หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1278

ตอนที่ 1278

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1278 จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มสามคน
ทวีปวั้นเต่า

บนเกาะใหญ่โต ค่ายกลเคลื่อนย้ายมหึมาในเมืองเจริญเปล่งเสียงมหาศาล เหนือขึ้นไปเห็นเงาแสงนับไม่ถ้วนเคลื่อนไหวไปมา

มู่เฉิน ลั่วหลีและหลงเซี่ยงเดินออกจากค่ายกล

เมื่อออกมามู่เฉินก็รู้สึกได้ถึงลมทะเลที่พัดผ่านพร้อมกับกลิ่นคาวปกคลุมไปทั่วบริเวณ มากจนแม้แต่คลื่นหลิงก็ยังชื้นขึ้น

“นี่คือทวีปวั้นเต่ารึ…”

มู่เฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเห็นเมืองคึกคักแห่งนี้ ความนิยมที่นี่ไม่น้อยไปกว่าทวีปซีเทียนเลย ว่ากันว่าทะเลครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของทวีปนี้ โดยมีหมู่เกาะขนาดใหญ่กระจายอยู่ทั่วมหาสมุทร

ไม่มีขั้วอำนาจสูงสุดในทวีปวั้นเต่าแต่ความวุ่นวายที่นี่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าทวีปเทียนหลัวเลย เกาะแต่ละแห่งประกาศสงครามกัน ดังนั้นความขัดแย้งจึงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับที่นี่

“นี่คือเกาะหมัวหลัว ผู้ปกครองของเกาะนี้เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ซึ่งมีชื่อเสียงในทวีปนี้พอสมควร” หลงเซี่ยงกล่าว ชัดว่ารู้ข้อมูลทวีปวั้นเต่าดี

มู่เฉินพยักหน้าถามว่า “เกาะหัวใจหยกอยู่ที่ไหน?”

“ห่างจากที่นี่ระยะหนึ่ง ต้องใช้เวลาประมาณสองวันในการเดินทาง” เมื่อหลงเซี่ยงพูดก็ดูลังเลในช่วงสั้นๆ “นายน้อย กู้ซือหวงไม่ได้จัดการง่ายๆ ดังนั้นเจ้าต้องระวังตัว”

มู่เฉินยิ้ม “วางใจเถอะ ตราบใดที่ไม่มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน เขาก็ไม่สามารถทำอะไรข้าได้ แม้ว่าเขาจะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็ตาม”

แม้ว่ามู่เฉินจะมีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายเท่านั้น แต่หากต้องการหนีเขาก็มั่นใจว่าทำได้ แม้ว่าจะเผชิญกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มในฐานะคู่ต่อสู้

หลงเซี่ยงไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเคลื่อนไหวร่างเปลี่ยนเป็นแสงทะยานไปทางมหาสมุทรกว้างใหญ่

มู่เฉินและลั่วหลีแลกเปลี่ยนสายตากัน ก่อนที่จะติดตามไปอย่างรวดเร็ว

ทวีปวั้นเต่าเต็มไปด้วยภัยพิบัติทางธรรมชาตินับไม่ถ้วน ในมหาสมุทรคลื่นหลิงและความเย็นไม่รู้จบรวมตัวกันเป็นพายุหิมะ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนยังต้องเผชิญกับอันตรายเช่นกัน

แต่โชคดีที่มีหลงเซี่ยงเป็นผู้นำ ทำให้พวกเขาไม่พบอุปสรรคมากมาย สองวันต่อมาพวกเขาก็ค่อยๆ เข้าใกล้จุดหมายปลายทาง…

ร่างเงาสามร่างยืนอยู่เหนือมหาสมุทร

มู่เฉินมองไปไกล แววตาวูบไหว ภาพวิวทิวทัศน์ก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น

เกาะสีเขียวมรกตนี้ตั้งอยู่บนมหาสมุทรที่ห่างไกล ห่อหุ้มด้วยคลื่นหลิงหนาแน่น ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่านี่เป็นแดนสวรรค์ที่หายากยิ่ง

แม้จะอยู่ในระยะไกลมู่เฉินก็ยังรู้สึกถึงคลื่นหลิงบนเกาะ ความหนาแน่นนั้นแข็งแกร่งกว่าเกาะใดๆ ที่มู่เฉินเคยเห็นในทวีปวั้นเต่า

“สมกับเป็นเผ่าฝูถู ครอบครองแดนสวรรค์ดังกล่าวแล้วยังไม่มีใครกล้ามาแย่งชิง”

มู่เฉินถอนหายใจ ถ้าเป็นขั้วอำนาจอื่นๆ ควบคุมดินแดนนี้ละก็ แม้จะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็อาจจะต้องเผชิญกับปัญหา

ทว่าที่นี่ไม่มีความขัดแย้งในรัศมีหลายหมื่นลี้เลย เห็นได้ชัดว่าดินแดนเหล่านั้นล้วนเป็นของเกาะหัวใจหยก ดังนั้นกลุ่มอื่นๆ จึงไม่กล้าที่จะแช่มือลงมา

“ข้าจะเข้าไปและหาโอกาสช่วยหลิงซีก่อน เพื่อที่นางจะได้ไม่ถูกกู้ซือหวงใช้เป็นตัวประกันข่มขู่เจ้า” หลงเซี่ยงมองมู่เฉิน

“ลั่วหลีกับข้าจะซ่อนตัวที่ก้นมหาสมุทร ท่านระวังตัวด้วย”

มู่เฉินพยักหน้า หากพวกเขาสามารถช่วยชีวิตนางได้โดยไม่ต้องไปปะทะกัน ก็จะเป็นการดีที่สุดอย่างแน่นอน

สำหรับหลงเซี่ยง ขุมพลังเกือบตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็ประมาทไม่ได้ แม้ว่ากู้ซือหวงจะตรวจพบ เขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับหลงเซี่ยงได้ทันที

หลงเซี่ยงพยักหน้าก่อนที่จะหายใจลึกกลายเป็นลำแสงทะยานไปที่เกาะหัวใจหยก

ส่วนมู่เฉินและลั่วหลีก็ทิ้งตัวจมลงไปในมหาสมุทร ถอนรัศมีของพวกเขา ค่อยๆ เคลื่อนเข้าหาเกาะจากใต้น้ำ

ฟิ้ว!

หลงเซี่ยงพุ่งไปอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าก็เข้าไปใกล้เกาะหัวใจหยก เขาไม่ได้ประสบกับสิ่งกีดขวางใดๆ ดังนั้นจึงไปปรากฏตัวเบื้องหน้าเจดีย์สีดำในพริบตา

กู้ซือหวงนั่งเงียบๆ อยู่ใต้เงาเจดีย์เหมือนเมื่อตอนหลงเซี่ยงออกไป ดวงตาเขาลืมขึ้นเมื่ออีกฝ่ายมาถึง

เขาคลี่รอยยิ้มมองหลงเซี่ยง “ภารกิจของเจ้าเสร็จสิ้นแล้วหรือ?”

หลงเซี่ยงตอบเสียงสงบกลับไป “มู่เฉินได้รับตำแหน่งนักรบทวีปซีเทียน ตอนที่เขาอยู่ในขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายได้แล้ว ตอนนี้เขาเข้าขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย กระทั่งข้าก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้”

“ถ้าต้องการจับเขา เจ้าคงต้องลงมือเองแล้วล่ะ”

กู้ซือหวงที่ได้ยินคำพูดของหลงเซี่ยงก็ไม่ได้แสดงท่าทางโกรธเคืองอะไร แต่กลับพยักหน้ายิ้มตาหยี เขาไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทว่าพูดด้วยรอยยิ้มประหลาด “งั้นก็ทิ้งเรื่องนี้ไว้ให้ข้า เจ้าไม่ต้องสนใจอีกต่อไป”

“จริงสิ มีคนจากเผ่ามาที่เกาะหัวใจหยก ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก”

เมื่อได้ยินคำพูดของกู้ซือหวง หลงเซี่ยงก็ดวงตาหดแคบลงทันที

“ฮ่าๆ ไม่เจอกันนานแล้วนะหลงเซี่ยง”

ภาพเงาหนึ่งเดินออกมาจากทางด้านขวาสวมเสื้อคลุมสีแดง เส้นผมเป็นสีขาว ภาพวาฬเพชฌฆาตปักบนเสื้อคลุมซึ่งดูผิดแผกแตกต่าง

เมื่อเห็นคนผู้นี้ใบหน้าของหลงเซี่ยงก็เปลี่ยนไปอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ก่อนที่เขาร้องอุทาน “เหลียงเสียหยู? ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่?!”

เหลียงเสียหยูเป็นสมาชิกของเผ่าฝูถู มิหนำซ้ำยังเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มซึ่งไม่อ่อนแอกว่ากู้ซือหวง หลงเซี่ยงไม่คิดเลยว่ากู้ซือหวงจะเรียกตัวอีกฝ่ายมาด้วย

“ฮ่าๆ ดูเหมือนเจ้าจะประหลาดใจมากนะ?” กู้ซือหวงหัวเราะร่วน สายตาวูบไหวมองไปทางด้านซ้ายมือด้วยรอยยิ้ม “สหายเก่าของข้าไม่ได้มาแค่คนเดียว”

หัวใจของหลงเซี่ยงสั่นไหว ก่อนที่จะหันไปมองทางซ้าย เขาเห็นชายชราสวมเสื้อสีเขียวปรากฏขึ้นโดยที่เขาไม่รู้ตัว

ชายชราคนนี้ดูราวกับมัมมี่แห้งกรังพร้อมกับสายตาจ้องมองอย่างเย็นชา ลวดลายอสรพิษปักอยู่บนเสื้อคลุม

นอกจากนี้ยังปลดปล่อยคลื่นหลิงทรงพลังออกมา ชัดว่าเขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มอีกคน!

“ผู้อาวุโสอสรพิษมรกต!”

หลงเซี่ยงหายใจเข้าลึกๆ แม้ว่าชายคนนี้จะไม่ได้มาจากเผ่าฝูถู แต่ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักกันดีในทวีปวั้นเต่า ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมาก

ไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่ด้วย

นี่เท่ากับมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มสามคน!

กู้ซือหวงยิ้ม “เฮ้อ คนเรายิ่งอายุมากก็จะยิ่งระวังตัวมากขึ้นน่ะ ข้าวางกับดักสำหรับไอ้กาลกิณีไว้แล้ว ก็เป็นธรรมดาที่ข้าต้องเป็นห่วงว่าอาจมีรูโหว่ ดังนั้นข้าจึงเชิญสหายเก่าให้มาช่วยเหลือ”

“หลงเซี่ยง เจ้าคิดว่าไง?” กู้ซือหวงมองไปที่หลงเซี่ยง

หลงเซี่ยงสีหน้ามืดครึ้มก่อนที่จะผงกหัวโดยไม่มีอารมณ์ใด ไอ้เฒ่านี่เจ้าเล่ห์นักและเต็มใจจ่ายราคาดังกล่าวเพื่อจัดการกับมู่เฉิน ดูเหมือนว่าเรื่องในวันนี้จะไม่ใช่ง่ายที่จะแก้ไข

กู้ซือหวงตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ในเมื่อเป็นแบบนี้ทำไมเจ้าไม่เชิญเด็กสองคนนั่นมาพบหน่อยล่ะ”

ดวงตาของหลงเซี่ยงสั่นไหวขณะมองไปที่กู้ซือหวงอย่างเยือกเย็น ที่แท้ไอ้เฒ่านี่ก็สัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของมู่เฉินกับลั่วหลีแล้ว

“โฮก!”

หลงเซี่ยงปลดปล่อยเสียงคำรามที่ฟังดูราวกับมังกรและช้าง สะท้อนก้องในมิติรอบด้าน

เสียงคำรามเต็มไปด้วยคำเตือนบอกเป็นนัยถึงมู่เฉินถึงการดำรงอยู่ของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มทั้งสาม

เมื่อผู้อาวุโสอสรพิษมรกตเห็นสิ่งนี้ก็ขมวดคิ้วพลางสะบัดแขนเสื้อ เสียงขู่ฟ่อดังกึกก้องออกมาคุลมเสียงคำรามของหลงเซี่ยงไว้

กู้ซือหวงยืนขึ้นมองไปรอบเกาะหัวใจหยก เสียงของเขาดังก้องระหว่างสวรรค์และโลก “ไอ้ตัวกาลกิณีมู่เฉิน! ในเมื่อมาแล้วทำไมถึงไม่แสดงตัว ไม่งั้นข้าจะส่งหลงเซี่ยงและหลิงซีกลับไปยังเผ่าเพื่อรับโทษทัณฑ์!”

เสียงดังก้องในมิติ ดันคลื่นใหญ่ขึ้นโดยรอบ

ครืนๆๆๆ!

เมื่อเสียงของเขากระจายออก ทันใดนั้นคลื่นก็รวมตัวกันเป็นคลื่นยักษ์ขนาดมหึมากวาดเข้ามาในทิศทางของเกาะหัวใจหยก

คลื่นยักษ์มาพร้อมกับเงามหีมา ปรากฏเหนือท้องฟ้าเกาะหัวใจหยก

จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มทั้งสามเพ่งสายตาไปบนยอดคลื่นขนาดใหญ่

มองเห็นร่างสองร่างยืนอยู่บนนั้น หนึ่งในนั้นเป็นชายหนุ่มที่มีสายตาคมกริบกำจายรัศมีเสียดแทง ราวกับเขาเป็นสุดยอดกระบี่ที่ยากจะเปรียบ ทำให้เกิดความกลัวในจิตใจของผู้คน

มู่เฉินยืนอยู่บนเกลียวคลื่นมองลงมาที่ตาเฒ่าทั้งสามก่อนที่จะหยุดอยู่ที่กู่ซือหวง น้ำเสียงราบเรียบดังก้อง

“ปรากฏตัวแล้ว ไอ้แก่อย่างแกจะทำอะไรได้ล่ะ?”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท