำลือจริงๆ

ท่ามกลางสายตาหวาดกลัวมากมาย สายตาของมั่วซินก็จับจ้องไปที่มู่เฉินราวกับเหยี่ยว วินาทีต่อมาเขาก้าวออกไปร่างเงาทะยานไปหามู่เฉินทันที

แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มยังมองเห็นเพียงภาพมายาเท่านั้น

“เร็วมาก!”

หัวใจของผู้คนสั่นไหว เผชิญกับความเร็วนี้พวกเขาไม่มีเวลาที่จะป้องกันตัวก่อนที่การโจมตีของมั่วซินจะมาถึงตัวแน่นอน

“แกยังไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดคำเหล่านี้กับมู่เฉิน!”

ทว่าเมื่อมั่วซินทะยานเข้ามา หลิงซีก็เป็นคนแรกที่เกรี้ยวกราด ในแง่ของสถานะมู่เฉินไม่ได้ต่ำกว่ามั่วซินเลย แต่คำพูดของชายคนนี้ช่างจองหองไม่เห็นมู่เฉินอยู่ในสายตา

ใบหน้าของหลิงซีเย็นเยือกขณะที่โบกมือ แสงดาวนับไม่ถ้วนรวมอยู่ในสภาพแวดล้อมก่อร่างเป็นค่ายกลห่อหุ้มมั่วซินไว้ภายใน

โฮก!

คลื่นหลิงทรงพลังรวมตัวกันอย่างรวดเร็วในค่ายกล ถักทอเป็นมังกรสิงห์ส่งเสียงคำรามดุร้าย

มังกรสิงห์นี้เหมือนจริงอย่างยิ่ง ขณะที่คำรามก็เปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งเข้าหามั่วซินด้วยความดุร้าย

“ค่ายกล? กลสั่วๆ”

มั่วซินเยาะเย้ยไม่คิดหยุดลง เขาเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกับคลื่นหลิงรุนแรงรวมตัวกันบนกำปั้น ชั้นแสงสีดำห่อหุ้มกำปั้นของเขาเอาไว้

ตู้ม!

กำปั้นปะทะกับหัวมังกรสิงห์ มิติผันผวนและแตกออกจากกัน ขณะที่มังกรสิงห์ระเบิดออกทันที

เห็นได้ชัดว่าค่ายกลที่หลิงซีสร้างขึ้นอย่างเร่งรีบ ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อมั่วซินเลย

“ในเมื่อแกเสนอหน้าเอง งั้นข้าจัดการแกก่อนแล้วกัน!” มังกรสิงห์แตกสลายจากกำปั้น เงาร่างมั่วซินก็ทะลวงมิติมาปรากฏตัวต่อหน้าหลิงซี คลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวห่อหุ้มกำปั้น พุ่งไปที่หน้าอกของหลิงซีหมายที่จะฆ่าในกระบวนท่าเดียว

การโจมตีของมั่วซินรวดเร็วมาก เมื่อเทียบกันแม้แต่หวู่ทงที่สู้มาก่อนหน้าก็เทียบไม่ติด

ดังนั้นเมื่อหมัดซัดมา หลิงซีก็ขมวดคิ้วเบาๆ สัญลักษณ์หลิงยิ่งนับไม่ถ้วนกลั่นตัวเร็วรี่ นางไม่ได้เลือกที่จะป้องกัน เพราะตราบใดที่สามารถสร้างค่ายกลนี้ได้เสร็จสิ้น แม้แต่มั่วซินก็ต้องจ่ายราคาแพงระยับ

แต่แน่นอนว่านางก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากมั่วซิน

นี่เป็นการต่อสู้แบบไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะ

แต่เมื่อการโจมตีของมั่วซินพุ่งเข้ามาใกล้หลิงซี ข้อมือนางก็ถูกดึงกลับทันที

ในเวลาเดียวกันร่างของมู่เฉินก็พุ่งออกมาราวกับเสือดาว รัศมีร้ายกาจพวยพุ่งในดวงตาขณะที่กระโจนเข้าใส่มั่วซิน

“เลิกหลบอยู่หลังผู้หญิงแล้วเรอะ?” เมื่อเห็นมู่เฉินพุ่งเข้ามา ความเยาะเย้ยที่แขวนอยู่บนริมฝีปากของมั่วซินก็แน่นหนาขึ้น ทว่าการโจมตีของเขาไม่แสดงสัญญาณจะผ่อนลง ตรงกันข้ามความผันผวนของคลื่นหลิงที่มากับหมัดกลับหนาแน่นมากขึ้น

เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจจะจัดการมู่เฉินด้วยกำปั้นเดียว

มู่เฉินไม่มีสีหน้าใด เจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ส่องประกายแวววับในดวงตา คลื่นหลิงในร่างกายเขาได้รับการปรับเปลี่ยน ขยายเป็นผลึกคลื่นหลิงที่ราวกับคลื่นเชี่ยวกรากโหมกระหน่ำในร่างกาย

ประจันหน้ากับหมัดดุเดือดของมั่วซิน มู่เฉินก็ขว้างหม้ดใส่ไปเช่นกัน

ผลึกคลื่นหลิงรวมตัวกันที่กำปั้นของเขา ทำให้ท่อนแขนตกผลึกพร้อมกับความผันผวนที่ไม่สามารถทำลายได้สั่นไหวในมิติ

นอกจากนี้ผลึกคลื่นหลิงยังวูบไหวมาพร้อมกับความผันผวนที่แปลกประหลาด ซึ่งทำให้คลื่นหลิงในฟ้าดินไม่กล้าเข้าใกล้

“เจดีย์พุทธะจริงด้วย!”

ดวงตาของมั่วซินสั่นไหว ในเผ่าฝูถูมีเพียงเจดีย์พุทธะที่มีความสามารถในการผนึกที่บริสุทธิ์และทรงพลังเพียงนี้ คลื่นหลิงใดๆ จะถูกผนึกอย่างรวดเร็วเมื่อถูกสัมผัส

“แต่นี่ไร้ประโยชน์กับข้า!”

มั่วซินเค้นเสียงเย็นขณะที่แสงสีดำกะพริบในนัยน์ตา มีเจดีย์ปรากฏในรูม่านตาของเขาด้วย ทว่ามันเป็นสีดำสนิท

เจดีย์สีดำนี้ก็เป็นสิ่งหายากในเผ่าฝูถู มีเพียงสายเลือดบริสุทธิ์ที่สุดของตระกูลมั่วเท่านั้นถึงสามารถฝึกฝนได้ แม้ว่าเจดีย์จะมีความสามารถในการปิดผนึก แต่ก็ไม่ได้บริสุทธิ์เท่าเจดีย์พุทธะ มิหนำซ้ำยังมืดมนและน่ากลัวกว่า

แสงสีดำเปลี่ยนท่อนแขนของมั่วซินเป็นสีดำสนิทพร้อมกับควันดำเชี่ยวกราก ราวกับว่ามีความสามารถในการกัดกร่อน เมื่อควันลอยขึ้นก็ทิ้งรอยดำไว้ในมิติ

ตู้ม!

หมัดแสงสว่างและมืดมิดปะทะกันอย่างดุเดือด อึดใจต่อมาแสงสองสายก็ระเบิดออก พวกมันพยายามที่จะกัดเซาะซึ่งกันและกันอยู่ตลอดเวลา แม้แต่พื้นดินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาก็ทรุดตัวลง ทิ้งรอยร้าวราวกับใยแมงมุมขนาดใหญ่ไว้บนพื้นเมื่อแผ่ขยายออกไป

คลื่นหลิงทรงพลังกวาดออก ขณะที่มู่เฉินและมั่วซินตัวสั่นสะท้าน มู่เฉินถอยหลังออกไปหลายสิบก้าว หินก้อนใหญ่ที่เบื้องหลังแตกสลายเป็นเถ้าถ่านตั้งแต่ยังห่างออกไปหลายสิบจั้ง

“เป็นแค่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายยังกล้าเสนอหน้ากับข้าเรอะ?” มั่วซินก้าวถอยไปไม่กี่ก้าว ชัดว่าเขาได้เปรียบจากกระบวนท่านี้ เขาเค้นเสียงเย้ยหยัน

ฮึ่ม

แต่เมื่อเสียงของเขาจางลง เขาก็รู้สึกถึงคลื่นมิติทางด้านขวามือ ภาพเงาปรากฏขึ้นพร้อมกับหมัดทรงพลังปกคลุมไปด้วยผลึกแสง

การจู่โจมฉับพลันทำให้มั่วซินประหลาดใจ เนื่องจากมู่เฉินถูกโจมตีอย่างชัดเจนจากกระบวนท่าของเขา ดังนั้นตอนนี้ใครกันที่กำลังซัดใส่เขา?

แม้จะประหลาดใจ แต่ก็มีปฏิกิริยาทันท่วงที เขาตบฝ่ามือออกไปปะทะกับกำปั้นผลึกใส

ปัง!

ในการเผชิญหน้าครั้งนี้มั่วซินกลับเป็นฝ่ายที่ต้องทนทุกข์ มือของเขาสั่นเทาก่อนที่จะกระเด็นออกไป

ขณะที่ถอยกลับใบหน้าของมั่วซินก็มืดครึ้มพร้อมกับความตื่นตะลึงวูบไหวในดวงตา นั่นเป็นเพราะทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเป็นมู่เฉินที่ทำร้ายเขา

“ทำไมมีมู่เฉินสองคน?” หัวใจของมั่งซินตะลึงลาน

“ไม่ ยังมีอีกคน!”

เวลานี้มั่วซินรู้สึกถึงความผันผวนของพลังงานจากด้านหลัง ม่านตาถึงกับหดลง แต่คราวนี้เขาก็ไม่ทันป้องกันแล้ว คลื่นหลิงทรงพลังปะทะกับแผ่นหลังของเขา

ปัง!

พลังน่าสะพรึงกลัวระเบิดขึ้น มั่วซินกระเด็นออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่ แหวกเป็นทางยาวก่อนที่ร่างจะถูกฝังอยู่ในซากปรักหักพัง

เงียบชี่

ทั้งตลาดตกอยู่ในความเงียบงัน หลายคนฉายแววตกตะลึงในสายตา พวกเขาไม่เคยคิดว่านี่จะเป็นผลลัพธ์ระหว่างการเผชิญหน้าของทั้งสอง

การปะทะกันในกระบวนท่าแรกมู่เฉินตกเป็นเบี้ยล่างอย่างชัดเจน แต่ไม่มีใครคิดว่าจะมีมู่เฉินอีกสองคนที่มีพลังคล้ายกันปรากฏขึ้น ทำให้มั่วซินตกอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช

“นี่มันร่างดวงจิตอะไรกัน? ทำไมถึงกับมีพลังเทียบเท่ากับร่างหลักได้!” ทุกคนมองไปที่ร่างทั้งสามด้วยความหวาดผวา พวกเขาปล่อยรัศมีที่เหมือนกัน แต่ล้วนมีความผันผวนของคลื่นหลิงที่ทรงพลัง

เมื่อกลุ่มชิงซวงเห็นภาพนี้จากที่ไกล พวกนางก็เงียบงันลงไปเช่นกัน

ชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะขยี้ตา ความไม่เชื่อปรากฏบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าผลลัพธ์นี้เป็นสิ่งที่นางไม่อาจจินตนาการได้

“ทำไม…ทำไมเป็นแบบนี้ได้? ร่างดวงจิตนั่นมันอะไรกัน!” ชิงหลิงเบิกตากว้างขณะพูดตะกุกตะกัก

ชิงซวงที่มีใบหน้าเย็นชาเสมอยังตกตะลึงไป แต่นางก็ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว นางมองมู่เฉินอย่างลึกซึ้งเอ่ยเยาะเย้ยตนเอง “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมองพลาด เขาที่เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ไม่ง่ายอย่างที่เห็น”

ด้วยร่างดวงจิตทั้งสองร่างที่มีพลังเช่นเดียวกัน แม้ว่ามู่เฉินจะเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย แต่อำนาจการต่อสู้ที่เขาครอบครองไม่ได้อ่อนแอไปกว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มเลย

ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมมู่เฉินยังสงบนิ่งอยู่ได้ แม้จะเป็นศัตรูกับเฉวียนหลังและมั่วซิน ที่แท้เขาก็มีพลังในการเผชิญหน้าจริงๆ

ตลกแล้วที่นางบอกว่าจะต้องปกป้องเขา ตอนนี้เมื่อเห็นก็รู้สึกว่าทำให้ตัวเองขายหน้าแล้ว

ชิงหลิงมุ่ยปาก ท่าทางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นเงาร่างทั้งสามนางก็เลือกเงียบไป คนที่สามารถทำให้มั่วซินทนทุกข์ทรมานในการเผชิญหน้า เพียงพอที่จะทำให้นางเก็บความถือดีเอาไว้

ในเวลาเดียวกันเฉวียนหลัวกลับมองสิ่งนี้ด้วยท่าทางสงบ เนื่องจากเขารู้เกี่ยวกับข้อมูลมู่เฉินมานาน ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจที่มั่วซินจะเสียเปรียบจากความประมาทของตนเอง

แต่เมื่อเขาเห็นร่างรองทั้งสอง ไฟแห่งความโลภที่ไม่สามารถปกปิดได้ก็วูบไหวในดวงตา

“วิชาสามพิสุทธิ์ของจริง”

“ไอ้กาลกิณีนั่นโชคดีนัก แต่ตราบใดที่แกตกอยู่ในกำมือข้า วิชาสุดยอดนี้ก็จะเป็นของข้า!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท