หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1346 การเผชิญหน้าของเหล่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน
ตู้ม!
เมื่อทั้งสองพูดจบมิติก็ยุบลง โดยที่มีพวกเขาเป็นศูนย์กลาง ระลอกแรงกดดันขนาดใหญ่สองสายทำให้ตำหนักหมื่นพันสั่นสะเทือน
ทว่าพวกเขาก็ควบคุมการเคลื่อนไหว มุ่งเน้นไปที่รอบตัว ไม่ได้ทำลายตำหนัก เนื่องจากนี่เป็นอาณาเขตของวังมหาพันภพ แม้แต่เผ่าฝูถูของพวกเขาก็ต้องไว้หน้าให้
แต่ถึงอย่างนั้นแรงกดดันจากจอมยุทธิ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนสองคนที่แผ่ออกไป ก็ทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มยังต้องหวาดกลัว
“ข้าจะดูสิว่าใครจะฉกเขาไปจากมือข้าได้!” เมื่อเห็นทั้งสองคนเอาแต่ใจ ชื่อเหยียนก็โกรธจนต้องหัวเราะเยาะระบายออกมา แรงกดดันรอบตัวเขาเพิ่มขึ้นขณะที่คลื่นหลิงสีแดงเข้มเดือดราวกับลาวาทำให้อุณหภูมิในตำหนักพุ่งสูงขึ้น
ชื่อเหยียนยืนอยู่เบื้องหน้ามู่เฉินต่อต้านแรงกดดันที่มาจากมั่วหยิงและเฮยกวาง
เมื่อเห็นว่าชื่อเหยียนมุ่งมั่นที่จะปกป้องมู่เฉิน มั่วหยิงและเฮยกวางก็มีสีหน้ามืดครึ้ม ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้แสดงเจตนาที่จะหยุด พวกเขาได้ตัดสินใจที่จะจับตัวมู่เฉินแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!
‘วิชาเจดีย์แปดองค์ตกอยู่ในมือมู่เฉินไม่ได้!’
ด้วยความคิดนี้ ทั้งสองก็แลกเปลี่ยนสายตากัน เฮยกวางก้าวออกไปก่อนที่จะเหยียดฝ่ามือใส่ชื่อเหยียน แม้ว่าฝ่ามือนั้นจะดูนุ่มนวล แต่คลื่นหลิงสีดำก็ควบแน่นรุนแรงในฝ่ามือ ก่อร่างเป็นดวงอาทิตย์สีดำที่มีขนาดพอกับศีรษะมนุษย์
ภาพดวงอาทิตย์สีดำไม่ได้เปล่งประกายใดๆ แม้ว่าจะดูเล็ก แต่ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงพลังงานที่น่ากลัวที่มีอยู่ภายใน
หากดวงอาทิตย์สีดำพุ่งออกไปโดยไร้การควบคุมละก็ เมืองเซิ่งยวนคงจะยุบตัวกลายเป็นปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ในพริบตา
กระบวนท่าของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนปลดปล่อยพลังอำนาจในการทำลายล้างที่ไม่อาจจินตนาการได้
เมื่อเห็นดวงอาทิตย์สีดำบนฝ่ามือของเฮยกวาง ชื่อเหยียนก็หดตาลงไม่คิดรอช้า ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขาอ้าปากกว้าง เปลวไฟพวยพุ่งออกมาราวกับลาวาเลยทีเดียว
เปลวไฟสั่นไหวไม่หยุด ราวกับจะดับลงได้ทันทีเมื่อลมพัด แต่เมื่อมันปรากฏทุกคนก็สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่น่ากลัวแผ่ออกมา แม้แต่มิติก็เหมือนจะถูกเผาไหม้
ทุกคนรู้ว่าทั้งเฮยกวางและชื่อเหยียนควบคุมพลังเอาไว้ มิฉะนั้นเปลวไฟที่พ่นออกมาสามารถเปลี่ยนระยะทางหมื่นลี้ให้กลายเป็นมหาสมุทรเพลิงได้
ชี่!
ดวงอาทิตย์สีดำและเปลวไฟปะทะกัน แต่ไม่ได้สร้างความปั่นป่วนใดๆ อย่างไรก็ตามทุกคนสามารถเห็นได้ว่าพลังทั้งสองพยายามกัดเซาะซึ่งกันและกันในมิติ บริเวณที้ปะทะกันก็เริ่มแตกสลาย…
ขณะที่เฮยกวางกับชื่อเหยียนปะทะกัน มั่วหยิงก็มองไปที่มู่เฉินด้วยรอยยิ้มน่าขนลุก ก่อนที่จะย่างเท้าเข้ามาในทิศทางของมู่เฉิน
ใบหน้าของชื่อเหยียนเปลี่ยนไปเมื่อเห็นภาพนี้ ทว่าตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับเฮยกวาง ถ้าเขาถอยไป เฮยกวางก็จะฉวยโอกาศขึ้นเป็นฝ่ายได้เปรียบและปราบปรามเขาได้
“เผ่าฝูถูทรราชเกินไป! พวกแกพยายามสร้างความเป็นศัตรูกับเผ่าไท่หลิงของข้ารึ?!” ชื่อเหยียนกล่าวเสียงเคร่งขรึม
มั่วหยิงไม่คิดหยุดขณะที่เยาะเย้ยขึ้น “ชื่อเหยียน แกประเมินตัวเองสูงเกินไป แกไม่ได้เป็นตัวแทนของเผ่าไท่หลิง!”
ขณะที่พูดสายตาเย็นชาของเขาก็จดจ้องไปที่มู่เฉินราวกับเหยี่ยวจ้องมองเหยื่อ “ข้าจะดูสิว่าวันนี้แกจะหนีไปได้ยังไง”
ใบหน้าเฉวียนหลัวและมั่วซินเต็มไปด้วยความสุขกับฉากนี้ เมื่อพวกเขามองไปที่มู่เฉินแววตาก็กลายเป็นเวทนา ‘ถึงแกได้รับการยอมรับจากบรรพบุรุษแล้วไงล่ะ? สุดท้ายก็ไม่สามารถปกป้องวิชาเจดีย์แปดองค์ได้!’
มองไปที่มั่วหยิงที่เข้ามา มู่เฉินก็ไม่แสดงความหวาดกลัว เนื่องจากเขารู้ว่าความกลัวไม่ได้ช่วยอะไร
เขากำหมัดแน่น ปกป้องลั่วหลีด้วยแสงเย็นพล่านในดวงตา
หากเป็นก่อนที่จะเข้าไปในแดนเซิ่งยวนโบราณ ตัวเลือกของเขาคงมีเพียงวิ่งหนีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน แต่ตอนนี้เขาเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มบวกกับการได้รับกองทัพมังกรดำและวิชาเจดีย์แปดองค์เป็นไพ่ตายเพิ่มขึ้น
ด้วยไพ่ตายเหล่านี้ถ้าเขาเสี่ยงชีวิต มั่วหยิงก็ไม่สามารถฆ่าเขาได้ง่ายๆ
หากไอ้หมาแก่ตัวนี้ต้องการบีบบังคับจริงๆ มู่เฉินก็จะบอกให้เขารู้ว่าการพยายามทำให้จนตรอก เขาก็ต้องจ่ายราคาที่สมน้ำสมเนื้อ!
“แม่เฒ่าเหอ!”
แต่เมื่อแสงเย็นรวมตัวในนัยน์ตาของมู่เฉินจนถึงขีดสุด เขากำลังจะเหวี่ยงไพ่ตายเผชิญหน้ากับมั่วหยิง เวินชิงเฉวียนก็ตะโกนขึ้น
วาบ!
ภาพเงาสายหนึ่งปรากฏเบื้องหน้ามู่เฉิน นางสวมชุดคลุมสีแดง นี่ก็คือแม่เฒ่าเหอของตระกูลเวิน!
นางยืนเบื้องหน้ามู่เฉินมองไปที่มั่วหยิงอย่างเย็นชา เมื่อแขนเสื้อสะบัดออก เสียงของแม่น้ำที่สาดกระเซ็นก็ดังออกมาจากร่างกายนางคลุมเครือ
มั่วหยิงหยุดชะงักลงใบหน้ามืดครึ้ม สายตาจ้องมองไปที่แม่เฒ่าเหอ เสียงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ตระกูลเวินคิดจะแส่เรื่องภายในของเผ่าฝูถูด้วยเรอะ?”
แม่เฒ่าเหอยกเปลือกตาเบาบางกล่าวว่า “แม้ว่าตระกูลเวินจะไม่มีรากฐานที่ลึกซึ้งเท่ากับเผ่าฝูถู แต่เราก็รู้จักตอบแทนบุญคุณ เจ้าหนุ่มคนนี้ช่วยพวกชิงเฉวียนเอาไว้มากมาย ดังนั้นข้าคงไม่ยืนดูไอ้หน้าด้านแก่หงำเหงือกรังแกเขา”
ความเกรี้ยวกราดพวยพุ่งในดวงตาของมั่วหยิง แต่ไม่ได้ระเบิดความโกรธ เขาหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะมองไปที่มู่เฉินอย่างมืดมน “ไม่คิดว่าจะมีคนพยายามปกป้องแกมากขนาดนี้”
มู่เฉินจ้องกลับไปที่มั่วหยิงด้วยเจตนาฆ่าที่กะพริบอยู่ในดวงตาของเขา
“แต่น่าเสียดาย… วันนี้ไม่ว่าจะมีคนพยายามช่วยแกมากแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์!” ทันใดนั้นรอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้ามั่วหยิงก่อนที่เขาจะหันไป ประสานมือไปที่ด้านนอกของตำหนัก “ท่านผู้อาวุโสเก้าโปรดแสดงตัว”
“เฮ้อ…”
เสียงถอนหายใจดังออกมาจากด้านนอก ก่อนที่ทุกคนจะเห็นชายชราหลังค่อมถือไม้เท้าสีดำเดินเข้ามาทางประตูอย่างช้าๆ
ใบหน้าเขาซูบตอบ ดวงตาดำสนิท ฝีเท้าเชื่องช้าไปปรากฏตัวที่ข้างๆ มั่วหยิง
ชายชราคนนี้ไม่มีความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลังรอบตัว แต่เมื่อเขาปรากฏตัวใบหน้าของชื่อเหยียนและแม่เฒ่าเหอก็เปลี่ยนไปอย่างไม่สามารถควบคุมได้
“ผู้อาวุโสเก้าแห่งเผ่าฝูถู—มั่วโยว?!” เสียงเคร่งขรึมของชื่อเหยียนดังก้อง
“จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน?!” แม่เฒ่าเหอหดดวงตา เผ่าฝูถูส่งจอมยุทธ์ระดับนี้มาจับมู่เฉินเชียวเรอะ?
จอมยุทธ์ประเภทนี้มีอำนาจมากแม้แต่ในเผ่าฝูถู แต่เขาถูกส่งตัวมาจับชายหนุ่มคนนี้เนี่ยนะ?
ในตำหนักเกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง เหล่ามือสังหารปีศาจมองไปที่มู่เฉินด้วยความตกใจ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสาร ชายหนุ่มคนนี้สร้างปัญหาเก่งจริงๆ เขาทำให้จอมยุท์ขุมพลังเทียนจื้อจุนมากมายต้องเคลื่อนไหว
แววตาของมู่เฉินมืดมนลง เนื่องจากเขาไม่คาดคิดว่าเฮยกวงและมั่วหยิงจะระวังขนาดนี้ เพื่อจับตัวเขา พวกเขาถึงกับเชิญจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนมา!
“แกหรือไอ้เด็กกาลกิณี?” มั่วโยวมองไปที่มู่เฉิน พูดโดยไม่มีเสียงกระเพื่อมใดๆ
มู่เฉินตอบ “ดูเหมือนว่าคำพูดของผู้อาวุโสใหญ่อะไรนั่นจะไม่มีประโยชน์ในเผ่าฝูถูเลย”
ชิงซวงเคยบอกเขาเกี่ยวกับข้อตกลงที่มารดาเขาสัญญากับผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าฝูถู แต่ตอนนี้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนกลับโผล่ออกมาทีละคน ตั้งใจที่จะเพิกเฉยต่อข้อตกลงนั่น
“เหตุฉุกเฉินบานปลายแบบนี้ ข้าเชื่อว่าผู้อาวุโสใหญ่จะเข้าใจเรื่องนี้”
มั่วโยวกล่าวต่อ “ตราบใดที่เจ้ามอบวิชาเจดีย์แปดองค์ให้ ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป”
ใบหน้าของมู่เฉินไม่แยแสขณะที่ส่ายหัว หินสลักปรากฏขึ้นในมือ นี่เป็นสิ่งที่เทพจักรพรรดิสงครามมอบให้เขา ดูเหมือนว่าวันนี้เขาคงจะต้องพึ่งพามันเสียแล้ว
เผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิง เขายังสามารถเขวี้ยงไพ่ตายออกไปทั้งหมด เพื่อพยายามต่อสู้สุดความสามารถ แต่สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน… เป็นไปไม่ได้เลยนอกจากเขาจะควบคุมกองทัพมังกรดำได้ทั้งหมด
“ในเมื่อเจ้าดื้อขนาดนี้ ข้าก็คงต้องรังแกเด็กแล้ว” พอเห็นมู่เฉินปฏิเสธมั่วโยวก็ถอนหายใจ ไม้เท้าสีดำในมือเคาะลงบนพื้นเบาๆ รัศมีสีดำพวยพุ่งออกมาจากไม้เท้า ปิดผนึกพื้นที่ทันที มากจนแม้แต่คลื่นหลิงในฟ้าดินก็ยังถูกผนึกไว้
มู่เฉินรู้สึกถึงการจำกัดลง เขาเม้มริมฝีปาก ทันใดนั้นก็เตรียมออกแรงบีบเพื่อบดขยี้หินสลัก เชิญเทพจักรพรรดิสงครามออกมาช่วยเหลือ
ปัง!
แต่ทันทีที่เขาตัดสินใจจะทำ ถ้วยน้ำชาก็บินเข้ามากระแทกเข้ากับวงรัศมี ทำให้มันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
การเปลี่ยนแปลงกะทันหันทำให้มั่วโยวอึ้งไป จากนั้นเขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองไปที่โต๊ะรับรองของตำหนัก ผู้อาวุโสชุดคลุมสีเทากำลังย่างเท้าออกมาช้าๆ
เขาก็คือผู้รับผิดชอบตำหนักแห่งนี้
“เผ่าฝูถูไม่มากไปหน่อยเหรอ…” ลู่ทงเดินมาที่ด้านข้างของมู่เฉิน พูดอย่างเกียจคร้าน
มั่วโยวขมวดคิ้ว “วังมหาพันภพคิดจะยุ่งเรื่องนี้ด้วยเหรอ?”
แม้ว่าเผ่าฝูถูจะเป็นหนึ่งในห้าเผ่าโบราณ แต่วังมหาพันภพก็มีสถานะสูงส่งในมหาพันภพ มิหนำซ้ำยังไม่กลัวต่ออำนาจเผ่าฝูถูอีกด้วย
“นี่เป็นเรื่องภายในของพวกข้า ข้าว่าวังมหาพันภพละเมิดกฎด้วยการเข้ามายุ่งเรื่องนี้แล้ว” มั่วโยวพูดช้าๆ แม้ว่าวังมหาพันภพจะทรงอำนาจ แต่ก็มีกฎระเบียบ พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ยุ่งกิจการภายในของขั้วอำนาจอื่น
“ไม่ใช่พวกข้าหรอกที่แหกกฎ แต่เป็นพวกเจ้า” ลู่ทงส่ายหัว
เขาหันไปมองมู่เฉิน สายตาพิลึกพิลั่นลงหลายส่วน ก่อนที่จะถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และยื่นมือออกไป “เอาป้ายสังหารปีศาจของเจ้าให้ข้า”
มู่เฉินอึ้งไปชั่วครู่ก่อนที่จะหยิบป้ายสีทองอร่ามวางในมือของชายชราชุดเทา
ลู่ทงถือป้ายยิ้มอ่อนให้มั่วโยว “คิดจะจัดการราชันสังหารปีศาจของวังมหาพันภพในถิ่นของข้า พวกเจ้าไม่ใช่คนที่ทำผิดกฎเรอะ?”