หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1320

ตอนที่ 1320

บทที่ 1320 ประมุขน้อยมั่วซิน
“ข้าเอาสิ่งนี้”

ขณะที่เสียงไม่แยแสดังก้อง มือก็เคลื่อนเข้าไปหยิบแผ่นทองแดงในมือมู่เฉิน ซึ่งรวดเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทัน

ถ้าเป็นคนธรรมดาอาจไม่ทันตั้งตัว ทว่าอย่างไรมู่เฉินก็ไม่ใช่คนธรรมดา

เมื่อมือนั้นเอื้อมออกมา สีหน้าของมู่เฉินก็เย็นเยือกในทันที ประกายแหลมคมวูบไหวในนัยน์ตา

เขาไม่ได้สนใจแผ่นทองแดงที่กำลังจะถูกคว้าไป มืออีกข้างดึงกลับราวกับใบมีด ขณะเดียวกันเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ก็วาบขึ้นในรูม่านตา คลื่นหลิงทรงพลังทะลักออกมาราวกับลอนคลื่น

ฮึ่ม ฮึ่ม!

คลื่นหลิงรวมตัวกันในฝ่ามือดูราวกับใบมีดแวววาว ทำให้กระทั่งมิติยังฉีกออกจากกัน

หากโดนซัดเข้าละก็ แม้แต่แขนของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็แยกออกเป็นสองส่วนได้

“หืม?”

การสับมือดังกล่าว ทำให้เสียงอุทานดังขึ้น คนที่เคลื่อนไหวก็ตกใจกับการโจมตีที่เด็ดขาดของมู่เฉิน

หากเขายังคิดคว้าแผ่นทองแดง เขาอาจจะต้องเสียมือไว้ไปพร้อมกับจานยันต์เป็นแน่

“หึ”

อีกฝ่ายไตร่ตรองคร่าวๆ ก่อนที่จะเหยียดนิ้วทั้งสองออกไปพร้อมกับรวบรวมคลื่นหลิงไว้ที่ปลายนิ้วแล้วแทงไปที่มือของมู่เฉิน

แคว๊ก!

จังหวะนั้นเมื่อฝ่ามือและนิ้วมือปะทะกัน คลื่นกระแทกที่มองเห็นได้ก็กระเพื่อมออกมา แม้แต่มิติยังแตกเป็นเสี่ยงราวกับแก้ว

ทั้งสองถอยกลับอย่างรวดเร็ว ระหว่างการโบกแขนเสื้อ คลื่นหลิงทรงพลังก็พุ่งออกมาสลายชิ้นส่วนต่างๆ ของมิติออก

เมื่อมู่เฉินถอยกลับ เขาเพ่งสายตาไปยังอีกฝ่ายด้วยแววเย็นชาก่อนที่ดวงตาจะหรี่แคบลง

เนื่องจากเขาพบว่าคนที่เคลื่อนไหวไม่ใช่คนไม่คุ้นเคย นี่คือประมุขน้อยมั่วซินแห่งเผ่าฝูถูนั่นเอง

ยามนี้มั่วซินก็กำลังจ้องมองมู่เฉินด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ สายตาเย็นเยือกขณะยื่นมือออกมา “ส่งสิ่งนั้นมาให้ข้า”

น้ำเสียงของเขานิ่งเฉยแฝงความเย่อหยิ่ง เพราะด้วยสถานะของเขาไม่มีใครในหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่ของเผ่าฝูถูกล้าแย่งอะไรก็ตามที่เขาหมายตา

แต่น่าเสียดายที่มู่เฉินไม่ได้เป็นหนึ่งในนนั้น ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินคำพูดของมั่วซิน เขาก็ยิ้มอ่อนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แม้ว่าเจ้าจะมาจากเผ่าฝูถู แต่ดูเหมือนว่าพ่อแม่จะไม่ได้สั่งสอนนะ”

“ไอ้กาลกิณี แกรนหาที่ตาย!”

ได้ยินคำพูดถากถางของมู่เฉิน แววตาของมั่วซินก็เย็นเยือกลงพร้อมกับไอสังหารลุกโชน ทำให้อุณหภูมิในบริเวณลดต่ำลง

มีสายตามากมายอยู่ที่นี่ การเผชิญหน้าระหว่างทั้งสองจึงได้รับความสนใจอย่างมากในทันที แต่ไม่มีใครหยุดพวกเขา ตรงกันข้ามทุกคนกำลังมองด้วยความสนใจ เพราะไม่มีกฎใดในแดนเซิ่งยวนโบราณ ที่นี่ปฏิบัติตามกฎใครแข็งแกร่งกว่าเป็นผู้มีอำนาจ

หลายคนเคยได้ยินชื่อของมั่วซิน เนื่องจากเขาเป็นประมุขน้อยตระกูลหนึ่งของเผ่าฝูถู ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่ามั่วซินน่าเกรงขามอย่างไร แต่ที่พวกเขาสงสัยคือ ชายหนุ่มที่เป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงกล้าเยาะเย้ยมั่วซิน?

ขณะที่สายตามากมายจับจ้องมาในบริเวณนี้ บนแผ่นหินไม่ไกลร่างหลายร่างก็หยุดชะงักพลางสอดส่ายสายตา เมื่อพวกนางเห็นว่ามู่เฉินและมั่วซินยืนเผชิญหน้ากัน สีหน้าก็เปลี่ยนไป

“เจ้าบ้านั่นไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ ทำไมถึงไปยั่วมั่วซินเข้า!” เสียงรีบร้อนดังกึกก้อง หญิงสาวหน้าตาหวานมองอย่างร้อนใจในทิศทางนั้น

นางก็คือชิงหลิงจากเผ่าฝูถู

ที่ยืนอยู่ข้างๆ เป็นผู้หญิงที่งดงามที่กำจายรัศมีเย็นเยือก—ชิงซวง

เมื่อมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หัวคิ้วนางก็มุ่นเข้าด้วยกัน ในฐานะที่เป็นสมาชิกเผ่าฝูถู นางรู้ถึงความแข็งแกร่งของมั่วซิน ท่ามกลางจอมยุทธ์รุ่นใหม่เผ่าฝูถูมีเพียงเฉวียนหลัวเท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับมั่วซินได้

แม้ว่านางจะต่อสู้อย่างสุดความสามารถ นางก็ทำได้เพียงเสมอตัว เป็นไปไม่ได้ที่ที่จะได้เปรียบในการต่อสู้

มั่วซินและเฉวียนหลัวต่างเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มระยะปลายสุด ในทางปฏิบัติแทบจะอยู่ยงคงกระพันภายใต้ระดับเทียนจื้อจุน

มู่เฉินเผชิญหน้ากับเขาได้อย่างไรไม่รู้ แต่ผลลัพธ์สุดท้ายคงไม่ดีแน่

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชิงซวงก็กัดบนริมฝีปากก้าวเดินออกไป นางสัญญากับป้าเซวียนว่าจะพยายามช่วยมู่เฉินเพื่อที่เขาจะไม่ถูกเล็งหัวจากเฉวียนหลัวและมั่วซิน

ดังนั้นแม้ว่านางจะรู้ว่านี่ไม่ดีสำหรับตนเองที่จะรุกรานมั่วซิน นางก็ยังเลือกที่จะเข้าไปยุ่ง

เมื่อชิงหลิงเห็นภาพนี้ นางก็คิดจะดึงชิงซวงกลับมา เพราะนางรู้ดีว่าการรุกรานมั่วซินสร้างแรงกดดันอย่างมากให้กับชิงซวง

แต่ชิงซวงกลับโบกมือเพื่อหยุดชิงหลิง อีกฝ่ายกระทืบเท้าด้วยความโกรธขณะจ้องมองไปที่มู่เฉิน นางไม่คิดว่าพวกนางจะถูกดึงเข้าไปในเรื่องนี้ ทั้งที่เพิ่งมาถึงที่นี่

นางติดตามชิงซวงไปอย่างรวดเร็ว ทว่าทันใดนั้นชิงซวงก็หยุดฝีเท้าลง

“พี่ใหญ่ชิงซวงเกิดอะไรขึ้นเหรอ?” ชิงหลิงถามด้วยความสงสัย หรือว่าพี่ชิงซวงเปลี่ยนความคิดแล้ว? แต่มู่เฉินเป็นลูกชายของน้าจิ้ง นับตามสายเลือดเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลชิงเช่นกัน ดังนั้นนางเองก็ไม่ได้รู้สึกดีที่จะเห็นมู่เฉินถูกรังแก

ด้วยความคิดนี้ชิงหลิงก็รู้สึกสับสน

ทว่าชิงซวงไม่ได้สนใจเรื่องนี้ สีหน้าเย็นชาหันมองไปทางขวา เมื่อชิงหลิงมองตามไป สีหน้านางก็เปลี่ยนไป

ที่ตรงนั้นมีร่างเงาหลายร่าง คนนำหน้าเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลายืนเอามือไพล่หลัง สายตามองมาที่ชิงซวงด้วยรอยยิ้มไม่อนุญาตให้นางก้าวออกไป

“นั่นเฉวียนหลัว ทำไมเขาก็มาที่นี่?!” ชิงหลิงอุทานด้วยสีหน้าน่าเกลียด

ใบหน้าของชิงซวงเปลี่ยนไป เพราะนางรู้ความหมายในสายตาเฉวียนหลัว ถ้านางช่วยมู่เฉิน เฉวียนหลัวก็จะเข้ามาหยุดนาง

นางกำมือแน่น สายตาวูบไหว สุดท้ายนางก็ไม่ได้ก้าวเดินออกไปต่อ เนื่องจากนางรู้ว่านั่นจะไร้ประโยชน์ ตราบใดที่เฉวียนหลัวขัดขวางนางก็ไม่มีทางผ่านไปได้

“มู่เฉิน หวังว่าเจ้าจะออกจากสถานการณ์นี้ได้อย่างรวดเร็ว”

ชิงซวงมองมู่เฉินจากที่ไกลก็ทอดถอนหายใจ

เมื่อเฉวียนหลัวเห็นว่าชิงซวงหยุดแล้ว เขาก็ละสายตากลับมองไปที่มู่เฉินและพึมพำในใจ “คู่นั้นฟัดกันเรื่องอะไร?”

เนื่องจากอยู่ห่างออกมา แม้เขาจะรู้ว่ามู่เฉินและมั่วซินกำลังต่อสู้เพื่ออะไรบางสิ่ง แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร นอกจากนี้เขายังไม่แน่ใจว่ามั่วซินจงใจหาเรื่องมู่เฉินหรือไม่

“นั่นคือกาลกิณีที่มีชื่อเสียงดังเป็นพลุแตกในเผ่าฝูถูช่วงนี้เหรอ?” ขณะที่เฉวียนหลัวรู้สึกสงสัยในใจ เสียงอ่อนโยนและมีเสน่ห์ก็ดังกังวานจากด้านข้าง

นางเป็นหญิงสาวสวมชุดดำที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นอย่างมาก ผิวของนางขาวราวหิมะ คิ้วเข้ารูป นางเผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ที่มุมปาก ท่าทางไว้ตัวและสูงส่งทำให้มีเสน่ห์ยิ่งกว่าเดิม

นี่เป็นสตรีที่งดงามแต่กำเนิด

“ฮ่าๆ ดูเหมือนว่าแม่นางซินเอ๋อจะรู้ข่าววงในของเผ่าฝูถูของข้ามาดีทีเดียว” เฉวียนหลัวยิ้ม

หญิงสาวยกสายตาขึ้นตอบว่า “ข้าเป็นเสมือนธิดาเทพของเผ่าไท่หลิง ไม่แปลกที่ข้าจะรู้ข้อมูลบ้างนี่?”

เฉวียนหลัวยิ้มพลางพยักหน้า หญิงสาวคนนี้ชื่อว่าไป๋ซินเอ๋อ นางเป็นหญิงสาวที่มีชื่อเสียงมากในเผ่าฝูถู ว่ากันว่าถ้านางสามารถบรรลุภารกิจในแดนเซิ่งยวน นางก็จะได้รับการยืนยันในฐานะธิดาเทพคนใหม่แห่งเผ่าไท่หลิง

ด้วยสถานะดังกล่าวก็คุ้มค่าที่เฉวียนหลัวจะสร้างความสัมพันธ์ไว้

“นอกจากนี้”

ไป๋ซินเอ๋อยิ้มสายตาหยุดอยู่ที่ร่างเงาข้างมู่เฉิน แววแปลกประหลาดปรากฏขึ้น

“หญิงสาวที่อยู่ด้านข้างนั่นคือคู่ต่อสู้คนสำคัญของข้าในแดนเซิ่งยวนโบราณครั้งนี้”

“นางมีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นเองไม่เห็นจะต้องกลัว นางจะแข่งกับเจ้าได้อย่างไร?” เฉวียนหลัวยิ้มขณะที่กวาดสายตามองไปที่ลั่วหลี ความตื่นตะลึงปรากฏในดวงตาเขาเมื่อเห็นลั่วหลี แต่ก็สงบลงได้อย่างรวดเร็ว

“พี่ใหญ่เฉวียนปากหวานจริงๆ” ไป๋ซินเอ๋อยิ้มปิดปาก

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ผู้คนจำนวนมากก็รวมตัวกันมากขึ้น ขณะที่จิตสังหารที่เบื้องหลังนัยน์ตามั่วซินหนาแน่นขึ้น วินาทีต่อมาเขาก้าวออกไปทันที

ตู้ม!

ความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลังระเบิดออกราวกับภูเขาไฟ ขณะเดียวกันเสียงของมั่วซินซึ่งเต็มไปด้วยเจตนาการฆ่าก็สะท้อนออกมา

“ในเมื่อแกไม่อยากรับความปรารถนาดีของข้า งั้นก็กลับไปสนุกให้พอในคุกเผ่าฝูถูเถอะ!”

“ไอ้คนบาปต่ำตมที่ไม่รู้จักประมาณตน!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท