หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1332

ตอนที่ 1332

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1332 พลังอำนาจพายุหลอมวิญญาณ
“มาลองกันอีกรอบไหมล่ะ?”

เมื่อได้ยินคำถามยั่วยุจากมู่เฉิน สายตาของซือเทียนโยวก็กะพริบด้วยแสงเย็นเยือกขณะที่ยิ้มน่าขนลุก “แกคิดว่าแค่เพิ่มจำนวนคนก็สู้กับข้าและศพราชันปีศาจได้แล้วเรอะ? ปัญญาอ่อนจริงๆ!”

หลังจากพูดจบก็โบกมือพูดเสียงเหี้ยม “สังหารไอ้กองทัพเส็งเคร็งนี่ทั้งหมด ไม่ต้องไว้ชีวิตใคร!”

โฮก!

ศพคำรามพร้อมกับรัศมีปีศาจเชี่ยวกรากแผ่ออกมาจากโครงกระดูก สร้างความหายนะระหว่างสวรรค์และโลก ทำให้สั่นสะเทือนไปหมด

เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันนี้ ใบหน้าของจอมยุทธ์มหาพันภพก็เปลี่ยนไป ดวงตาแต่ละคนพล่านด้วยความกลัว แม้แต่ท่าทางของมั่วซินและเฉวียนหลัวก็ดิ่งลง

ฟิ้ว!

ศพราชันปีศาจกลายเป็นลำแสง ขณะที่ทะยานไปยังกองทัพมังกรดำที่มีนักรบที่แข็งแกร่งถึงห้าพันคน

“หึ”

มู่เฉินเค้นเสียงขึ้นจมูก รัศมีจั้นยี่จากนักรบมังกรดำห้าพันคนก็พวยพุ่งสูง ทำให้สวรรค์และโลกเปลี่ยนสี ขณะที่มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่คำรามรุนแรง มังกรขนาดใหญ่เหยียดหัวออกเปิดปากกว้างพร้อมกับลมปราณมังกรที่ยาวเหยียดไม่สิ้นสุดพุ่งเข้าใส่ราชันปีศาจที่ตะลุยเข้ามาด้วยคลื่นทำลายล้าง

“โฮก!”

ราชันปีศาจคำราม แต่ก็ไม่ได้ถอย เผชิญหน้ากับรัศมีจั้นยี่ลมปราณมังกร มันก็เปิดปากควันปีศาจขนาดใหญ่พวยพุ่งออกมาปะทะกัน

ครืน!

จังหวะที่พลังงานสองสายสัมผัสกันนั้น ทั่วบริเวณก็โยกคลอนไปหมด พายุเฮอริเคนที่ไม่สามารถบรรยายได้สร้างความหายนะให้กับผู้คนจำนวนมากที่อยู่ด้านล่าง คลื่นกระแทกซัดเข้าใส่พวกเขา

ทว่าแม้จะถูกเป่ากระเด็น แต่ทุกคนก็ยังจับจ้องไปที่การปะทะกัน

เมื่อพายุเฮอริเคนหายไป ลมปราณมังกรและควันปีศาจก็ยังคงอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะกระจัดกระจาย มองจากรูปลักษณ์แล้วเสมอกัน!

เห็นได้ชัดว่าเมื่อบวกนักรบอีกสองพันคน รัศมีจั้นยี่ก็สามารถเผชิญหน้ากับศพราชันปีศาจได้

ดังนั้นเสียงโห่ร้องจึงดังขึ้นรอบแท่นบูชา คนที่รู้สึกหวาดกลัวกับการปรากฏของศพราชันปีศาจในตอนแรกก็รู้สึกโล่งใจลงมาก

“เขาทำได้จริงๆ!” ชิงหลิงเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อเขียนอยู่บนใบหน้า

นั่นคือศพราชันปีศาจเชียวนะ! แม้แต่มั่วซินยังถลาออกไป แต่มู่เฉินกลับสามารถต้านทานได้ด้วยกองทัพ!

ชิงซวงกัดริมฝีปากขณะที่มองร่างอ่อนเยาว์ด้วยสายตาซับซ้อน เห็นได้ชัดว่าฉากนี้ส่งผลกระทบต่อนางอย่างมาก

เทียบกับคำอุทานชื่นชมของพวกนาง ใบหน้าของมั่วซินและเฉวียนหลัวกลับมืดครึ้มราวกับก้นหม้อ ในอดีตพวกเขาจะเป็นจุดสนใจของทุกคน แต่วันนี้พวกเขาดันตกเป็นผู้สังเกตการณ์

เสียงโห่ร้องโดยรอบทำเอาซือเทียนโยวขมวดคิ้ว ก่อนที่จะมองไปที่มู่เฉินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แม้ว่าเขาจะได้รับศพราชันปีศาจมา แต่มู่เฉินก็ได้รับกองทัพยิ่งใหญ่ที่เคยสังหารจอมปีศาจผู้นี้ในอดีต

ด้วยความแข็งแกร่งของกองทัพนี้ มู่เฉินไม่จำเป็นต้องกลัวศพราชันปีศาจเลย!

ดวงตาของซือเทียนโยวกะพริบก่อนที่จะกวาดสายตาไปที่โลงศพสีดำบนแท่นบูชาด้วยความโลภ นั่นคือเศษวิญญาณจอมปีศาจระดับเทียน! หากเขาได้รับและปรับแต่งได้สำเร็จ เขาจะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับราชันได้!

ดังนั้นไม่ว่ายังไงเขาจะต้องได้รับเศษวิญญาณจอมปีศาจนั่น!

เขาโบกมือ ศพราชันปีศาจก็พุ่งเข้าหากองทัพอีกครั้ง ขณะที่ตัวเขามุ่งหน้าไปยังจุดสูงสุดของแท่นบูชา

การกระทำนี้ทำให้ผู้คนตกตะลึงหวาดหวั่น เหล่าจอมยุทธ์มหาพันภพรู้ว่าถ้าซือเทียนโยวทำลายโลงศพ ปลดปล่อยเศษวิญญาณออกไป ไม่มีใครที่อยู่นี่ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อได้!

สายตาของมั่วซินและเฉวียนหลัวเปลี่ยนไปก่อนที่เคลื่อนไหว ตั้งใจที่จะขัดขวางซือเทียนโยว เนื่องจากพวกเขารู้ว่ามีผู้สืบทอดได้เพียงหนึ่งเดียว ดังนั้นผู้ที่มีผลงานยอดเยี่ยมที่สุดจะมีโอกาสได้รับสูง ตอนนี้มู่เฉินกำลังยุ่งอยู่กับศพราชันปีศาจ พวกเขาก็สามารถฉวยโอกาสนี้เพื่อคว้าผลประโยชน์ได้!

“ไปไหน!”

แต่เมื่อพวกเขาเคลื่อนไหว จอมยุทธ์เผ่าปีศาจสองคนก็ปรากฏตัวตรงหน้า ขัดขวางทั้งสองไว้

“ไสหัวไป!”

มั่วซินและเฉวียนหลัวแผดเสียง พายุคลื่นหลิงกวาดไปหาจอมยุทธ์เผ่าปีศาจทั้งสอง

ตู้ม ตู้ม!

ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงเข้าโรมรันพันตูกันอีกครั้ง ความปั่นป่วนสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว

มู่เฉินก็เห็นการเคลื่อนไหวของซือเทียนโยวเช่นกัน ทันใดนั้นสายตาก็หดเกร็ง เขารู้ดีถึงความตั้งใจของอีกฝ่าย ดังนั้นจึงไม่มีทางปล่อยให้ซือเทียนโยวทำสำเร็จอย่างแน่นอน

มู่เฉินทะยานออกไป แยกตัวออกจากกองทัพ ร่างกลายเป็นลำแสงพุ่งไปที่แท่นบูชา สำหรับกองทัพมังกรดำมีร่างรองของเขาควบคุม แม้ว่าจะไม่ง่ายเมื่อเทียบกับสามคนควบคุม แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเขาในการควบคุมรัศมีจั้นยี่เพื่อขัดขวางศพราชันปีศาจเอาไว้

มู่เฉินพุ่งลงไปบนแท่นสายตาจ้องเขม็งที่ซือเทียนโยว

อีกฝ่ายก็หยุดมองมาด้วยแววตาอันตราย “แกช่างกล้านัก กล้าแยกตัวออกจากกองทัพเพื่อมาหยุดข้าด้วยตัวคนเดียวเนี่ยนะ? ด้วยขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายนี่นะเหรอ?”

มู่เฉินยิ้มขณะที่ตอกกลับ “ได้ลองก็รู้เอง”

“ถ้างั้นข้าขอลองดูเลยละกัน!”

ซือเทียนโยวแสยะยิ้มน่ากลัว จากนั้นร่างก็หายไป ขณะที่มิติสั่นไหวก็สามารถมองเห็นเงาแสงเลือนรางพุ่งทะลุมิติทะยานเข้าใส่มู่เฉินเต็มแรง

มู่เฉินสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ฝ่าเท้ากระแทกลงไป สัญลักษณ์หลิงยิ่งนับไม่ถ้วนบินฉวัดเฉวียนออกไปรวมเข้ากับสภาพแวดล้อม

“ค่ายกลเพลิงทะยาน!”

ขณะที่มู่เฉินคำราม ค่ายกลขนาดใหญ่ก็ก่อร่างพร้อมกับพลังงานหลิงไร้ขอบเขตรวบรวมเข้าด้วยกัน เป็นร่างมหึมาปลดปล่อยอุณหภูมิที่น่าสะพรึงกลัวที่เบื้องหน้าพลางชกหมัดออกไปในทิศทางของมิติที่กำลังบิดเบือน

ปัง!

มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ ร่างซือเทียนโยวปรากฏตัวขึ้น เขามองไปที่ค่ายกลเพลิงทะยานที่พวยพุ่ง แสงเย็นเยือกวูบไหวในดวงตา เขางอเข่าลงเล็กน้อยเขา กลายเป็นภาพลวงตาเผยตัวที่เบื้องหน้าร่างมหึมาในอึดใจต่อมา

มือราวกับใบมีดห่อหุ้มด้วยรัศมีความตายที่น่ากลัว แทงทะลุมิติเสือกเข้าไปที่หน้าอกของร่างมหึมานั้นทันที

เมื่อรัศมีความตายแผ่ออก ร่างยักษ์มหึมาก็สลายไปพร้อมกับค่ายกลเพลิงทะยาน

“ทรงพลังมาก!”

มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะหดตากับฉากนี้ เนื่องจากเขาไม่คิดว่าซือเทียนโยวจะทรงพลังขนาดนี้ ค่ายกลเพลิงทะยานกักเขาได้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะแตกเป็นเสี่ยงๆ!

“แกเป็นรายต่อไป!”

ทำลายค่ายกลเพลิงทะยานเรียบร้อย ซือเทียนโยวก็คลี่ยิ้มน่าขนพองสยองเกล้ามาปรากฏตัวตรงหน้ามู่เฉิน จากนั้นก็กระแทกฝ่ามือออกไปพร้อมกับกลิ่นอายความตายเชี่ยวกราก ซึ่งดูเหมือนว่าสามารถกลืนกินพลังทั้งหมดได้

สายตาของมู่เฉินวาบขึ้นกับฉากนี้ ก่อนที่ผลึกคลื่นหลิงจะมาบรรจบกัน มือทั้งสองข้างของเขากลายเป็นผลึกแก้วใส ขณะที่เผชิญหน้ากับฝ่ามือของซือเทียนโยว

ตู้ม!

พื้นใต้เท้าพวกเขาซึ่งสร้างจากวัสดุพิเศษแตกออก เมื่อรัศมีความตายหนาแน่นห่อหุ้มฝ่ามือของมู่เฉินกลืนกินพลังชีวิตของเขาอย่างต่อเนื่อง

ทว่าผลึกแสงก็เบ่งบานจากฝ่ามือของมู่เฉิน พยายามปิดผนึกรัศมีความตายไว้

เมื่อฝ่ามือทั้งสองปะทะกัน ดวงตาของมู่เฉินก็วาบแสง เจดีย์เทพทะยานออกมาขยายตัวเป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ห่อหุ้มมู่เฉินและซือเทียนโยวเอาไว้

การเปลี่ยนแปลงกะทันหันทำให้ซือเทียนโยวขมวดคิ้ว มู่เฉินจงใจรับกระบวนการของเขาซึ่งหน้าเพื่อที่จะดักจับเขาไว้ในเจดีย์

กลิ่นอายความตายปกคลุมซือเทียนโยวขณะที่สายตามองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง อึดใจต่อมาเขาก็จับจ้องไปที่ลูกกลมผลึกแก้วใสซึ่งมีเส้นใยสายลมสีเหลืองส่งเสียงหวีดหวิวอยู่ภายใน

ซือเทียนโยวรู้สึกหนังหัวลุกชันไปหมดกับสายลมนี้

“รู้สึกได้แล้วเหรอ?”

มู่เฉินยิ้มบาง จากนั้นก็วาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว ลูกกลมแสงที่ลอยอยู่เหนือเจดีย์เทพเริ่มจางหายไป ปลดปล่อยพายุที่ปิดผนึกอยู่ภายใน

หวือ หวือ!

เมื่อผนึกหายไป พายุหลอมวิญญาณที่ดักอยู่ภายในก็ส่งเสียงครางกระหึ่ม ด้วยความคิดเข้าควบคุม พลังงานปิดผนึกก็กระจายออกในเจดีย์พุทธะ จำกัดพายุหลอมวิญญาณให้ห่อหุ้มไปทางซือเทียนโยว

ภายในเจดีย์ พายุสีเหลืองสร้างหายนะไปทั่ว ปลดปล่อยรัศมีน่ากลัวออกมา

เมื่อเห็นพายุนี้ ใบหน้าของซือเทียนโยวก็เปลี่ยนไปอย่างควบคุมไม่ได้ เขาไม่กล้าที่จะชักช้า หายใจเข้าลึกสุดปอด รัศมีศพไม่สิ้นสุดพ่นออกมาจากปากเขา ก่อตัวเป็นมหาสมุทรปกป้องเขาไว้ภายใน

ขณะที่ซือเทียนโยววาดกระบวนท่าป้องกันตัว พายุหลอมวิญญาณก็กวาดเข้ามา ซัดเข้าที่มหาสมุทรรัศมีศพไม่ยั้ง

มู่เฉินมองไปที่ฉากเบื้องหน้าอย่างอยากรู้ เขาอยากเห็นว่า ‘พายุหลอมวิญญาณ’ ที่เขาได้ผนึกจากแรงกระตุ้นกะทันหันในตอนนั้นจะทรงพลังเพียงใด

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท