หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1325

ตอนที่ 1325

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1325 เผ่าเหยียนหมัว
วาบ!

เมื่อเสียงโบราณดังกล่าวจบลงหลายกลุ่มก็เคลื่อนไหวกลายเป็นลำแสงพุ่งไปยังเจดีย์สี่เทวะทันที

“ไป!”

กลุ่มมู่เฉินก็เคลื่อนไหวออกไปโดยไม่ลังเลใดๆ เช่นกัน

ภายใต้ความเร็วเต็มพิกัด พวกเขาปรากฏที่เบื้องหน้าเจดีย์ในเวลาเพียงไม่กี่นาที เมื่อเข้าใกล้ทุกคนก็สัมผัสถึงกลิ่นอายยิ่งใหญ่ของเจดีย์สี่เทวะ

เมื่อยืนอยู่เบื้องหน้าเจดีย์นี้ พวกเขาช่างจ้อยร่อยราวกับมด

พวกเขาสามารถเห็นเพียงครึ่งหนึ่งของเจดีย์ โดยอีกครึ่งหนึ่งถูกห่อหุ้มไว้ด้วยความมืดไม่รู้จบที่ไม่มีใครกล้ามองไป

ในช่วงเวลานี้เผ่าปีศาจก็คงรวมตัวกันอยู่อีกด้านหนึ่งสินะ

“ครืน”

เมื่อผู้คนเข้าใกล้เจดีย์ ประตูเจดีย์ก็เปิดออกอย่างช้าๆ พร้อมกับเสียงต่ำลึกราวกับเสียงฟ้าร้อง

รัศมีโบราณเปล่งประกายออกมา

เมื่อประตูโบราณเปิดออก ดวงตาของหลายคนก็วาววับ แต่ก็ไม่มีใครกล้าบุ่มบ่ามเข้าไป พวกเขาได้แต่มองหน้ากันและกัน

“อะแฮ่ม ท่านจอมยุทธ์ ข้าเชื่อว่าทุกคนมีความชัดเจนในตอนนี้ที่ท่านบรรพชนอธิบายเจตนารมณ์ให้ทราบ… เราต้องปกป้องเจดีย์สองชั้นไว้ มิเช่นนั้นเจดีย์สี่เทวะจะได้รับความเสียหายจากวิญญาณที่เหลือของจอมปีศาจ เมื่อถึงเวลานั้นจุดจบของทุกคนก็คงไม่ดีแน่” ในฐานะผู้ริเริ่มภารกิจนี้ฉิงปูป้ายพูดพลางกระแอมไอ

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเขา

“ดังนั้นข้าขอแนะนำให้เราแบ่งกลุ่มพยายามรักษาพลังการต่อสู้ในทุกชั้น เราไม่ควรรวมตัวกันเพราะไม่ฉลาดที่จะทำเช่นนั้นเลย”

ความหมายเบื้องหลังคำพูดของฉิงปูป้ายชัดเจนมาก เขาแนะนำให้ทุกคนแยกกันไม่เช่นนั้นอาจทำให้ชั้นอื่นอ่อนแอลง นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างกันด้วย

“ข้ามาจากเผ่าฝูถู ดังนั้นขอเลือกชั้นที่บรรพบุรุษอยู่แล้วกัน” เฉวียนหลัวยิ้มบางแสดงความตั้งใจอย่างชัดเจน

“ข้าด้วย” มั่วซินกล่าวพลางเหลือบมองไปที่เฉวียนหลัวโดยไม่แสดงออกใดๆ

ฉิงปูป้ายไม่ได้ว่าอะไร แต่รู้สึกโล่งใจขึ้นหลายส่วน เฉวียนหลัวและมั่วซินเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขาม ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้อยู่ในชั้นเดียวกันกับเขาละก็ เขาก็มีโอกาสสูงที่จะได้รับมรดก

“ข้าเลือกชั้นผู้อาวุโสฉิงเทียน” ฉิงปูป้ายยิ้ม

“ข้าเลือกชั้นผู้อาวุโสเชียง” ชายร่างกำยำที่ยืนจังก้าพร้อมกับรัศมีน่าอัศจรรย์ปกคลุมร่าง เห็นได้ชัดว่าเขามีประสบการณ์สังหารนับครั้งไม่ถ้วน

เมื่อสัมผัสรัศมีร้ายกาจของคนคนนี้ มู่เฉินก็รู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องเป็นมือสังหารปีศาจแน่นอน นอกจากนี้ยังเป็นมือสังหารขั้นสูงของแท้!

“งั้นกรณีนี้ข้าขอไปชั้นผู้อาวุโสไท่หลิงละกัน” โฉมสะคราญข้างเฉวียนหลัวเอ่ยออกมา

เมื่อพวกเขาแสดงจุดยืน กลุ่มอื่นๆ ก็เลือกเช่นกัน

“เวินชิงเฉวียน พี่หลิงซี หลงเซี่ยงไปกับลั่วหลีที่ชั้นผู้อาวุโสไท่หลิงเถอะ” มู่เฉินหันกลับมาพูดกับทั้งสามคน

แม้ว่าลั่วหลีจะมีวิธีของนางเอง แต่เพื่อให้มั่นใจมู่เฉินก็ยังให้นางพาพรรคพวกไปด้วย

สำหรับตัวเขาไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไรมาก เนื่องจากเขามีวิชาสามพิสุทธิ์ ดังนั้นจึงได้เปรียบในเรื่องจำนวน ไม่ต้องพูดถึงว่าเขายังมีกองทัพมังกรดำอยู่ด้วย

เมื่อได้ยินมู่เฉินแจกแจง ลั่วหลีก็ครุ่นคิดสั้นๆ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ เพราะนางรู้ว่ามู่เฉินเป็นห่วงนางมาก สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นในใจ

“ถ้างั้นเจ้าก็ต้องระวังตัวด้วยนะ”

ลั่วหลีไม่พูดมาก แต่มองไปที่มู่เฉินด้วยความกังวลอย่างมากในสายตา

ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีทุกคนก็เลือกเรียบร้อย ทุกชั้นต่างมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม

ซึ่งชัดว่าจอมยุทธ์เหล่านี้จะกลายเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับมรดก

มู่เฉินและลั่วหลีแสดงชั้นที่จะไป การเลือกของพวกเขาไม่ได้ทำให้เกิดความโกลาหลใดๆ เนื่องจากทั้งสองเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นและขั้นปลาย ดังนั้นจึงไม่มีใครสนใจอะไรมากนัก

ส่วนเฉวียนหลัวกับมั่วซินก็เยาะเย้ยเมื่อมองไปที่มู่เฉิน

อีกด้านไป๋ซินเอ๋อก็มองไปที่ลั่วหลีด้วยดวงตาเป็นประกาย

เมื่อการกระจายตัวเสร็จสิ้น ก็ไม่มีใครยืดยาดอีกต่อไป แต่ละคนเคลื่อนไหวกลายเป็นร่างแสงพุ่งเข้าไปในเจดีย์โบราณ

“ไป!”

มู่เฉินโบกมือทะยานไปยังเจดีย์สี่เทวะพร้อมกับลั่วหลีและคนอื่นๆ ติดตามอย่างใกล้ชิด

เมื่อเข้าไปในเจดีย์มู่เฉินก็รู้สึกถึงความผันผวนของสภาพมิติรอบตัว อึดใจทิวทัศน์รอบตัวเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป

ที่นี่เป็นป่ารกร้างและภูเขาแห้งแล้ง

มู่เฉินทำเพียงกวาดสายตาก่อนจะมองไปทางทิศตะวันออก เขารู้สึกถึงความผันผวนอย่างไร้ขอบเขตเบาบางจากทิศทางนั้น

ความผันผวนนั้นทำให้รู้สึกกดดันอย่างมาก

ความผันผวนที่ไร้ขอบเขตมีร่องรอยไอเย็นเยือกอยู่ในนั้น ซึ่งดูเหมือนจะบรรจุด้วยความชั่วร้ายไม่รู้จบ เพียงแค่สัมผัสแผ่วเบาก็ทำให้มู่เฉินรู้สึกหวาดกลัวหนาแน่นในหัวใจ

“เศษวิญญาณและปณิธานของจอมปีศาจระดับเทียนและท่านบรรพชนคงอยู่ที่นั่น”

มู่เฉินจมลงในภวังค์ความคิด ดูเหมือนว่าเขาจะต้องรีบไปที่นั่นโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นจอมยุทธ์เผ่าปีศาจอาจใช้โอกาสนี้ทำลายการปราบปรามเพื่อปลดปล่อยเศษวิญญาณจอมปีศาจก็เป็นได้ ถึงเวลานั้นทั้งชั้นก็จะกลายเป็นอากาศธาตุ

วาบ!

เมื่อคิดถึงจุดนี้ มู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ฝ่าเท้าแตะลงส่งตัวขึ้นไปที่กิ่งไม้หนา ทิ้งภาพลวงตาไว้ภายในป่าเดินทางด้วยความเร็วเต็มพิกัด

แม้ว่าการเดินทางจะเร็วกว่านี้ถ้าเขาเดินทางบนท้องฟ้า แต่ก็จะทำให้เขากลายเป็นเป้าหมายดึงดูดความสนใจได้เช่นกัน ตอนนี้มู่เฉินไม่รู้ว่ามีพวกเผ่าปีศาจเข้ามาอยู่ในชั้นนี้มากเท่าไร ดังนั้นการทำเช่นนี้จึงเป็นสิ่งที่ไม่ฉลาด

โชคดีที่มู่เฉินยังคงสามารถเดินทางด้วยความเร็วสูงแม้จะอยู่ในป่า

แปะ!

ร่างพร่าเลือนเหยียบลงบนใบไม้บาง มันยังไม่ขยับแม้แต่น้อย ร่างนั้นก็ทะยานออกไปไกลราวกับภูตผี ทว่าทันใดนั้นเมื่อทะยานข้ามพื้นที่บริเวณหนึ่ง หัวใจของมู่เฉินก็ตื่นตัว เขาชะงักลงทันที

ปัง!

ทันใดนั้นต้นไม้แห้งที่อยู่ข้างหน้าก็ลุกโชนด้วยเปลวไฟสีดำ อุณหภูมิที่น่าสะพรึงกลัวที่เล็ดลอดออกมาทำให้มิติบิดเบี้ยว

แปะๆ

ขณะที่เปลวไฟสีดำลุกโชนเสียงปรบมือก็ดังขึ้น มู่เฉินเห็นเงาร่างสองร่างเดินออกมาจากเปลวไฟอย่างช้าๆ

เมื่อสายตาจ้องมองไปดวงตาของมู่เฉินก็หดเกร็ง เขาเห็นผมของเงาดำทั้งสองโชนด้วยเปลวไฟสีดำ

“เมื่อกี้เราก็ปะหน้ากับหญิงสาวสองคนจากมหาพันภพ หัวหน้ากำลังไปตามล่าพวกนาง ไม่คิดว่าพวกเราจะเจอเพื่อนโชคร้ายอีกคน” เงาร่างทั้งสองที่มีเปลวไฟสีดำบนเส้นผมมองไปที่มู่เฉินด้วยไอเย็นและจิตสังหารวูบไหวในดวงตา

“มันอ่อนแอเหลือเกิน จากการจัดอันดับของมหาพันภพเขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ลูกมดตัวจ้อยๆ” อีกคนหนึ่งพูดออกมาอย่างไม่แยแส ขณะมองมู่เฉินโดยไม่มีอารมณ์ใดๆ ในสายตา

“เผ่าปีศาจต่างมิติ?” คิ้วของมู่เฉินยกขึ้นขณะยิ้มมองไปที่ทั้งสองคน

ในการรับรู้ของเขา พลังของทั้งสองไม่อ่อนแอเลย พวกเขาอยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม ทว่าก็เป็นแบบสามัญธรรมดาทั่วไป

“ผิด พวกข้ามาจากเผ่าเหยียนหมัว จักรวรรดิปีศาจต่างมิติเป็นชื่อเรียกที่มหาพันภพตั้งให้”

มู่เฉินพยักหน้าขณะยิ้มบาง “ใครจะสนใจชื่อของคนที่กำลังจะตาย”

จอมยุทธ์เผ่าเหยียนหมัวอึ้งไปก่อนที่พากันหัวเราะร่วน ทว่าสายตาที่มิงมู่เฉินยิ่งเย็นเยือกลงอีกหลายส่วน

“ข้าจะค่อยๆ เผามันทีละน้อยด้วยเปลวไฟปีศาจ” หนึ่งในนั้นเอียงศีรษะไปด้านข้าง ประกาศอย่างโหดเหี้ยม

“จริงสิ ผู้หญิงสองคนที่แกพูดถึงหน้าตาเป็นยังไง?” มู่เฉินถามด้วยรอยยิ้ม

ทว่าคำถามนี้ของเขา ทำให้จอมยุทธ์เผ่าเหยียนหมัวมองมาราวกับว่ากำลังมองคนโง่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คิดจะบอกข้อมูลนี้

“ดูเหมือนว่าข้าต้องงัดข้อมูลจากปากพวกแกเองสินะ” มู่เฉินยักไหล่ยิ้มอ่อน

“ตู้ม!”

เปลวไฟสีดำพวยพุ่งออกมาจากจอมยุทธ์เผ่าเหยียนหมัวราวกับภูเขาไฟ ขณะที่เปลวไฟปีศาจกวาดออก ผืนป่าลุกไหม้ทันที

“ไอ้โง่ แกตายไม่ดีแน่!”

เปลวไฟปีศาจที่รุนแรงแผดเผาออกมา ขณะที่เงาทั้งสองพุ่งออกมาพร้อมกับคลื่นความร้อนวิ่งพล่านไปหามู่เฉิน

พวกเขาสองคนมีไหวพริบอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่ามู่เฉินดูเหมือนอยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายเท่านั้น พวกเขาก็ยังคงโจมตีพร้อมกันด้วยความระมัดระวัง

ทว่ามู่เฉินกลับยิ้มจางๆ เมื่อมองร่างที่พุ่งเข้ามา

“คนเยอะแล้วเก่งนักเหรอ?”

ทันทีที่พูดจบ มู่เฉินก็ทะยานออกไป ขณะเดียวกันม่านตาจอมยุทธ์เผ่าเหยียนหมัวก็หดลง เนื่องจากพวกเขาเห็นร่างที่คล้ายกันสองร่างปรากฏที่ด้านข้างมู่เฉิน ขณะที่พุ่งเข้าใส่พวกเขาอย่างดุเดือด

“ฉิบหาย!”

ทันใดนั้นหัวใจของทั้งสองก็จมลง

พวกเขารู้ว่าวันนี้ดันไปเตะกำแพงโลหะเข้าให้แล้ว

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท