บนแท่นบูชา
ใบหน้าของเฉวียนหลัวและมั่วซินซีดลง พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าฝูถูจะมีความประทับใจอย่างมากต่อมู่เฉิน ถึงแม้จะรู้ว่ามู่เฉินและเผ่ามีความสัมพันธ์เลวร้าย แต่เขาก็ยังตัดสินใจที่จะมอบวิชาเจดีย์แปดองค์ให้กับมู่เฉิน
“ท่านบรรพบุรุษ!” พวกเขาสองคนยังคงใช้ความพยายามลองโน้มน้าวต่อ
“ข้าตัดสินใจแล้ว” ทว่าฝูถูก็โบกมือตัดบทด้วยเสียงแน่วแน่จากนั้นก็หันไปมองทั้งสองคน “พวกเจ้าสองคนกลับไปบอกเหล่าผู้อาวุโส เผ่าฝูถูยืนยงจนถึงปัจจุบันเพราะความสามารถ ทว่าพวกเจ้าเป็นบัวใต้โคลนตม หากยังคงดำเนินความคิดแบบนี้ต่อไปเผ่าจะต้องเผชิญกับความเสื่อมโทรมแน่นอน!”
เสียงของเขาฟังดูเคร่งขรึม การที่มู่เฉินถูกมองว่าเป็นคนบาปเพราะเรื่องมารดาขี้ปะติ๋ว ทำให้บรรพบุรุษคนนี้โกรธมาก
เฉวียนหลัวและมั่วซินไม่กล้าเปิดปากพูดหลังจากถูกตำหนิ ทั้งคู่ก้มหน้าด้วยความอิจฉา กะพริบตาด้วยความไม่เต็มใจ
พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตัวกาลกิณีในสายตาของพวกเขาจะเป็นผู้ชนะยิ่งใหญ่ในการเดินทางสู่แดนเซิ่งยวนโบราณ พวกเขาที่ควรจะเป็นจุดสนใจ กลับหม่นหมองต่อหน้ามู่เฉิน
“มู่เฉินตามข้าไปเพื่อรับมรดก”
ฝูถูเลิกสนใจคนอื่นต่อไป เขามองไปที่มู่เฉินก่อนที่จะโบกมือ จากนั้นทั้งสองก็หายตัวไป
พร้อมกับการหายไปของพวกเขา เฉวียนหลัวและมั่วซินก็เงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้ามืดมน
“จะปล่อยให้มันรับมรดกงั้นหรือ?” มั่วซินถามด้วยเสียงน่ากลัว
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เฉวียนหลัวก็พูดขึ้น “ไอ้กาลกิณีคู่ควรกับวิชาเจดีย์แปดองค์เหรอ? ในเมื่อท่านบรรพบุรุษตัดสินใจแล้วก็ปล่อยให้มันได้ไป”
“แต่มันจะนำวิชาเจดีย์แปดองค์ออกจากแดนซิ่งยวนได้หรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ท่านบรรพบุรุษจะตัดสินได้” ขณะที่พูดก็มีแสงเย็นวูบวาบในดวงตา
มั่วซินอึ้งไปก่อนที่จะถาม “เจ้าหมายถึง?”
เฉวียนหลัวตอบอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าผู้อาวุโสเฮยกวางและมั่วหยิงจะมองดูวิชาเจดีย์แปดองค์ตกอยู่ในมือของมู่เฉินเหรอ? เมื่อพวกเขารู้ข้อมูลนี้แล้ว พวกเขาก็จะละทิ้งคำสั่งของผู้อาวุโสใหญ่เอง”
มั่วซินพยักหน้า หากเฮยกวางและมั่วหยิงเคลื่อนไหวละก็ ไม่ว่ามู่เฉินจะทรงพลังแค่ไหนก็ไม่สามารถหลบหนีจากการตามล่าของสองจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนได้
“ปล่อยให้มันยินดีไปก่อน”
เมื่อแสงหายไปที่เบื้องหน้ามู่เฉิน
สภาพแวดล้อมก็เปลี่ยนไปโดยพลัน ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ภายในเจดีย์ที่มีภาพวาดโบราณบนผนังกระดำกระด่าง
กลิ่นอายโบราณฟุ้งกระจายรอบๆ
“นี่คือ?” มู่เฉินมองไปที่ฝูถูขณะที่สัมผัสได้ถึงความผันผวนที่คุ้นเคย
“นี่คือเจดีย์ของข้า” ฝูถูยิ้มกล่าวด้วยความระลึกถึง “แต่เมื่อข้าสิ้นชีพ เจดีย์ก็สูญเสียความเปล่งประกาย ค่อยๆ หายไปตามกาลเวลา”
มู่เฉินพยักหน้า แต่แม้ว่าเจดีย์นี้จะเริ่มเสียหาย แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ไม่สามารถอธิบายได้ซึ่งทำให้เขาหวาดกลัว
ฝูถูนั่งลงในเจดีย์พลางยิ้มให้มู่เฉิน “เจ้ารู้ที่มาของวิชาเจดีย์แปดองค์หรือไม่?”
มู่เฉินส่ายหัว เขารู้เพียงว่าวิชาเจดีย์แปดองค์เป็นหนึ่งในวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าเท่านั้น ส่วนอย่างอื่นเขาไม่รู้เลย
เมื่อฝูถูเห็นก็ไม่ใส่ใจและเริ่มอธิบาย “วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดนี้เป็นสิ่งที่ตาเฒ่าคนนี้สร้างขึ้นเมื่อเผ่าปีศาจต่างมิติเข้าโจมตีมหาพันภพ”
“ข้าได้สังหารปีศาจนับไม่ถ้วนและปิดผนึกราชันปีศาจหลายสิบคนไว้ในเจดีย์ มีกระทั่งที่เทียบเท่ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน”
มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้น การปิดผนึกราชันปีศาจหลายสิบคนนั่นเป็นความสำเร็จที่น่ากลัวอย่างยิ่ง เพราะนั่นเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเลยทีเดียว
“เป็นเพราะข้าได้ผนึกเหล่าราชันปีศาจมากเกินไป ทำให้เจดีย์เกิดความไม่มั่นคง ดังนั้นจึงมีความคิดหนึ่งพุ่งเข้ามา ข้าเลยลองชำระให้พวกมันให้เป็นผู้พิทักษ์เจดีย์”
มู่เฉินตกใจอีกครั้ง กลั่นราชันปีศาจให้เป็นผู้พิทักษ์? นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะต้องลบล้างเจตจำนงของราชันปีศาจเหล่านั้นและปรับแต่งให้เป็นหุ่นเชิด พูดโดยทั่วไปหุ่นเชิดจะอ่อนแอลงเมื่อผ่านกระบวนการ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น วิชาเจดีย์แปดองค์ก็จะไม่สามารถเป็นหนึ่งในสามสิบหกกระบวนท่าของวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดได้
“ข้ารู้เรื่องนั้นดี ข้าจึงปรับแต่งพวกมันให้เป็นผู้พิทักษ์และประทับลงในเจดีย์ ด้วยวิธีนี้พวกมันจะได้รับการเชื่อมโยงกับตัวเองผสานกับทักษะลับในการชำระ ข้าจึงสามารถคงความแข็งแกร่งของพวกมันไว้ได้มากที่สุด” ฝูถูกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
มู่เฉินอุทานด้วยความชื่นชม ฝูถูคู่ควรกับการเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญสุดยอดของโลก วิธีการของเขาช่างแยบยลอย่างแท้จริง
“แต่น่าเสียดายที่โอกาสล้มเหลวสูงมาก ในบรรดาราชันปีศาจหลายสิบคนข้าสามารถกลั่นได้สำเร็จเพียงสามคนเท่านั้น ดังนั้นในปีหลังๆ ข้าจึงใช้ประโยชน์จากสงคราม ปิดผนึกพวกมันเพื่อกลั่น ในที่สุดหนึ่งปีก่อนที่ข้าจะตาย ข้าก็สร้างวิชาเจดีย์แปดองค์ได้สำเร็จ” ฝูถูถอนหายใจ
มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะปาดเช็ดเหงื่อเย็นเมื่อได้ยิน ประสบความสำเร็จในการกลั่นราชันปีศาจได้สามคนจากหลายสิบคน โอกาสที่จะล้มเหลวมีมากจริงๆ ท้ายที่สุดแล้วเหล่าราชันปีศาจไม่ใช่กะหล่ำปลีที่จะเจอได้ในตลาด การดำรงอยู่ของพวกมันเปรียบได้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน ดังนั้นสามารถจินตนาการได้ว่าฝูถูจะบ้าคลั่งเพียงใด เมื่อเขาตระเวนไปรอบมหาพันภพเพื่อจัดการเหล่าราชันปีศาจ
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมไม่มีใครสามารถฝึกวิชาเจดีย์แปดองค์ได้อีกเลย เนื่องจากทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับมันหายากมาก มิหนำซ้ำยังไม่สามารถใช้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนในมหาพันภพเป็นวัตถุดิบแทนได้ เนื่องจากพวกเขาคงไม่ยอมให้มีวิชามารเช่นนี้อยู่แน่หากรู้เรื่องเข้า
มู่เฉินยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อได้ยิน ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อให้เขาได้วิธีการฝึกฝนวิชาเจดีย์แปดองค์แล้วจะมีประโยชน์อะไร?
เมื่อเห็นท่าทางของเขา ฝูถูก็ยิ้ม “คุณค่าของวิชาเจดีย์แปดองค์ไม่ได้อยู่ที่ทักษะการฝึกฝน แต่เป็นตัวมันเอง”
พูดจบฝูถูก็ยกมือขึ้น เจดีย์เสียหายเริ่มสั่นสะเทือน จากนั้นรอยแตกก็ปรากฏขึ้นบนผนังเจดีย์ก่อนที่จะมีเสียงแตกดังขึ้น ลำแสงสีแดงเข้มแปดแฉกพุ่งออกมาจากผนัง
ลำแสงสีแดงเข้มทั้งแปดโคจรรอบตัวฝูถู มู่เฉินเพิ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันคือไข่มุก ซึ่งถูกสลักด้วยลวดลายที่น่ากลัวและดุร้าย
มู่เฉินเพียงแค่มองไปที่ไข่มุกสีแดงเข้มก็รู้สึกว่าเลือดในกายเดือดพล่านพร้อมกับรังสีสังหารพลุ่งพล่านอยู่ในใจ
ฮึ่ม
ทันใดนั้นแสงศักดิ์สิทธิ์ก็คลี่ออกมาจากเจดีย์พุทธะในร่างของมู่เฉิน ขับไล่รังสีสังหาร ทำให้เขาฟื้นคืนสติ
ฮา
เมื่อมู่เฉินได้สติก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไป สายตาจ้องเขม็งที่ไข่มุกสีแดงเข้มทั้งแปดด้วยความกลัว วัตถุนี้น่าสะพรึงจริงๆ หากไข่มุกเหล่านี้ตกอยู่ในมือของคนธรรมดา พวกเขาก็จะกลายเป็นปีศาจสังหารในทันที
“นี่คือแกนกลางของเจดีย์แปดองค์…เจดีย์ไข่มุก” ฝูถูชี้ไปที่ไข่มุกสีแดงเข้มแปดเม็ดพลางยิ้มก่อนที่จะโบกมือ เกลียวสีแดงเข้มระเบิดออกมาจากไข่มุกทั้งแปด ก่อนที่จะรวมตัวกันเป็นร่างมหึมาแปดร่าง
ร่างมหึมาทั้งแปดมีขนาดประมาณร้อยจั้งสีหน้าถมึงทึงน่ากลัว พวกเขาดูราวกับการอวตารของอสูร… ทั้งหมดสาดแรงกดดันที่น่ากลัว
เมื่อมองไปที่ร่างยักษ์ทั้งแปดมู่เฉินก็นึกขึ้นได้พูดว่า “นี่คือเจดีย์แปดองค์หรือ?”
ฝูถูยิ้มพลางพยักหน้า
“เป็นเช่นนี้นี่เอง” มู่เฉินอุทาน เขาเข้าใจแล้ว แทนที่จะบอกว่าเจดีย์แปดองค์เป็นวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนาน บอกว่ามันเป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นสุดยอดซะจะดีกว่า เพราะวิชานี้ไม่จำเป็นต้องได้รับการฝึกฝน เพียงแต่สืบทอดผ่านไข่มุกแปดเม็ดก็ถือว่าฝึกเจดีย์แปดองค์สำเร็จ!
เจดีย์แปดองค์ทรงคุณค่าไม่ใช่เพราะทักษะการฝึก แต่เป็นเจดีย์ไข่มุกที่กลั่นจากราชันปีศาจจำนวนมาก
“ในตอนนั้นที่ข้าสามารถปรับแต่งเจดีย์ไข่มุกทั้งแปดได้ นับเป็นความโชคดี ข้าว่าต่อให้พยายามลองดูอีกครั้งก็เกรงว่าจะไม่สามารถปรับแต่งได้อีก” ฝูถูถอนหายใจ
มู่เฉินพยักหน้า การพยายามปรับแต่งราชันปีศาจให้เป็นผู้พิทักษ์ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากต้องใช้โชคที่มีอย่างมาก
“แต่วัตถุเหล่านี้เป็นของราชันปีศาจ หากคนธรรมดาแปดเปื้อนด้วยรัศมีชั่วร้าย แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนธรรมดาก็ถูกผลาญหัวใจจนหมดสิ้น” ขณะที่พูดฝูถูก็ดูพึงพอใจเมื่อมองไปที่มู่เฉิน “แต่โชคดีที่เจ้ามีเจดีย์พุทธะ ด้วยการปกป้องนี้รัศมีชั่วร้ายจะไม่สามารถกินหัวใจเจ้าได้”
“เมื่อพลังของเจ้าเติบโตขึ้น เจดีย์แปดองค์นี้ก็จะเติบโตขึ้นเช่นกัน พวกมันไม่สามารถเพาะบ่มพลังได้ ดังนั้นทุกครั้งที่ใช้ในการต่อสู้ก็ต้องกินของเหลวจื้อจุนจำนวนมาก ซึ่งเจ้าจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับมัน” ฝูถูเอ่ยเตือน
“ของเหลวจื้อจุนอีกแล้วหรือ?” มู่เฉินรู้สึกหัวบวมขึ้นทันที เขามีจอมเขมือบอย่างกองทัพมังกรดำอยู่แล้ว ไม่คิดว่าจะมีนักกินเพิ่มอีกคนที่นี่
จินตนาการได้เลยว่าจำนวนที่เจดีย์แปดองค์ต้องกินเข้าไปอย่างน้อยก็หลายสิบล้านหยด
“นอกจากนี้…” ใบหน้าของฝูถูนิ่งอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “หากพลังของเจ้าไม่เพียงพอ อย่าได้เปิดใช้งานเด็ดขาด เพราะยังไงพวกมันก็เป็นราชันปีศาจ แม้ว่าจะได้รับการชำระแล้ว แต่ความดุร้ายก็มีอยู่ในเลือดและเนื้อ ตราบใดที่เจ้าสูญเสียการควบคุม พวกมันก็จะกัดกินเจ้าแทน!”
มู่เฉินพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม ดูเหมือนว่าวิชาเจดีย์แปดองค์จะเป็นดาบสองคม
“ในเมื่อเป็นแบบนี้…”
ฝูถูมองไปที่มู่เฉินก็ยกมือขึ้น ไข่มุกสีแดงเข้มแปดเม็ดหมุนอย่างช้าๆ
“เจ้าพร้อมที่จะสืบทอดวิชาเจดีย์แปดองค์หรือยัง?”