หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1332 พลังอำนาจพายุหลอมวิญญาณ
“มาลองกันอีกรอบไหมล่ะ?”
เมื่อได้ยินคำถามยั่วยุจากมู่เฉิน สายตาของซือเทียนโยวก็กะพริบด้วยแสงเย็นเยือกขณะที่ยิ้มน่าขนลุก “แกคิดว่าแค่เพิ่มจำนวนคนก็สู้กับข้าและศพราชันปีศาจได้แล้วเรอะ? ปัญญาอ่อนจริงๆ!”
หลังจากพูดจบก็โบกมือพูดเสียงเหี้ยม “สังหารไอ้กองทัพเส็งเคร็งนี่ทั้งหมด ไม่ต้องไว้ชีวิตใคร!”
โฮก!
ศพคำรามพร้อมกับรัศมีปีศาจเชี่ยวกรากแผ่ออกมาจากโครงกระดูก สร้างความหายนะระหว่างสวรรค์และโลก ทำให้สั่นสะเทือนไปหมด
เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันนี้ ใบหน้าของจอมยุทธ์มหาพันภพก็เปลี่ยนไป ดวงตาแต่ละคนพล่านด้วยความกลัว แม้แต่ท่าทางของมั่วซินและเฉวียนหลัวก็ดิ่งลง
ฟิ้ว!
ศพราชันปีศาจกลายเป็นลำแสง ขณะที่ทะยานไปยังกองทัพมังกรดำที่มีนักรบที่แข็งแกร่งถึงห้าพันคน
“หึ”
มู่เฉินเค้นเสียงขึ้นจมูก รัศมีจั้นยี่จากนักรบมังกรดำห้าพันคนก็พวยพุ่งสูง ทำให้สวรรค์และโลกเปลี่ยนสี ขณะที่มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่คำรามรุนแรง มังกรขนาดใหญ่เหยียดหัวออกเปิดปากกว้างพร้อมกับลมปราณมังกรที่ยาวเหยียดไม่สิ้นสุดพุ่งเข้าใส่ราชันปีศาจที่ตะลุยเข้ามาด้วยคลื่นทำลายล้าง
“โฮก!”
ราชันปีศาจคำราม แต่ก็ไม่ได้ถอย เผชิญหน้ากับรัศมีจั้นยี่ลมปราณมังกร มันก็เปิดปากควันปีศาจขนาดใหญ่พวยพุ่งออกมาปะทะกัน
ครืน!
จังหวะที่พลังงานสองสายสัมผัสกันนั้น ทั่วบริเวณก็โยกคลอนไปหมด พายุเฮอริเคนที่ไม่สามารถบรรยายได้สร้างความหายนะให้กับผู้คนจำนวนมากที่อยู่ด้านล่าง คลื่นกระแทกซัดเข้าใส่พวกเขา
ทว่าแม้จะถูกเป่ากระเด็น แต่ทุกคนก็ยังจับจ้องไปที่การปะทะกัน
เมื่อพายุเฮอริเคนหายไป ลมปราณมังกรและควันปีศาจก็ยังคงอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะกระจัดกระจาย มองจากรูปลักษณ์แล้วเสมอกัน!
เห็นได้ชัดว่าเมื่อบวกนักรบอีกสองพันคน รัศมีจั้นยี่ก็สามารถเผชิญหน้ากับศพราชันปีศาจได้
ดังนั้นเสียงโห่ร้องจึงดังขึ้นรอบแท่นบูชา คนที่รู้สึกหวาดกลัวกับการปรากฏของศพราชันปีศาจในตอนแรกก็รู้สึกโล่งใจลงมาก
“เขาทำได้จริงๆ!” ชิงหลิงเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อเขียนอยู่บนใบหน้า
นั่นคือศพราชันปีศาจเชียวนะ! แม้แต่มั่วซินยังถลาออกไป แต่มู่เฉินกลับสามารถต้านทานได้ด้วยกองทัพ!
ชิงซวงกัดริมฝีปากขณะที่มองร่างอ่อนเยาว์ด้วยสายตาซับซ้อน เห็นได้ชัดว่าฉากนี้ส่งผลกระทบต่อนางอย่างมาก
เทียบกับคำอุทานชื่นชมของพวกนาง ใบหน้าของมั่วซินและเฉวียนหลัวกลับมืดครึ้มราวกับก้นหม้อ ในอดีตพวกเขาจะเป็นจุดสนใจของทุกคน แต่วันนี้พวกเขาดันตกเป็นผู้สังเกตการณ์
เสียงโห่ร้องโดยรอบทำเอาซือเทียนโยวขมวดคิ้ว ก่อนที่จะมองไปที่มู่เฉินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แม้ว่าเขาจะได้รับศพราชันปีศาจมา แต่มู่เฉินก็ได้รับกองทัพยิ่งใหญ่ที่เคยสังหารจอมปีศาจผู้นี้ในอดีต
ด้วยความแข็งแกร่งของกองทัพนี้ มู่เฉินไม่จำเป็นต้องกลัวศพราชันปีศาจเลย!
ดวงตาของซือเทียนโยวกะพริบก่อนที่จะกวาดสายตาไปที่โลงศพสีดำบนแท่นบูชาด้วยความโลภ นั่นคือเศษวิญญาณจอมปีศาจระดับเทียน! หากเขาได้รับและปรับแต่งได้สำเร็จ เขาจะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับราชันได้!
ดังนั้นไม่ว่ายังไงเขาจะต้องได้รับเศษวิญญาณจอมปีศาจนั่น!
เขาโบกมือ ศพราชันปีศาจก็พุ่งเข้าหากองทัพอีกครั้ง ขณะที่ตัวเขามุ่งหน้าไปยังจุดสูงสุดของแท่นบูชา
การกระทำนี้ทำให้ผู้คนตกตะลึงหวาดหวั่น เหล่าจอมยุทธ์มหาพันภพรู้ว่าถ้าซือเทียนโยวทำลายโลงศพ ปลดปล่อยเศษวิญญาณออกไป ไม่มีใครที่อยู่นี่ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อได้!
สายตาของมั่วซินและเฉวียนหลัวเปลี่ยนไปก่อนที่เคลื่อนไหว ตั้งใจที่จะขัดขวางซือเทียนโยว เนื่องจากพวกเขารู้ว่ามีผู้สืบทอดได้เพียงหนึ่งเดียว ดังนั้นผู้ที่มีผลงานยอดเยี่ยมที่สุดจะมีโอกาสได้รับสูง ตอนนี้มู่เฉินกำลังยุ่งอยู่กับศพราชันปีศาจ พวกเขาก็สามารถฉวยโอกาสนี้เพื่อคว้าผลประโยชน์ได้!
“ไปไหน!”
แต่เมื่อพวกเขาเคลื่อนไหว จอมยุทธ์เผ่าปีศาจสองคนก็ปรากฏตัวตรงหน้า ขัดขวางทั้งสองไว้
“ไสหัวไป!”
มั่วซินและเฉวียนหลัวแผดเสียง พายุคลื่นหลิงกวาดไปหาจอมยุทธ์เผ่าปีศาจทั้งสอง
ตู้ม ตู้ม!
ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงเข้าโรมรันพันตูกันอีกครั้ง ความปั่นป่วนสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว
มู่เฉินก็เห็นการเคลื่อนไหวของซือเทียนโยวเช่นกัน ทันใดนั้นสายตาก็หดเกร็ง เขารู้ดีถึงความตั้งใจของอีกฝ่าย ดังนั้นจึงไม่มีทางปล่อยให้ซือเทียนโยวทำสำเร็จอย่างแน่นอน
มู่เฉินทะยานออกไป แยกตัวออกจากกองทัพ ร่างกลายเป็นลำแสงพุ่งไปที่แท่นบูชา สำหรับกองทัพมังกรดำมีร่างรองของเขาควบคุม แม้ว่าจะไม่ง่ายเมื่อเทียบกับสามคนควบคุม แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเขาในการควบคุมรัศมีจั้นยี่เพื่อขัดขวางศพราชันปีศาจเอาไว้
มู่เฉินพุ่งลงไปบนแท่นสายตาจ้องเขม็งที่ซือเทียนโยว
อีกฝ่ายก็หยุดมองมาด้วยแววตาอันตราย “แกช่างกล้านัก กล้าแยกตัวออกจากกองทัพเพื่อมาหยุดข้าด้วยตัวคนเดียวเนี่ยนะ? ด้วยขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายนี่นะเหรอ?”
มู่เฉินยิ้มขณะที่ตอกกลับ “ได้ลองก็รู้เอง”
“ถ้างั้นข้าขอลองดูเลยละกัน!”
ซือเทียนโยวแสยะยิ้มน่ากลัว จากนั้นร่างก็หายไป ขณะที่มิติสั่นไหวก็สามารถมองเห็นเงาแสงเลือนรางพุ่งทะลุมิติทะยานเข้าใส่มู่เฉินเต็มแรง
มู่เฉินสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ฝ่าเท้ากระแทกลงไป สัญลักษณ์หลิงยิ่งนับไม่ถ้วนบินฉวัดเฉวียนออกไปรวมเข้ากับสภาพแวดล้อม
“ค่ายกลเพลิงทะยาน!”
ขณะที่มู่เฉินคำราม ค่ายกลขนาดใหญ่ก็ก่อร่างพร้อมกับพลังงานหลิงไร้ขอบเขตรวบรวมเข้าด้วยกัน เป็นร่างมหึมาปลดปล่อยอุณหภูมิที่น่าสะพรึงกลัวที่เบื้องหน้าพลางชกหมัดออกไปในทิศทางของมิติที่กำลังบิดเบือน
ปัง!
มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ ร่างซือเทียนโยวปรากฏตัวขึ้น เขามองไปที่ค่ายกลเพลิงทะยานที่พวยพุ่ง แสงเย็นเยือกวูบไหวในดวงตา เขางอเข่าลงเล็กน้อยเขา กลายเป็นภาพลวงตาเผยตัวที่เบื้องหน้าร่างมหึมาในอึดใจต่อมา
มือราวกับใบมีดห่อหุ้มด้วยรัศมีความตายที่น่ากลัว แทงทะลุมิติเสือกเข้าไปที่หน้าอกของร่างมหึมานั้นทันที
เมื่อรัศมีความตายแผ่ออก ร่างยักษ์มหึมาก็สลายไปพร้อมกับค่ายกลเพลิงทะยาน
“ทรงพลังมาก!”
มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะหดตากับฉากนี้ เนื่องจากเขาไม่คิดว่าซือเทียนโยวจะทรงพลังขนาดนี้ ค่ายกลเพลิงทะยานกักเขาได้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะแตกเป็นเสี่ยงๆ!
“แกเป็นรายต่อไป!”
ทำลายค่ายกลเพลิงทะยานเรียบร้อย ซือเทียนโยวก็คลี่ยิ้มน่าขนพองสยองเกล้ามาปรากฏตัวตรงหน้ามู่เฉิน จากนั้นก็กระแทกฝ่ามือออกไปพร้อมกับกลิ่นอายความตายเชี่ยวกราก ซึ่งดูเหมือนว่าสามารถกลืนกินพลังทั้งหมดได้
สายตาของมู่เฉินวาบขึ้นกับฉากนี้ ก่อนที่ผลึกคลื่นหลิงจะมาบรรจบกัน มือทั้งสองข้างของเขากลายเป็นผลึกแก้วใส ขณะที่เผชิญหน้ากับฝ่ามือของซือเทียนโยว
ตู้ม!
พื้นใต้เท้าพวกเขาซึ่งสร้างจากวัสดุพิเศษแตกออก เมื่อรัศมีความตายหนาแน่นห่อหุ้มฝ่ามือของมู่เฉินกลืนกินพลังชีวิตของเขาอย่างต่อเนื่อง
ทว่าผลึกแสงก็เบ่งบานจากฝ่ามือของมู่เฉิน พยายามปิดผนึกรัศมีความตายไว้
เมื่อฝ่ามือทั้งสองปะทะกัน ดวงตาของมู่เฉินก็วาบแสง เจดีย์เทพทะยานออกมาขยายตัวเป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ห่อหุ้มมู่เฉินและซือเทียนโยวเอาไว้
การเปลี่ยนแปลงกะทันหันทำให้ซือเทียนโยวขมวดคิ้ว มู่เฉินจงใจรับกระบวนการของเขาซึ่งหน้าเพื่อที่จะดักจับเขาไว้ในเจดีย์
กลิ่นอายความตายปกคลุมซือเทียนโยวขณะที่สายตามองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง อึดใจต่อมาเขาก็จับจ้องไปที่ลูกกลมผลึกแก้วใสซึ่งมีเส้นใยสายลมสีเหลืองส่งเสียงหวีดหวิวอยู่ภายใน
ซือเทียนโยวรู้สึกหนังหัวลุกชันไปหมดกับสายลมนี้
“รู้สึกได้แล้วเหรอ?”
มู่เฉินยิ้มบาง จากนั้นก็วาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว ลูกกลมแสงที่ลอยอยู่เหนือเจดีย์เทพเริ่มจางหายไป ปลดปล่อยพายุที่ปิดผนึกอยู่ภายใน
หวือ หวือ!
เมื่อผนึกหายไป พายุหลอมวิญญาณที่ดักอยู่ภายในก็ส่งเสียงครางกระหึ่ม ด้วยความคิดเข้าควบคุม พลังงานปิดผนึกก็กระจายออกในเจดีย์พุทธะ จำกัดพายุหลอมวิญญาณให้ห่อหุ้มไปทางซือเทียนโยว
ภายในเจดีย์ พายุสีเหลืองสร้างหายนะไปทั่ว ปลดปล่อยรัศมีน่ากลัวออกมา
เมื่อเห็นพายุนี้ ใบหน้าของซือเทียนโยวก็เปลี่ยนไปอย่างควบคุมไม่ได้ เขาไม่กล้าที่จะชักช้า หายใจเข้าลึกสุดปอด รัศมีศพไม่สิ้นสุดพ่นออกมาจากปากเขา ก่อตัวเป็นมหาสมุทรปกป้องเขาไว้ภายใน
ขณะที่ซือเทียนโยววาดกระบวนท่าป้องกันตัว พายุหลอมวิญญาณก็กวาดเข้ามา ซัดเข้าที่มหาสมุทรรัศมีศพไม่ยั้ง
มู่เฉินมองไปที่ฉากเบื้องหน้าอย่างอยากรู้ เขาอยากเห็นว่า ‘พายุหลอมวิญญาณ’ ที่เขาได้ผนึกจากแรงกระตุ้นกะทันหันในตอนนั้นจะทรงพลังเพียงใด