หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1382

ตอนที่ 1382

ทะเลสาบขนาดใหญ่

ที่มีแสงส่องระยิบระยับราวกับปลาน้อยสีเงินโผบินออกมา

มู่เฉินและไป๋ซู่ซู่ยืนอยู่บนผืนน้ำพร้อมกับแสงหลิงเล็ดลอดออกมาห่อหุ้มทั้งสองไว้เพื่อปกปิดรัศมีจนหมด

ไป๋ซู่ซู่มองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ “ตามข้อมูลล่าสุด ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตจะผ่านมาที่นี่จากเส้นทางการลาดตระเวน ว่ากันว่ามันกำลังมุ่งหน้ากลับภูเขาเสี่ยหมัว ดังนั้นเราจะต้องจัดการมันที่นี่”

ดวงตาของมู่เฉินหดลงเมื่อได้ยิน “หรือว่าพวกมันจะรับรู้แล้ว?”

หลังจากไตร่ตรองชั่วครู่ใบหน้าของไป๋ซู่ซู่ก็เปลี่ยนไปเป็นเคร่งเครียด “ปีศาจคนนี้ตระเวนไปทั่ว ข้อมูลก็คงจะค่อนข้างดี มันอาจจะรับรู้อะไรบางอย่าง แต่ไม่น่าจะยืนยันข่าวได้ ดังนั้นจึงคิดจะไปที่ภูเขาเสี่ยหมัวเพื่อพูดคุยตัดสินใจกับผู้บัญชาการปีศาจโลหิตอีกสามคน”

“ถ้างั้นก็ปล่อยมันไปไม่ได้” มู่เฉินพยักหน้า หากผู้บัญชาการปีศาจโลหิตคนนี้ไปถึงภูเขาเสี่ยหมัว ก็จะเกิดการเตรียมการ

ไป๋ซู่ซู่พยักหน้า จากนั้นทั้งสองก็เงียบลงไปประมาณหนึ่งชั่วโมงมู่เฉินก็ลืมตาโพลงมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ด้วยความเฉยเมย “มันมาแล้ว”

ไม่นานหลังจากเสียงมู่เฉินดังขึ้น เมฆสีแดงเข้มก็พล่านเข้ามาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้พร้อมกับสัตว์อสูรมากมายถูกล่ามโซ่ไว้กับตำหนักขนาดใหญ่

ตำหนักรายล้อมด้วยจอมยุทธ์เผ่าเสี่ยเสีย กระบวนทัพช่างหรูหรานัก

เมฆสีแดงพุ่งไปในทิศทางของมู่เฉินและไป๋ซู่ซู่ ทว่าก็ไม่พบทั้งสอง ยังคงมุ่งหน้าเดินทางต่อไป

เมื่อตำหนักขนาดใหญ่ผ่านไปเหนือศีรษะ ดวงตาของมู่เฉินก็เย็นชาลง เสาคลื่นหลิงขนาดมหึมาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากระแทกเข้ากับตำหนักจังใหญ่

ตู้ม!

ตำหนักระเบิดออกทันที คลื่นหลิงก็สร้างหายนะ จอมยุทธ์เผ่าเสี่ยเสียถูกสังหารไปทั้งแถบ ทุกอย่างตกอยู่ในความโกลาหล

“ใครกล้ารบกวนข้าคนนี้!”

ขณะที่เผ่าเสี่ยเสียตกใจวุ่นวาย เสียงตะโกนก็ดังก้องระหว่างฟ้าดิน ทำให้กองทัพสงบลง

“ผู้หญิง?” เมื่อได้ยินเสียงตะโกน มู่เฉินก็หรี่ตาลง เนื่องจากตระหนักว่าผู้บัญชาการปีศาจโลหิตคนนี้เป็นสตรี!

บนท้องฟ้า บริเวณตำหนักที่ระเบิด ภาพเงาภาพหนึ่งก็เยื้องย่างออกมา นี่เป็นหญิงสาวท่าทางเย้ายวนสวมชุดบางดึงดูดความสนใจเป็นอันมาก

ทว่าเมื่อนางปรากฏตัวจอมยุทธ์เผ่าเสี่ยเสียก็ลดศีรษะลงเผยความเคารพในสายตา

ดวงตาของนางพญาที่น่าหลงใหลวูบไหวด้วยแสงสีแดงเข้ม ขณะกวาดมองไปทั่วก่อนที่จะเล็งมาที่ทะเลสาบด้านล่าง

“ข้าจะจัดการกับผู้บัญชาการหญิงคนนี้ ส่วนเจ้าจัดการคนที่เหลือ อย่าปล่อยให้ใครหนีรอดไปได้” เมื่อเห็นสายตาผู้บัญชาการปีศาจโลหิต มู่เฉินรู้ว่านางสัมผัสได้ เขาจึงลบการปกปิดออก หันไปพูดกับไป๋ซู่ซู่

ไป๋ซู่ซู่พยักหน้า พลังของนางแข็งแกร่งกว่าเหล่าแม่ทัพปีศาจโลหิต และมู่เฉินก็ได้จัดการกับเหล่าแม่ทัพราบเป็นหน้ากลองไปแล้ว ดังนั้นงานของนางจึงไม่ยากนัก

มู่เฉินไม่พูดมาก ค่อยๆ ลอยขึ้นไปในอากาศก่อนที่จะปรากฏตัวต่อหน้าผู้บัญชาการปีศาจโลหิตภายใต้สายตาของสมาชิกเผ่าเสี่ยเสีย

เมื่อมองมู่เฉินรอยยิ้มน่าหลงใหลก็ปรากฏบนใบหน้าผู้บัญชาการหญิง “พี่ชายน้อยหล่อเหลาถูกใจจริง เจ้าหยุดพี่สาวคนนี้เพราะอยากสนุกด้วยเหรอ?”

ขณะที่พูดชุดก็กระพือขึ้นลงเผยให้เห็นเนินเนื้อที่อยู่ใต้กระโปรง

มู่เฉินยิ้มให้กับการล่อลวง แต่แววตาสงบนิ่งนัก

เมื่อผู้บัญชาการหญิงเห็นสิ่งนี้ นางก็หดดวงตา รอยยิ้มจางหายแทนที่ด้วยไอสังหารขณะที่จ้องมองมาที่มู่เฉิน “เสี่ยโสวและเสี่ยหมิงที่หายไปเกี่ยวข้องกับเจ้าใช่ไหม?”

มู่เฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้ารู้จริงด้วยแฮะ”

“ข้าติดต่อกับพวกเขาเสมอ แต่ก่อนหน้าทั้งสองกลับหายไป ดังนั้นจึงรู้สึกแปลก แต่ข้าไม่คิดว่าจะเป็นคนจากมหาพันโลกที่เข้ามายุ่ง” ผู้บัญชาการหญิงกล่าวอย่างเย็นชา นางสังเกตแหล่งกำเนิดของมู่เฉินจากคลื่นพลังงานของเขา

“ผู้หญิงนี่หลอกยากจริง” มู่เฉินยิ้ม

ผู้บัญชาการหญิงจ้องมองมู่เฉินอย่างเย็นชาก่อนที่หมอกสีแดงเข้มรอบด้านจะพุ่งขึ้นกระจายไปทั่วฟ้าดิน

แต่ขณะที่ทุกคนคาดว่าจะเกิดการต่อสู้ใหญ่ ผู้บัญชาการหญิงกลับกลายเป็นร่างแสงพุ่งหนีไปปานสายฟ้าแลบ

ฉากที่เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่เพียงแต่ทำให้จอมยุทธ์เผ่าเสี่ยเสียตกตะลึงเท่านั้น แต่ยังทำให้มู่เฉินอึ้งไปชั่วครู่ก่อนที่จะยิ้ม “ผู้หญิงช่างมารยาสาไถย”

ชัดว่าผู้บัญชาการปีศาจโลหิตรู้สึกถึงความไม่สบายใจ เพราะถ้าเขาสามารถจัดการกับผู้บัญชาการปีศาจโลหิตสองคนได้ เขาก็ต้องทรงพลัง ดังนั้นหากต่อสู้กันนางก็รู้ว่าตนเองไม่มีโอกาสมากนักที่จะชนะ

ดังนั้นทันทีที่รู้ว่ามู่เฉินเป็นผู้กระทำการ นางก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะต่อสู้ เพียงแค่ใช้จริตหยอดก่อนที่จะหาโอกาสหนี

มีเพียงการกลับไปยังภูเขาเสี่ยหมัวและร่วมมือกับผู้บัญชาการปีศาจโลหิตอีกสามคน ถึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

“ข้านั่งรอมาตั้งนานแล้วจะปล่อยให้เจ้าหนีไปได้ยังไง?” แต่ชัดว่ามู่เฉินที่รออยู่ที่นี่มาครึ่งค่อนวันก็ไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ร่างเขากลายเป็นลำแสงไล่ตามนางไป

ร่างแสงสองร่างไล่จับกันโดยที่มิติบิดเบือนอย่างต่อเนื่อง พริบตาก็ห่างออกไปหนึ่งพันลี้แล้ว

แต่ไม่ว่าผู้บัญชาการหญิงจะพยายามหลบหนีแค่ไหน นางก็สลัดมู่เฉินออกไปไม่ได้ แม้แต่ระยะห่างระหว่างทั้งสองก็ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว

“ให้ตายสิ น่ารำคาญจริงๆ!”

ใบหน้าของผู้บัญชาการหญิงซีดเซียว ขณะที่นางสาปแช่งพลางกัดฟันกรอด นางไม่เคยคิดมาก่อนว่ายมทูตสังหารจะปรากฏตัวขึ้น หลังจากที่พวกนางปกครองโลกนี้มานาน

ตู้ม!

แต่ขณะที่นางสาปส่ง ท้องฟ้าเหนือศีรษะก็สั่นสะเทือน นางเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ จากนั้นก็เห็นเจดีย์ผลึกแก้วใสขนาดใหญ่ตกลงมาจากสวรรค์ก่อนที่จะครอบร่างนางเอาไว้

เจดีย์พุ่งลงมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่นางจะได้ตอบสนองทั่วทั้งสรรพางค์กายก็ถูกห่อหุ้มไว้หมดแล้ว

มู่เฉินที่เห็นก็ยิ้มพลางพุ่งเข้าไปด้านใน

เจดีย์ลอยอยู่ในอากาศเงียบๆ ประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนที่ร่างมู่เฉินจะปรากฏขึ้น

เขาถือไข่มุกสีแดงเข้ม ภาพผู้บัญชาการหญิงปีศาจโลหิตปรากฏพร้อมความกลัวฉายบนใบหน้า

“นายท่านตราบใดที่ท่านไว้ชีวิตข้า ผู้น้อยคนนี้ยอมที่จะเป็นข้ารับใช้!” ผู้บัญชาการหญิงร้องขอในขณะที่ดิ้นรนครั้งสุดท้าย

“ข้าเลี้ยงงูเห่าไม่ไหวหรอก”

มู่เฉินยิ้มบางก่อนที่จะเก็บไข่มุกไว้ในเจดีย์ หากมีโอกาสในอนาคตค่อยฆ่าพวกมัน

จัดการกับผู้บัญชการหญิงปีศาจโลหิตเรียบร้อย มู่เฉินก็รู้สึกผ่อนคลายลง เขาทำตามแผนสำเร็จลุล่วง

ตอนนี้เหลือผู้บัญชาการปีศาจโลหิตสามคน เมื่อไรที่เขาสามารถกำจัดพวกมันได้ เขาก็ทำภารกิจที่ได้รับสำเร็จและจะได้รับโอกาสที่จอมยุทธ์มังกรขาวพูดไว้

“แต่ข้าใช้ของเหลวจื้อจุนไปเกือบสามร้อยล้านหยดเพื่อผนึกผู้บัญชาการสามคนนี้” แค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มู่เฉินก็กุมหัวใจด้วยความเจ็บปวด เขานำของเหลวจื้อจุนทั้งหมดจากตำหนักมู่มาใช้ในการเดินทางครั้งนี้ แม้ว่าตอนนั้นมั่นถัวหลัวจะเข้าใจ แต่นางก็ไม่ได้ให้สีหน้าที่ดีกับเขา ตำหนักมู่ก็มีค่าใช้จ่ายมหาศาล จากการกระทำของมู่เฉินทำให้พวกเขาต้องรัดเข็มขัดและใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

“หวังว่าโอกาสจะช่วยให้ข้าก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนได้จริง มิฉะนั้นการลงทุนครั้งนี้ก็ถือว่าขาดทุนเกินไปแล้ว”

มู่เฉินยิ้มขณะที่ส่ายหัวอย่างขมขื่น ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็กลับไปที่ทะเลสาบ ตอนนี้บนผืนน้ำถูกย้อมเป็นสีแดงฉายมีศพนอนเกลื่อนไปหมด

ไป๋ซู่ซู่ยืนอยู่บนทะเลสาบพร้อมกับรัศมีเย็นเยือกแผ่ออกมาจากร่างกาย

เมื่อนางเห็นมู่เฉินสายตาเย็นชาของนางก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอ่อนโยน

“ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จอีกครั้ง”

มู่เฉินยิ้มขณะพลิ้วตัวลงไปข้างๆ ไป๋ซู่ซู่วางมือบนไหล่บาง คลื่นหลิงแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของหญิงสาว ของเหลวสีแดงเข้มไหลซึมออกมาจากผิวหนังก่อนที่จะระเหยออกไป

ในเวลาเดียวกันรัศมีเย็นเยือกรอบตัวนางก็หายไป

“พิษโลหิต…” เมื่อเห็นของเหลวสีแดงเข้มใบหน้าของไป๋ซู่ซู่ก็เปลี่ยนไป พิษโลหิตบุกเข้าสู่ร่างกายของนางโดยที่ไม่รู้ตัวเลยเรอะ

“พลังเจ้าไม่ได้อ่อนแอ แต่ยังไม่เสถียรภาพพอ ฝึกฝนให้ดีในอนาคต ไม่เช่นนั้นจะยากสำหรับที่จะเกิดพัฒนาการ” มู่เฉินถอนมือกลับพลางเอ่ยเตือน

“รับทราบเจ้าค่ะ!” ไป๋ซู่ซู่พยักหน้ารับฟัง

มู่เฉินพยักหน้าไม่พูดอะไรอีก เพียงมองไปทางทิศตะวันออก เขาไตร่ตรองสั้นๆ ก่อนที่จะพูดช้าๆ “ผู้บัญชาการปีศาจโลหิตทั้งสามแห่งภูเขาเสี่ยหมัวคงจะรู้เรื่องนี้ในไม่ช้า ถึงตอนนั้น…จะเกิดการต่อสู้ใหญ่ขึ้น”

คราวนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับสามผู้บัญชาการที่ได้สัมผัสกับระดับเทียนจื้อจุน

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท