หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1390

ตอนที่ 1390

ภายในเจดีย์ผลึกแก้วขนาดใหญ่

จอมปีศาจโลหิตยืนนิ่งขณะที่กวาดตา ทว่าสีหน้าท่าทางของเขาไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก

ร่างของมู่เฉินปรากฏขึ้นมองไปที่จอมปีศาจโลหิตโดยไม่มีสีหน้าท่าทางอะไรเหมือนกัน

“ไม่คิดว่าเจ้าจะสามารถต้านทานสายฟ้าโลหิตล้ำลึกได้…” จอมปีศาจโลหิตยิ้มให้มู่เฉินอย่างไม่แยแส ดูเหมือนจะมีความตกใจอยู่เล็กน้อย

จอมยุทธ์อยู่ใต้ระดับเทียนจื้อจุนจะกลายเป็นเถ้าถ่านทันทีภายใต้การโจมตีนี้ ดังนั้นเขาไม่คิดมาก่อนว่ามู่เฉินจะรอดมาได้

ดวงตาของจอมปีศาจโลหิตกวาดมองไปที่มู่เฉินพร้อมกับแสงสีแดงเข้มกะพริบในดวงตาราวกับว่าสามารถมองทะลุร่างของอีกฝ่ายได้ ไม่นานเขาก็สัมผัสได้ถึงบางอย่าง รอยยิ้มผิดปกติปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ที่แท้สายฟ้าโลหิตอวสานของข้าก็ใช่ว่าจะไม่ได้ผล…”

มู่เฉินหดตาลงพลางยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ แสงหลิงพวยพุ่งในร่างกาย แสงสองดวงก็ปรากฏขึ้นราวกับว่าจะหลุดออกมาจากร่าง

ทั้งสองก็คือร่างรองของเขา เนื่องจากเขาเพิ่งควบคุมขั้นสามรวมได้ กระบวนการจึงยังไม่สมบูรณ์แบบ บวกกับความจริงที่ว่าเขาเพิ่งประสบกับสายฟ้าโลหิตก่อนหน้า ทำให้การหลอมรวมของเขาเริ่มแสดงสัญญาณของการล่มสลาย

ตามสถานการณ์นี้เขาจะไม่สามารถคงขั้นสองของวิชาสามพิสุทธิ์ไว้ได้นานแล้ว

เมื่อถึงเวลาที่ร่างรองออกจากร่าง พลังในการต่อสู้ของเขาก็จะลดลงอย่างมีนัย ในเวลานั้นก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเผชิญหน้ากับจอมปีศาจโลหิต

จอมปีศาจโลหิตก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงกอดอกมองไปที่มู่เฉินด้วยท่าทางเยาะเย้ย ราวกับกำลังดูอีกฝ่ายจะดิ้นรนครั้งสุดท้ายอย่างไร

“จอมปีศาจ…ตัวปัญหาแท้จริง”

เมื่อรู้สึกถึงสายตาเยาะเย้ยจากจอมปีศาจโลหิต มู่เฉินก็ทอดถอนหายใจ เขาได้พบกับศัตรูที่ทรงพลังมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เขาไม่เคยสัมผัสกับการถูกวางไว้ในจุดที่ไม่สามารถเป็นฝ่ายได้เปรียบในการต่อสู้แม้แต่ครั้งเดียว

ทว่าเขารู้ว่าระดับเทียนจื้อจุนและระดับตี้จื้อจุนมีช่องว่างที่ไม่อาจบรรยายได้อยู่แล้ว หากข่าวที่เขาต่อสู้กับนักรบราชันปีศาจส่งไปถึงมหาพันภพละก็ ไม่รู้จะทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ขนาดไหน เพราะในสถานการณ์ปกติ จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มที่เผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็มีแต่ถูกฆ่าอย่างง่ายดาย แต่มู่เฉินสามารถต่อสู้กับจอมปีศาจได้จนถึงจุดนี้ นี่เป็นสิ่งที่เหลือเชื่ออยู่แล้ว

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองไปที่จอมปีศาจโลหิตพลางพึมพำ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ต้องพยายามดักจับมันก่อนที่ร่างรองจะออกจากร่างไป”

โดยไม่ลังเลมือของเขาก็ประสานเข้าด้วยกันเริ่มวาดตราประทับ

ครืนๆ!

เจดีย์ผลึกแก้วสั่นสะเทือน ภาพเงาปีศาจดุร้ายแปดร่างปรากฏขึ้น ทำให้เกิดรัศมีร้ายกาจขึ้นภายในเจดีย์

เมื่อมองไปที่ภาพเทพปีศาจทั้งแปด ใบหน้าของจอมปีศาจโลหิตก็เปลี่ยนไป เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากบนนั้น

“ภาพเหล่านี้…ถูกชำระโดยมีนักรบราชันปีศาจเป็นวัสดุตั้งต้นรึ!” ดวงตาของจอมปีศาจโลหิตหดลง เขารู้สึกถึงรัศมีปีศาจที่หลงเหลือจากภาพเหล่านั้น ซึ่งแข็งแกร่งกว่าเขาในตอนนี้อีก

นั่นแปลว่าพลังของราชันปีศาจเหล่านี้ตอนยังมีชีวิตอยู่แข็งแกร่งกว่าเขา!

ขณะที่จอมปีศาจโลหิตกำลังตกตะลึงมู่เฉินก็หายใจเข้าลึกๆ แล้วโบกมือ กระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากปกคลุมเจดีย์

ครั้งนี้มู่เฉินนำของเหลวจื้อจุนทั้งหมดที่เหลือติดตัวหนึ่งร้อยห้าสิบล้านหยดออกมา

ตู้ม!

เมื่อของเหลวจื้อจุนกลายเป็นกระแสธาร ภาพปีศาจทั้งแปดก็เปิดปากอย่างตะกละตะกลามเริ่มกลืนกินเข้าไป

เมื่อเริ่มกินภาพปีศาจทั้งแปดก็ค่อยๆ ขยับเขยื้อนตัวออกจากกำแพงก่อนที่จะหลุดพ้นออก

พวกเขาราวกับเทพปีศาจแปดองค์ยืนอยู่ภายในเจดีย์เปล่งพลังดุร้ายหาใดเปรียบ

ฟิ้ว!

ด้วยความคิดวูบเดียวของมู่เฉิน ภาพปีศาจทั้งแปดก็บินออกไปพุ่งไปยังจอมปีศาจโลหิต

จอมปีศาจโลหิตหรี่ตาก่อนจะก้าวออกไปปรากฏตัวต่อหน้าหนึ่งในภาพปีศาจ จากนั้นก็ฟาดฝ่ามือออกไป

ปัง!

คลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวสร้างความหายนะ ร่างกายจอมปีศาจโลหิตสั่นสะท้าน ขณะที่ภาพปีศาจกระเด็นกลับกระแทกเข้ากับผนัง ทำให้เกิดร่องลึกขึ้น

ฟิ้ว!

ภาพปีศาจอีกเจ็ดภาพบินไขว้ไปมาล้อมรอบจอมปีศาจโลหิตก่อนที่จะทำการโจมตี

ตู้ม ตู้ม!

ทั้งสองฝ่ายโรมรันพันตู ทว่าจอมปีศาจโลหิตก็ทรงพลังมาก ไม่กลัวแม้จะเผชิญสถานการณ์นี้ เขาซัดภาพปีศาจกลับไปอย่างต่อเนื่อง

“ภาพปีศาจในสถานะนี้ น่าจะมีพลังที่สัมผัสกับระดับเทียนจื้อจุน แต่ก็ยังไม่เพียงพอ”

สายตาของมู่เฉินวูบไหวกับฉากนี้ ตามการคาดเดาของเขาถ้าต้องการที่จะกู้คืนภาพปีศาจให้กลับมามีความแข็งแกร่งของระดับเทียนจื้อจุนจะต้องใช้ของเหลวจื้อจุนสี่ถึงห้าร้อยล้ายหยด ยิ่งไปกว่านั้นตัวเขาก็ต้องเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนด้วย ไม่งั้นก็ไม่สามารถควบคุมได้

“แต่น่าจะยังพอกักจอมปีศาจโลหิตไว้ได้ชั่วคราว”

ทันใดนั้นมือของมู่เฉินก็ประสานเข้าด้วยกัน ภาพปีศาจทั้งแปดถอยกลับทันที ก่อนที่แสงสีดำจะกางออกจากฝ่ามือพวกเขา ในเวลาไม่กี่นาทีก็ก่อตัวเป็นม่านสีดำ

ม่านหดลงอย่างรวดเร็วกลายเป็นกรงกักขังจอมปีศาจโลหิตไว้

ทุกหมัดของจอมปีศาจโลหิตทำให้ม่านสั่นสะท้าน ดูจากรูปการณ์คงอยู่ได้ไม่นาน

มู่เฉินโบกมือ ผลึกแสงทรงพลังก็ระเบิดออกมาจากเจดีย์ก่อนที่จะตกลงไปบนม่าน

ชี่ ชี่

ผลึกแสงกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว สลักลวดลายลงม่านนั่น ในขณะที่ลวดลายก่อตัวขึ้น ม่านที่สั่นสะท้านก็มั่นคงขึ้น ไม่ว่าจอมปีศาจโลหิตจะโจมตีอย่างไร ก็ไม่สามารถเขย่าได้แม้แต่น้อย

มู่เฉินรู้สึกโล่งใจกับภาพนี้ แต่เขารู้ว่าซื้อเวลาได้อึดใจเท่านั้น แม้ว่าเขาจะยืมพลังภาพปีศาจทั้งแปดและพลังปิดผนึกของเจดีย์ แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน จอมปีศาจโลหิตจะหลุดออกไปได้ในไม่ช้า

ในเวลานั้นเจดีย์แปดองค์ก็จะได้รับความเสียหายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และไม่สามารถใช้งานในเวลาสั้น… กรณีนี้เขาจะสูญเสียไพ่ตายทรงพลังที่มีเมื่อเผชิญหน้ากับจอมปีศาจโลหิต

จอมปีศาจโลหิตรู้ว่ามู่เฉินกำลังดิ้นรนครั้งสุดท้าย ดังนั้นเขาจึงมองไปด้วยสายตาเยาะเย้ย

“หยุดดิ้นรน มาเป็นอาหารของข้าซะดีๆ บางทีอาจเป็นการตายง่ายกว่าสำหรับเจ้านะ” เสียงเขาดังสะท้อนอย่างเย็นชา

มู่เฉินยิ้มไม่สนใจอีกฝ่ายก่อนที่ร่างเงาจะเคลื่อนหายออกไปจากเจดีย์

มู่เฉินไปปรากฏอยู่นอกภูเขาเสี่ยหมัว เมื่อผู้คนเห็นฉากนี้ความสุขก็ปรากฏบนใบหน้า พวกเขาพากันคิดว่ามู่เฉินเป็นฝ่ายชนะ

แต่ก่อนที่พวกเขาจะส่งเสียงโห่ร้อง มู่เฉินก็โบกมือ ท่าทางเคร่งขรึมทำให้หัวใจของทุกคนสั่นสะท้านพลางปิดปากเงียบ

ไป๋ซู่ซู่เข้ามาหามู่เฉิน นางมองไปที่เจดีย์อย่างระมัดระวังก่อนที่จะถามอย่างกังวล “ท่านเทพ จอมปีศาจโลหิตเป็นอย่างไร?”

หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่งมู่เฉินก็ตอบว่า “ข้าขังมันไว้ชั่วคราว แต่เวลามีจำกัด เมื่อไรที่มันหลุดออกมาได้ ข้าจะไม่สามารถขัดขวางได้อีกต่อไป”

เมื่อไป๋ซู่ซู่ได้ยินใบหน้าของนางก็ซีดลง แสงในนัยน์ตาก็ลดวูบดูน่าสงสารยิ่งนัก

นางกัดริมฝีปากครู่เดียวก็พูดว่า “ท่านเทพถ้าไม่มีอะไรที่ท่านสามารถทำได้ก็รีบจากไปเถอะ”

นางรู้ว่าถึงมู่เฉินจะไม่สามารถเอาชนะจอมปีศาจโลหิตได้ แต่การหลบหนีก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับเขา

มู่เฉินไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับขมวดคิ้ว เขายังมีหินสลักที่เทพจักรพรรดิสงครามมอบให้ ถ้าถึงขั้นวิกฤตจริงๆ เขาก็สามารถทำลายได้ แต่เขาไม่มั่นใจเท่าไรว่าหลินต้งจะมาที่พิภพเขตล่างนี้ได้หรือไม่

ดังนั้นเขาจึงต้องเก็บสิ่งนี้ไว้เป็นทางเลือกสุดท้าย

ตอนนี้เขาต้องพึ่งพาตัวเองให้มากที่สุดเพื่อจัดการกับจอมปีศาจโลหิต

หลังจากเงียบไปชั่วครู่ดวงตาเขาก็หรี่ลง เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก ด้วยความลังเลเขายื่นมือออกมาแสงสีขาวกะพริบอยู่ภายใน ไข่มุกมังกรขาวก็ปรากฏขึ้น

เมื่อสะบัดนิ้วไข่มุกก็ค่อยๆ ลอยขึ้นเบื้องหน้าเขา

ตอนนี้เขาทำได้เพียงพยายามเรียกเจตจำนงของจอมยุทธ์มังกรขาว เนื่องจาก ‘โอกาส’ เป็นสิ่งที่มีเพียงอีกฝ่ายเท่านั้นที่รู้

ถ้าเขาสามารถค้นหาเส้นทางสู่ระดับเทียนจื้อจุนได้และผ่านการพัฒนา เขาก็จะสามารถเผชิญหน้ากับจอมปีศาจโลหิตได้

ทว่าไข่มุกมังกรขาวที่ลอยอยู่ตรงหน้าก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

เมื่อเห็นสิ่งนี้แววผิดหวังก็ฉายดวงตาของเขา ‘ยังไม่ได้อีกเหรอ?’

เขาถอนหายใจโบกมือ ขณะที่กำลังจะเก็บไข่มุก มู่เฉินก็สัมผัสได้ว่ายามนี้ไข่มุกกำลังสั่นสะท้าน

ฮึ่ม ฮึ่ม!

ลำแสงสีขาวพุ่งออกมา ร่างสูงวัยค่อยๆ รวมตัวอยู่บนไข่มุก…

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท