หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1342

ตอนที่ 1342

ในชั้นผู้อาวุโสไท่หลิงของเจดีย์สี่เทวะ

การสังหารหมู่ดังก้องทั่วแท่นบูชาขนาดใหญ่ คลื่นหลิงและรัศมีปีศาจปะทะกันเปรี้ยงปร้างทำให้เกิดเสียงเสียดแทงแก้วหู ในเวลาเดียวกันแรงปะทะยังทำให้ชั้นนี้สั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง

นั่นเป็นเพราะแต่ละฝ่ายพยายามปกป้องและทำลาย ทำให้จอมยุทธ์มหาพันภพและเผ่าปีศาจเริ่มระเบิดสงครามกันที่นี่

มีการรวมกลุ่มกันอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ นี่ก็คือลั่วหลี หลิงซี เวินชิงเฉวียนและพรรคพวกที่ยืนล้อมกรอบอยู่รอบตัวพวกนาง

การรวมตัวของพวกนางไม่โดดเด่น เพราะตอนนี้ทั้งสนามรบ แค่จำนวนจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มอย่างเดียวก็สามารถนับได้ด้วยสองมือ นี่ยังไม่รวมถึงพวกเผ่าปีศาจ

แต่โชคดีที่ไม่มีตัวฉกาจเหมือนซือเทียนโยวในชั้นนี้ ดังนั้นการต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายจึงรุนแรง แต่ไม่มีใครถือไพ่เหนือกว่า

“ลั่วหลี ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะทำอะไร?”

เวินชิงเฉวียนสะกิดลั่วหลี สายตามองไปในระยะไกลที่มีหญิงสาวชุดสีขาวทรงเสน่ห์ยืนอยู่ตรงกลางแท่นบูชา

ตอนนี้เวินชิงเฉวียนและทุกคนรู้แล้วว่าหญิงสาวคนนั้นชื่อว่าไป๋ซินเอ๋อ มิหนำซ้ำยังเป็นคู่แข่งของลั่วหลีในครั้งนี้ เนื่องจากเป้าหมายของนางคือมรดกของผู้อาวุโสไท่หลิง

ทักษะของไป๋ซินเอ๋อยอดเยี่ยมมาก เนื่องจากรอบตัวนางรายล้อมไปด้วยจอมยุทธ์น่าเกรงขาม มีกระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม การรวมกลุ่มของพวกเขาถือว่าหรูหราที่สุดเลย

ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นกลุ่มคนที่เข้าใกล้แท่นบูชาได้มากที่สุดและต่อต้านเผ่าปีศาจได้

ไป๋ซินเอ๋อที่ได้รับการปกป้องในวงกลมมองไปที่ลั่วหลีที่อยู่ไกล ก่อนที่ริมฝีปากสีกุหลาบจะยกขึ้น จากนั้นนางก็นั่งลง

มือของนางวาดตราประทับเร็วรี่ วงแสงรวมตัวกันเหนือศีรษะก่อนที่จะกระจายออกไปในรูปวงกลม

“นางพยายามปลุกเจตจำนงของผู้อาวุโสไท่หลิงน่ะ” ลั่วหลีหดตาลงเมื่อเห็นภาพนี้

ที่ชั้นนี้ไม่มีใครมาปลดปล่อยเศษวิญญาณของจอมปีศาจระดับเทียนที่ถูกปิดผนึก ดังนั้นเจตจำนงของผู้อาวุโสไท่หลิงจึงยังคงหลับใหลอยู่

ถ้าไป่ซินเอ๋อสามารถสื่อสารกับเจตจำนงของผู้อาวุโสไท่หลิงได้ นางก็จะสามารถยืมพลังกวาดล้างเผ่าปีศาจทั้งหมดออกไปจากที่นี่ ในเวลานั้นนางก็จะเป็นผู้มีส่วนร่วมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยและวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานก็จะตกอยู่ในมือนางแน่แท้

“เราต้องหยุดนาง!” หลิงซีขมวดคิ้ว ถ้าไป๋ซินเอ๋อได้รับวิชาช่องแสงวิญญาณ ภารกิจครั้งนี้ของลั่วหลีก็จะล้มเหลว

เหตุผลที่มู่เฉินให้ทุกคนมากับลั่วหลี ก็เพื่อที่พวกเขาจะได้ช่วยนางทำงานให้สำเร็จลุลล่วง แต่ถ้าพวกเขาล้มเหลว ก็ไม่รู้ว่าจะตอบมู่เฉินว่าอย่างไร

“ข้าจะไปขัดขวางนางเอง!” หลงเซี่ยงกระแทกหมัดเข้าด้วยกันกล่าวด้วยท่าทางเคร่งขรึม แม้ว่าจะมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มอยู่รอบตัวไป๋ซินอ๋อ คนอย่างเขาก็ไม่กลัว

แต่เขาก็ถูกลั่วหลีหยุด นางส่ายหัว “ทักษะที่นางฝึกฝนน่าจะเป็นคัมภีร์ต้าหลิงของเผ่าไท่หลิง ว่ากันว่านี่เป็นทักษะที่คล้ายคลึงกับผู้อาวุโสไท่หลิง นางจึงพยายามใช้ทักษะนี้เพื่อปลุกเจตจำนงของเขา”

“นี่เป็นความคิดที่ดีนะ แต่จะง่ายอย่างที่นางคิดได้อย่างไร”

จากข้อมูลที่ลั่วหลีได้รับ ผู้อาวุโสไท่หลิงเป็นคนแรกที่สิ้นชีพในหมู่บรรพชนทั้งสี่ ดังนั้นเจตจำนงของเขาจึงเข้าสู่ห้วงนิทรา ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปลุก ลั่วหลีไม่คิดว่าไป๋ซินเอ๋อจะสามารถทำให้สำเร็จได้

เมื่อเห็นว่าลั่วหลีสงบแค่ไหน ทุกคนก็ระงับความวิตกกังวลในใจและเฝ้าดู

ขณะที่พวกเขาไม่พลุ่งพล่าน ไป๋ซินเอ๋อก็เหลือบมาเห็นหลังจากไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดๆ นางก็ยิ้มจาง ก่อนที่จะโบกมือไปให้จอมยุทธ์ที่อยู่รอบตัว

จอมยุทธ์เหล่านั้นดึงความสนใจออกจากตัวลั่วหลี กลับไปล้อมไป๋ซินเอ๋อเพื่อปกป้อง

“ผู้หญิงคนนั้นระวังตัวแจ คุมเชิงพวกเราตลอดเวลา” เวินชิงเฉวียนพูดพร้อมกับยกคิ้ว

“คนที่สามารถขึ้นเป็นเสมือนธิดาเทพของเผ่าไท่หลิงได้จะไม่ฉลาดได้อย่างไร?” ลั่วหลียิ้มบาง ไป๋ซินเอ๋อมาคนเดียว แต่จอมยุทธ์จำนวนมากเต็มใจจะช่วยเหลือ วิธีการของนางไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถทำได้

ขณะที่พวกเขากำลังสนทนากัน แสงลึกลับเหนือศีรษะของไป๋ซินเอ๋อก็ราวกับดวงจันทร์สาดส่องแสงไปทั่วบริเวณ

ประกายแสงกระจายออกไปรอบแท่นบูชา ศิลาโบราณเริ่มสั่นสะเทือน

ไป๋ซินเอ๋อจ้องมองไปด้วยความสุข ทว่าความสุขบนใบหน้านางก็อยู่ไม่นาน เพราะศิลากลับสู่ความเงียบไม่ขยับเขยื้อนดังเดิม

ไป๋ซินเอ๋อกัดฟันแน่นปลดปล่อยคลื่นหลิงในร่างกายอย่างบ้าคลั่ง แสงซ่านเซ็นออกไปห่อหุ้มไปที่ศิลานั้นอย่างต่อเนื่อง

ตู้ม ตู้ม!

ไม่ช้าเผ่าปีศาจก็สังเกตเห็นความวุ่นวายนั้น พวกมันมุ่งการโจมตีไปที่นาง แต่ก็ถูกสกัดไว้โดยจอมยุทธ์ที่อยู่รอบกายนาง

“ตื่นเร็วสิ!”

ไป๋ซินเอ๋อกัดริมฝีปากขณะที่หมุนเวียนวิชาอย่างต่อเนื่อง พยายามติดต่อกับเจตจำนงของผู้อาวุโสไท่หลิง ทว่านางก็ยังคงล้มเหลวเนื่องจากไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เกิดขึ้น

หลังจากพยายามอยู่นานไป๋ซินเอ๋อก็ลืมตาขึ้น ความไม่พอใจอัดแน่นในนัยน์ตา ก่อนที่นางจะมองไปที่แท่นบูชาพลางพึมพำกับตัวเอง “หรือว่าการขึ้นไปบนแท่นบูชาเป็นวิธีเดียวที่จะปลุกเจตจำนงของบรรพบุรุษ?”

แต่นางจะต้องถูกขัดขวางโดยเผ่าปีศาจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และถ้าเผ่าปีศาจสามารถขึ้นไปบนแท่นบูชาปลุกวิญญาณจอมปีศาจได้ละก็ พวกนางลำบากแน่

“แม่นางซินเอ๋อล้มเหลวเหรอ?” ชายรูปร่างแกร่งพุ่งเข้ามาถามด้วยความห่วงใย

ไป๋ซินเอ๋อพยักหน้าเบาๆ “ลำบากพวกเจ้าแล้ว”

เมื่อชายคนนั้นเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนของไป๋ซินเอ๋อ ดวงตาเขาก็กระตุก “แม่นางซินเอ๋อไม่ต้องกังวล รอให้เราส่งเจ้าขึ้นไปที่แท่นบูชาได้ เจ้าก็จะสามารถปลุกเจตจำนงของผู้อาวุโสไท่หลิงได้อย่างแน่นอน”

“สำหรับพวกเขาไม่ต้องกังวล นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่เจ้ายังทำไม่สำเร็จ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย”

ที่พูดนี้หมายถึงกลุ่มของลั่วหลี เนื่องจากพวกเขารู้ว่าลั่วหลีเป็นภัยคุกคามใหญ่สำหรับไป๋ซินเอ๋อ

ไป๋ซินเอ๋อยิ้มอ่อนโยน “พูดอย่างนี้ไม่ได้นะ เราควรระวังลั่วหลีให้มากขึ้น”

ขณะที่พูดสายตานางก็มองไปยังทิศของกลุ่มลั่วหลี ก่อนที่ดวงตาจะหดลงทันทีเมื่อเห็นว่าลั่วหลีนั่งลงอย่างกะทันหัน

เมื่อรู้สึกถึงการจ้องมองของไป๋ซินเอ๋อ ลั่วหลีก็เงยศีรษะขึ้นช้าสายตาประสานกับไป๋ซินเอ๋อ ก่อนที่จะละสายตาออกอย่างรวดเร็ว

ไป๋ซินเอ๋อก็เบนสายตากลับ ดวงตากลับหรี่ลง “ลั่วหลีตั้งใจที่จะสื่อสารกับเจตจำนงของผู้อาวุโสไท่หลิงด้วยหรือ?”

แต่รอยยิ้มลึกก็ปรากฏบนใบหน้าของนางเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น นางรู้ว่าลั่วหลีเพิ่งได้รับตำแหน่งเสมือนธิดาเทพจากเซียนชื่อเหยียนมาไม่กี่เดือน ลั่วหลีไม่เคยได้รับการฝึกฝนในเผ่า ดังนั้นในฐานะคนที่ไม่มีประสบการณ์ในการฝึกฝน ก็เป็นเพียงความคิดปรารถนาที่จะสื่อสารกับวิญญาณบรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่

“ลั่วหลี เจ้าทำได้ไหม?” เวินชิงเฉวียนถามอย่างเป็นห่วงจากด้านข้าง เมื่อนางเห็นว่าขนาดไป๋ซินเอ๋อยัง ล้มเหลว นางรู้ว่าการสื่อสารกับเจตจำนงของผู้อาวุโสไท่หลิงยากเพียงใด

ถึงยังไงไป๋ซินเอ๋อก็ได้รับการฝึกฝนคัมภีร์มานาน ขณะที่ลั่วหลีไม่เคยเรียนรู้วิทยายุทธหรือทักษะการเพาะบ่มของเผ่าไท่หลิงเลย

ลั่วหลียิ้ม “เจ้ารู้ไหมว่าทำไมเซียนชื่อเหยียนจึงมั่นใจในตัวข้ามากและรู้สึกว่าข้าจะได้รับวิชาช่องแสงวิญญาณ?”

เวินชิงเฉวียนส่ายหน้า

ลั่วหลีหัวเราะเบาๆ ขณะที่ตอบว่า “เป็นเพราะข้าฝึกฝนร่างเทพวารียังไงล่ะ”

เวินชิงเฉวียนยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ ‘ร่างเทพวารีเกี่ยวข้องอะไรกับเผ่าไท่หลิงกัน?’

ลั่วหลีเงยหน้าขึ้นมองไปที่แท่นบูชาโบราณ “เซียนชื่อเหยียนเคยบอกว่าในสมัยโบราณท่านไท่หลิงคนนี้เป็นคนที่หลงใหลในความรัก”

“แล้วเขาหลงเสน่ห์ใครล่ะ?” หลิงซีดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง

ลั่วหลียิ้มเจ้าเล่ห์ตอบว่า “เขาหลงใหลเจ้าของคนสุดท้ายของร่างเทพวารี บรรพบุรุษของข้า—ท่านลั่วเสิน!”

“ข้าเข้าใจล่ะ! เจ้าคิดจะใช้แผนสาวงามหลอกล่อใช่ไหม ใช้ร่างเทห์สวรรค์ที่งดงามเพื่อปลุกเจตจำนงของผู้อาวุโสไท่หลิง!” เวินชิงเฉวียนปรบมือพร้อมกับร้องลั่นด้วยความชอบใจ

ลั่วหลีกะพริบตาพูดอย่างสนุกสนาน “เพื่อวิชาช่องแสงวิญญาณ ข้าคิดว่าจะต้องเสียสละความงามของบรรพบุรุษสักหน่อย”

เวินชิงเฉวียนกับคนอื่นๆ แลกเปลี่ยนสายตากัน ‘แบบนี้ก็ได้เหรอ?’

ลั่วหลีไม่พูดอะไรอีก แต่ประสานมือเข้าด้วยกัน โดยมีแสงไร้ขอบเขตส่องออกมาจากด้านหลัง แสงหลิงพวยพุ่งปกคลุมสวรรค์และโลก เกิดภาพเงาที่งดงามก่อตัวขึ้นที่เบื้องหลัง

ร่างเทพวารีแห่งลั่วเสิน ร่างเทห์สวรรค์ที่งดงามแห่งมหาพันภพ!

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท