หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1401

ตอนที่ 1401

ฟิ้ว!

แสงโชติช่วงสองสายพุ่งข้ามขอบฟ้าราวกับอุกกาบาต ทำให้มิติพังทลายในเส้นทางที่พาดผ่าน ความผันผวนนี้ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกสั่นสะเทือน

ร่างแสงสองร่างไม่ได้ใช้กลยุทธ์ใดๆ พวกเขาเอาแต่ปะทะกันโหดเหี้ยมที่สุดเท่าที่จะทำได้

ตู้ม!

แสงหลิงไร้ขอบเขตสร้างความหายนะไปทั่วท้องฟ้า ทำให้หมู่เมฆถูกลบออกไปในรัศมีหมื่นลี้เลยทีเดียว

แม้ทั้งสองฝ่ายจะโรมรันกันบนท้องฟ้าสูง แต่ระลอกคลื่นที่เกิดจากการปะทะก็ทำเอาโลกสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น….

ฉากนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกหนังหัวชาหนึบ คลื่นกระแทกนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะทนได้

ตึง!

ภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน แสงโชติช่วงก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า ร่างแสงสองร่างทะยานกลับมาพร้อมกับมิติยุบตัวที่ด้านหลัง

มู่เฉินถอยออกไปหลายพันจั้ง ร่างกายสั่นสะท้านไปหมดจากนั้นก็กลายเป็นพลังงานหลิง ซึ่งดูราวกับระลอกคลื่นบนอัญมณีส่องประกายที่ละลายพลังที่น่ากลัว

ส่วนเฉวียนเทียนก็ถอยกลับไปประมาณหนึ่งพันจั้ง แต่ร่างกายของเขาไม่เหมือนกับมู่เฉิน ดวงดาวบนร่างของเขาสั่นไหวดูดซับและสลายพลังงานในร่างกายลง

ในการเผชิญหน้าครั้งนี้ผู้มากประสบการณ์อย่างผู้เฒ่าเฉวียนเทียนอยู่ในตำแหน่งเหนือกว่า

แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าของเฉวียนเทียนก็เคร่งเครียดลงหลายส่วน หลังจากแลกกระบวนท่ากันหลายครั้ง เขารู้สึกได้ว่าแม้ว่ามู่เฉินจะเพิ่งสร้างกายาหลิงเทียนจุนขึ้นมา แต่ก็แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มคนนี้มีรากฐานพลังที่มั่นคง ไม่ได้อาศัยแค่โชคในการทะยานเข้าประตูมังกร

ขณะที่สีหน้าเฉวียนเทียนเคร่งเครียดลง มู่เฉินก็ครุ่นคิดพลางมองไปที่กายาหลิงเทียนจุนของอีกฝ่าย เขาสัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่างเขาและเฉวียนเทียน

กายาหลิงเทียนจุนของเขาบริสุทธิ์ราวกับอัญมณี แต่ของเฉวียนเทียนกลับมีดวงดาวอยู่ภายใน ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

“ดูเหมือนว่านั่นน่าจะเป็นวิธีพัฒนากายาหลิงเทียนจุนให้แข็งแกร่งขึ้น… แต่ข้าเพิ่งบรรลุระดับเทียนจื้อจุน ดังนั้นจึงยังไม่คุ้นเคยกับการเพาะบ่มพลัง”

มู่เฉินพึมพำในใจ ตัวเขาพึ่งพาตัวเองในเส้นทางการเพาะบ่มโดยไม่มีใครแนะนำ ในเวลาเดียวกันก็ไม่มีพื้นหลังที่ทรงพลังเช่นกัน ทำให้เขาขาดประสบการณ์โดยธรรมชาติ

แต่เมื่อเขาต่อสู้กับเฉวียนเทียน เขาก็ได้รับความเข้าใจเล็กน้อยราวกับว่าสัมผัสอะไรบางอย่างได้

ดังนั้นสายตาเขาจึงกะพริบวูบไหวแล้วพุ่งตัวออกไปอีกครั้ง ราวกับเกลียวแสงที่เปล่งรัศมีไร้ขอบเขตพุ่งไปยังเฉวียนเทียน

เขาไม่ได้ใช้ทักษะเทพใดๆ แต่อาศัยกายาหลิงเทียนจุนอย่างเดียว ต่อสู้ด้วยวิธีที่โหดเหี้ยมที่สุด

นั่นเป็นเพราะหลังจากที่เขาบรรลุระดับเทียนจื้อจุนแล้ว ร่างกายของเขาถูกสร้างขึ้นจากพลังงานหลิงบริสุทธิ์ ดังนั้นทุกการเคลื่อนไหวจึงมีพลังงานไร้ขอบเขต สรุปสั้นๆ ก็คือพลังที่อยู่เบื้องหลังหมัดของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าการใช้วิชาเจดีย์แปดองค์ในอดีตเลย

“หึ แค่กายาหลิงเทียนจุนระยะต้นยังคิดจะสู้กับข้าเรอะ?”

เฉวียนเทียนตะเบ็งเสียงลั่นเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของมู่เฉิน เขาคิดว่ามู่เฉินแค่ไม่พอใจจากการเสียเปรียบเมื่อครู่ แต่วิธีการต่อสู้นี้ก็เป็นไปตามที่เขาต้องการ ที่สุดแล้วเขาจะถือครองตำแหน่งเหนือกว่าในการต่อสู้ระหว่างกายาหลิงเทียนจุน

ดังนั้นร่างกายของเขาก็สั่นเทิ้ม ดวงดาวสั่นไหว ก่อนที่เขาจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากลายเป็นริ้วแสงเข้าปะทะกับมู่เฉินอีกครั้ง

ตู้ม ตู้ม!

ทั้งสองปะทะกันอย่างต่อเนื่องบนท้องฟ้าโดยอาศัยพลังกายภาพล้วนๆ ทุกการปะทะจะมาพร้อมกับภาพมายาและความโกลาหลที่ทำให้แผ่นดินแตกร้าว

ช่วงเวลานี้ท้องฟ้าปั่นป่วนไม่หยุดหย่อน

สายตานับไม่ถ้วนมองการห้ำหั่นกันด้วยความตะลึงงัน เนื่องจากแสงที่เปล่งออกมาจากทั้งสองมีพลังมากเกินไป ทุกคนที่อยู่ภายใต้ระดับตี้จื้อจุนจึงรู้สึกแสบตานักเมื่อมองไปนานๆ แม้แต่คลื่นหลิงในร่างกายก็ยังแปรปรวน

แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถมองดูอย่างต่อเนื่อง แต่ทุกคนก็สามารถบอกได้ว่าเฉวียนเทียนอยู่เหนือกว่า การปะทะกันทุกครั้งจะทำให้มู่เฉินถูกกระเด็นกลับไป ทว่าเขายังคงรักษาพลังใจไม่ย่นย่อ แม้ว่าเขาจะอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบ เขาก็ยังคงโจมตีรุนแรงต่อเฉวียนเทียน

“ท่านมั่นถัวหลัวสถานการณ์ของท่านประมุขไม่ถูกต้องนะ” หลิ่วเทียนเต้าและคนอื่นๆ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลกับฉากนี้

มั่นถัวหลัวและหลิงซีแลกเปลี่ยนสายตากันขณะยังคงมีท่าทีสงบ พวกนางเข้าใจมู่เฉินเป็นอย่างดี ตอนนี้เขาไม่ได้ออกกระบวนท่าใดๆ เลย นอกจากการเผชิญหน้าด้วยพลังกายภาพล้วนๆ

พวกนางรู้ดีว่ามู่เฉินครอบครองวิชาสามพิสุทธิ์และเจดีย์แปดองค์ซึ่งเป็นวิทยุทธระดับเสินทงสุดยอดในตำนาน แต่เขายังไม่ได้ใช้วิชาเหล่านั้นด้วยซ้ำ ดังนั้นเห็นชัดว่าเขาน่าจะใช้เฉวียนเทียนเป็นหินเจียระไนเพื่อให้รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างระดับเทียนจื้อจุน

ตึง!

การปะทะดุเดือดเกิดขึ้นอีกครั้งบนท้องฟ้า ร่างกายของมู่เฉินก็สั่นสะท้านขณะที่ถูกพัดกลับไปหลายพันจั้ง ทุกครั้งที่ฝ่าเท้าก้าวถอยก็จะทำให้มิติใต้ฝ่าเท้าพังทลายลง

แม้ว่าจะถูกผลักกลับ แต่กลับมีแสงวูบวาบในดวงตา

แววตาลุกโชน เขาค่อยๆ รู้สึกได้ถึงความแตกต่างระหว่างกายาหลิงเทียนจุนของพวกเขาแล้ว

ทุกครั้งที่เขาปะทะกับเฉวียนเทียน เขาสามารถสัมผัสได้ว่าดวงดาวที่อยู่ในร่างอีกฝ่ายจะหมุนวนและสลายคลื่นหลิงที่รุกรานเข้ามาในร่างกาย

พลังการแก้ไขนี้อยู่ในอีกระดับหนึ่งเมื่อเทียบกับเขาที่แบกรับไว้อย่างหนักหน่วง

นั่นหมายความว่ากายาหลิงเทียนจุนของเฉวียนเทียนอยู่ในระดับที่สูงขึ้น

แม้ว่ากายาหลิงเทียนจุนของเขาจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็รู้สึกว่ามีสิ่งกีดขวางอยู่ เขาไม่สามารถคว้าความสามารถนั้นมาได้เพราะสิ่งกีดขวางนี้

ส่วนเฉวียนเทียนแสดงให้เห็นถึงระดับที่สูงกว่านี้จนถึงขีดสุด นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงสามารถถือไพ่เหนือกว่าในการปะทะกันได้

“เลือดเนื้อและกระดูกของข้าหลอมรวมกับร่างกายแล้ว แต่ยังมีสิ่งกีดขวาง… มันต้องอยู่ในระดับลึกกว่านี้…” ดวงตามู่เฉินกะพริบวาบขณะที่ความคิดวิ่งเร็วจี๋อยู่ในสมอง

ทันใดนั้นความคิดก็ตกผลึกบวกกับความเข้าใจที่เขาได้รับจากการปะทะกับเฉวียนเทียนก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา

“ข้ารู้ว่าคืออะไรแล้ว!”

“เส้นหลิง!”

แววตามู่เฉินเปล่งประกายด้วยความเข้าใจ สิ่งที่เรียกว่าเส้นหลิงเป็นสิ่งที่ทุกคนที่เริ่มฝึกวรยุทธจำได้แม่น ในการเริ่มต้นการฝึกฝนผู้ฝึกที่มีเส้นหลิงสูงกว่าก็จะหมายความว่าความเร็วในการเพาะบ่มก็จะเร็วขึ้น

เขายังจำได้ว่าศัตรูที่เขาเจอตอนอยู่ในสำนักศึกษาเป่ยชาง จีเฉวียนก็มีเส้นหลิงขั้นเทียนเลยทีเดียว

แต่เมื่อความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ตรรกะของเส้นหลิงก็ค่อยๆ จางหายไป หลายๆ คนคิดเพียงว่าเส้นหลิงมีประโยชน์ต่อเมื่อเริ่มฝึกฝนเท่านั้น การใช้จะลดน้อยลงเรื่อยๆ จนกว่าจะหายไป

พูดชัดลงไปก็คือตรรกะนี้มากจนมู่เฉินรู้สึกแบบนั้นจนถึงตอนนี้

เส้นหลิงในร่างกายไม่ได้ไร้ประโยชน์ แต่เป็นเพียงการที่หลายคนไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จะปรับแต่งมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีเงื่อนไขในการทำให้สำเร็จ

นั่นก็คือการก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนและสร้างกายาหลิงเทียนจุนขึ้นมา

เมื่อร่างกายได้รับการปรับเปลี่ยน ผู้ฝึกก็จะรู้สึกได้ถึงเส้นหลิงที่ซ่อนอยู่ในร่างกายเพื่อปรับแต่งให้เข้าถึงความสมบูรณ์

รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากของมู่เฉิน ที่จริงเขารู้สึกได้ว่าตัวเองขาดอะไรบางอย่างตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุน แต่หลังจากต่อสู้กับเฉวียนเทียน เขาก็คิดออก

เมื่อเฉวียนเทียนเห็นการแสดงออกของมู่เฉิน ดวงตาก็หดลง เขาไตร่ตรองอยู่พักก็รู้ความตั้งใจของมู่เฉิน ทันใดนั้นริมฝีปากเขาก็กระตุกด้วยความโกรธอย่างช่วยไม่ได้ ไอ้หนุ่มคนนี้ใช้เขาเป็นคู่ซ้อมเพื่อหาข้อบกพร่องของตัวเอง

เมื่อครู่เขายังคิดว่ามู่เฉินไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เนื่องจากความภาคภูมิใจในตัวเอง แต่กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายพยายามค้นหาวิธีที่จะทำให้กายาหลิงเทียนจุนสมบูรณ์แบบโดยการต่อสู้อย่างมีจุดมุ่งหมาย

ใบหน้าของเฉวียนเทียนเคร่งขรึมขณะที่จ้องมองที่มู่เฉินพลางกัดฟัน “ดูเหมือนแกจะฉลาดใช่ย่อย รู้ว่าขาดอะไรไปได้เร็วขนาดนี้”

“ถูกตัอง ข้าบอกแกเลยว่าหลังจากปรับแต่งเส้นหลิงแล้วถึงจะสามารถทำให้กายาหลิงเทียนจุนสมบูรณ์แบบได้ ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งเส้นหลิงทรงพลังมากเท่าไหร่ กายาหลิงเทียนจุนก็จะพิเศษมากขึ้นเท่านั้น”

“แต่ถึงแกรู้เรื่องนี้แล้วไง? คิดจะลับคมหอกในการต่อสู้เรอะ จะมีประโยชน์อะไรอีก!” เฉวียนเทียนเยาะเย้ย

ที่จริงนี่ไม่ใช่ความลับใดๆ แม้ว่ามู่เฉินจะไม่ได้ต่อสู้กับเขาในวันนี้ แต่ก็สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ในอนาคต แค่อาจจะใช้เวลาอีกเล็กน้อยเพื่อทำ

นอกจากนี้เขารู้ดีว่าการพยายามปรับแต่งเป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างน้อยเขาก็ไม่ให้โอกาสมู่เฉินได้ทำหรอก

เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเยือกเย็นของเฉวียนเทียน มู่เฉินก็อดยิ้มไม่ได้ “ในเมื่อเป้าหมายของข้าบรรลุผล ข้าก็ไม่คิดจะเล่นกับแกอีกแล้ว”

แววเยาะเย้ยเพิ่มขึ้นบนใบหน้าของเฉวียนเทียนอีกหลายส่วน แต่ก่อนที่จะพูดเขาก็เห็นมือของมู่เฉินวาดตราประทับ มิติถึงกับแปรปรวน ร่างเงาสองร่างย่างกรายออกมาข้างๆ ดวงตาจ้องมองไปที่เฉวียนเทียนอย่างเฉยเมย

ร่างทั้งสองดูเหมือนมู่เฉินทุกกระเบียดนิ้ว เมื่อพวกเขายืนอยู่ข้างมู่เฉินขุมพลังเทียนจื้อจุนสองสายก็กวาดออกไป

ทั้งสวรรค์และโลกสั่นสะเทือน

แววเยาะเย้ยบนใบหน้าเฉวียนเทียนแข็งค้าง ขณะมองไปที่มู่เฉินสองคนที่เหมือนกันอย่างกับแกะด้วยความตกตะลึงในใจ…

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท