หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1402

ตอนที่ 1402

บนท้องฟ้า

เมื่อร่างเงาทั้งสองปรากฏขึ้น ทุกคนพากันตกตะลึงไป ใบหน้าแต่ละคนแข็งค้างไปเลยทีเดียว

พวกเขารู้สึกได้ว่าร่างดวงจิตทั้งสองกำลังเปล่งความผันผวนของระดับเทียนจื้อจุน

ฉากนี้ทำให้ประมุขจักรวรรดิเหนือทั้งสามตกตะลึง จากนั้นครู่หนึ่งพวกเขาก็สูดอากาศเย็นเยือกเข้าปอดพร้อมกับความหวาดผวาพล่านบนใบหน้า

พวกเขาคุ้นเคยกับร่างดวงจิตของมู่เฉินเนื่องจากเคยต่อสู้กันมาก่อน ทว่าพวกเขาไม่เคยคิดว่าหลังจากบรรลุขุมพลังเทียนจื้อจุนร่างดวงจิตของอีกฝ่ายจะมีพลังเช่นเดียวกับร่างหลักอีก…

นั่นคือระดับเทียนจื้อจุน ไม่ว่าร่างดวงจิตจะทรงพลังเพียงใดก็ควรมีข้อจำกัดไม่ใช่รึ? แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันทักษะเทพที่มู่เฉินครอบครองก้าวข้ามขีดจำกัดนั่นไปแล้ว

นั่นหมายความว่าตำหนักมู่ไม่ได้มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนคนเดียวแต่มีสามคน!

ต้องรู้ว่าแม้แต่ขั้วอำนาจสูงสุดที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาก็มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนคนเดียวเท่านั้น!

ด้วยจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนสามคน ตำหนักมู่กวาดทวีปเทียนหลัวทั้งหมดได้อย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว!

ทั้งฟ้าดินเงียบงัน เจ้าเมฆาม่วงและคนอื่นๆ ต่างตกใจจนไร้คำพูด ผู้ชมก็ตกใจเช่นกันเมื่อดูสิ่งนี้

ชัดว่าร่างดวงจิตของมู่เฉิน ทำให้พวกเขาตกตะลึงใหญ่หลวง

“ไม่คิดว่าร่างรองของประมุขจะทรงพลังเช่นนี้…” หลิ่วเทียนเต้าและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ของตำหนักมู่ตกตะลึงเป็นเวลานาน ก่อนที่จะเรียกสติกลับคืนและทอดถอนหายใจ

ก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะทราบเกี่ยวกับร่างรองของมู่เฉิน แต่พวกเขาก็เหมือนกับพวกเจ้าเมฆาม่วง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าร่างรองจะแข็งแกร่งขึ้นด้วย หลังจากที่มู่เฉินบรรลุระดับเทียนจื้อจุน

ฝั่งตำหนักมู่ระเบิดเสียงโห่ร้อง ความหดหู่ที่รู้สึกจากการถูกเฉวียนเทียนกดดันตลอดครึ่งปีได้รับการปลดปล่อยออกมาทั้งหมด

ซึ่งมากเกินกว่าพอใจ!

“สมกับเป็นวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าอย่างแท้จริง” มั่นถัวหลัวและหลิงซีแลกเปลี่ยนสายตากันต่างก็เห็นความชื่นชมในสายตาของกันและกัน แม้ว่าพวกนางจะคาดหวังไว้ แต่ก็ยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อความตกตะลึงเมื่อได้เห็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนสามคน

บนท้องฟ้า

เฉวียนเทียนมองไปที่ร่างเสมือนทั้งสองเป็นเวลานาน ก่อนที่เสียงแหบแห้งจะลอดไรฟันออกมา “วิชาสามพิสุทธิ์?!”

ความรู้ของเฉวียนเทียนไม่ธรรมดาในฐานะจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน เขาสามารถบอกที่มาของทักษะเทพของมู่เฉินได้ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว ที่สุดแล้วมีเพียงวิชาสามพิสุทธิ์เท่านั้นที่สามารถสร้างร่างรองที่มีความแข็งแกร่งเหมือนกับร่างหลักได้

เผชิญหน้ากับร่างรองอีกสองร่าง แม้แต่เฉวียนเทียนก็ยังรู้สึกถึงร่องรอยแห่งความเสียใจในใจ ตอนแรกเขาคิดว่าเรื่องที่ถูกขอให้ช่วยครั้งนี้จะง่าย เนื่องจากตัวเขามีขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิง ไม่ว่ามู่เฉินจะมีวิธีมากแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนีไปจากเขาได้

ดังนั้นเมื่อเขาได้รับคำขอก็รับปากโดยไม่ลังเลใดๆ แต่ตอนนี้เขาซึ้งแล้วว่าการกระทำของตนเองโง่เง่าเพียงใด

มู่เฉินบรรลุขุมพลังเทียนจื้อจุนได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ในอนาคตเขาจะไม่หยุดอยู่แค่ขั้นหลิงเท่านั้น ใครจะรู้เขาอาจกลายเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งในตำนานอีกคนของมหาพันภพก็ได้

นั่นคือการดำรงอยู่บนจุดสุดยอดของมหาพันภพเลยนะ

ครั้งนี้เขาเตะแผ่นโลหะจังใหญ่เข้าแล้ว!

แม้ว่าสีหน้าเขาจะไม่เปลี่ยนไป แต่ก็ถั่งโถมไปด้วยความขมขื่นในใจ การยืนค้ำตำหนักมู่ครึ่งปีทำให้ชื่อเสียงของตำหนักมู่ป่นปี้ไปหมด ถือว่าทำให้มู่เฉินขุ่นเคืองอย่างที่สุดและด้วยนิสัยของอีกฝ่าย เรื่องนี้คงไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ

ทว่ามู่เฉินไม่ได้ใส่ใจกับความคิดของเฉวียนเทียน ม่านตาสีดำของเขามองไปที่อีกฝ่ายอย่างคมกริบ

แม้ว่าเฉวียนเทียนจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน แต่ก็ทำให้ชื่อเสียงของตำหนักมู่เสียหายไป เกือบจะสลายขวัญกำลังใจของพวกเขาเป็นผงธุลี

นอกจากนี้เขายังทำให้ทุกคนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นหากมู่เฉินปล่อยเขาออกไปอย่างง่ายดาย คนอื่นๆ จะดูถูกตำหนักมู่เอาได้ ในอนาคตทุกคนก็สามารถมาเหยียบย่ำสำนักของเขาโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา

นี่เป็นสิ่งที่มู่เฉินไม่ยอมให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ดังนั้นเขาจึงเงยหน้าขึ้นพยักหน้าให้กับร่างรองของเขา

ฮึ่ม!

แสงหลิงไร้ขอบเขตพุ่งออกมาจากร่างรอง ร่างกายของพวกเขาเปลี่ยนเป็นแสงพราวเปล่งพลังที่น่ากลัว

วาบ!

เมื่อทั้งสองทะยานออกไปก็นำพารัศมีดุร้ายมาด้วย ขณะซัดไปยังเฉวียนเทียน

เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของร่างรองทั้งสอง ใบหน้าของเฉวียนเทียนก็เปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้เขาพึ่งพากายาหลิงเทียนจุนทรงพลังเพื่อให้ได้เปรียบกว่าเล็กน้อย แต่เมื่อเผชิญหน้ากับมู่เฉินสองคนเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้อีกแล้ว

“บ้าจริง!”

เฉวียนเทียนสาปแช่ง ไม่กล้าใช้กายาหลิงเทียนจุนเพื่อปะทะอีกต่อไป ทันใดนั้นมือเขาวาดตราประทับ ดวงดาวที่สลักอยู่บนร่างกายก็กะพริบและเชื่อมต่อเข้าด้วยกันกลายเป็นแผนภาพท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวบนร่างกายเขา

“แผนภาพเคลื่อนดาว!”

ตู้ม ตู้ม!

เมื่อร่างรองทั้งสองกระโจนเข้าไปก็ไม่ได้ออมมือ แสงพราวพร่างระเบิดออกจากร่างพวกเขาพร้อมกับภาพมายา ขณะที่โจมตีใส่เฉวียนเทียน

ตึง ตึง!

ท้องฟ้าแปรปรวนมิติพังทลายภายใต้การโจมตีที่รุนแรงของพวกเขา แม้ว่าเฉวียนเทียนจะพยายามอย่างเต็มความสามารถที่จะต่อต้าน แต่เขาก็ยังคงได้รับผลกระทบต่อร่างกาย

ทว่าตอนนี้นี่เองแผนภาพดวงดาวหมุนวนปกป้องร่างกาย หมัดทำลายล้างเหล่านั้นก็ทิ้งระลอกคลื่นไว้บนร่างกายของเขาได้เท่านั้น

“ช่างเป็นการป้องกันที่ทรงพลัง นี่คือประโยชน์ของกายาหลิงเทียนจุนหรือ?” ร่างหลักอย่างมู่เฉินเฝ้าดูฉากนี้ด้วยสายตาวูบไหว พลังการป้องกันของแผนภาพดวงดาวน่าตกใจมาก

ดูเหมือนพลังอำนาจของกายาหลิงเทียนจุนจะพิเศษอย่างแท้จริง…

แต่ไม่ว่าการป้องกันจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่สามารถอยู่ได้นานเมื่อเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนสองคน

ตามที่มู่เฉินคาดการณ์ เฉวียนเทียนแทบยืนไม่ไหวในการแลกกระบวนท่า เมื่อเวลาผ่านไปแผนภาพดวงดาวก็เริ่มสั่นคลอนจนใกล้จะแตก

การพยายามเผชิญหน้ากับร่างรองทั้งสองไม่ง่ายอย่างที่เขาคิด

ตู้ม!

ร่างทั้งสองยืนอยู่ด้านหน้าและด้านหลังของเฉวียนเทียน ฝ่ามือของพวกเขาส่งเสียงฟ้าผ่าดังกระแทกเข้ากับแผนภาพดวงดาว

แกร็ก!

คราวนี้แผนภาพดาวถึงขีดสุด รอยแตกเริ่มกระจายก่อนที่จะแตกเป็นเสี่ยงๆ

ทันทีที่แผนภาพแตกสลาย แสงหลิงก็กะพริบอยู่ใต้เท้าของเฉวียนเทียน เขาหายไปตรงจุดที่ถูกประกบจากร่างรอง

แต่ทุกคนบอกได้เลยว่าเฉวียนเทียนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้ว

วาบ!

แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช แต่ร่างรองทั้งสองก็ไม่คิดจะปล่อยเขาไป พวกเขาไล่ตามด้วยการโจมตีล้อมกรอบเอาไว้

เฉวียนเทียนเผชิญกับสถานการณ์ที่กลายเป็นอันตรายและดูน่าสมเพชอย่างยิ่ง

“มู่เฉินอย่าบีบกันนัก!” เฉวียนเทียนคำราม

ทว่ามู่เฉินไม่ได้ให้ความสนใจกับเสียงคำรามนั่น ร่างรองเปิดการโจมตีคมชัดขึ้น

เฉวียนเทียนที่สัมผัสได้ถึงการโจมตีไม่สามารถรับได้อีกต่อไป เขาคำรามปลดปล่อยคลื่นหลิง ทันใดนั้นร่างมหึมาสูงหลายแสนจั้งก็ปรากฏขึ้นข้างหลัง

ร่างเงานั้นเปล่งแสงพราว แม้แต่ดวงอาทิตย์ก็สลัวลงเมื่อเทียบเคียงกัน ขณะที่หายใจก็พัดพายุรุนแรงระหว่างสวรรค์และโลก ช่างคล้ายกับเทพยาตราลงมาบนโลก

“นี่คือร่างเหนือสวรรค์…”

ผู้คนจ้องมองร่างมหึมาด้วยความตกตะลึงในใจ เฉวียนเทียนถูกบังคับให้นำร่างเทห์สวรรค์ของระดับเทียนจื้อจุนซึ่งเรียกว่าร่างเหนือสวรรค์ออกมา ดังนั้นสามารถบอกได้ว่าเขาอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเพียงใด

โฮก!

เมื่อร่างเหนือสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นก็ส่งเสียงคำราม ราวกับว่ามีดวงดาวนับล้านพุ่งลงมา กลายเป็นลำแสงยิงเข้าใส่ร่างรองทั้งสอง

ยามนี้เฉวียนเทียนไม่กล้ารั้งแล้ว เขาปลดปล่อยพลังการต่อสู้จนถึงขีดสุด

“ไอ้หนู แกคิดว่าข้ากลัวนักเหรอไง? ถ้าอยากสู้ก็เข้ามา!” ร่างเหนือสวรรค์ยืนตะหง่านบนท้องฟ้าโดยมีเฉวียนเทียนปรากฏตัวบนไหล่

เมื่อมู่เฉินได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับสีหน้าเย็นชา

“งั้นเหรอ?”

พอได้ยินเสียงเยือกเย็นของมู่เฉิน เฉวียนเทียนก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างพลางเงยหน้าขึ้น เขาเห็นเจดีย์ผลึกแก้วใสขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น จากนั้นก็บีบกดลงมาปราบปรามเขา

ตู้ม!

เฉวียนเทียนตกใจ จากนั้นก็ควบคุมร่างเหนือสวรรค์ทันทีเพื่อต่อต้านและหยุดเจดีย์เอาไว้ ทว่าก็เพียงเท่านั้น เจดีย์ยังคงค่อยๆ ลดระดับลง ต้องการที่จะกักเขาไว้ภายใน

แกร็ก

ร่างเหนือสวรรค์ขนาดใหญ่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด ขณะที่ใบหน้าของเฉวียนเทียนเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็รู้สึกว่าไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เขาหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่เปล่งเสียงคำราม

“จื่อชี่ เหลยจุนเจ่อ หลงเตียว ถ้าพวกเจ้ายังไม่เคลื่อนไหวก็จะไม่มีที่ในจักรวรรดิเหนืออีกแล้ว!”

เมื่อเสียงของเฉวียนเทียนดังขึ้น ความเงียบก็คงอยู่เป็นอึดใจ ก่อนที่พลังสามสายจะทะลุผ่านมิติ ซัดลงบนเจดีย์

ในเวลาเดียวกันเสียงน่าเกรงขามสามเสียงก็ดังก้องไปทั่วฟ้าดินพร้อมกับแรงกดดัน

“ประมุขมู่โปรดยั้งมือ!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท