หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1408

ตอนที่ 1408

มหาพันภพ เผ่าฝูถู

ในห้องโถงกว้างขวางมีศิลาสีแดงเข้มที่ปกคลุมไปด้วยอักขระโบราณกำจายความผันผวนลึกซึ้งออกมา มีแสงหลิงแผ่ออกมาจากมันเป็นครั้งคราวโดยมีความแรงกล้าที่ไม่เหมือนกัน

ศิลานี้รู้จักกันในชื่อศิลาเส้นหลิงและเป็นวัตถุสำคัญของเผ่าฝูถู มีข่าวลือว่าเผ่าฝูถูสามารถตรวจสอบเส้นหลิงของสมาชิกในเผ่าทุกคนได้ ในขณะเดียวกันเมื่อมีเด็กถือกำเนิด หรือเส้นหลิงปรากฏก็จะแสดงปฏิกิริยาและเปล่งรัศมีเป็นสัญญาณบอกกล่าว

ร่างเงานับร้อยนั่งอยู่รอบศิลาพร้อมพู่กันหยกและม้วนกระดาษยาวในมือ ขณะที่ทุกสายตาจดจ้องไปที่ศิลาเส้นหลิง จากความแรงกล้าของรัศมีบนศิลาพวกเขาสามารถแยกระดับของเส้นหลิงได้ในทันที

เผ่าฝูถูได้สืบทอดต่อมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล แม้จะมีการควบคุมสายเลือดอย่างเข้มงวด ทว่าเผ่าของพวกเขาก็มีขนาดใหญ่ สมาชิกเผ่าที่ถือกำเนิดทุกวันไม่รู้มีมากเพียงใดและศิลาก็จะทำหน้าตรวจจับเส้นหลิงที่ทารกเหล่านั้นครอบครอง

ชายสูงอายุคนหนึ่งยืนเอามือไพล่หลังอยู่หน้าศิลา เขาคือหัวหน้าหอเส้นหลิง

หัวหน้าหอมองไปที่ศิลาเส้นหลิงก็โบกมือถามว่า “วันนี้มีเส้นหลิงกี่เส้น?”

ผู้ดูแลรายงานด้วยความเคารพว่า “หัวหน้าหอวันนี้มีเส้นหลิงทั้งหมดหมื่นกว่าเส้นแบ่งเป็นขั้นเหยินแปดพันเส้น ขั้นตี้สองพันกว่าเส้น ขั้นเทียนสามสิบสองเส้น”

หัวหน้าหอพยักหน้าตอบว่า “ตรวจสอบเส้นหลิงขั้นเทียนทั้งสามสิบสองคนให้เรียบร้อยและให้พวกเขาเข้ามาฝึกฝนในตระกูลใหญ่ แล้วก็อย่าลืมมอบรางวัลให้กับตระกูลพวกเขาด้วย”

คนที่อยู่ข้างหลังบันทึกคำพูดทั้งหมด เส้นหลิงขั้นเทียนแทนค่าพรสวรรค์ในการฝึกฝนของคนคนหนึ่ง หากพวกเขาได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ในอนาคตก็จะกลายเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงของเผ่าฝูถู ดังนั้นจึงให้ความสำคัญกับพวกเขามาก

จากจุดนี้จุดเดียวก็สามารถมองเห็นรากฐานของเผ่าฝูถูได้ ต้องรู้ว่าหากเด็กเหล่านั้นถือกำเนิดที่อื่น พวกเขาจะถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะและจะได้รับการเลี้ยงดูที่ดีที่สุด

“ปีนี้ในเผ่าปรากฏเส้นหลิงขั้นเสินเพียงห้าเส้น นอกจากนี้ทั้งหมดยังอยู่ในระยะเจ็ดซึ่งต่ำที่สุด คุณภาพถือว่าต่ำกว่าปีก่อนๆ” หัวหน้าหอถอนหายใจ

แม้ว่าเส้นหลิงขั้นเทียนจะดี แต่ก็มีเพียงเส้นหลิงขั้นเสินเท่านั้นที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในเผ่าฝูถู แม้ว่าการมีเส้นหลิงขั้นเสินไม่ได้มีหลักประกันว่าจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน แต่อัตราความสำเร็จก็สูงกว่าคนทั่วไป

คนที่ยืนอยู่ด้านหลังพยักหน้าและถอนหายใจ “อันที่จริงนี่ก็นานแล้วที่ไม่ได้มีเส้นหลิงขั้นเสินปรากฏขึ้นใหม่ คึๆ ความปั่นป่วนจากเส้นหลิงขั้นเสินยิ่งใหญ่มาก ย้อนกลับไปตอนนั้นเมื่อเส้นหลิงขั้นเสินเจ็ดชีพจรปรากฏขึ้น ก็เกือบทำให้หอเส้นหลิงพังทลาย”

หัวหน้าหอยิ้ม “เรื่องเหล่านี้นับครั้งได้ในหนึ่งปีเลย ถือว่าโชคดีที่พวกเจ้าสามารถได้พบเจอ”

ทุกคนยิ้มพลางพยักหน้า ต่อให้เป็นเผ่าโบราณอย่างพวกเขาเส้นหลิงขั้นเสินก็หายากมาก ผู้ที่บันทึกไว้ได้ก็จะได้รับรางวัลสำหรับเรื่องนี้เช่นกัน

“เอาล่ะ พวกเจ้าเฝ้าเอาไว้อย่าพลาดอะไรซะล่ะ” หัวหน้าหอพยักหน้าแล้วโบกมือ ตั้งใจที่จะออกไป

ฮึ่ม!

แต่ทันใดนั้นศิลาก็สั่นสะท้าน ทุกคนฉายความตกตะลึงบนใบหน้า ก่อนที่เสาพลังงานหลิงที่อธิบายไม่ได้จะระเบิดออกมาจากศิลาเส้นหลิงราวกับภูเขาไฟ

พายุถูกสร้างขึ้นในโถง บางคนไม่ทันตั้งตัวถูกพัดไปทั่ว ทำให้ทั่วทั้งโถงวุ่นวายไปหมด

หัวหน้าหอหันขวับกลับมา เขาหมุนเวียนคลื่นหลิงเพื่อต้านทานผลกระทบพร้อมกับท่าทางตกตะลึงขณะมองไปที่เสา

“แสงทรงพลังอะไรเช่นนี้? นั่นคือเส้นหลิงอะไร?!” หัวหน้าหอตกใจ ครั้งสุดท้ายที่เผ่าฝูถูมีความปั่นป่วนใหญ่เช่นนี้ก็คือตอนที่ท่านหญิงชิงเหยี่ยนจิ้งถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรที่ทำเอาทั้งเผ่าโยกคลอนไปหมด แต่สิ่งที่ทำให้หัวหน้าหอหนังหัวชาหนึบยิ่งกว่าก็คือครั้งนี้เหมือนจะปั่นป่วนยิ่งกว่าตอนนั้นเสียอีก

“หรือว่าจะเป็น… เส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรในตำนาน?!”

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ได้ หัวหน้าหอก็รู้สึกว่าหนังหัวลุกซู่ไปหมด หัวใจเขาแทบจะกระโจนออกจากเบ้า เส้นหลิงเก้าชีพจรแทบจะอยู่ในตำนานเท่านั้น กระทั่งในประวัติศาสตร์เผ่าฝูถูยังมีจำนวนน้อยแสนน้อยเลย

ตู้ม!

ภายใต้สายตาตกตะลึงของทุกคนในห้องโถง แสงทวีความรุนแรงมากขึ้น ฉีกทะลุหลังคาโถงพุ่งไปที่ขอบฟ้า

ปรากฏการณ์สับสนอลหม่านดึงดูดสายตาตกตะลึงของสมาชิกนับไม่ถ้วนในเผ่าฝูถู

วาบ!

เมื่อแสงทะยานขึ้นสู่ชั้นฟ้า มิติที่ด้านข้างหัวหน้าหอก็บิดเบี้ยว ร่างสูงวัยปรากฏขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปบนศิลา

“คารวะผู้อาวุโสใหญ่!”

เมื่อหัวหน้าหอเห็นชายชรา เขาก็สะดุ้งโค้งคำนับทันที เนื่องจากจอมยุทธ์ที่เบื้องหน้าเขานี้มีอำนาจสูงสุดในเผ่าฝูถู เขาก็คือผู้อาวุโสใหญ่—ฝูถูเฉวียน

ในเผ่าฝูถูมีเพียงประมุขและผู้อาวุโสใหญ่เท่านั้นที่สามารถใช้คำว่าฝูถูเป็นแซ่ได้ มิหนำซ้ำตอนนี้ตำแหน่งประมุขก็ยังเว้นว่าง ดังนั้นจึงมีเพียงผู้อาวุโสใหญ่เท่านั้นที่ใช้แซ่ฝูถูเพียงผู้เดียว

ผู้อาวุโสใหญ่ฝูถูเฉวียนพยักหน้า สายตาจดจ้องไปที่ศิลาเส้นหลิงด้วยแววลุกโชน

วาบ วาบ!

คลื่นมิติยึกยักอย่างต่อเนื่องในโถง โดยมีร่างเงาพากันปรากฏขึ้น พวกเขาก็คือเหล่าผู้อาวุโสของเผ่าฝูถูซึ่งดำรงตำแหน่งในระดับสูง แต่ขณะนี้แต่ละคนมีสีหน้าตกตะลึงเมื่อมองไปที่เสาแสง

“ผู้อาวุโสใหญ่นี่คือ…?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งถามด้วยความตกใจ

ผู้อาวุโสใหญ่มองไปที่ศิลาเส้นหลิงโดยไม่กะพริบตาเป็นเวลานานก่อนที่จะพยักหน้า “เส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจร!”

โห่!

ผู้อาวุโสแต่ละคนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงโห่ร้อง นานแค่ไหนแล้วที่เส้นหลิงขั้นเส้นเก้าชีพจรปรากฏขึ้นในเผ่า?

ย้อนกลับไปตอนนั้นเมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งเผยเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจร ก็ไม่มีใครกล้าท้าทาย มิหนำซ้ำนางยังแสดงพรสวรรค์ที่โดดเด่นโดยบรรลุการเป็นหลิงเจิ้นต้าจงซือ

เส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรยังน่ากลัวมากขนาดนั้น แล้วเก้าชีพจรจะน่ากลัวขนาดไหน?

หากคนผู้นี้ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี เผ่าฝูถูก็จะมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งถือกำเนิด ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับทั้งเผ่า

“ไม่รู้ว่าเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรกำเนิดในตระกูลไหน”

สายตาของเหล่าผู้อาวุโสกะพริบ บางคนมาจากตระกูลเฉวียนและมั่วที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบัน พวกเขาตั้งใจที่จะเข้าตรวจสอบทันที หากเจ้าของเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรนี้เป็นของตระกูลสายย่อย พวกเขาก็จะรีบรับเด็กคนนั้นเข้าร่วมตระกูล ไม่งั้นก็ให้แต่งงานเชื่อมโยงกับผู้สืบสายเลือดตรงของพวกเขา ไม่ว่าอย่างไรเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรต้องมาอยู่ในมือ!

ความโกลาหลบนศิลาเส้นหลิงดำเนินไปหนึ่งก้านธูป ก่อนที่จะค่อยๆ สลาย แม้ว่าศิลาจะสงบลง แต่ทั้งโถงก็ยังคงตกอยู่ในความโกลาหล

สุดท้ายก็เป็นฝูถูเฉวียนที่ดึงสติกลับ เขามองไปรอบๆ ก่อนที่จะกล่าวเสียงขรึม “ตรวจสอบทุกตระกูลทันที ค้นหาเด็กที่มีเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรเพื่อพาเข้าสู่ตระกูลใหญ่ คนผู้นี้ถูกจัดให้เป็นสมบัติของเผ่าเรา ซึ่งจะได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีที่สุด!”

“ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากำลังคิดอะไร แต่ข้าขอบอกไว้ ณ ที่นี้ ถ้าใครกล้าขัดขวางเรื่องนี้ ข้าจะไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะมาจากตระกูลไหนก็ตาม!”

เสียงตะเบ็งระเบิดออกมาด้วยพลังที่น่ากลัว ภายใต้เสียงของเขา แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสยังรู้สึกถึงหัวใจสั่นไหว

หลังจากข่มขู่ ผู้อาวุโสใหญ่ก็พยักหน้า “ไป การชุมนุมสายเลือดของเผ่าฝูถูจะเริ่มขึ้นในอีกสองเดือน ขั้วอำนาจมากมายในมหาพันภพก็จะมาเข้าชม จัดการให้ดี อย่าให้ชื่อเสียงของเรามัวหมอง”

“รับทราบ!”

ขณะที่ผู้อาวุโสเผ่าฝูถูตกตะลึงกับการปรากฏตัวของเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจร…

ร่างเงาในมิติโบราณที่นั่งเงียบๆ โดยมีพื้นที่รอบตัวนางบิดเบี้ยว ก่อตัวเป็นค่ายกลที่น่าอัศจรรย์

ทันใดนั้นนางก็ลืมตาขึ้น ความสุขเอ่อล้นภายใน

นางกุมหัวใจเอาไว้ เมื่อครู่นางรู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือนจากในสายเลือด

นางรู้สึกได้ว่าเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรที่ทิ้งไว้ในร่างบุตรชายได้รับการขัดเกลาแล้ว

ความปีติและความภาคภูมิใจปรากฏบนดวงหน้า นางรู้สึกเป็นสุขยิ่งกว่าตอนที่บรรลุหลิงเจิ้นต้าจงซือเสียอีก

“มู่เฉินลูกแม่…ในที่สุดเจ้าก็ก้าวมาถึงจุดนี้แล้วใช่ไหม?”

นางยิ้มจากนั้นไม่นานก็รู้สึกปวดร้าวใจ นางรู้ดีว่าแม้จะมีพรสวรรค์ แต่บุตรชายก็ต้องผ่านความทุกข์ทรมานมานับไม่ถ้วนเพื่อมาถึงจุดนี้

นางกำหมัดแน่นเสียงแว่วออกมา “ในเมื่อลูกข้ามาถึงขนาดนี้ ก็ถึงเวลาที่ข้าต้องเตรียมการ…”

ชิงเหยี่ยนจิ้งฉายแววคาดหวัง เนื่องจากนางรู้สึกได้ว่าวันที่จะได้พบกับบุตรชายใกล้เข้ามาแล้ว

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท