หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1361

ตอนที่ 1361

“แกพร้อมที่จะตายหรือยัง?”

เสียงเจ้าสำนักเมฆาม่วงดังราบเรียบระหว่างสวรรค์และโลก ถ้าเป็นคนอื่นพูดประโยคดังกล่าว คงมีผู้คนหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็งแล้ว แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครกล้าหัวเราะออกมา

นั่นเป็นเพราะในจักรวรรดิเหนือ นอกเหนือจากผู้นำอีกสอง คนที่เหลือก็ได้แต่รอความตายประทานจากเจ้าสำนักเมฆาม่วงเท่านั้น

แต่…ตอนนี้อาจมีบุคคลที่สามเพิ่มเข้ามา

ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน มู่เฉินไม่ได้ให้ความสนใจกับเจ้าสำนักเมฆาม่วง เขาหันไปมองเจ้าภูเขาเหลยยิงและเจ้าอินทรีทองด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าไม่คิดจะเข้ามาพร้อมกันเหรอ?”

เขารับรู้ความอยากฆ่าที่ทั้งสองมีต่อเขาโดยธรรมชาติ แต่ที่น่าแปลกคือเขากลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวอะไร แต่ยังยั่วโมโหฝ่ายตรงข้ามอีกด้วย

บนที่ราบเป่ยยู่ใบหน้าของทุกคนกระตุก ตกลงมู่เฉินคนนี้มั่นใจจริงหรือบ้าบิ่นกันแน่? เขาไม่เพียงท้าทายเจ้าสำนักเมฆาม่วง แต่ยังคิดจะลากเจ้าภูเขาเหลยยิงและเจ้าอินทรีทองเข้ามาในการต่อสู้ด้วย?

พวกเขาเชื่อว่าหากผู้นำทั้งสามเคลื่อนไหวพร้อมกันละก็ งานนี้มู่เฉินตายคาที่แน่

เจ้าภูเขาเหลยยิงและเจ้าอินทรีทองก็หรี่ตาลงกับการกระทำของมู่เฉินพร้อมกับแสงเย็นรวมเข้ามาในส่วนลึกของดวงตา พวกเขาจ้องไปที่มู่เฉินราวกับว่าต้องการมองอีกฝ่ายให้ทะลุ

พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมมู่เฉินถึงได้จองหองขนาดนี้

เผชิญหน้ากับสายตาของพวกเขา มู่เฉินก็ยิ้มออกมาโดยไม่มีความกลัวใดๆ ในดวงตา มีเพียงไฟการต่อสู้ลุกโชน

เมื่อมองไปที่เขา ดวงตาของเจ้าภูเขาเหลยยิงและเจ้าอินทรีทองก็กะพริบ สถานการณ์เช่นนี้มู่เฉินยังสามารถสงบสติอารมณ์ได้ แสดงว่าถ้าเขาไม่ใช่คนบ้าบิ่นก็ต้องมีไพ่ตายอยู่ในเขนเสื้อ

ในฐานะผู้นำจักรวรรดิเหนือ พวกเขาระมัดระวังโดยธรรมชาติ ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างหลังแน่นอน

เจ้าภูเขาเหลยยิงยิ้ม “ตอนนี้เจ้าเป็นเหยื่อของเจ้าสำนักเมฆาม่วง ไม่ดีมั้งที่พวกข้าจะเข้าไปยุ่ง”

ไม่ว่ามู่เฉินจะบ้าหรือมีความสามารถจริงๆ เจ้าสำนักเมฆาม่วงจะเป็นคนผู้ทดสอบ ขณะที่พวกเขาจะประเมินความสามารถของมู่เฉินด้วยสายตา

ตอนนี้พวกเขายังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการของฝ่ายตรงข้าม ถ้าเคลื่อนไหวอย่างไม่ระมัดระวังและมู่เฉินมีวิธีมัดรวมฆ่าพวกเขาทั้งหมดด้วยกัน นี่ก็เท่ากับติดร่างแหไปด้วยกัน

ตอนนี้พวกเขาสามารถรอดูอย่างใจเย็น เมื่อตรวจสอบกลยุทธ์ของมู่เฉินเสร็จสรรพ พวกเขาจะบอกให้มู่เฉินรู้ว่าราคาสำหรับการทำตัวเหมือนคนโง่ต่อหน้าพวกเขาแพงขนาดไหน

มู่เฉินไม่ได้ขยับ แต่มองไปที่ทั้งสองแล้วยิ้ม “ช่างน่าเสียดาย”

เจ้าสำนักเมฆาม่วงหลุบตาลงเอ่ยอย่างนิ่งสงบ “แกกำลังจะตาย ทำไมถึงต้องเสแสร้ง?”

มู่เฉินยิ้ม “ถ้างั้นก็ให้ข้าได้สัมผัสด้วยตัวเองว่าจอมยุทธ์ที่แตะระดับเทียนจื้อจุนมีอำนาจมากแค่ไหน”

เมื่อเขาพูดจบเจดีย์พุทธะก็เผยขึ้นในดวงตา คลื่นหลิงในร่างกายเขากวาดเข้าไปในเจดีย์เปลี่ยนรูปและขยายขนาดก่อนที่จะกลับคืนสู่ร่าง

ตู้ม!

ผลึกแสงระเบิดออกมาจากร่างกาย ทำให้เสื้อคลุมโบกสะบัด ระดับคลื่นพลังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่อึดใจความผันผวนของคลื่นหลิงที่ระเบิดจากร่างมู่เฉินก็เกินกว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มระยะปลายสุดธรรมดาแล้ว

ทั้งบริเวณโกลาหล มู่เฉินเกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มเท่านั้น แต่คลื่นหลิงที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายทรงพลังยิ่งกว่าระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มระยะปลายสุดอีก

นอกจากนี้ผลึกคลื่นหลิงของเขาก็ไม่ธรรมดา

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตเปล่งประกายอยู่ภายในร่างกาย มู่เฉินค่อยๆ กำมือแล้วเหวี่ยงหมัดออกไป

ปัง!

หมัดผลึกขนาดใหญ่พุ่งออก พลังที่บรรจุอยู่ภายในทำให้มิติระเบิด ราวกับดาวหางเมื่อยิงไปหาเจ้าสำนักเมฆาม่วง

เผชิญหน้ากับหมัดดุร้ายของมู่เฉิน เจ้าสำนักเมฆาม่วงกลับหัวเราะเยาะ ก่อนที่จะกอดอกปล่อยให้การโจมตีของมู่เฉินซัดมาโดยไม่มีการป้องกันใดๆ

ตู้ม!

เมื่อหมัดกระแทกเข้ากับร่างเจ้าสำนักเมฆาม่วง มิติก็สั่นสะท้านเหมือนกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

กำปั้นจางลง ทุกคนก็หดตาเนื่องจากเห็นว่าเจ้าสำนักเมฆาม่วงไม่แม้แต่ขยับจากจุดที่ยืน

กำปั้นของมู่เฉินราวกับไม่สามารถขยับเขาได้

มู่เฉินซึ่งอยู่ยงคงกระพันในที่สุดก็ถูกหยุดลง

“เหมือนมดกัดเลย” เจ้าตำหนักเมฆสีม่วงยิ้มเย็น

เจ้าภูเขาเหลยยิงและเจ้าอินทรีทองก็ดวงตาวูบไหว ‘หรือว่าเจ้านี่ขี้โม้เรอะ? เขาไม่สามารถแม้แต่จะเขย่าการป้องกันของเจ้าสำนักเมฆาม่วงได้เลย

ภายใต้สายตาผู้คน มู่เฉินก็มองไปที่เจ้าสำนักเมฆาม่วงด้วยความตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้ม “สมกับเป็นจอมยุทธ์ที่ได้สัมผัสกับความลึกซึ้งของระดับเทียนจื้อจุนแท้จริง”

ว่ากันว่าระดับเทียนจื้อจุนสามารถรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกับสวรรค์และโลกเพื่อสร้างการป้องกันที่ทรงพลังรอบตัว ฟ้าดินจะช่วยกระจายพลังส่วนใหญ่ในการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม

นั่นคือความหมายที่นิยามว่า ‘เป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน’

เมื่อสักครู่เจ้าสำนักเมฆาม่วงกระจายการโจมตีของมู่เฉินไปยังสวรรค์และโลกอย่างชัดเจน มีเพียงบางส่วนของการโจมตีเท่านั้นที่เจาะเข้าไป ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะทนต่อการโจมตีนั้นได้

มู่เฉินไม่เคยมีประสบการณ์ในการต่อสู้กับจอมยุทธ์ที่ได้สัมผัสกับระดับเทียนจื้อจุนมาก่อน ดังนั้นเขาจึงต้องการตรวจสอบให้แน่ชัด

“ถือว่ามีสายตาดี แต่น่าเสียดายที่สายเกินไป” ใบหน้าของเจ้าสำนักเมฆาม่วงมืดครึ้มด้วยจิตสังหารรวมอยู่ในดวงตา

มู่เฉินส่ายหัวพลางยิ้ม “ค่อยโม้หลังจากแกสามารถเป็นหนึ่งเดียวกับสวรรค์และโลกได้อย่างแท้จริงเมื่อก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนก่อนเถอะ ตอนนี้…แกน่ะของปลอมไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่ตัวเองคิดหรอก”

“ไอ้โง่บ้าบิ่น ตอนนี้แกยังกล้าพูดหยิ่งผยองอยู่อีกเรอะ!” เจ้าสำนักเมฆาม่วงกล่าวเสียงน่าขนลุก

ทว่ามู่เฉินไม่ได้สนใจกลับวาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว แสงสีม่วงทองระเบิดออกมา ก่อตัวเป็นเงาขนาดใหญ่

นี่ก็คือร่างเทพสุริยะนิรันดร์!

ฮึ่ม ฮึ่ม!

ลวดลายสีม่วงทองนับไม่ถ้วนปรากฏบนร่างเทพสุริยะนิรันดร์ จากนั้นก็ราวกับมังกรที่แยกตัวออกจากร่างมหึมา ขดตัวอยู่รอบร่างเขา

“รหัสเทพอมตะ ธนูทองคำอมตะ!”

มู่เฉินยื่นมือออกและลวดลายนับร้อยก็ส่งเสียงหวีดหวิวแล้วรวมตัวในฝ่ามือของเขา ก่อนที่จะสร้างคันธนูสีทองขนาดใหญ่

มือจับคันธนู สายตาไม่แยแสก็มองไปที่เจ้าสำนักเมฆาม่วงขณะขึ้นสาย แสงสีม่วงทองควบแน่นบนคันธนู ก่อนที่ลูกศรสีทองจะก่อตัวโดยมีลวดลายที่ลึกซึ้งปกคลุมไว้

เวลาเดียวกันเสื้อคลุมของมู่เฉินก็กระพือขึ้นลง ของเหลวสีทองลอยออกมาห่อหุ้มลูกศรสีทอง

ของเหลวสีทองแข็งตัวทันทีและแสงสีทองบนลูกศรก็หรี่ลง ไม่ได้มีความสุกสกราวอีกต่อไป มิหนำซ้ำยังดูธรรมดาลงมาก

นี่ก็คือของเหลววัชระทำลายวิญญาณที่มู่เฉินแลกมาด้วยคะแนนสังหารปีศาจ

หัวลูกศรชี้ไปที่เจ้าสำนักเมฆาม่วง มู่เฉินก็คลี่ยิ้ม “คราวนี้แกลองยืนรับดูอีกทีสิ?”

ฮึ่ม!

เขาปล่อยลูกธนู รังสีสีทองจางๆ พุ่งออกมา

สายตานับไม่ถ้วนก็มองตามไป

ทันทีที่รังสีสีทองเข้ามาหา เจ้าสำนักเมฆาม่วงก็หดดวงตา เขาสัมผัสได้ถึงความคมชัดที่อธิบายไม่ได้พุ่งมาในทิศทางของตนเอง ซึ่งทำให้ผิวของเขาเจ็บแปลบเลยทีเดียว

ความตกใจหวาดกลัวปรากฏขึ้นในหัวใจของเขา พลังของลูกธนูน่ากลัวมาก ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถรับมือได้ด้วยการเป็นหนึ่งกับฟ้าดินในตอนนี้

“เจ้าบ้านี่มีความสามารถจริงๆ”

ใบหน้าของเจ้าสำนักเมฆาม่วงเข้มขึ้น เขามองแสงสีทองสะท้อนในดวงตาก็ไม่กล้าที่จะช้า หายใจเข้าลึกกระทืบเท้า แสงสีม่วงก็กระจายออกมา ภาพเงาสีม่วงมหึมาก่อตัวขึ้นข้างหลัง

นี่ก็คือร่างเทห์สวรรค์ที่เขาฝึกฝนนั่นเอง

“ดัชนีจักรพรรดิคว้าดาว!”

เจ้าสำนักเมฆาม่วงตะโกน ขณะที่ตราประทับเปลี่ยนแปลงวูบไหว นิ้วทั้งสองของเขายื่นออกไปในอากาศ

ร่างเงาสีม่วงก็ยื่นสองนิ้วที่ห่อหุ้มด้วยแสงเปล่งปลั่งสีม่วงออกมา ก่อตัวเป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวสีม่วง ราวกับว่ามันพยายามดึงดวงดาวด้วยปลายนิ้ว

กระบวนท่านี้ของเจ้าสำนักเมฆาม่วงทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในทันที ทุกคนรู้ดีว่านี่เป็นหนึ่งในกระบวนท่าไม้ตาย ซึ่งเขาเอาออกมาใช้ตั้งแต่ตอนนี้

เห็นได้ชัดว่าการโจมตีจากมู่เฉินทำให้เจ้าสำนักเมฆาม่วงรู้สึกถึงการคุกคามแล้ว

ฟิ้ว!

ภายใต้ความสนใจ รังสีสีทองบางจางก็พาดผ่านขอบฟ้าปะทะกับดัชนีสีม่วงในไม่กี่อึดใจต่อมา ทุกคนเพ่งสายตาไปที่จุดประสานงานั่น…

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท