หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1316

ตอนที่ 1316

บทที่ 1316 หลุมไร้ก้น
การต่อสู้ในมิติมังกรดำสิ้นสุดลง

ความเสียหายที่เหลือพิสูจน์ให้เห็นว่าเกิดการต่อสู้เลือดเดือดขึ้นที่นี่

ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งขรึมลง เมื่อมองไปในตรงจุดที่ซือเทียนโยวหายไป นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับนักรบจากเผ่าปีศาจต่างมิติ ความแข็งแกร่งที่อีกฝ่ายแสดงออกมาทำให้เขาตกใจอย่างยิ่ง

รัศมีปีศาจไม่เหมือนกับคลื่นหลิง แต่ทั้งเลวร้ายและดุร้าย ถ้าได้รับการปนเปื้อนนี้พลังในร่างก็จะหมดลงอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้ในแดนเซิ่งยวนโบราณมีกลุ่มจากขุมกำลังทรงพลังมากมายอยู่แล้ว ยิ่งรวมกับเผ่าปีศาจที่ซ่อนตัวสถานการณ์ก็จะยิ่งยากลำบากมากขึ้น

“มันเป็นสมาชิกจากเผ่าซือหมัว มิน่าล่ะถึงมาตามหาศพราชันปีศาจ” เจียงหลงขมวดคิ้วที่ข้างมู่เฉิน

“เผ่าซือหมัว” มู่เฉินพึมพำ แต่เขาที่ไม่มีข้อมูลเผ่าปีศาจมากนัก จึงไม่คุ้นเคยอะไร

“มีเผ่าสามสิบสองเผ่าเป็นขั้วอำนาจหลักในจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ และเผ่าซือหมัวก็เป็นหนึ่งในนั้น”

“เผ่าซือหมัวมีความสามารถในการควบคุมศพและกลั่นพลังงานจากศพ ด้วยศพราชันปีศาจตกอยู่ในมือของซือเทียนโยว เมื่อควบคุมได้ความสามารถในการต่อสู้ของมันเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน” เจียงหลงถอนหายใจ

ม่านตามู่เฉินหดลง ซือเทียนโยวในตอนนี้เป็นคู่ต่อสู้ที่ยากจัดการอยู่แล้ว ถ้าเมื่อไรสามารถควบคุมศพราชันปีศาจได้ก็จะต้องยิ่งน่ากลัวกว่าเดิม

แม้ว่าซากร่างนั้นจะไม่ได้มีพลังเหมือนเมื่อยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็สามารถจัดการกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มได้โดยไม่มีปัญหา ก็เหมือนที่กับหวู่ทงซึ่งถูกสังหารโดยร่างราชันปีศาจ โดยไม่มีอำนาจที่จะต่อสู้

“ข้าประมาทไป ชายคนนั้นใช้จังหวะที่กองทัพมังกรดำอ่อนแอทำลายผนึกและยึดศพราชันปีศาจไป” เจียงหลงโทษตัวเอง ราชันปีศาจถูกสังหารและผนึกโดยจักรพรรดิมังกรดำตั้งแต่ยังมีชีวิต ตอนนี้ศพถูกนำเอาไปซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนมากมาย ทำให้เขารู้สึกผิดต่อเจ้านายคนก่อนอย่างยิ่ง

“แม่ทัพเจียงหลง หากเราพบกับซือเทียนโยวในอนาคต ข้าจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อจัดการกับมันและทำลายศพราชันปีศาจ” มู่เฉินเอ่ยสัญญา กองทัพมังกรดำอ่อนกำลังลงเพราะสร้างตรากองทัพ ซือเทียนโยวจึงสบโอกาส เรื่องนี้มู่เฉินก็รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบด้วย

แน่นอนว่าเหตุผลอีกประการที่เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อเอาชนะใจเหล่านักรบ กองทัพมังกรดำไม่ใช่หุ่นเงาที่เขาสามารถสั่งให้ทำงานได้โดยไม่ต้องกังวล นี่คือนักรบยังมีชีวิตโดยมีเจียงหลงเป็นแม่ทัพ ดังนั้นหากมู่เฉินต้องการควบคุมกองทัพชั้นยอดนี้ เขาจะต้องได้รับการยอมรับจากเหล่านักรบทุกคน

ใบหน้าของเจียงหลงอ่อนโยนลงเมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน เหล่านักรบมังกรดำก็มองมู่เฉินด้วยสายตาที่เต็มใจจะยอมรับมากขึ้น

มู่เฉินรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นสถานการณ์นี้ ซือเทียนโยวทรงพลังยิ่งเมื่อรวมกับศพราชันปีศาจก็ลำบากที่จะจัดการ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามู่เฉินไร้พลัง

หากพวกเขานำไพ่ตายออกมาก็ยังไม่รู้ว่าใครจะชนะ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้โอ้อวดในการทำสัญญานั้น

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ข้าก็ขอขอบคุณจอมทัพมู่ล่วงหน้า” เจียงหลงรู้สึกซาบซึ้งใจต่อมู่เฉินก่อนที่จะมองกองทัพมังกรดำพลางยิ้ม “จอมทัพมู่ถึงเวลาที่เจ้าต้องจัดกองทัพมังกรดำแล้ว”

มู่เฉินพยักหน้าด้วยหัวใจลุกโชน แต่จากนั้นเขาก็รู้สึกลำบาก กองทัพมังกรดำเป็นขุมกำลังมีชีวิต ดังนั้นไม่สามารถเก็บไว้ในกำไลเจี้ยจื่อได้ หรือว่าเขาจะนำกองทัพนี้ไปกับเขาขณะที่เดินทาง?

“ไม่จำเป็นต้องกังวล” เมื่อเห็นสีหน้าของมู่เฉิน เจียงหลงก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายลำบากเรื่องอะไร เขายิ้มกว้าง “มิติมังกรดำเป็นค่ายพักของพวกเรา นี่เป็นมิติเล็กๆ ที่นายท่านคนก่อนสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน เจ้าสามารถใช้ทักษะลับเพื่อเปลี่ยนมิติมังกรดำให้เป็นแหวนเพื่อนำติดตัวไป”

เมื่อได้ยินใบหน้าของมู่เฉินเปี่ยมด้วยความยินดี หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาสามารถนำกองทัพนี้ไปกับเขาทุกที่ทุกเวลาเลยหรือ?

“แต่” เสียงเจียงหลงหยุดชะงักด้วยดวงตายิ้มหยี “คลื่นหลิงในมิติมังกรดำบางจางลงมาก ดังนั้นจึงสามารถใช้พักผ่อนได้เท่านั้น เมื่อทุกคนตื่นขึ้นความต้องการคลื่นพลังก็เพิ่มขึ้นตามเช่นกัน”

“ดังนั้นถ้าเราอยู่ในมิติมังกรดำเป็นเวลานาน ภายใต้คลื่นหลิงที่ขาดแคลนก็จะทำให้พลังของเราลดลง”

มู่เฉินอึ้งไปก่อนที่จะถาม “แล้วควรทำอย่างไรกัน?”

ตอนนี้เขายังไม่มีความสามารถในการสร้างมิติเป็นตัวเองและไม่สามารถเชื่อมโยงมิติมังกรดำกับมหาพันภพเพื่อดูดซับคลื่นหลิงได้เอง

เจียงหลงหัวเราะเบาๆ “ดังนั้นเราต้องการของเหลวจื้อจุนจำนวนมากเพื่อใช้ในการเพาะบ่ม”

“ต้องการเท่าไร?” ตอนแรกมู่เฉินก็รู้สึกโล่งใจ แต่เมื่อรับรู้ถึงแสงวิบวับในดวงตาของเจียงหลง เขาก็เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

เจียงหลงยิ้ม “ไม่มากหรอกประมาณแปดร้อยล้านหยดต่อปี”

สายตามู่เฉินมืดดำทันที เขาร้องเสียงลั่น “แปดร้อยล้านหยดต่อปี?!”

กระทั่งเขาที่ใจเย็นยังเกือบด่าสาปแช่ง ของเหลวจื้อจุนแปดร้อยล้านหยดไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยเลย ต้องรู้ว่าย้อนกลับไปที่เขตต้าหลัวเทียน รายได้ทั้งหมดของอาณาเขตกงเวทสวรรค์เป็นของเหลวจื้อจุนร้อยล้านหยดต่อปีเท่านั้น ทว่าการเลี้ยงดูกองทัพมังกรดำเพียงอย่างเดียวต้องการถึงแปดร้อยล้านหยด?

นี่มันหลุมไร้ก้นแล้ว!

ตอนนี้เองที่มู่เฉินตระหนักว่าจำนวนทรัพยากรที่ใช้เพื่อรักษากองทัพยอดเยี่ยมเช่นนี้มากมายปานใด

“ของเหลวจื้อจุนปีละแปดร้อยล้านหยดยังดีอยู่มั้ง? นี่ข้าพยายามพูดให้น้อยแล้วนะ” เจียงหลงรู้สึกงุนงงไปเล็กน้อย ในอดีตตอนที่พวกเขาติดตามจักรพรรดิมังกรดำ พวกเขาใช้ของเหลวประมาณพันล้านหยดต่อปี

ริมฝีปากของมู่เฉินกระตุก เขาไม่ใช่จักรพรรดิมังกรดำ แต่เป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายตัวน้อยๆ เขาจะร่ำรวยเหมือนจักรพรรดิมังกรดำได้ยังไง?

แม้ว่าเขาจะมีตำหนักมู่ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะเติมเต็มหลุมดำนี้!

เจียงหลงดูเหมือนจะเข้าใจเรื่องนี้อยู่บ้าง ดังนั้นเขาจึงยิ้มเก้อออกมา “ถ้าจอมทัพมู่สามารถหาที่อยู่ข้างนอกได้ เราก็จะสามารถอยู่รอดได้ด้วยการใช้ของเหลวจื้อจุนประมาณห้าร้อยล้านหยดเท่านั้น”

มู่เฉินถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ หากเขาไม่สามารถนำทัพมังกรดำไปกับเขาได้ก็ไม่มีความหมายอะไร เพราะไม่มีใครในตำหนักมู่ที่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นในทางปฏิบัติก็เป็นการสูญเสียทรัพยากรมาก

“ข้าจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อตอบสนองความต้องการของพวกเจ้าในเรี่องของเหลวจื้อจุน” มู่เฉินพยักหน้า เขาอุตส่าห์ได้รับกองทัพนี้มา ดังนั้นเขาไม่สามารถปล่อยไปได้โดยง่าย ถ้าข่าวรั่วไหลออกไป ไม่รู้ว่าจะมีขั้วอำนาจสูงสุดเท่าไรมาต่อสู้แย่งชิงกัน

เมื่อเทียบกับกองทัพชั้นยอดที่สามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน ของเหลวจื้อจุนหลายร้อยล้านหยดก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก

ตามการประเมินของมู่เฉิน ถ้าเขาต้องการที่จะสร้างกองทัพเช่นนั้น ไม่ต้องพูดถึงเวลาแค่เพียงของเหลวจื้อจุนอย่างเดียว ก็ต้องจ่ายออกไปพันล้านแล้ว

“มีของเหลวจื้อจุนร้อยล้านหยดอยู่ที่นี่ พวกเจ้าเอาไปใช้ก่อน”

มู่เฉินสะบัดแขนเสื้อ สายธารก็หลั่งไหลออกมา แสงกำจายออก คลื่นหลิงไร้ขอบเขตเติมเต็มไปทั่วมิติมังกรดำนี้

สายธารเหล่านั้นเกิดจากของเหลวจื้อจุนทั้งสิ้น มู่เฉินอดรู้สึกโชคดีไม่ได้ที่เขาเดิมพันด้วยของเหลวจื้อจุนแปดสิบล้านหยดให้กับตัวเองในทวีปซีเทียน ดังนั้นปริมาณของเหลวจึงมีถึงสองร้อยล้านหยด

ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถนำของเหลวจื้อจุนออกมาแม้แต่ร้อยล้านหยดได้

เมื่อเจียงหลงเห็นของเหลวจื้อจุนก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ด้วยปริมาณนี้สามารถสนับสนุนการฝึกฝนกองทัพมังกรดำได้หนึ่งถึงสองเดือน

จากนั้นมู่เฉินตรวจสอบกองทัพ เขาพบว่ามีนักรบประมาณหมื่นห้าพันคน จากที่เจียงหลงพูดกองทัพมังกรดำในจุดสูงสุดมีนักรบสองหมื่นห้าพันคน แต่ก็สูญเสียจำนวนพลไปมากจากการเข้าสู่นิทรารมณ์ยาวเช่นนี้

“ดูท่าหากมีโอกาสในอนาคต สามารถลองเติมเต็มกองทัพได้” มู่เฉินคิดในใจ แต่เงื่อนไขแรกคือเขาต้องมีของเหลวจื้อจุนเพียงพอที่จะสนับสนุน

เพราะตอนนี้แค่สนับสนุนนักรบหมื่นห้าพันคนอย่างเดียวก็ปวดกบาลมากแล้ว หากต้องการเสริมกำลังเพิ่ม ราคาที่ต้องจ่ายก็จะทะยานทะลุเพดาน

“ดูเหมือนตำหนักมู่ต้องขยายตัวแล้ว” มู่เฉินตีหน้าผากตัวเอง แม้ว่าตำหนักมู่จะรวบรวมภูมิภาคทางเหนือของทวีปเทียนหลัวแต่ก็ยังไม่เพียงพอ ดังนั้นหากมู่เฉินต้องการมีเงินทุนเพื่อบรรลุความปรารถนา เขาจะต้องขยายอิทธิพลตำหนักมู่

แต่นั่นหมายความว่าเขาจะต้องต่อสู้กับขั้วอำนาจชั้นนำอื่นๆ ในทวีปเทียนหลัว ทว่าคนอย่างมู่เฉินก็ไม่กลัว ตอนนี้เขาไม่ใช่แค่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นแล้ว เมื่อถึงเวลาที่เขากลับไปยังทวีปเทียนหลัว แม้แต่มั่นถัวหลัวก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้

“หากจอมทัพมู่ต้องการก็สามารถส่งข้อความมายังมิติมังกรดำในครั้งต่อไปได้เลย แต่ด้วยความเชี่ยวชาญตอนนี้ในฐานะจั้นเจิ้นซือ เจ้าสามารถสั่งการนักรบได้สามพันคนเท่านั้น ข้าจะรอวันที่เจ้าสามารถควบคุมกองทัพมังกรดำทั้งหมดได้” เจียงหลงโค้งคำนับขณะที่พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพต่อมู่เฉิน

“ข้าก็รอวันนั้นเช่นกัน”

มู่เฉินยิ้มพลางพยักหน้า หลังจากได้รับทักษะลับในการเก็บมิติมังกรดำจากเจียงหลง มู่เฉินก็ไม่อยู่ต่อ ทะยานออกจากมิติมังกรดำทันที

ยามนี้เขายังไม่ลืมว่ามีเม็ดยาจำนวนมากของภูตผีเสื้อโอสถที่ทิ้งไว้ แน่นอนว่ายังมีเม็ดยาเซิ่งหวาที่เขาหมายตาด้วย

หากเขาได้รับมาก็จะสามารถพัฒนาทักษะเทห์สวรรค์ของร่างเทพสุริยะนิรันดร์เข้าสู่ขั้นสองได้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งของมู่เฉินอย่างมีนัย

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท