หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1341

ตอนที่ 1341

บนแท่นบูชา

ใบหน้าของเฉวียนหลัวและมั่วซินซีดลง พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าฝูถูจะมีความประทับใจอย่างมากต่อมู่เฉิน ถึงแม้จะรู้ว่ามู่เฉินและเผ่ามีความสัมพันธ์เลวร้าย แต่เขาก็ยังตัดสินใจที่จะมอบวิชาเจดีย์แปดองค์ให้กับมู่เฉิน

“ท่านบรรพบุรุษ!” พวกเขาสองคนยังคงใช้ความพยายามลองโน้มน้าวต่อ

“ข้าตัดสินใจแล้ว” ทว่าฝูถูก็โบกมือตัดบทด้วยเสียงแน่วแน่จากนั้นก็หันไปมองทั้งสองคน “พวกเจ้าสองคนกลับไปบอกเหล่าผู้อาวุโส เผ่าฝูถูยืนยงจนถึงปัจจุบันเพราะความสามารถ ทว่าพวกเจ้าเป็นบัวใต้โคลนตม หากยังคงดำเนินความคิดแบบนี้ต่อไปเผ่าจะต้องเผชิญกับความเสื่อมโทรมแน่นอน!”

เสียงของเขาฟังดูเคร่งขรึม การที่มู่เฉินถูกมองว่าเป็นคนบาปเพราะเรื่องมารดาขี้ปะติ๋ว ทำให้บรรพบุรุษคนนี้โกรธมาก

เฉวียนหลัวและมั่วซินไม่กล้าเปิดปากพูดหลังจากถูกตำหนิ ทั้งคู่ก้มหน้าด้วยความอิจฉา กะพริบตาด้วยความไม่เต็มใจ

พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตัวกาลกิณีในสายตาของพวกเขาจะเป็นผู้ชนะยิ่งใหญ่ในการเดินทางสู่แดนเซิ่งยวนโบราณ พวกเขาที่ควรจะเป็นจุดสนใจ กลับหม่นหมองต่อหน้ามู่เฉิน

“มู่เฉินตามข้าไปเพื่อรับมรดก”

ฝูถูเลิกสนใจคนอื่นต่อไป เขามองไปที่มู่เฉินก่อนที่จะโบกมือ จากนั้นทั้งสองก็หายตัวไป

พร้อมกับการหายไปของพวกเขา เฉวียนหลัวและมั่วซินก็เงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้ามืดมน

“จะปล่อยให้มันรับมรดกงั้นหรือ?” มั่วซินถามด้วยเสียงน่ากลัว

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เฉวียนหลัวก็พูดขึ้น “ไอ้กาลกิณีคู่ควรกับวิชาเจดีย์แปดองค์เหรอ? ในเมื่อท่านบรรพบุรุษตัดสินใจแล้วก็ปล่อยให้มันได้ไป”

“แต่มันจะนำวิชาเจดีย์แปดองค์ออกจากแดนซิ่งยวนได้หรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ท่านบรรพบุรุษจะตัดสินได้” ขณะที่พูดก็มีแสงเย็นวูบวาบในดวงตา

มั่วซินอึ้งไปก่อนที่จะถาม “เจ้าหมายถึง?”

เฉวียนหลัวตอบอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าผู้อาวุโสเฮยกวางและมั่วหยิงจะมองดูวิชาเจดีย์แปดองค์ตกอยู่ในมือของมู่เฉินเหรอ? เมื่อพวกเขารู้ข้อมูลนี้แล้ว พวกเขาก็จะละทิ้งคำสั่งของผู้อาวุโสใหญ่เอง”

มั่วซินพยักหน้า หากเฮยกวางและมั่วหยิงเคลื่อนไหวละก็ ไม่ว่ามู่เฉินจะทรงพลังแค่ไหนก็ไม่สามารถหลบหนีจากการตามล่าของสองจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนได้

“ปล่อยให้มันยินดีไปก่อน”

เมื่อแสงหายไปที่เบื้องหน้ามู่เฉิน

สภาพแวดล้อมก็เปลี่ยนไปโดยพลัน ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ภายในเจดีย์ที่มีภาพวาดโบราณบนผนังกระดำกระด่าง

กลิ่นอายโบราณฟุ้งกระจายรอบๆ

“นี่คือ?” มู่เฉินมองไปที่ฝูถูขณะที่สัมผัสได้ถึงความผันผวนที่คุ้นเคย

“นี่คือเจดีย์ของข้า” ฝูถูยิ้มกล่าวด้วยความระลึกถึง “แต่เมื่อข้าสิ้นชีพ เจดีย์ก็สูญเสียความเปล่งประกาย ค่อยๆ หายไปตามกาลเวลา”

มู่เฉินพยักหน้า แต่แม้ว่าเจดีย์นี้จะเริ่มเสียหาย แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ไม่สามารถอธิบายได้ซึ่งทำให้เขาหวาดกลัว

ฝูถูนั่งลงในเจดีย์พลางยิ้มให้มู่เฉิน “เจ้ารู้ที่มาของวิชาเจดีย์แปดองค์หรือไม่?”

มู่เฉินส่ายหัว เขารู้เพียงว่าวิชาเจดีย์แปดองค์เป็นหนึ่งในวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าเท่านั้น ส่วนอย่างอื่นเขาไม่รู้เลย

เมื่อฝูถูเห็นก็ไม่ใส่ใจและเริ่มอธิบาย “วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดนี้เป็นสิ่งที่ตาเฒ่าคนนี้สร้างขึ้นเมื่อเผ่าปีศาจต่างมิติเข้าโจมตีมหาพันภพ”

“ข้าได้สังหารปีศาจนับไม่ถ้วนและปิดผนึกราชันปีศาจหลายสิบคนไว้ในเจดีย์ มีกระทั่งที่เทียบเท่ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน”

มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้น การปิดผนึกราชันปีศาจหลายสิบคนนั่นเป็นความสำเร็จที่น่ากลัวอย่างยิ่ง เพราะนั่นเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเลยทีเดียว

“เป็นเพราะข้าได้ผนึกเหล่าราชันปีศาจมากเกินไป ทำให้เจดีย์เกิดความไม่มั่นคง ดังนั้นจึงมีความคิดหนึ่งพุ่งเข้ามา ข้าเลยลองชำระให้พวกมันให้เป็นผู้พิทักษ์เจดีย์”

มู่เฉินตกใจอีกครั้ง กลั่นราชันปีศาจให้เป็นผู้พิทักษ์? นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะต้องลบล้างเจตจำนงของราชันปีศาจเหล่านั้นและปรับแต่งให้เป็นหุ่นเชิด พูดโดยทั่วไปหุ่นเชิดจะอ่อนแอลงเมื่อผ่านกระบวนการ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น วิชาเจดีย์แปดองค์ก็จะไม่สามารถเป็นหนึ่งในสามสิบหกกระบวนท่าของวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดได้

“ข้ารู้เรื่องนั้นดี ข้าจึงปรับแต่งพวกมันให้เป็นผู้พิทักษ์และประทับลงในเจดีย์ ด้วยวิธีนี้พวกมันจะได้รับการเชื่อมโยงกับตัวเองผสานกับทักษะลับในการชำระ ข้าจึงสามารถคงความแข็งแกร่งของพวกมันไว้ได้มากที่สุด” ฝูถูกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

มู่เฉินอุทานด้วยความชื่นชม ฝูถูคู่ควรกับการเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญสุดยอดของโลก วิธีการของเขาช่างแยบยลอย่างแท้จริง

“แต่น่าเสียดายที่โอกาสล้มเหลวสูงมาก ในบรรดาราชันปีศาจหลายสิบคนข้าสามารถกลั่นได้สำเร็จเพียงสามคนเท่านั้น ดังนั้นในปีหลังๆ ข้าจึงใช้ประโยชน์จากสงคราม ปิดผนึกพวกมันเพื่อกลั่น ในที่สุดหนึ่งปีก่อนที่ข้าจะตาย ข้าก็สร้างวิชาเจดีย์แปดองค์ได้สำเร็จ” ฝูถูถอนหายใจ

มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะปาดเช็ดเหงื่อเย็นเมื่อได้ยิน ประสบความสำเร็จในการกลั่นราชันปีศาจได้สามคนจากหลายสิบคน โอกาสที่จะล้มเหลวมีมากจริงๆ ท้ายที่สุดแล้วเหล่าราชันปีศาจไม่ใช่กะหล่ำปลีที่จะเจอได้ในตลาด การดำรงอยู่ของพวกมันเปรียบได้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน ดังนั้นสามารถจินตนาการได้ว่าฝูถูจะบ้าคลั่งเพียงใด เมื่อเขาตระเวนไปรอบมหาพันภพเพื่อจัดการเหล่าราชันปีศาจ

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมไม่มีใครสามารถฝึกวิชาเจดีย์แปดองค์ได้อีกเลย เนื่องจากทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับมันหายากมาก มิหนำซ้ำยังไม่สามารถใช้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนในมหาพันภพเป็นวัตถุดิบแทนได้ เนื่องจากพวกเขาคงไม่ยอมให้มีวิชามารเช่นนี้อยู่แน่หากรู้เรื่องเข้า

มู่เฉินยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อได้ยิน ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อให้เขาได้วิธีการฝึกฝนวิชาเจดีย์แปดองค์แล้วจะมีประโยชน์อะไร?

เมื่อเห็นท่าทางของเขา ฝูถูก็ยิ้ม “คุณค่าของวิชาเจดีย์แปดองค์ไม่ได้อยู่ที่ทักษะการฝึกฝน แต่เป็นตัวมันเอง”

พูดจบฝูถูก็ยกมือขึ้น เจดีย์เสียหายเริ่มสั่นสะเทือน จากนั้นรอยแตกก็ปรากฏขึ้นบนผนังเจดีย์ก่อนที่จะมีเสียงแตกดังขึ้น ลำแสงสีแดงเข้มแปดแฉกพุ่งออกมาจากผนัง

ลำแสงสีแดงเข้มทั้งแปดโคจรรอบตัวฝูถู มู่เฉินเพิ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันคือไข่มุก ซึ่งถูกสลักด้วยลวดลายที่น่ากลัวและดุร้าย

มู่เฉินเพียงแค่มองไปที่ไข่มุกสีแดงเข้มก็รู้สึกว่าเลือดในกายเดือดพล่านพร้อมกับรังสีสังหารพลุ่งพล่านอยู่ในใจ

ฮึ่ม

ทันใดนั้นแสงศักดิ์สิทธิ์ก็คลี่ออกมาจากเจดีย์พุทธะในร่างของมู่เฉิน ขับไล่รังสีสังหาร ทำให้เขาฟื้นคืนสติ

ฮา

เมื่อมู่เฉินได้สติก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไป สายตาจ้องเขม็งที่ไข่มุกสีแดงเข้มทั้งแปดด้วยความกลัว วัตถุนี้น่าสะพรึงจริงๆ หากไข่มุกเหล่านี้ตกอยู่ในมือของคนธรรมดา พวกเขาก็จะกลายเป็นปีศาจสังหารในทันที

“นี่คือแกนกลางของเจดีย์แปดองค์…เจดีย์ไข่มุก” ฝูถูชี้ไปที่ไข่มุกสีแดงเข้มแปดเม็ดพลางยิ้มก่อนที่จะโบกมือ เกลียวสีแดงเข้มระเบิดออกมาจากไข่มุกทั้งแปด ก่อนที่จะรวมตัวกันเป็นร่างมหึมาแปดร่าง

ร่างมหึมาทั้งแปดมีขนาดประมาณร้อยจั้งสีหน้าถมึงทึงน่ากลัว พวกเขาดูราวกับการอวตารของอสูร… ทั้งหมดสาดแรงกดดันที่น่ากลัว

เมื่อมองไปที่ร่างยักษ์ทั้งแปดมู่เฉินก็นึกขึ้นได้พูดว่า “นี่คือเจดีย์แปดองค์หรือ?”

ฝูถูยิ้มพลางพยักหน้า

“เป็นเช่นนี้นี่เอง” มู่เฉินอุทาน เขาเข้าใจแล้ว แทนที่จะบอกว่าเจดีย์แปดองค์เป็นวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนาน บอกว่ามันเป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นสุดยอดซะจะดีกว่า เพราะวิชานี้ไม่จำเป็นต้องได้รับการฝึกฝน เพียงแต่สืบทอดผ่านไข่มุกแปดเม็ดก็ถือว่าฝึกเจดีย์แปดองค์สำเร็จ!

เจดีย์แปดองค์ทรงคุณค่าไม่ใช่เพราะทักษะการฝึก แต่เป็นเจดีย์ไข่มุกที่กลั่นจากราชันปีศาจจำนวนมาก

“ในตอนนั้นที่ข้าสามารถปรับแต่งเจดีย์ไข่มุกทั้งแปดได้ นับเป็นความโชคดี ข้าว่าต่อให้พยายามลองดูอีกครั้งก็เกรงว่าจะไม่สามารถปรับแต่งได้อีก” ฝูถูถอนหายใจ

มู่เฉินพยักหน้า การพยายามปรับแต่งราชันปีศาจให้เป็นผู้พิทักษ์ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากต้องใช้โชคที่มีอย่างมาก

“แต่วัตถุเหล่านี้เป็นของราชันปีศาจ หากคนธรรมดาแปดเปื้อนด้วยรัศมีชั่วร้าย แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนธรรมดาก็ถูกผลาญหัวใจจนหมดสิ้น” ขณะที่พูดฝูถูก็ดูพึงพอใจเมื่อมองไปที่มู่เฉิน “แต่โชคดีที่เจ้ามีเจดีย์พุทธะ ด้วยการปกป้องนี้รัศมีชั่วร้ายจะไม่สามารถกินหัวใจเจ้าได้”

“เมื่อพลังของเจ้าเติบโตขึ้น เจดีย์แปดองค์นี้ก็จะเติบโตขึ้นเช่นกัน พวกมันไม่สามารถเพาะบ่มพลังได้ ดังนั้นทุกครั้งที่ใช้ในการต่อสู้ก็ต้องกินของเหลวจื้อจุนจำนวนมาก ซึ่งเจ้าจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับมัน” ฝูถูเอ่ยเตือน

“ของเหลวจื้อจุนอีกแล้วหรือ?” มู่เฉินรู้สึกหัวบวมขึ้นทันที เขามีจอมเขมือบอย่างกองทัพมังกรดำอยู่แล้ว ไม่คิดว่าจะมีนักกินเพิ่มอีกคนที่นี่

จินตนาการได้เลยว่าจำนวนที่เจดีย์แปดองค์ต้องกินเข้าไปอย่างน้อยก็หลายสิบล้านหยด

“นอกจากนี้…” ใบหน้าของฝูถูนิ่งอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “หากพลังของเจ้าไม่เพียงพอ อย่าได้เปิดใช้งานเด็ดขาด เพราะยังไงพวกมันก็เป็นราชันปีศาจ แม้ว่าจะได้รับการชำระแล้ว แต่ความดุร้ายก็มีอยู่ในเลือดและเนื้อ ตราบใดที่เจ้าสูญเสียการควบคุม พวกมันก็จะกัดกินเจ้าแทน!”

มู่เฉินพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม ดูเหมือนว่าวิชาเจดีย์แปดองค์จะเป็นดาบสองคม

“ในเมื่อเป็นแบบนี้…”

ฝูถูมองไปที่มู่เฉินก็ยกมือขึ้น ไข่มุกสีแดงเข้มแปดเม็ดหมุนอย่างช้าๆ

“เจ้าพร้อมที่จะสืบทอดวิชาเจดีย์แปดองค์หรือยัง?”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท