หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1313

ตอนที่ 1313

บทที่ 1313 วิญญาณสงครามมังกรดำ
“รวมพล!”

เมื่อเสียงทั้งสองตะโกนออกมา คลื่นจิตทรงพลังสองสายก็กวาดไปทั่ว ห่อหุ้มนักรบมังกรดำเบื้องล่างไว้อย่างรวดเร็ว ภายใต้คลื่นจิตนี้ นักรบหลายคนก็ถูกเรียกตัวทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า

“นี่คือ?!”

เมื่อแม่ทัพมังกรดำเห็นฉากนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหดดวงตาด้วยความตกตะลึง เมื่อเห็นมู่เฉินที่เหมือนกันอย่างกับแกะอีกสองคน

“ร่างดวงจิตงั้นเหรอ? แต่ทำไมพวกเขาถึงมีพลังเช่นเดียวกับร่างหลัก? แม้แต่ความสามารถในฐานะของจั้นเจิ้นซือก็เหมือนกัน!” แม่ทัพมังกรดำตกตะลึง แม้จะมีประสบการณ์มากมายเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกใจกับฉากนี้

เขาไม่เคยคิดว่ามู่เฉินจะมีกลยุทธ์ที่น่าตกใจเช่นนี้ เพราะแม้แต่นายท่านของพวกเขาก็ทำไม่ได้

“ฮา”

ขณะที่แม่ทัพมังกรดำกำลังตกตะลึง มู่เฉินก็โล่งหัวใจ โชคดีที่ทันเวลา ไม่อย่างนั้นคงต้องทนทุกข์ในวันนี้แน่

ก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามาในมิตินี้ เขาได้ทิ้งร่างรองทั้งสองไว้ภายนอกเพื่อจัดการกับองครักษ์เงาสองคน แต่สิ่งนี้ก็ทำให้เขาไม่อาจใช้พลังเต็มที่ เพราะก่อนที่จะจัดการกับองครักษ์เงาเรียบร้อย เขาไม่สามารถเรียกร่างรองของเขามาได้ มิฉะนั้นหลิงซีและคนอื่นๆ คงจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มสามคนไม่ไหวแน่

ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงรอให้ร่างรองจัดการเรียบร้อย ถึงจะเรียกเข้ามาได้ โชคดีที่ร่างรองปรากฏตัวทันเวลา ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงลงได้

ฟิ้ว ฟิ้ว!

ร่างเงานักรบประมาณสองพันคนปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วที่ด้านหลังมู่เฉินชุดดำและชุดขาว เมื่อนับรวมกับนักรบพันคนที่มู่เฉินควบคุมก่อนหน้า พวกเขาก็มีนักรบถึงสามพันคน

เป็นไปไม่ได้ที่มู่เฉินจะบัญชารัศมีจั้นยี่นักรบสามพันคนได้ แต่โชคดีที่ร่างรองของมู่เฉินทั้งสองสามารถแบ่งเบาภาระนี้ได้ นอกจากนี้ทั้งสามยังเชื่อมโยงกระแสจิตเพื่อให้พวกเขาสามารถสั่งการเป็นหนึ่งเดียว ดังนั้นจึงไม่แตกต่างจากคนคนเดียวเป็นผู้บังคับบัญชา

ตู้ม!

หลังจากที่ร่างรองมู่เฉินรวบรวมกำลังพลแล้ว พวกเขาก็เร้ารัศมีจั้นยี่ทันที ทันใดนั้นรัศมีจั้นยี่ที่ไร้ขอบเขตก็กวาดออกไปพร้อมกับแรงกดดันที่น่ากลัว ทำให้ทั่วบริเวณโยกคลอนจากพลังอำนาจนี้

รัศมีจั้นยี่ที่สร้างขึ้นโดยนักรบมังกรดำสามพันคนน่าสะพรึงยิ่งนัก!

ภายใต้ความกดดัน สีหน้าของหวู่ทงก็กลายแข็งค้างด้วยความหวาดหวั่น เห็นได้ชัดว่าเขาตกตะลึงอย่างมากกับจำนวนนักรบสามพันคนที่ยืนอยู่ด้านหลังมู่เฉิน

เขาอุตส่าห์กินเม็ดยา คั้นศักยภาพที่มีทุกอณูออกมา ก่อนที่จะสามารถสั่งการนักรบมังกรดำสองพันคนเพื่อปราบปรามมู่เฉิน แต่ตอนนี้มู่เฉินกลับสามารถควบคุมนักรบมังกรดำสามพันคน จินตนาการได้เลยว่าถ้าปล่อยพลังโจมตีออกมาจะน่ากลัวเพียงใด

“เวรเอ๊ย! เวรที่สุด! มันทำได้ยังไง?!”

หวู่ทงพึมพำอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับความกลัวพล่านในดวงตา เมื่อเผชิญหน้ากับนักรบมังกรดำสามพันคน เขารู้สึกอยากจะเปิดหนีให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

แต่สุดท้ายหวู่ทงก็ระงับความรู้สึกนั้น แม้เขาจะไม่รู้ว่ามู่เฉินสามารถรวบรวมนักรบสามพันคนได้อย่างไร แต่เขาก็ไม่คิดว่ามู่เฉินจะสามารถควบคุมกำลังพลนี้ได้อย่างแท้จริง

ถ้าเขาสามารถทำได้จริงๆ มู่เฉินก็ไม่ต้องกลัวจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มหน้าไหนด้วยจำนวนนักรบสามพันคนนี้

“มันต้องแกล้งทำอวดดีแน่! ตอนนี้มันจะต้องหมดพลังแล้ว!” หวู่ทงยิงฟันขณะที่สายตากลับมาโหดเหี้ยม เขาไม่ลังเลอีกต่อไป หอกซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยรัศมีจั้นยี่ของนักรบสองพันคนพุ่งออกไป ลวดลายจั้นเหวินนับล้านส่องประกาย ในเวลานั้นแม้แต่รัศมีจั้นยี่ที่เกิดขึ้นจากนักรบสามพันคนก็ถูกระงับ

“ตาย!”

เสียงคำรามของหวู่ทงดังก้องฟ้า

ฮึ่ม!

หอกซัดไปหามู่เฉิน

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นจ้องมองหอกที่เข้ามาในทิศทางของตนเอง ก่อนที่จะพยักหน้าให้มู่เฉินชุดดำและชุดขาว

ทั้งสามวาดตราประทับพร้อมเพรียงกัน วินาทีต่อมาเสียงคำรามลึกต่ำก็ดังกึกก้องมาจากนักรบมังกรดำที่อยู่เบื้องหลังเขา รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตม้วนตัวแล้วแผ่กระจายไปอย่างรวดเร็ว

ครืน!

เมฆรัศมีจั้นยี่คำรามเสียงรุนแรง ราวกับมีรัศมีจั้นยี่ไม่มีวันสิ้นสุดถูกรวบรวมเข้าด้วยกัน ปลดปล่อยแรงกดดันน่าสะพรึงเบาบางออกมา

ตู้ม ตู้ม!

หอกทะลวงผ่านมิติ ยิงไปที่ก้อนเมฆรัศมีจั้นยี่พยายามฉีกกลุ่มเมฆให้แยกออกจากกัน

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองหอกที่ขยายอย่างรวดเร็วในดวงตา อึดใจลมหายใจขาวขุ่มก็พ่นออกมาจากปากเขา

ตึง!

เมฆรัศมีจั้นยี่ที่ไร้ขอบเขตสั่นสะเทือนรุนแรง ในเวลาต่อมาเมื่อหอกซัดลงมา กรงเล็บมังกรขนาดใหญ่ก็ยื่นออกมาจากก้อนเมฆทันท่วงที

กรงเล็บนั้นเป็นสีดำสนิทและชัดเจนเสมือนกรงเล็บมังกรของจริงอย่างไรอย่างนั้น เมื่อมันยืดออกพลังมังกรยิ่งใหญ่ก็กวาดตัวออกไป

ปัง!

กรงเล็บมังกรเหยียดออกมาคว้าหอกไว้ แสงดำมืดระเบิดออกมาจากกรงเล็บ หยุดหอกไว้จนไม่อาจเคลื่อนไหวได้อีกแม้แต่น้อย!

“อะไรน่ะ?!” หวู่ทงอุทานหลังจากเห็นหอกที่สร้างขึ้นจากการรวบรวมรัศมีจั้นยี่ของนักรบสองพันคนถูกหยุดอย่างง่ายดาย

ขณะที่เขากำลังตกตะลึงเสียงคำรามของมังกรก็ดังขึ้นบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยรัศมีจั้นยี่เชี่ยวกราก

มังกรสงครามแปดแดน!

แปะ!

กรงเล็บมังกรสีดำกำแน่น หอกแตกเป็นประกายแสงกระจายบนท้องฟ้า

เมื่อหอกแตกสลาย ชั้นเมฆหนาทึบก็สั่นสะเทือน ในเวลาต่อมาเงาขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

ทุกสายตาจ้องมองไปที่เงาขนาดใหญ่ จากนั้นเสียงสูดอากาศก็ดังออกมา

มังกรดำปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยลวดลายจั้นเหวินพร้อมกับรัศมีจั้นยี่ดุเดือดที่สร้างหายนะไปทั่วมิตินี้

เมื่อเห็นมังกรดำ แม่ทัพและนักรบมังกรดำก็เริ่มตัวสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้นในสายตา

“นั่นคือวิญญาณสงครามมังกรดำ!”

“เขาสามารถสร้างวิญญาณสงครามมังกรดำได้!”

เสียงตื่นเต้นดังออกมาจากกองทัพมังกรดำ นักรบหลายคนหันมองไปที่มู่เฉินด้วยดวงตาร้อนแรง

แม้แต่แม่ทัพมังกรดำยังรู้สึกตื่นเต้นสายตาที่มองไปซับซ้อนขึ้น แม้ว่าวิญญาณสงครามมังกรดำจะอ่อนแอกว่าตอนที่พวกเขาอยู่ในจุดสูงสุด แต่นี่ตีความได้ว่ามู่เฉินมีความเข้ากันได้ดีกับกองทัพมังกรดำ

หากมู่เฉินยังคงเติบโตต่อไป กองทัพมังกรดำอาจจะสามารถไปถึงจุดสุดยอดได้อีกครั้ง

มู่เฉินก็อึ้งไปเล็กน้อยเมื่อมองดูมังกรตัวใหญ่โต เขาสัมผัสได้ว่าเมื่อมังกรตัวนี้ถูกสร้างขึ้น รัศมีจั้นยี่ของนักรบมังกรดำทั้งสามพันคนก็พุ่งขึ้นสูงอย่างน่าตกใจ

ในการสร้างวิญญาณสงคราม เขาจะต้องหลอมรวมคลื่นจิตของตนกับรัศมีจั้นยี่ของกองทัพให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถึงจะสร้างวิญญาณสงครามอันเป็นเอกลักษณ์ของกองทัพได้

เห็นได้ชัดว่าเขาประสบความสำเร็จ

“เป็นเพราะวิญญาณมังกรแท้จริงเหรอ?” มู่เฉินก็ตกใจไปเช่นกันที่ตนเองสามารถทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ ตามการประเมินเขายังคงต้องฝึกฝนกับกองทัพมังกรดำสักพักหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับทำสิ่งนี้สำเร็จในเวลาอันสั้น ดังนั้นจะต้องเป็นเพราะวิญญาณมังกรแท้จริงที่เขามีแน่นอน

เขาระงับความคิดในใจพลางมองหวู่ทงที่กำลังตกตะลึงด้วยสายตาไม่แยแส เขาไม่พูดอะไร แค่คิดมังกรดำก็คำรามแล้วเปิดปากพ่นลมหายใจยาวหลายหมื่นจั้งออกมา

สัมผัสกับรัศมีจั้นยี่ที่น่าสะพรึงกลัว หวู่ทงก็กลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง แต่เมื่อเขาพยายามควบคุมรัศมีจั้นยี่อีกครั้ง เขาก็พบว่ารัศมีที่อยู่ข้างหลังดูเหมือนจะจางลงไปมาก

เขาหันขวับไปมองก็เห็นว่าใบหน้าของนักรบมังกรดำแต่ละคนสติหลุดลอยไปหมด เมื่อพวกเขาจ้องมองมังกรขนาดใหญ่ ชัดว่าขวัญกำลังใจของพวกเขาได้รับผลกระทบรุนแรง

“เวร ไอ้พวกขยะ!”

มองขวัญกำลังใจที่ลดลงหวู่ทงก็สบถในใจทันที จากนั้นเขาก็ไม่สามารถสนใจอะไรได้ รีบถอยห่างอย่างรวดเร็ว ทิ้งกองทัพมังกรดำไว้

“ขี้ขลาด”

เมื่อเห็นการกระทำของเขา นักรบมังกรดำก็ด่ากลับ ไม่มีใครที่จะเคารพจั้นเจิ้นซือที่คิดละทิ้งกองทัพของตนได้ทุกเมื่อหรอก

หากคนประเภทนี้กลายเป็นเจ้านายของพวกเขา จะต้องมีสักวันที่เขาจะทิ้งพวกเขาไปเช่นกัน

ใบหน้าของแม่ทัพมังกรดำมืดมน เขามองหวู่ทงด้วยความรังเกียจ

เมื่อมู่เฉินเห็นสิ่งนี้ เขาก็สะบัดกแขนเสื้อ ลมปราณมังกรหดกลับ ในอนาคตนักรบทั้งหมดจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ดังนั้นหากนักรบสองพันคนถูกทำลาย เขาต้องรู้สึกปวดใจอย่างไม่ต้องสงสัย

ดังนั้นเพื่อปกป้องพวกเขา เขายอมที่จะปล่อยหวู่ทงไปก่อน

เมื่อนักรบมังกรดำสองพันคนเห็นมู่เฉินเรียกลมปราณมังกรกลับ พวกเขาก็แลกเปลี่ยนสายตากันแล้วคุกเข่าลง

“พวกเราขอคารวะนายท่าน!”

เสียงเป็นระเบียบดังก้อง

ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณสงครามมังกรดำที่มู่เฉินสร้างขึ้นหรือวิธีที่ปกป้องพวกเขาโดยไม่ได้ไล่ตามหวู่ทง เขาได้รับการยอมรับแล้ว

กองทัพมังกรดำที่เบื้องล่างก็พยักหน้า ก่อนที่นักรบจำนวนมากมายจะคุกเข่าลง

“คารวะนายท่าน!”

ที่ด้านหลังมู่เฉิน นักรบมังกรดำสามพันคนก็คุกเข่าลงเช่นกัน

แม่ทัพมังกรดำมองไปที่มู่เฉินพร้อมรอยยิ้มระบานบนใบหน้าก่อนที่จะคุกเข่าลง “คารวะนายท่าน!”

เสียงคำรามดังก้องฟ้า ทำให้ทั้งมิติสั่นสะเทือน

“อ็อก”

ไม่ไกลออกไปใบหน้าของหวู่ทงก็เขียวคล้ำกระอักเลือดออกมาคำใหญ่

เขารู้ว่าคราวนี้เขาแพ้มู่เฉินเต็มประตูแล้ว

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท