หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1396

ตอนที่ 1396

ที่นี่คือโลกสีดำสนิท

ทั้งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์มืดมน ราวกับว่ามีแสงสีดำเท่าปกคลุมลงบนผืนแผ่นดิน

ฮึ่ม!

ทันใดนั้นความผันผวนก็ปรากฏขึ้นก่อร่างเป็นช่องมิติ ซึ่งดึงดูดความสนใจจากสิ่งมีชีวิตทรงพลังมากมาย

ทุกสายตาพุ่งตรงไปที่อีกปลายด้านหนึ่งของช่องมิติ ดูเหมือนจะมาจากพิภพเขตล่าง…

“มีคนใช้อักขระปีศาจ…”

“ดูจากความผันผวนนั่น น่าจะเป็นเผ่าเสี่ยเสีย ไม่คิดว่าเผ่าเล็กๆ จะมีจอมปีศาจขึ้นได้ ซ่อนไว้ดีจริงๆ”

“แต่ก็เป็นเพียงเผ่าเล็กๆ ไม่ค่อยมีรากฐาน ไม่งั้นจะถูกบีบให้ต้องใช้อักขระปีศาจได้อย่างไร ทีนี้ก็หมายความว่าพวกเขาดึงดูดความสนใจของผู้อื่น พิภพเขตล่างนั้นจะไม่เป็นของพวกเขาอีกต่อไป”

“อักขระปีศาจนี้สามารถเรียกจอมปีศาจลงไปได้เพียงคนเดียว มาดูกันว่าใครจะสนใจ”

“…”

ขณะที่พวกเขาแลกเปลี่ยนความคิดกัน ก็ไม่มีใครคนไหนต้องการที่จะเคลื่อนไหว ท้ายที่สุดแล้วพิภพเขตล่างแห่งนั้นถูกกองทัพปีศาจโลหิตสูบจนแห้งขอด มูลค่าจึงเหลืออยู่ไม่มาก ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ไม่มีคนฉลาดที่ไหนเข้าไปหรอก

ขณะที่เหล่านักรบราชันปีศาจพูดคุยกัน รัศมีศพก็แผ่ซ่านไปทั่วมิติ ภาพเงาสีดำบนบัลลังก์กระดูกสีขาวก็ลืมตาโพลง

สายตาของเขาทะลุผ่านช่องทาง มองไปที่พิภพเขตล่างก่อนจะเพ่งไปที่ภาพเงาอ่อนเยาว์พร้อมกับสายตาเย็นชา

“มีรัศมีความตายที่ลูกข้าหลงเหลือไว้บนร่างชายคนนั้น มันจะต้องเป็นคนฆ่าลูกชายของข้าแน่!” ภาพเงาขนาดใหญ่แค้นเสียงก่อนที่จะโบกมือ ฝ่ามือหลุดออกจากท่อนแขนก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นลำแสงยิงเข้าไปในช่องมิติ

เมื่อคนอื่นๆ สังเกตเห็นสิ่งนี้ หัวใจของพวกเขาก็สั่นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้

“นั่นคือจอมปีศาจเทียนเฮยซือเผ่าซือหมัว!”

“ทำไมจอมยุทธ์ระดับนั้นถึงเคลื่อนไหว”

เผ่าซือหมัวเป็นหนึ่งในสามสิบสองเผ่าหลักของจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ ภาพเงาสีดำนั้นก็คือผู้นำของเผ่าซือหมัวตำแหน่งจอมปีศาจระดับเทียนและเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิปีศาจ

แต่โดยทั่วไปแล้วจอมยุทธ์ระดับนั้นจะไม่ออกตัวอย่างง่ายดาย ดังนั้นนี่ทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจในขณะนี้

แม้ว่าจอมปีศาจระดับเทียนจะส่งมือไปยังพิภพเขตล่างเท่านั้น แต่มือของจอมปีศาจระดับเทียนก็ไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนทั่วไปจะเทียบได้

“ดูเหมือนว่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนในพิภพเขตล่างนั่นเคยสร้างความขุ่นเคืองให้ท่านผู้นั้น คิๆ ช่างน่าเวทนา…”

ความตั้งใจจางหายไป เมื่อมีการเคลื่อนไหวของจอมปีศาจระดับเทียน จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนแห่งมหาพันภพคนนั้นก็ไม่มีทางรอดชีวิตไปได้แล้ว

ในพิภพเขตล่าง

มู่เฉินมองไปที่ช่องมิติที่เชื่อมโยงกับโลกอื่นด้วยดวงตาหดแคบลง ด้วยความคิดสายหนึ่งคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็ก่อตัวขึ้นเป็นมือขนาดใหญ่ทะยานเข้าไปในช่องทางตั้งใจที่จะทำลายให้สิ้นซาก

ตึง!

สวรรค์และโลกแปรปรวน แต่ช่องทางเพียงสั่นสะท้านไม่ได้แตกออก ทันใดนั้นมู่เฉินก็สัมผัสได้ถึงรัศมีที่ไม่อาจพรรณนาได้ผ่านเข้ามา

รัศมีปกคลุมไปทั่วทั้งโลก ทุกคนตัวสั่นสะท้านภายใต้รัศมีนั่น แม้แต่ฟ้าดินก็ส่งเสียงครางจากแรงกดดัน

“รัศมีนี้…” มู่เฉินหดดวงตา เขาไม่ใช่ไม่คุ้นกับรัศมีประเภทนี้ นี่เป็นสิ่งที่เขาเคยรับรู้ได้จากองค์ชายเผ่าซือหมัว แต่เห็นได้ชัดว่าเจ้าของรัศมีนี้แข็งแกร่งกว่าไม่รู้กี่เท่า

จอมปีศาจโลหิตก็อึ้งไปเช่นกันก่อนที่จะมองไปที่ช่องทางพลางร้องอุทาน “จอมปีศาจเทียนเฮยซือ?!”

แม้ว่าอักขระปีศาจสามารถนำความช่วยเหลือจากเหล่านักรบราชันปีศาจมาให้เขาได้ แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะเชิญจอมปีศาจระดับเทียนเข้ามา ต้องรู้ว่าแม้แต่ในจักรวรรดิปีศาจ จอมปีศาจระดับเทียนก็เป็นสุดยอดจอมยุทธ์ โดยทั่วไปบุคคลแบบนี้จะไม่สนการอัญเชิญของเขา

แต่ไม่ว่าเขาจะรู้สึกตกใจแค่ไหน นี่ก็คือความจริง

หลังจากตกตะลึงแล้ว จอมปีศาจโลหิตก็มองไปที่มู่เฉินด้วยความสงสารจากนั้นก็ส่ายหัวทำท่าเยาะเย้ย “แกนี่โชคร้ายจริงๆ…”

ถ้าอีกคนที่เรียกมาเป็นจอมปีศาจธรรมดา มู่เฉินอาจจะรักษาสถานการณ์ให้ไม่แพ้ได้ แต่ใครจะคิดว่าคนที่มาจะเป็นจอมปีศาจระดับเทียนของเผ่าซือหมัว?

มู่เฉินไม่ได้สนใจกับการเยาะเย้ยของอีกฝ่าย ใบหน้าเคร่งเครียดลงหลายส่วน รัศมีความตายพวยพุ่งออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เห็นได้ชัดว่าจอมปีศาจระดับเทียนเผ่าซือหมัวกำลังพยายามทำลายปราการของพิภพเขตล่างแห่งนี้เพื่อจะลงมา

เห็นได้ชัดว่าจอมปีศาจระดับเทียนมีพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้ แม้ว่าปราการป้องกันของพิภพแห่งนี้จะแข็งแกร่ง แต่ก็แตกสลายลงด้วยความเร็วที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่กี่นาทีต่อมามู่เฉินก็เห็นแสงสีดำปรากฏขึ้นนอกโลก ซึ่งดูคล้ายกับมือ

มือนั้นฉายแสงสีดำก่อนจะค่อยๆ บิดเกลียวกลายเป็นภาพเงา ช่างคล้ายกับเทพปีศาจที่ยืนอยู่นอกโลกใบนี้ สายตาทะลุผ่านสิ่งกีดขวางจับจ้องไปที่มู่เฉินพร้อมกับเสียงดังก้องไปทั่วโลก

“แกคือคนที่ฆ่าลูกชายข้าใช่ไหม?”

มู่เฉินหดดวงตา เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงล่อจอมปีศาจระดับเทียนเผ่าซือหมัวลงมา เห็นได้ชัดว่าเพราะเขาฆ่าองค์ชายเผ่านี้ไปคนหนึ่งนั่นเอง!

ก่อนที่ซือเทียนโยวจะตายได้ทิ้งรัศมีไว้บนร่างกายเขา แต่จอมปีศาจระดับเทียนเผ่าซือหมัวไม่สามารถตรวจจับได้เมื่อเขาอยู่ในมหาพันภพ แต่กลับสัมผัสได้เมื่อจอมปีศาจโลหิตทำการเชื่อมโยงไปยังจักรวรรดิปีศาจ

ดวงตาของมู่เฉินหรี่ลงพลางพยักหน้าอย่างนิ่งสงบ

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ข้าจะปรับแต่งแกให้เป็นหุ่นเชิดเพื่อเป็นเครื่องสังเวยให้กับลูกที่ตายไปของข้า” จอมปีศาจเทียนเฮยซือพูดด้วยน้ำเสียงอาฆาตแค้น

พอได้ยินคำพูดนั่น มู่เฉินก็ยิ้มอ่อน “ข้ากลัวว่าแกจะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการหรอก”

“โอ้?” จอมปีศาจเทียนเฮยซือยิ้มอย่างเย็นชากวาดมองทั่วพิภพเขตล่างแห่งนี้ “แกคิดว่าการได้เป็นเจ้าพิภพเขตล่างแห่งนี้แล้ว จะสู้กับข้าได้เรอะ?”

“ข้าไม่ได้ผยองขนาดนั้น” มู่เฉินยิ้ม ไม่ว่าเขาจะมั่นใจแค่ไหน เขาก็ไม่คิดว่าตอนนี้จะเผชิญหน้ากับจอมปีศาจระดับเทียนได้ แม้ว่านี่จะเป็นเพียงร่างเสมือนที่สร้างขึ้นจากมือก็ตาม

“แล้วแกจะทำอะไร” จอมปีศาจโลหิตหัวเราะเยาะ

ทว่าจอมปีศาจเทียนเฮยซือกลับขมวดคิ้ว แสงสีดำวูบไหวในดวงตา เขารู้สึกสงสัยกับปฏิกิริยาของมู่เฉิน

“ไม่ว่ายังไง ฆ่ามันให้ได้ก่อน” แสงสีดำในดวงตาของจอมปีศาจเทียนเฮยซือเพิ่มมากขึ้น เขายื่นมือออกมา รัศมีศพที่ไม่มีที่สิ้นสุดกระแทกกับปราการพิภพ พลังที่น่ากลัวทำให้โลกทั้งใบสะท้านขณะที่ผืนฟ้าแตกเป็นเสี่ยงๆ ผืนดินถล่มทลาย…

เผชิญหน้ากับพลังทำลายล้างของจอมปีศาจเทียนเฮยซือ ก็ไม่มีระลอกคลื่นใดๆ บนใบหน้ามู่เฉิน มากจนเขาหลับตาลงปล่อยให้อีกฝ่ายโยกคลอนโลกทั้งใบ

“รอความตายเรอะ?” จอมปีศาจโลหิตเยาะเย้ยพยายามที่จะก่อกวนอารมณ์ของมู่เฉิน เพราะความสงบของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ

ทว่ามู่เฉินไม่ได้ให้ความสนใจจอมปีศาจโลหิตสักนิด

ตู้ม ตู้ม!

โลกสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง ไป๋ซู่ซู่และจอมยุทธ์มังกรขาวมองไปนอกโลกด้วยความหวาดผวา พวกเขาสามารถมองเห็นรัศมีศพที่น่ากลัวที่พยายามเจาะเข้ามาในขอบเขตของโลก

ภายใต้การโจมตีของจอมปีศาจเทียนเฮยซือ โลกก็ดูเหมือนจะพังทลายในไม่ช้า

ทว่าทันใดนั้นมู่เฉินก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม ขณะที่จ้องมองไกลออกไป

จอมปีศาจเทียนเฮยซือขมวดคิ้วเมื่อเห็นรอยยิ้มของมู่เฉิน เขาชี้นิ้วออกไป รัศมีศพไม่มีที่สิ้นสุดรวมตัวกันก่อนที่จะก่อร่างเป็นกะโหลกขนาดหลายแสนจั้ง เปล่งเสียงกรีดร้องโหยหวนก่อนที่จะตกลงมาที่ระนาบมิติ

จากมุมมอง การบดขยี้นี้สามารถฉีกรอยแตกในระนาบมิติได้เลยทีเดียว

แต่เมื่อกะโหลกกำลังจะสัมผัสกับระนาบมิติ เสียงสายฟ้าก็คำรามลั่นฟาดทำลายหัวกะโหลกที่สร้างจากรัศมีศพ

“ใครกล้าท้าทายข้า?!” เมื่อจอมปีศาจเทียนเฮยซือเห็นสิ่งนี้ เขาก็หดดวงตาพลางตะโกนลั่น

มู่เฉินพรูลมหายใจออกมาพร้อมกับคลี่ยิ้ม “ในที่สุดก็มาแล้ว”

มู่เฉินคลายมือออก ผงหินก็ปลิวออกไปจากมือ

ยามนี้มิติฉีกขาดออกจากกัน ทะเลสายฟ้ากวนตัวพร้อมกับร่างเงาสง่าผ่าเผยถือคทาสายฟ้าปรากฏอยู่นอกโลก

จังหวะนั้นเสียงของเขาก็สะท้อนออกมา

“เป็นถึงจอมปีศาจระดับเทียน ถ้าอยากหาคู่ต่อสู้นักก็มาที่แคว้นหวูของข้าสิ ทำไมต้องรังแกพิภพเขตล่างเล็กๆ นี้ด้วย?

“คิดว่าในมหาพันภพไม่มีคนแล้วหรือไง?!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท