หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1406

ตอนที่ 1406

เจดีย์บนภูเขาพราวแสงกะทันหัน

ร่างเงาสองร่างทะยานออกมา พวกเขาคือมู่เฉินและเฉวียนเทียนนั่นเอง

ฮา

เมื่อเห็นดวงอาทิตย์อีกครั้ง เฉวียนเทียนก็สูดหายใจเข้าลึกๆ อัดอากาศที่เต็มไปด้วยคลื่นหลิงเข้าไป ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีเลยที่ถูกปราบปรามไว้ในเจดีย์นั้น

“ผู้อาวุโสเฉวียนเทียน จากนี้ไปเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ช่วยดูแลกันด้วยล่ะ” มู่เฉินหัวเราะเบาๆ พลางประสานมือคารวะ

เฉวียนเทียนหัวเราะเสียงหดหู่ในใจ ตอนแรกเขามั่นใจในงานนี้มาก แต่ไม่คิดว่าตัวเองต้องตกเป็นเชลยของมู่เฉิน มิหนำซ้ำตอนนี้เขายังถูกขู่จนต้องรับตำแหน่งผู้อาวุโสตำหนักมู่ด้วย…

แม้จะเป็นเวลาเพียงสามสิบปี แต่เสรีภาพของเขาก็ถูกจำกัด สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน นี่ก็เป็นเรื่องน่าสังเวชใจนัก ต้องรู้ว่าด้วยตัวตนของเขาสามารถเป็นหนึ่งในชนชั้นสูงของขั้วอำนาจสุดยอดเหล่านั้นและได้รับผลประโยชน์มากมาย

แต่ในมือของมู่เฉิน ไม่ต้องพูดถึงผลประโยชน์ต่างๆ เลย ได้แต่ยอมเป็นทาสถึงสามสิบปี

เรื่องนี้ทั้งสองได้ทำสัญญาใจแล้วในเจดีย์ สัญญาเช่นนี้ไม่เป็นอะไรต่อคนอื่นๆ แต่สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนนี่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากถ้าไม่ทำตามสัญญาก็ถือเป็นการทำผิดจากใจและทิ้งภัยที่แฝงไว้ ซึ่งจะส่งผลต่อการเพาะบ่มพลังของพวกเขาในอนาคต

ดังนั้นมู่เฉินจึงไม่กังวลว่าเฉวียนเทียนจะวิ่งหนี ส่วนเฉวียนเทียนก็ไม่กังวลว่ามู่เฉินจะขัดคำพูดของเขาในอนาคต

“ผู้อาวุโสเฉวียนเทียนสามารถไขข้อสงสัยของข้าได้หรือไม่?” มู่เฉินนั่งลงและพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร

เมื่อมองไปเฉวียนเทียนก็ถามว่า “เจ้าหมายถึงวิธีที่จะทำให้กายาหลิงเทียนจุนสมบูรณ์แบบใช่หรือไม่?”

มู่เฉินพยักหน้า จากการปะทะก่อนหน้าเขารู้วิธีที่ทำให้กายาหลิงเทียนจุนสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว ทว่ารายละเอียดยังคงต้องถาม เพื่อจะได้ไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด

เฉวียนเทียนนั่งลง เขาคิดไปครู่หนึ่งก็ไม่ปฏิเสธ เนื่องจากนี่ไม่ใช่ความลับในการฝึก แม้เขาจะไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ มู่เฉินก็ยังสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้จากแหล่งอื่น

“ข้าเชื่อว่าเจ้าน่าจะรู้วิธีที่จะทำให้กายาหลิงเทียนจุนสมบูรณ์แบบแล้ว…” เฉวียนเทียนสะบัดแขนเสื้อขณะที่พูดต่อ “กายาหลิงเทียนจุนเป็นสัญลักษณ์ของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน เนื่องจากร่างกายของจอมยุทธ์สามารถเปลี่ยนเป็นคลื่นหลิงบริสุทธิ์ได้ ซึ่งจะมอบความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาให้จอมยุทธ์ ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกับสวรรค์และโลก ทำให้คลื่นหลิงในร่างกายแทบจะไม่มีสิ้นสุด”

“แต่นั่นเป็นเพียงช่วงเริ่มต้นของกายาหลิงเทียนจุนเท่านั้น โดยการปรับแต่งเส้นหลิงที่อยู่ลึกไปในร่างกายด้วยกายาหลิงเทียนจุนถึงจะทำให้สมบูรณ์ได้”

“ไม่เพียงแต่กายาหลิงเทียนจุนจะทรงพลังมากขึ้น แต่ยังก่อให้เกิดทักษะหลิงไม่เสินทงอีกด้วย”

“ทักษะหลิงไม่เสินทง?” มู่เฉินหดดวงตาขณะที่พูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นแผนภาพที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่เจ้าออกกระบวนท่า ก็เป็นทักษะหลิงไม่เสินทงใช่ไหม?

ตอนที่เขาต่อสู้กับเฉวียนเทียน อีกฝ่ายอาศัยสิ่งนั้นเพื่อต้านทานการโจมตีของร่างรองทั้งสองของเขาได้เป็นเวลานาน ซึ่งเป็นการป้องกันที่น่าอัศจรรย์มาก

“แผนภาพเคลื่อนดาวทรงพลังมากกว่าวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยมทั่วไป ถ้าข้าไม่ได้ปะทะกับเจ้า ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครคนอื่นในระดับเดียวกันจะทำลายได้” ขณะที่พูดเฉวียนเทียนก็มองไปที่มู่เฉินด้วยแสงประหลาด เขาสงสัยว่าทำไมตนเองถึงโชคร้ายที่ต้องมาเจอกับสัตว์ประหลาดด้วย

วิชาสามพิสุทธ์เป็นหนึ่งในวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่า แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ยังปรารถนา ดังนั้นจินตนาการได้เลยว่ามู่เฉินโชคดีเพียงใดที่ได้รับมา

มู่เฉินยิ้ม “มีกฎใดบ้างที่ทำให้ทักษะหลิงไม่เสินทงเกิดขึ้น?”

“นี่เกี่ยวข้องกับทักษะการเพาะบ่มของเจ้าอย่างมาก” เฉวียนเทียนกล่าวต่อว่า “สำหรับชั้นของทักษะเชื่อมโยงกับความแข็งแกร่งของเส้นหลิงของเจ้า”

“โอ้?” มู่เฉินมองไปที่เฉวียนเทียน

“ข้าเชื่อว่าเจ้าน่าจะรู้ตั้งแต่ตอนเริ่มฝึกยุทธ์แล้วว่าเส้นหลิงแบ่งออกเป็นขั้นเหยิน-ตี้-เทียน นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าเหนือเส้นหลิงขั้นเทียนมีขั้นที่หายากที่เรียกว่าเส้นหลิงขั้นเสิน มีจอมยุทธ์หนึ่งในร้อยล้านเท่านั้นที่มีในครอบครอง”

“แต่ละขั้นแบ่งโดยจำนวน หนึ่งถึงสองคือขั้นเหยิน สามถึงสี่คือขั้นตี้ ห้าถึงหกคือขั้นเทียน… และจากเจ็ดถึงเก้าจะเป็นเส้นหลิงขั้นเสิน”

“ตอนนั้นเมื่อข้าปรับแต่งโดยเส้นหลิงก็มีดาวหกดวงอยู่ในนั้น นี่ก็คือเส้นหลิงขั้นเทียน”

เฉวียนเทียนถอนหายใจด้วยความอิจฉาในน้ำเสียง “ว่ากันว่าทักษะหลิงไม่เสินทงของเส้นหลิงขั้นเสินบางอย่างถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ยอดของยอด แม้จะเทียบได้กับวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยม มากจนพลังอำนาจอาจเทียบได้กับวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าเลยทีเดียว”

เมื่อมู่เฉินได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เขาครอบครองวิชาสามพิสุทธิ์และเจดีย์แปดองค์ ดังนั้นเขาจึงรู้ถึงพลังอำนาจของวิชาในตำนานและพึ่งพาวิชาเหล่านี้เขาจึงอยู่ยงคงกระพันในหมู่จอมยุทธ์ระดับเดียวกัน

ทว่าวิทยายุทธระดับเสินทงสามสิบหกกระบวนท่าในตำนานหายากยิ่ง ซ้ำมู่เฉินก็รู้ดีว่าหากไม่ใช่เพราะโชคชะตา การพยายามให้ได้มาก็คล้ายกับการขึ้นสวรรค์

ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินคำพูดของเฉวียนเทียน เขาก็รู้สึกตกใจที่ทักษะหลิงไม่เสินทงของเส้นหลิงขั้นเสินสามารถเทียบเคียงได้กับวิทยายุทธระดับเสินทงสามสิบหกกระบวนท่าในตำนาน

“เส้นหลิงขั้นเสิน?”

มู่เฉินพึมพำกับตัวเองพร้อมกับดวงตาวูบไหว ตอนที่เขาเริ่มฝึกวิทยายุทธเขาไม่แน่ใจในขั้นเส้นหลิงที่มี เนื่องสิ่งนี้ถูกซ่อนไว้มิดชิดจนเขาไม่สามารถรับรู้ได้ ทว่าจีเฉวียนมีเส้นหลิงขั้นเทียน แต่มู่เฉินก็ไม่รู้สึกว่านั่นมีพลังอะไรต่อหน้าเขา

“เวลานี้เส้นหลิงในร่างกายไม่สามารถซ่อนจากประสาทสัมผัสของข้าได้อีกต่อไป” มู่เฉินหายใจเข้าลึก ไม่ว่าเส้นหลิงจะซ่อนอยู่ลึกแค่ไหน เขาก็จะสัมผัสให้ชัดเจนในครั้งนี้

“ข้าต้องรบกวนผู้อาวุโสเฉวียนเทียนคุ้มกันสักหน่อย” มู่เฉินยิ้มให้เฉวียนเทียน

ตอนนี้เรื่องต่างๆ ในตำหนักมู่เริ่มเข้าที่เข้าทาง เขาก็ต้องการเวลาเพื่อฝึกฝนกายาหลิงเทียนจุนให้บรรลุความสมบูรณ์แบบ

เนื่องจากภารกิจต่อไปคือการมุ่งหน้าไปยังเผ่าฝูถู ในเวลานั้นการต่อสู้ครั้งใหญ่คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นเขาต้องทำให้พลังพร้อมรบมากสุดเท่าที่ทำได้

เฉวียนเทียนถอนหายใจเฮือกเมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน ประมุขคนนี้ไม่เกรงใจกันเลยจริงๆ สั่งใช้งานตั้งแต่เริ่ม

แต่เขาก็ผงกหัวรับทราบ จากนั้นก็นั่งลงห่างออกไปร้อยจั้งหายใจเข้าลึกๆ ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงคลื่นหลิงบริสุทธิ์ในวังสวรรค์บรรพกาล

“ที่นี่คือวังสวรรค์บรรพกาลสินะ สมกับเป็นสถานที่ที่จักรพรรดิฟ้าสร้างขึ้น” เฉวียนเทียนพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาสามารถบอกได้ว่าพื้นที่ฝึกยุทธ์แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ขั้วอำนาจสูงสุดทั่วไปในมหาพันภพสามารถครอบครองได้ มีเพียงขั้วอำนาจสูงสุดยอดเยี่ยมเท่านั้นที่มีรากฐานพอจะครอบครองมิติคล้ายกันแบบนี้

แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนแบบเขา การฝึกฝนที่นี่ก็เป็นประโยชน์ เมื่อมองอย่างนี้สามสิบปีในตำหนักมู่ก็ไม่ได้เสียเปรียบอะไรมาก

มู่เฉินยิ้มค่อยๆ หลับตาลง

เขาจดจ่ออยู่กับร่างกาย ทุกอณูของเลือดเนื้อ กระดูกและเส้นเลือดที่บรรจุพลังไร้ขอบเขตซึ่งเขารู้สึกได้ในขณะที่หายใจ

มู่เฉินเริ่มค้นหาภายในร่างกาย ทว่าก็ยังไม่สามารถพบเส้นหลิงได้

จิตใต้สำนึกของเขาจมลึกลงไปในร่างกาย เริ่มรู้สึกถึงทุกส่วน แต่ในช่วงแรกเขาก็ไม่ได้พบอะไรเลย ทว่าเขาก็ไม่ได้ผิดหวัง ยังคงส่งกระแสจิตต่อไป

กระบวนการนี้กินเวลานานสองชั่วโมง ก่อนที่เขาจะพุ่งพรวดออกจากกำแพงไปและถูกนำตัวไปยังมิติอื่น

ที่นี่เป็นมิติว่างเปล่าปกคลุมไปด้วยหมอกลึกลับที่ระงับการตรวจจับทั้งหมด

“หมอก?” เมื่อมู่เฉินสัมผัสได้ถึงหมอกหัวใจเขาก็สั่นสะท้าน เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่ามีคนสร้างหมอกขึ้นมาโดยเจตนา

มีใครบางคนทำอะไรกับร่างกายของเขา?

หัวใจของมู่เฉินเต้นรัวก่อนจะค่อยๆ สงบลง เพื่อให้สิ่งนี้สำเร็จอย่างสมบูรณ์จะต้องทำก่อนที่เขาจะเริ่มรับคลื่นหลิงเข้าไปในร่างกาย ดังนั้นบอกได้เลยว่ามารดาของเขาเป็นคนที่ซ่อนเอาไว้ตั้งแต่เขาเกิด

ชัดเจนว่าเหตุผลที่มารดาทำเช่นนี้ ก็เพื่อเป็นการปิดกั้นไม่ให้เผ่าฝูถูพบเขา

นี่เป็นความพยายามอันขมขื่นของมารดา

“ท่านแม่ขอบคุณ”

มู่เฉินพึมพำรู้สึกถึงความอบอุ่นในหัวใจ

“แต่ลูกไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไป ต่อให้หมอกนี้สลายไป ก็ไม่มีใครหน้าไหนทำอะไรข้าได้แล้ว”

เหมือนได้ยินเสียงพึมพำของมู่เฉิน หมอกลึกลับก็สั่นสะเทือนตอบรับก่อนที่จะสลายไป

เมื่อหมอกสลาย แสงก็แผ่กระจายก่อร่างเป็นพระจันทร์เสี้ยวภายใต้สายตาของมู่เฉิน

“พระจันทร์ม่วงหนึ่งดวง?” หัวใจของมู่เฉินเต้นระรัว ตามที่เฉวียนเทียนบอกแบ่งขั้นตามจำนวนหนึ่งถึงเก้า นี่ไม่ได้เป็นระยะต่ำสุดของเส้นหลิงขั้นเหยินเหรอ?

ขณะที่มู่เฉินกำลังหดหู่ พื้นที่รอบดวงจันทร์ก็ส่องแสง ดวงจันทร์ดวงอื่นก็ปรากฏขึ้นเรื่อยๆ

ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็มีดวงจันทร์สีม่วงแปดดวงที่เบื้องหน้าเขาเปล่งแสงลึกลับออกมา

เมื่อดวงจันทร์สีม่วงแปดดวงปรากฏขึ้น ร่างกายเขาก็เริ่มเปล่งประกาย ลวดลายดวงจันทร์พร่างพราวแปดดวงเผยขึ้นบนร่างกายเขา

พร้อมกันนั้นความยิ่งใหญ่ก็แผ่กระจายออกไปในทันที

เมื่อเฉวียนเทียนเห็นฉากนี้ ดวงตาก็หดลงและอดอุทานไม่ได้ “ดวงจันทร์แปดดวง?!

“เจ้าเด็กนี่มีเส้นหลิงขั้นเสินเหรอเนี่ย?!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท