หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1400

ตอนที่ 1400

ตู้ม!

ตำหนักขนาดใหญ่ระเบิด คลื่นกระแทกน่าสะพรึงก็กวาดออก ทำให้ตำหนักทั้งหลังกลายเป็นผุยผง

ฉากนี้กะทันหันมาก เมื่อตำหนักถูกทำลายใบหน้าของจอมยุทธ์ตำหนักมู่และผู้ชมก็แข็งค้างทันที…

พวกเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะไม่ไว้หน้าเพียงนี้ ซึ่งนี่จะทำให้อีกฝ่ายโมโหแน่นอน

การยั่วยุจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน งานนี้คงไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ แล้ว!

หน้าห้องโถงของตำหนักมู่ เหล่าจอมยุทธ์พากันตกใจก่อนที่จะร้องไห้ในใจ ประมุขของพวกเขาดุร้ายเกินไปแล้ว การยั่วยุจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนไม่ใช่เรื่องฉลาดเลย

ไกลออกไป เจ้าเมฆาม่วง เจ้าอินทรีทองและคนอื่นๆ ก็มองไปด้วยใบหน้าหัวเราะเยาะเย้ย ในที่สุดมู่เฉินก็ปรากฏตัว มิหนำซ้ำยังทำลายตำหนักเดินทางของผู้เฒ่าเฉวียนเทียนอีกด้วย…

ผู้เฒ่าเฉวียนเทียนไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ แน่ วันนี้จะเป็นวันที่ตำหนักมู่ล่มสลาย

ภายใต้สายตาสงสาร-สมเพช-เยาะเย้ย ตำหนักที่แตกสลายก็มีแสงพราวรวมตัวกันเป็นร่างเงาหนึ่ง

ร่างนั้นสวมชุดสีดำมีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวปักอยู่ แม้เขาจะมีผมสีขาว แต่ใบหน้าก็อ่อนวัยราวกับเด็กทารก ดวงตาลึก คิ้วคมราวกับกระบี่เปล่งไอคมกริบออกมา สายตาของเขาทำให้แม้แต่มิติก็สั่นไหว

นี่ก็คือผู้เฒ่าเฉวียนเทียน!

ตอนนี้ใบหน้าของเฉวียนเทียนถมึงทึงพร้อมกับแสงหลิงพลุ่งพล่านอยู่รอบตัวซึ่งเปลี่ยนเป็นดวงดาวนับหมื่นดวงเบื้องหลัง ทำให้เกิดความปั่นป่วนขนาดใหญ่

เมื่อมองไปที่ตำหนักที่พังทลายอยู่ข้างหลัง สายตาเขาก็ราวกับเหยี่ยวจับจ้องไปที่มู่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าอารมณ์อะไรอย่างนี้ แต่ในเมื่อเจ้าทำลายตำหนักเดินทางของข้า แม้แต่ตำหนักมู่ทั้งหมดก็ไม่สามารถชดเชยการสูญเสียได้!”

มู่เฉินเอี้ยวหน้ามองเฉวียนเทียนกระตุกยิ้มเย็นชา “ช่างเป็นแพะแก่ที่รู้แต่วิธีเล่นตามอายุเท่านั้น”

“อวดดี!”

สายตาของเฉวียนเทียนกลายเป็นเย็นชา เขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนได้รับความเคารพทุกที่ที่ไป แต่ตอนนี้มู่เฉินไม่เพียงแต่ทำลายตำหนักของเขาเท่านั้น ยังกล้าดูหมิ่นอีกด้วย ช่างรนหาที่ตาย

ตู้ม!

แสงไร้ขอบเขตพุ่งออกมาจากร่างเฉวียนเทียนก่อตัวเป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวด้านหลัง พร้อมกับดวงดาวเปล่งประกายนับไม่ถ้วนปลดปล่อยแรงกดดันไม่มีที่สิ้นสุด

ตู้ม ตู้ม!

ภายใต้ความกดดัน แม้แต่พื้นที่ก็สั่นสะท้าน รอยแตกปรากฏขึ้นบนพื้น ทุกคนที่อยู่ใต้ระดับตี้จื้อจุนในตำหนักมู่ล้มลงบนพื้นทันที

สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนหัวเข่าของพวกเขาลั่นเปรียะ ร่างค่อยๆ คุกเข่าลง

ความกดดันอย่างเต็มที่ของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนจะทนได้

“ตำหนักมู่ของข้าไม่มีที่ให้คนแก่โง่อย่างแกมาอาละวาด!”

เสียงเย็นชาของมู่เฉินดังออกมาขณะที่ก้าวเท้าออกไป แสงหลิงไร้ขอบเขตระเบิดออกมา ร่างเขาราวกับดวงอาทิตย์ลุกโชนบนท้องฟ้า

แรงกดดันทรงพลังเช่นเดียวกันรวมตัวกันทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากระจายคลื่นหลิงของเฉวียนเทียนออก

โห่!

เมื่อแรงกดดันจากเฉวียนเทียนหายไปทั้งสวรรค์และโลกก็เงียบลง ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธ์ตำหนักมู่หรือขั้วอำนาจอื่นๆ ใบหน้าของพวกเขาก็ถอดสีทันที

พวกเขาจ้องมองภาพเงาบนท้องฟ้าด้วยตะลึงลาน พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนของคลื่นหลิงน่าสะพรึงกลัวที่มาจากอีกฝ่าย

ซึ่งบอกว่าเขาก้าวผ่านระดับตี้จื้อจุนแล้ว!

นั่นคือระดับเทียนจื้อจุน!

มั่นถัวหลัวและหลิงซีตกตะลึงขณะมองไปที่มู่เฉิน ก่อนที่พวกนางจะสบตากันและสูดลมหายใจเย็นด้วยความไม่เชื่อ “นี่…ความผันผวนของระดับเทียนจื้อจุน?!”

“ท่านประมุขบรรลุระดับเทียนจื้อจุนแล้วเรอะ?!”

หลิ่วเทียนเต้าและจอมยุทธ์ชั้นสูงคนอื่นๆ ในตำหนักมู่ก็ต่างตกตะลึง ราวกับว่าถูกฟ้าผ่ากลางวัน พวกเขาไม่สามารถฟื้นสติจากความตกใจได้เป็นเวลานาน

แม้ว่าพวกเขาจะได้ลิ้มรสพรสวรรค์ของมู่เฉินมามาก แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่าเขาจะค้นพบวิถีเทียนจื้อจุนได้ในเวลาเพียงหนึ่งปี

นั่นระดับเทียนจื้อจุนเชียวนะ!

จอมยุทธ์เช่นนี้อยู่บนยอดพีระมิดของมหาพันภพ ซึ่งเป็นธรณีประตูที่อัจฉริยะนับไม่ถ้วนไม่สามารถข้ามไปได้แม้จะจบชีวิตก็ตาม…

“เป็นไปได้ยังไง?!”

เจ้าเมฆาม่วงและคนอื่นๆ ก็มองภาพเงานั้นด้วยความหมดอาลัยตายอยาก ในฐานะคนที่เคยต่อสู้กับมู่เฉิน ความตกใจยิ่งรุนแรงยิ่งขึ้น

ต้องรู้ว่ามู่เฉินอยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มเมื่อหนึ่งปีก่อน แต่ตอนนี้เขากลับก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนแล้ว!

แม้ว่าพวกเขาจะอ้างว่าอีกครึ่งก้าวก็จะบรรลุระดับเทียนจื้อจุน แต่นานแค่ไหนแล้วที่พวกเขาไม่ก้าวหน้าเลย?!

แต่ชายหนุ่มที่ตามอยู่ข้างหลังพวกเขาก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนก่อนเสียอีก ดังนั้นความตกใจจึงเกิดขึ้นกับพวกเขาอย่างมาก

“มู่เฉินเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ!”

พวกเขาพึมพำด้วยความตกใจและความกลัวในใจ เนื่องจากพวกเขารู้ว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจักรวรรดิเหนือจะไม่มีตำแหน่งสำหรับพวกเขาอีกต่อไป ไม่เพียงแต่ที่นี่เท่านั้น ด้วยการมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนตำหนักมู่จะแผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วทวีปเทียนหลัว!

แน่นอนว่าไม่เพียงพวกเขาเท่านั้นที่ตกใจ แต่ขั้วอำนาจอื่นๆ ที่มองตำหนักมู่อยู่ก็พูดไม่ออก

เห็นได้ชัดว่าข่าวที่มู่เฉินบรรลุระดับเทียนจื้อจุนทำให้ทั่วทั้งทวีปเทียนหลัวตะลึงจนพูดไม่ออก

เผชิญกับความตกตะลึงนับไม่ถ้วน มู่เฉินก็ไม่ได้สนใจ เขาเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมองไปที่ผู้เฒ่าเฉวียนเทียนที่มีสีหน้าน่าเกลียดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

“บัดซบ ไอ้หนูนี่บรรลุระดับเทียนจื้อจุนได้อย่างไร?!”

ใบหน้าของเฉวียนเทียนเปลี่ยนเป็นตกใจ จากข้อมูลที่มีมู่เฉินเป็นเพียงจอมิยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มเท่านั้น แต่นี่ไม่เหมือนกับข้อมูลเลย

“ทำไม? ก่อนหน้านี้ข่มขู่ตำหนักมู่ของข้าเก่งนักไม่ใช่เหรอ?” เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของเฉวียนเทียน มู่เฉินก็หัวเราะเยาะ

เมื่อเฉวียนเทียนได้ยินใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมพลางเค้นเสียงออกมา “อย่าได้ใจไปแกเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุน ในแง่การต่อสู้ ข้าก็ยังจัดการกับแกได้”

ยังไงเขาก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน ตอนนี้ทุกฝ่ายกำลังจับตามองมา ดังนั้นหากเขาปล่อยให้มู่เฉินสร้างความอับอายให้ได้ก็จะเป็นการทำลายชื่อเสียงของเขาอย่างมาก

มู่เฉินยิ้มอ่อนยกเปลือกตาขึ้น “ใครบอกให้แกมาสร้างความเดือดร้อนให้ข้า?”

แม้ว่าการกระทำของเฉวียนเทียนจะดูเหมือนเป็นการสั่งการของขั้วอำนาจเบื้องหลังเจ้าเมฆาม่วงกับคนอื่นๆ แต่ด้วยสัญชาตญาณเขารู้สึกว่าเรื่องนี้มีเบื้องหลัง

เมื่อได้ยินเฉวียนเทียนก็เยาะเย้ย “แกน่าจะรู้ดีว่าเคยไปทำอะไรให้ใครขุ่นเคืองใจนะ?”

มู่เฉินหรี่ตา แม้ตัวเขาจะมีเรื่องกับคนอื่นนับไม่ไหวเลยทีเดียว แต่การมีความสามารถเชิญจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนมาจัดการกับเขาได้มีเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น…เผ่าฝูถู

จากข้อมูลที่ได้รับจากชิงซวง แม้ว่าเผ่าฝูถูจะไม่สามารถประจันหน้ากับเขาได้โดยตรง แต่พวกเขาก็สามารถหาจอมยุทธ์ทรงพลังสักคนเพื่อมาช่วยให้งานของพวกเขาง่ายดายขึ้น

ด้วยเครือข่ายของผู้อาวุโสเผ่าฝูถูเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะเชิญจอมยุทธ์มาทำงานให้

แสงเย็นเยือกวาบขึ้นในนัยน์ตาของมู่เฉิน แต่ไม่ช้าก็ถูกปกปิด เขาเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “ไม่ว่าแกจะทำเพื่อใคร แกก็ต้องจ่ายในราคาที่ถูกล่อลวงนั่น”

“อวดดี!” เฉวียนเทียนกระตุกยิ้มด้วยความโกรธ ตอนที่ชื่อของเขาขจรขจายไปทั่วมหาพันภพ มู่เฉินยังไม่รู้ว่าเป็นวุ้นอยู่ที่ไหนเลย แต่ตอนนี้ชายหนุ่มคนนี้กลับกล้าพูดกับเขาในลักษณะนี้

มู่เฉินไม่ได้พูดให้มากความ ทันใดนั้นแสงหลิงก็หดกลับเข้าสู่ร่างกายของเขา

เมื่อคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตกวนตัวภายใน ร่างกายของมู่เฉินก็ค่อยๆ เปล่งประกายราวกับเป็นผลึก

ในขณะนี้ราวกับว่าร่างกายของมู่เฉินได้รับดัดแปลงด้วยพลังงานหลิงที่บริสุทธิ์ กำจายพลังอำนาจที่ไร้ขอบเขตในทุกการเคลื่อนไหว

“กายาหลิงเทียนจุน?”

สายตาของเฉวียนเทียนดิ่งลง เมื่อสามารถทำสิ่งนี้ได้นั่นหมายความว่ามู่เฉินก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนแท้จริงแล้ว

“แต่เด็กน้อยนี่เพิ่งบรรลุระดับเทียนจื้อจุน ซ้ำยังไม่ได้ขัดเกลาเส้นหลิงที่อยู่ภายในร่างกาย” สายตาของเฉวียนเทียนวูบไหว ในฐานะจอมยุทธ์ผู้มากประสบการณ์ เขาสามารถบอกได้อย่างเป็นธรรมชาติว่ามีข้อบกพร่องในกายาหลิงเทียนจุนของมู่เฉิน

“ดูเหมือนว่าไม่มีทางที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างสันติ ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็มาสู้กันให้รู้ดำรู้แดงดีกว่า ดูว่ามันจะยังกล้าทำท่าหยิ่งผยองอีกไหม”

เฉวียนเทียนเค้นเสียงเย็นชาในใจ เขาตัดสินใจแล้วเนื่องจากมู่เฉินเพิ่งบรรลุระดับเทียนจื้อจุนและยังไม่สามารถควบคุมพลังได้เต็มที่ ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะเอาชนะ

พร้อมกับการตัดสินใจในใจ ดวงตาของเฉวียนเทียนก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาและจ้องไปที่มู่เฉิน ก่อนที่จะสะบัดแขนเสื้ออย่างเรียบเฉย “ในเมื่อแกยโสโอหังนัก งั้นข้าจะสอนให้แกรู้ว่ามีคนอื่นๆ อีกมากมายที่สามารถเอาชนะแกได้ แม้ว่าแกจะก้าวเข้าระดับเทียนจื้อจุน แกก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะหยิ่งยโส!”

ตู้ม!

ร่างกายเขาสั่นเทิ้มก่อนที่จะเปล่งแสงพร่างพราวออกมาพร้อมกับดวงดาวนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าสู่ร่างกาย จากนั้นร่างของเขาก็เจิดจรัสไปด้วยดวงดาวที่สลักอยู่บนพื้นผิว

คลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตกวาดออกจากร่าง กวนพายุคลื่นหลิงออกมา

สองร่างพลังงานหลิงยืนอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับสายตาฟาดฟันกัน แสงเย็นพลุ่งพล่านขณะที่อุณหภูมิระหว่างสวรรค์และโลกลดลงฉับพลัน

วาบ!

อึดใจต่อมาทั้งสองก็ทะยานออกไปภายใต้สายตานับไม่ถ้วน

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท