เลือดสีแดงฉานหยดลง
ทุกคนนิ่งเงียบไป พลังที่จอมปีศาจโลหิตแสดงออกมาช่างสุดยอดเกินไป นี่เป็นเพียงหยดเลือด แต่ก็ทำให้มู่เฉินกระเด็นออกไปไกลแล้ว…
เผชิญกับพลังอำนาจนี้ ชาวโลกก็ไม่สามารถรวบรวมความกล้าที่จะต่อสู้ได้ ถ้ามู่เฉินล้มเหลว บางทีการเอามีดปาดคอตายอาจเป็นการมอบอิสรภาพให้ตนเองที่ดีที่สุด
ขณะที่ชาวโลกตกใจกับพลังของจอมปีศาจโลหิต ภูเขาเสี่ยหมัวก็เต็มไปด้วยเสียงร้องโห่ร้องจากการถือกำเนิดของจอมปีศาจ
แม้ว่าผู้บัญชาการปีศาจโลหิตจะถูกสังหาร แต่เผ่าพันธุ์พวกเขาก็ไม่ล่มสลาย ตราบใดที่จอมปีศาจโลหิตยังคงอยู่ กลับกันต่อจากนี้ความรุ่งเรืองจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ!
มู่เฉินไม่สนเสียงนกเสียงกา สายตาเขาจับจ้องไปที่จอมปีศาจโลหิต แสงเย็นรวมตัวกันในดวงตาเขา
ตู้ม!
เขาส่งแรงไปที่ฝ่าเท้า ร่างก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า แสงหลิงพร่างพราวราวกับดวงอาทิตย์โชติช่วง ขณะที่ร่างรองทั้งสองติดตามมาที่เบื้องหลัง
โฮก!
ร่างกายของมู่เฉินสั่นสะท้าน จิตวิญญาณมังกรแท้จริงปรากฏขึ้น ขณะที่มันคำรามก็หลอมรวมเข้ากับร่างกายของมู่เฉิน เกล็ดมังกรผุดขึ้นบนผิวหนังราวกับชุดเกราะปกคลุมร่างกายไว้
ปีกหงส์ฟ้าคู่หนึ่งแผ่สยายออกไปที่ด้านหลัง ทำให้สามารถพุ่งผ่านมิติได้ด้วยการกระพือ
ก่อนจะเปิดฉากเต็มรูปแบบ เขาได้หล่อหลอมรวมจิตวิญญาณแท้จริงของมังกรและหงส์ฟ้าเข้ากับร่างกายเพื่อที่เขาจะสามารถมีพลังการต่อสู้ไปสู่จุดสูงสุดได้
วาบ!
มู่เฉินพุ่งเข้ามาปรากฏตัวเบื้องหน้าจอมปีศาจโลหิต จากนั้นก็เหวี่ยงหมัดออกไป พลังงานรุนแรงรวมตัวกันที่หมัด เพิ่มชั้นผลึกซึ่งปล่อยพลังทำลายล้างออกมา
แม้แต่ผู้บัญชาการใหญ่ปีศาจโลหิตก็ยังไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับหมัดนี้
ทว่าจอมปีศาจโลหิตเพียงแค่มองอย่างไม่แยแส ก่อนที่จะยื่นมือออกมาตบกำปั้นของมู่เฉินเบาๆ
เคร้ง!
เมื่อฝ่ามือและกำปั้นสัมผัสกัน เสียงปะทะของโลหะสะท้อนออกมาพร้อมกับมู่เฉินรับแรงกระทบใหญ่กระเด็นออกไป ร่างเขาราวกับอุกกาบาตขณะที่ดิ่งลงพสุธาลงมา
เมื่อร่างหลักของมู่เฉินดึงดูดความสนใจของจอมปีศาจโลหิต ร่างรองก็เคลื่อนไหวพร้อมกัน ฝ่ามือของพวกเขาที่มีคลื่นหลิงพลุ่งพล่านก็กระแทกเข้าที่ด้านหลังจอมปีศาจโลหิต
ทว่าการโจมตีที่รุนแรงก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างจอมปีศาจโลหิตได้ สายตาวูบไหวก่อนที่จะมีแสงสีแดงเข้มดุร้ายสาดส่องออกมาจากด้านหลัง
ปัง ปัง!
ร่างรองถูกกวาดไป ถลาไปอย่างรุนแรงจากนั้นก็พุ่งเข้าไปฝังตัวในภูเขาสองลูกใกล้ๆ…
ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจมู่เฉินและร่างรองก็ถูกจัดการอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังได้รับบาดเจ็บกันถ้วนทั่ว
จอมปีศาจโลหิตยืนอยู่บนท้องฟ้ามองไปที่หลุมขนาดใหญ่ที่ร่างหลักของมู่เฉินฝังอยู่ สายตาของเขาวูบไหวชี้นิ้วออกไป
ตู้ม!
ลำแสงสีแดงเข้มยิงออกมา ขยายขนาดกลายเป็นอสรพิษขนาดมหึมา มันดุร้ายมากถึงกับกินเศษมิติก่อนที่จะพุ่งเข้าไปในหลุมด้านล่าง
ปัง!
เมื่ออสรพิษพุ่งเข้าไปภายในปากปล่องก็เกิดเสียงดังก้อง ทว่าอึดใจต่อมาแสงสีแดงเข้มก็กระจัดกระจาย ทันใดนั้นอสรพิษขนาดใหญ่ก็แตกสลาย…
บนท้องฟ้าจอมปีศาจโลหิตหรี่ตาลง
รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าจากปากหลุมขนาดใหญ่พร้อมกับร่างเงาหลายพันร่างลอยขึ้นตามมา มู่เฉินยืนตระหง่านอยู่ภายใน มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตเคลื่อนไหวอยู่รอบตัว
“วิญญาณสงคราม!”
เสียงของมู่เฉินสะท้อนออกมาพร้อมกับนักรบมังกรดำตอบรับด้วยเสียงตะโกน พริบตาเดียวรัศมีจั้นยี่นับไม่ถ้วนก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ควบแน่นเป็นร่างมังกรขนาดใหญ่หลายหมื่นจั้ง
มังกรอยู่ในท่าขดปล่อยแรงกดดันที่น่ากลัวออกมา
ครั้งนี้มู่เฉินเรียกนักรบมังกรดำถึงหกพันคน ซึ่งก็คือขีดจำกัดที่เขาสามารถควบคุมได้ หากเพิ่มจำนวนมากขึ้นเขาอาจต้องประสบกับการสะท้อนกลับของรัศมีจั้นยี่
ซึ่งรัศมีจั้นยี่ที่สร้างขึ้นจากนักรบมังกรดำหกพันคนแข็งแกร่งกว่าครั้งอื่นๆ มาก
โฮก!
มังกรคำรามลั่นฟ้า จากนั้นก็พุ่งออกไปพร้อมกับรัศมีจั้นยี่เชี่ยวกราก กวัดแกว่งกรงเล็บไปยังจอมปีศาจโลหิต
มิติพังทลายลงอย่างต่อเนื่องภายใต้กรงเล็บนี้
จอมปีศาจโลหิตมองไปที่กรงเล็บก็ยื่นมือออกมา แสงสีแดงเข้มรวมตัวกัน มือของเขาขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะตบลงไปปะทะกับรัศมีจั้นยี่กรงเล็บมังกรดำ
ตู้ม!
พายุรุนแรงกวนตัวขึ้นบนท้องฟ้าพร้อมกับลมสลาตันทำลายล้าง ทำให้ท้องฟ้ามืดลงในเส้นทางที่ผ่าน
โฮก!
มังกรส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะที่ร่างใหญ่โตถูกส่งกลับไป แต่ในเวลาเดียวกันร่างกายของจอมปีศาจโลหิตก็สั่นสะเทือนเล็กน้อย ก่อนที่จะก้าวถอยหลังไปหลายก้าว
เมื่อมู่เฉินเห็นฉากนี้ดวงตาก็หดลง ไม่คิดว่าเขาจะผลักจอมปีศาจโลหิตไปได้ไม่กี่ก้าว ทั้งที่ประสานพลังกับนักรบมังกรดำหกพันคน
“จอมทัพมู่ต้องใช้นักรบมังกรดำหนึ่งหมื่นคนถึงจะเผชิญหน้ากับจอมปีศาจตัวนี้ได้” เจียงหลงกล่าวขึ้นที่เบื้องหลังมู่เฉิน
มู่เฉินเม้มปาก การควบคุมนักรบหกพันคนเป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว หากเขาใช้มากกว่านี้ละก็ เขาต้องประสบกับแรงสะท้อน เวลานั้นไม่ต้องให้จอมปีศาจโลหิตเคลื่อนไหว เขาก็แพ้ไปก่อนแล้ว
ดังนั้นเขาบอกได้จากสิ่งนี้ว่ามีช่องว่างใหญ่ระหว่างเขากับจอมปีศาจ
จอมปีศาจโลหิตทรงตัวนิ่งมองไปที่มู่เฉิน “กลยุทธ์หลากหลายนัก ไม่แปลกใจที่แกสามารถบีบให้เผ่าเสี่ยเสียของข้าน่าอนาถเช่นนี้”
“แต่ช่องว่างระหว่างพลังไม่ใช่สิ่งที่สามารถเสริมด้วยกลยุทธ์”
เมื่อพูดจบ เขาก็อ้าปากแรงดูดที่น่ากลัวระเบิดออกคล้ายกับหลุมดำกลืนกินสวรรค์และโลก
แรงดูดส่วนใหญ่ถูกใช้กับมังกร ทำเอาใบหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไป เขารู้สึกได้ว่าไม่ว่าจะต่อต้านอย่างไรมังกรก็ยังคงถูกดึงเข้าหาปากของจอมปีศาจโลหิต
อ็อก!
เมื่อรัศมีจั้นยี่ถูกกลืนกิน นักรบมังกรดำหกพันคนก็กระอักเลือดเต็มปาก แต่ละคนได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
ใบหน้าของมู่เฉินดูน่ากลัว ก่อนที่เขาจะพูดกับเจียงหลงว่า “พวกเจ้าถอยกลับไปก่อนเถอะ”
“จอมทัพมู่ระวังตัวด้วย” เจียงหลงรู้สึกผิด แต่เขาก็รู้ว่ากองทัพมังกรดำได้รับความเสียหายหนัก พวกเขาไม่สามารถให้ความช่วยเหลือแก่มู่เฉินได้เมื่ออยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงโบกมือถอนทัพออกมา
จอมปีศาจโลหิตมองไปที่มู่เฉินอย่างไม่แยแส “งัดกลยุทธ์ออกมาถ้ายังมี สร้างความบันเทิงให้ข้าสักหน่อย บางทีข้าอาจจะใจดีให้แกตายแบบง่ายๆ ก็ได้”
มู่เฉินขมวดคิ้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต่อสู้กับนักรบปีศาจระดับสูง หลังจากต่อสู้เขาก็เข้าใจว่าระดับเทียนจื้อจุนมีอำนาจเพียงใด
และที่บอกได้อีกอย่างก็คือช่องว่างระหว่างขุมพลังทั้งสอง ในอดีตตัวเขาประเมินช่องว่างนี้ต่ำเกินไป
แม้ว่าเขาจะมีทักษะมากมาย แต่ก็ไม่ได้ผลอย่างชัดเจนเมื่อเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ระดับนี้
“บางทีข้าคงต้องใช้กระบวนท่านั่น…”
มู่เฉินค่อยๆ หลับตาลง เสื้อผ้าหยุดกระพือแนบติดไปกับร่างกาย ไม่ว่าพายุจะพัดมาแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้เสื้อผ้าสั่นไหวได้
จอมปีศาจโลหิตมองมู่เฉินด้วยรอยยิ้มบาง เขากอดอกโดยไม่คิดขัดขวางอะไร เนื่องจากเขารู้ไม่ว่าวันนี้มู่เฉินจะนำอะไรออกมาก็ไม่สามารถข้ามช่องว่างระหว่างพวกเขาได้
เสียงลมพายุค่อยๆ หายไป เมื่อมู่เฉินหลับตาลง เขาราวกับเป็นหนึ่งเดียวระหว่างสวรรค์และโลก…
หัวใจของมู่เฉินคล้ายกับบ่อน้ำที่ไม่มีแรงกระเพื่อม มากจนเขาลืมเรื่องจอมปีศาจโลหิตไปแล้ว
มู่เฉินไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ภายใต้สภาวะว่างเปล่ามานานแค่ไหน ทันใดนั้นเขารู้สึกได้ถึงความผันผวนสองสายที่เหมือนกับก้อนกรวดถูกโยนลงไปในแม่น้ำทำให้เกิดระลอกคลื่น…
ระลอกคลื่นทั้งสองทวีความรุนแรงมากขึ้น แสงสองดวงก็ค่อยๆ ลุกโชน
“รวมเป็นวิญญาณแท้จริง…”
เสียงพึมพำดังก้องในความเงียบ แสงทั้งสองกำจายออกกลายเป็นร่างรองทั้งสองของเขา
ทว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ร่างรองแท้จริง แต่เป็นวิญญาณของร่างรองทั้งสอง ย้อนกลับไปตอนที่มู่เฉินเริ่มเรียนรู้วิชาสามพิสุทธิ์ เขาได้แยกวิญญาณออกจากร่างเป็นสามส่วน
ในอดีตมู่เฉินไม่สามารถสัมผัสถึงวิญญาณทั้งสองได้ แต่หลังจากได้รับความเข้าใจบางส่วนจากหอคัมภีร์เทพซ่อน เขาก็สามารถลองได้ ทว่าพวกเขาก็พร่ามัวนักจนเขาทำไม่สำเร็จ
แต่เผชิญหน้ากับศัตรูทรงพลัง ในที่สุดเขาก็เข้าใจและเรียกวิญญาณอีกสองดวงมาได้สำเร็จ
“จิตวิญญาณเป็นหนึ่ง—สามรวมแห่งสามพิสุทธิ์”
มู่เฉินพึมพำในใจ วิญญาณทั้งสองก็ก้าวเข้ามาหลอมรวมกับเขา
ในโลกภายนอกร่างรองทั้งสองก็ปรากฏตรงหน้ามู่เฉิน แต่ละคนก้าวเข้าไปในร่างมู่เฉิน…
เมื่อร่างรองทั้งสองหายไป มู่เฉินก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นพร้อมกับแสงวูบไหว ท่าทางของเขาทำให้เกิดความกดดันที่ไม่อาจพรรณนาได้ ทำเอาสวรรค์และโลกสั่นสะเทือน
เสื้อผ้าของเขาที่หยุดสั่นไหว ก็กระพือขึ้นในตอนนี้โดยที่ไม่มีลมพัดใดๆ
จอมปีศาจโลหิตที่มองดูการเปลี่ยนแปลงของมู่เฉินก็เกิดความประหลาดใจก่อนที่จะยิ้มไม่แยแส “ในที่สุดก็เริ่มน่าสนใจแล้ว…”