หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1393

ตอนที่ 1393

ฮึ่ม!

เมื่อแสงมหานวดารายิงเข้าศีรษะของมู่เฉิน ร่างกายของเขาก็สั่นเทิ้ม รูขุมขนทั่วสรรพางค์กายเปล่งรัศมีที่บรรจุด้วยคลื่นหลิงที่แข็งแกร่งมาก ทันทีที่เคลื่อนออกจากร่างเขา ก็กลายเป็นเม็ดฝนโปรยลงมาในบริเวณนี้

เป็นเพราะพลังงานหลิงในร่างกายของมู่เฉินถึงขีดจำกัดจนไม่สามารถกักเก็บได้อีกต่อไป ดังนั้นร่างกายจึงเลือกการป้องกันตนเอง ปลดปล่อยพลังงานออกมา

แต่การปลอดปล่อยนี้ก็เท่ากับเมล็ดพืชเม็ดเดียวในมหาสมุทรเมื่อเทียบกับพลังมหาศาลที่ดวงจิตแห่งพิภพส่งมาถึงเขา

แกร็ก

ดังนั้นรอยแตกจึงเริ่มปรากฏขึ้นบนร่างของมู่เฉิน ในช่วงไม่กี่สิบลมหายใจสั้นๆ พื้นผิวร่างกายเขาก็เต็มไปด้วยรอยแตกที่ดูน่ากลัว

ทว่ามู่เฉินยังคงสงบสติอารมณ์เอาไว้ เนื่องจากเขารู้ว่าร่างกายมาถึงขีดจำกัดแล้ว…

“ในเมื่อถึงขีดจำกัดแล้ว… ก็แตกซะ…”

“หากปราศจากการทำลายล้างก็จะไม่มีการสร้าง แปรเปลี่ยนร่างเทียนจื้อจุน”

เขาพึมพำพร้อมกับความแน่วแน่ฉายในดวงตา โดยไม่ลังเลว่าภัยจะมาถึงตัว อึดใจฝ่ามือเขาก็สร้างตราประทับ ไม่ระงับพลังงานหลิงในร่างกายอีกต่อไป ปล่อยให้มันสร้างความหายนะอย่างเมามัน

ฮึ่ม ฮึ่ม!

แสงปะทุออกจากรอยแตกบนร่างของมู่เฉินแล้วเริ่มขยายตัวออก ครู่เดียวก็เกิดการระเบิดครั้งใหญ่

ปัง!

ร่างกายของมู่เฉินระเบิดกระจาย แต่ไม่มีเลือดสักหยด เศษส่วนร่างกายกลายเป็นฝุ่นละออง ทุกอณูวูบไหวด้วยผลึกแสง ลอยอยู่อย่างเงียบๆ

ฝุ่นละอองลอยอยู่ไม่รู้นานเท่าไรก่อนที่พายุจะก่อตัวขึ้น พัดจุดแสงให้รวมเข้าด้วยกัน

เมื่อเวลาผ่านไปภาพเงาก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นราวกับว่าเขากำลังพยายามปฏิรูปร่างกายอยู่

ครืน!

แต่ทันใดนั้นเสียงดังก้องผิดปกติก็ดังออกมา ซึ่งทำให้ร่างเงาที่อยู่ระหว่างกระบวนการสั่นไหว

แม้ว่าร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่จิตวิญญาณยังคงอยู่ มู่เฉินสัมผัสได้ถึงความผันผวนนี้ ทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้านพลางเงยหน้าขึ้นมอง

มหานวดาราเริ่มผันผวน เมฆดำโหมกระหน่ำพวยพุ่งพร้อมกับแสงสีดำแล่นแปลบปลาบอยู่ภายใน ไม่รู้ว่ามีอะไรก่อหวอดอยู่ภายใน แต่มันก็ยังดูดซับพลังสภาวะความวุ่นวายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลึกลับมากขึ้น

เมื่อมู่เฉินมองไปที่เมฆดำความกลัวก็เพิ่มขึ้นภายในหัวใจ ก่อนที่เสียงหนักแน่นจะดังก้องออกมาจากหัวใจของเขาในเวลาเดียวกัน “นี่คือ…ภัยพิบัติเทียนจุน?”

ว่ากันว่าผู้ฝึกจะต้องเผชิญกับภัยพิบัติเทียนจุนเมื่อต้องการบรรลุระดับเทียนจื้อจุน ภัยพิบัตินี้ทรงพลังมาก แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเองก็ยังหวาดกลัว

“ตอนนี้ชักจะลำบากแล้ว”

มู่เฉินถอนหายใจ ภัยพิบัติเทียนจุนดูเหมือนจะดูดซับพลังงานมหานวดารา ทำให้มีพลังน่ากลัวยิ่งขึ้น ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่เขาจะต้องปรับแต่งร่างกาย หากถูกรบกวนละก็ เขาอาจสูญเสียโอกาสนี้ ดังนั้นห้ามมีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย

ซ่า ซ่า!

ขณะที่มู่เฉินกำลังจดจ่อ เมฆสีดำก็ผันผวนบนท้องฟ้า กระแสน้ำสีดำพุ่งลงมาจากสวรรค์ มิติแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในเส้นทางที่ผ่าน

มู่เฉินหดดวงตา ร่างเขาที่กำลังปรับแต่งก็ระเบิดด้วยรัศมีสีม่วงทอง ก่อนที่จะเรียกร่างเทพสุริยะนิรันดร์ออกมา เมื่อมือเขาประสานเข้าด้วยกันรหัสเทพอมตะสามร้อยลายก็พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า กลายเป็นกำแพงเหนือท้องฟ้า

ตู้ม!

กระแสน้ำสีดำกระแทกบนกำแพงจนสั่นคลอนไปหมด น้ำสีดำทุกหยดหนักราวกับภูเขา เมื่อเทลงมาพร้อมกันก็คล้ายกับน้ำหนักนับหมื่นนับแสนถล่มลงมา สำแดงพลังอันน่าทึ่ง

รอยแตกเริ่มปรากฏบนผนัง แต่โชคดีที่ไม่แตก ยังคงอยู่จนกระแสน้ำสีดำสลายหายไป

“ภัยพิบัติเทียนจุนน่าสะพรึงอะไรขนาดนี้!”

หัวใจของมู่เฉินอดสั่นสะท้านไม่ได้ นี่เป็นเพียงเริ่มต้น แต่การป้องกันที่เขาสร้างขึ้นจากรหัสเทพอมตะสามร้อยลายเกือบจะพังทลาย แล้วถ้ารอบท้ายๆ จะน่ากลัวขนาดไหน?

มู่เฉินรู้สึกหวาดกลัวในใจและไม่กล้าที่จะประมาท เขาเร้าร่างเทพสุริยะนิรันดร์ทันที สร้างรหัสเทพอมตะนับไม่ถ้วนเพื่อเสริมกำแพง…

เมฆดำเริ่มกวนตัวอีกครั้ง ในเวลาต่อมาอุณหภูมิระหว่างสวรรค์และโลกก็เพิ่มสูงขึ้น ทันใดนั้นดาวหางก็พุ่งลงมา

ดาวหางมีสีดำแม้จะดูอ่อนแอ แต่มู่เฉินก็ไม่กล้าประเมินต่ำ กำแพงสีม่วงทองเปล่งแสงสีทองเรืองรองออกมา…

ดาวหางเคลื่อนลงมาชนกับผนัง แต่น่าแปลกที่ไม่มีการระเบิดเกิดขึ้น มู่เฉินเห็นว่าเมื่อดาวหางร่วงลงก็คล้ายกับพิษที่มีฤทธิ์กัดกร่อน ซึ่งกัดกร่อนกำแพงสีม่วงทองอย่างรวดเร็ว…

เมื่อมู่เฉินเห็นฉากนี้ก็เข้าควบคุมเหวี่ยงกำแพงออกไป ครู่ต่อมากำแพงก็สึกกร่อนกลายเป็นลาวาหลอมเหลวโดยดาวหาง

ครืน!

ก่อนที่มู่เฉินจะได้ถอนหายใจกับพลัง เมฆดำก็เริ่มม้วนตัวอีกครั้ง แต่คราวนี้อุกกาบาตสีดำพุ่งลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับการเคลื่อนที่หนักหน่วง

เมื่อมองไปที่อุกกาบาตสีดำ มู่เฉินรู้ว่าไม่สามารถให้มันรวมพลังเพราะยิ่งเข้าใกล้ตัวก็ยิ่งแรง เพียงแค่คิดรัศมีแสงจากร่างเทพสุริยะนิรันดร์และรหัสเทพอมตะก็กลายเป็นหอกสีทอง

ฟิ้ว!

ร่างเทพสุริยะนิรันดร์เหวี่ยงมือ หอกก็พุ่งออกไปกระแทกกับอุกกาบาตสีดำ ทำให้อุกกาบาตสั่นสะท้าน แต่ตัวหอกก็กลายเป็นเถ้าถ่านภายใต้พลังน่าสะพรึงกลัว

ฟิ้ว ฟิ้ว!

แต่หลังจากนั้นหอกอีกจำนวนมากก็ซัดขึ้นสู่ท้องฟ้า แม้ว่าจะถูกทำลายครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ความเร็วของอุกกาบาตาก็ลดลง

เมื่อถึงเวลานี้ มู่เฉินก็เร้าร่างเทพสุริยะนิรันดร์อีกครั้ง รหัสเทพอมตะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่

ตู้ม ตู้ม!

อุกกาบาตสีดำกดลงมาทำลายตาข่าย แต่เมื่อตาข่ายละลายลง อุกกาบาตสีดำก็หดลงเหลือครึ่งหนึ่ง

ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า รัศมีสีทองเปล่งบนกำปั้นจากนั้นชกไปที่อุกกาบาตสีดำ

ตู้ม!

คลื่นกระแทกมืดฟ้ามัวดินพัดออกมา อุกกาบาตสีดำถูกทำลาย แต่ในเวลาเดียวกันร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็กระเด็นออกไปพร้อมกับรอยแตกปรากฏบนร่างกาย

เมื่ออุกกาบาตสีดำถูกทำลาย เมฆดำบนท้องฟ้าก็เงียบไป แต่หัวใจของมู่เฉินกลับตึงเครียดขึ้น เขารู้ดีว่าหลังจากการรวมพลังเช่นนี้ การโจมตีจะน่ากลัวยิ่งขึ้น

ครืน!

ทันใดนั้นสายฟ้าสีดำก็ฉีกขอบฟ้าออกซัดลงมา สายฟ้าทุกสายมีพลังทำลายล้างดูน่ากลัวจนไม่น่าเชื่อ

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ ใบหน้าก็เปลี่ยนไป เขาตะเบ็งเสียงโดยไม่ลังเล ร่างเทพสุริยะนิรันดร์กำจายรัศมี ดอกบัวสีทองขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นห่อหุ้มพวกเขาไว้

ปัง ปัง!

สายฟ้าฟาดลงมาอย่างต่อเนื่องกระแทกกับดอกบัวสีทอง ทุกสายทำให้ดอกบัวสั่นเทิ้ม กลีบดอกแตกออก

การโจมตีนี้รุนแรงอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังดำเนินต่อไปราวกับพายุไม่มีที่สิ้นสุดในท้องฟ้า แม้ว่ามู่เฉินจะใช้การป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ก็ยังดูเหมือนเรือลำเล็กในพายุราวกับจะล่มลงได้ทุกเมื่อ

เปรี้ยงๆๆๆ

เสียงสายฟ้าฟาดดังสะท้อนอย่างต่อเนื่อง เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เขาคิดแต่ซ่อมแซมดอกบัวอมตะเท่านั้น แต่ก็ยังไม่สามารถรักษาสภาพไว้ได้

ดังนั้นเมื่อดอกบัวอมตะถึงขีดจำกัดในที่สุดและระเบิดออก…

เมื่อดอกบัวแตกสลาย เกลียวสีดำหลายชิ้นก็ตกลงมาบนร่างเทพสุริยะนิรันดร์ทำให้เกิดรอยร้าวขึ้น

แต่โชคดีที่สายฟ้าอ่อนกำลังลงหมดแล้ว มู่เฉินผ่านภัยพิบัติเทียนจุนได้อีกด่าน

พอสายฟ้าหายไป มู่เฉินก็สูดหายใจเย็นลึกสุดปอด ภัยพิบัติเทียนจุนน่ากลัวเกินไป ไม่น่าแปลกใจที่มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนแค่หยิบมือในโลก เพียงแค่ภัยพิบัติด่านนี้ก็สามารถหยุดยั้งผู้คนจำนวนมากไม่ให้ก้าวหน้าได้

“ภัยพิบัติเทียนจุนโดยทั่วไปมีสี่ระยะ น่าจะจบลงแล้วมั้ง?”

มู่เฉินพึมพำในใจ หากมีลงมาอีกสองสามรอบ คราวนี้ไม่ต้องพูดถึงเขา แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนแท้จริงก็ไม่สามารถรับได้

ฮึ่ม ฮึ่ม

แต่เมื่อพูดจบ เขาก็รู้สึกได้ถึงความปั่นป่วนที่มาจากเมฆดำจนต้องเงยหน้าขึ้น จากนั้นเขาก็เห็นเมฆดำกำลังหดตัว ไม่กี่ลมหายใจพวกมันก็สลายและถูกแทนที่ด้วยหลุมดำ…

หลุมดำลอยคว้างอยู่บนท้องฟ้า ก่อนที่จะพุ่งลงมาหามู่เฉิน

“ฉิบหาย! ทำไมถึงมีระยะที่ห้าอีก?!”

เมื่อหลุมดำเคลื่อนตัวลงมาก็ทำเอาหัวใจมู่เฉินโลดขึ้น เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานมหาศาลพวยพุ่งอัดแน่นอยู่ภายใน

พลังนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าพลังเต็มร้อยของจอมปีศาจโลหิตซะอีก

หัวใจของมู่เฉินแทบหลุดจากเบ้า แม้ว่าจะมีภัยพิบัติเทียนจุนที่เกินสี่ระยะ แต่เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนเองจะเป็นคนที่โชคร้ายได้รับแบบนี้

นอกจากนี้หลุมดำนั้นดูเหมือนจะก่อตัวขึ้นหลังจากดูดซับพลังงานมหานวดารา พลังที่มันมีไม่อาจอธิบายได้เลย

“ทีนี้…นรกของจริงแล้ว”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท