มหาพันภพ เผ่าฝูถู
ในห้องโถงกว้างขวางมีศิลาสีแดงเข้มที่ปกคลุมไปด้วยอักขระโบราณกำจายความผันผวนลึกซึ้งออกมา มีแสงหลิงแผ่ออกมาจากมันเป็นครั้งคราวโดยมีความแรงกล้าที่ไม่เหมือนกัน
ศิลานี้รู้จักกันในชื่อศิลาเส้นหลิงและเป็นวัตถุสำคัญของเผ่าฝูถู มีข่าวลือว่าเผ่าฝูถูสามารถตรวจสอบเส้นหลิงของสมาชิกในเผ่าทุกคนได้ ในขณะเดียวกันเมื่อมีเด็กถือกำเนิด หรือเส้นหลิงปรากฏก็จะแสดงปฏิกิริยาและเปล่งรัศมีเป็นสัญญาณบอกกล่าว
ร่างเงานับร้อยนั่งอยู่รอบศิลาพร้อมพู่กันหยกและม้วนกระดาษยาวในมือ ขณะที่ทุกสายตาจดจ้องไปที่ศิลาเส้นหลิง จากความแรงกล้าของรัศมีบนศิลาพวกเขาสามารถแยกระดับของเส้นหลิงได้ในทันที
เผ่าฝูถูได้สืบทอดต่อมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล แม้จะมีการควบคุมสายเลือดอย่างเข้มงวด ทว่าเผ่าของพวกเขาก็มีขนาดใหญ่ สมาชิกเผ่าที่ถือกำเนิดทุกวันไม่รู้มีมากเพียงใดและศิลาก็จะทำหน้าตรวจจับเส้นหลิงที่ทารกเหล่านั้นครอบครอง
ชายสูงอายุคนหนึ่งยืนเอามือไพล่หลังอยู่หน้าศิลา เขาคือหัวหน้าหอเส้นหลิง
หัวหน้าหอมองไปที่ศิลาเส้นหลิงก็โบกมือถามว่า “วันนี้มีเส้นหลิงกี่เส้น?”
ผู้ดูแลรายงานด้วยความเคารพว่า “หัวหน้าหอวันนี้มีเส้นหลิงทั้งหมดหมื่นกว่าเส้นแบ่งเป็นขั้นเหยินแปดพันเส้น ขั้นตี้สองพันกว่าเส้น ขั้นเทียนสามสิบสองเส้น”
หัวหน้าหอพยักหน้าตอบว่า “ตรวจสอบเส้นหลิงขั้นเทียนทั้งสามสิบสองคนให้เรียบร้อยและให้พวกเขาเข้ามาฝึกฝนในตระกูลใหญ่ แล้วก็อย่าลืมมอบรางวัลให้กับตระกูลพวกเขาด้วย”
คนที่อยู่ข้างหลังบันทึกคำพูดทั้งหมด เส้นหลิงขั้นเทียนแทนค่าพรสวรรค์ในการฝึกฝนของคนคนหนึ่ง หากพวกเขาได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ในอนาคตก็จะกลายเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงของเผ่าฝูถู ดังนั้นจึงให้ความสำคัญกับพวกเขามาก
จากจุดนี้จุดเดียวก็สามารถมองเห็นรากฐานของเผ่าฝูถูได้ ต้องรู้ว่าหากเด็กเหล่านั้นถือกำเนิดที่อื่น พวกเขาจะถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะและจะได้รับการเลี้ยงดูที่ดีที่สุด
“ปีนี้ในเผ่าปรากฏเส้นหลิงขั้นเสินเพียงห้าเส้น นอกจากนี้ทั้งหมดยังอยู่ในระยะเจ็ดซึ่งต่ำที่สุด คุณภาพถือว่าต่ำกว่าปีก่อนๆ” หัวหน้าหอถอนหายใจ
แม้ว่าเส้นหลิงขั้นเทียนจะดี แต่ก็มีเพียงเส้นหลิงขั้นเสินเท่านั้นที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในเผ่าฝูถู แม้ว่าการมีเส้นหลิงขั้นเสินไม่ได้มีหลักประกันว่าจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน แต่อัตราความสำเร็จก็สูงกว่าคนทั่วไป
คนที่ยืนอยู่ด้านหลังพยักหน้าและถอนหายใจ “อันที่จริงนี่ก็นานแล้วที่ไม่ได้มีเส้นหลิงขั้นเสินปรากฏขึ้นใหม่ คึๆ ความปั่นป่วนจากเส้นหลิงขั้นเสินยิ่งใหญ่มาก ย้อนกลับไปตอนนั้นเมื่อเส้นหลิงขั้นเสินเจ็ดชีพจรปรากฏขึ้น ก็เกือบทำให้หอเส้นหลิงพังทลาย”
หัวหน้าหอยิ้ม “เรื่องเหล่านี้นับครั้งได้ในหนึ่งปีเลย ถือว่าโชคดีที่พวกเจ้าสามารถได้พบเจอ”
ทุกคนยิ้มพลางพยักหน้า ต่อให้เป็นเผ่าโบราณอย่างพวกเขาเส้นหลิงขั้นเสินก็หายากมาก ผู้ที่บันทึกไว้ได้ก็จะได้รับรางวัลสำหรับเรื่องนี้เช่นกัน
“เอาล่ะ พวกเจ้าเฝ้าเอาไว้อย่าพลาดอะไรซะล่ะ” หัวหน้าหอพยักหน้าแล้วโบกมือ ตั้งใจที่จะออกไป
ฮึ่ม!
แต่ทันใดนั้นศิลาก็สั่นสะท้าน ทุกคนฉายความตกตะลึงบนใบหน้า ก่อนที่เสาพลังงานหลิงที่อธิบายไม่ได้จะระเบิดออกมาจากศิลาเส้นหลิงราวกับภูเขาไฟ
พายุถูกสร้างขึ้นในโถง บางคนไม่ทันตั้งตัวถูกพัดไปทั่ว ทำให้ทั่วทั้งโถงวุ่นวายไปหมด
หัวหน้าหอหันขวับกลับมา เขาหมุนเวียนคลื่นหลิงเพื่อต้านทานผลกระทบพร้อมกับท่าทางตกตะลึงขณะมองไปที่เสา
“แสงทรงพลังอะไรเช่นนี้? นั่นคือเส้นหลิงอะไร?!” หัวหน้าหอตกใจ ครั้งสุดท้ายที่เผ่าฝูถูมีความปั่นป่วนใหญ่เช่นนี้ก็คือตอนที่ท่านหญิงชิงเหยี่ยนจิ้งถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรที่ทำเอาทั้งเผ่าโยกคลอนไปหมด แต่สิ่งที่ทำให้หัวหน้าหอหนังหัวชาหนึบยิ่งกว่าก็คือครั้งนี้เหมือนจะปั่นป่วนยิ่งกว่าตอนนั้นเสียอีก
“หรือว่าจะเป็น… เส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรในตำนาน?!”
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ได้ หัวหน้าหอก็รู้สึกว่าหนังหัวลุกซู่ไปหมด หัวใจเขาแทบจะกระโจนออกจากเบ้า เส้นหลิงเก้าชีพจรแทบจะอยู่ในตำนานเท่านั้น กระทั่งในประวัติศาสตร์เผ่าฝูถูยังมีจำนวนน้อยแสนน้อยเลย
ตู้ม!
ภายใต้สายตาตกตะลึงของทุกคนในห้องโถง แสงทวีความรุนแรงมากขึ้น ฉีกทะลุหลังคาโถงพุ่งไปที่ขอบฟ้า
ปรากฏการณ์สับสนอลหม่านดึงดูดสายตาตกตะลึงของสมาชิกนับไม่ถ้วนในเผ่าฝูถู
วาบ!
เมื่อแสงทะยานขึ้นสู่ชั้นฟ้า มิติที่ด้านข้างหัวหน้าหอก็บิดเบี้ยว ร่างสูงวัยปรากฏขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปบนศิลา
“คารวะผู้อาวุโสใหญ่!”
เมื่อหัวหน้าหอเห็นชายชรา เขาก็สะดุ้งโค้งคำนับทันที เนื่องจากจอมยุทธ์ที่เบื้องหน้าเขานี้มีอำนาจสูงสุดในเผ่าฝูถู เขาก็คือผู้อาวุโสใหญ่—ฝูถูเฉวียน
ในเผ่าฝูถูมีเพียงประมุขและผู้อาวุโสใหญ่เท่านั้นที่สามารถใช้คำว่าฝูถูเป็นแซ่ได้ มิหนำซ้ำตอนนี้ตำแหน่งประมุขก็ยังเว้นว่าง ดังนั้นจึงมีเพียงผู้อาวุโสใหญ่เท่านั้นที่ใช้แซ่ฝูถูเพียงผู้เดียว
ผู้อาวุโสใหญ่ฝูถูเฉวียนพยักหน้า สายตาจดจ้องไปที่ศิลาเส้นหลิงด้วยแววลุกโชน
วาบ วาบ!
คลื่นมิติยึกยักอย่างต่อเนื่องในโถง โดยมีร่างเงาพากันปรากฏขึ้น พวกเขาก็คือเหล่าผู้อาวุโสของเผ่าฝูถูซึ่งดำรงตำแหน่งในระดับสูง แต่ขณะนี้แต่ละคนมีสีหน้าตกตะลึงเมื่อมองไปที่เสาแสง
“ผู้อาวุโสใหญ่นี่คือ…?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งถามด้วยความตกใจ
ผู้อาวุโสใหญ่มองไปที่ศิลาเส้นหลิงโดยไม่กะพริบตาเป็นเวลานานก่อนที่จะพยักหน้า “เส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจร!”
โห่!
ผู้อาวุโสแต่ละคนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงโห่ร้อง นานแค่ไหนแล้วที่เส้นหลิงขั้นเส้นเก้าชีพจรปรากฏขึ้นในเผ่า?
ย้อนกลับไปตอนนั้นเมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งเผยเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจร ก็ไม่มีใครกล้าท้าทาย มิหนำซ้ำนางยังแสดงพรสวรรค์ที่โดดเด่นโดยบรรลุการเป็นหลิงเจิ้นต้าจงซือ
เส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรยังน่ากลัวมากขนาดนั้น แล้วเก้าชีพจรจะน่ากลัวขนาดไหน?
หากคนผู้นี้ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี เผ่าฝูถูก็จะมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งถือกำเนิด ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับทั้งเผ่า
“ไม่รู้ว่าเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรกำเนิดในตระกูลไหน”
สายตาของเหล่าผู้อาวุโสกะพริบ บางคนมาจากตระกูลเฉวียนและมั่วที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบัน พวกเขาตั้งใจที่จะเข้าตรวจสอบทันที หากเจ้าของเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรนี้เป็นของตระกูลสายย่อย พวกเขาก็จะรีบรับเด็กคนนั้นเข้าร่วมตระกูล ไม่งั้นก็ให้แต่งงานเชื่อมโยงกับผู้สืบสายเลือดตรงของพวกเขา ไม่ว่าอย่างไรเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรต้องมาอยู่ในมือ!
ความโกลาหลบนศิลาเส้นหลิงดำเนินไปหนึ่งก้านธูป ก่อนที่จะค่อยๆ สลาย แม้ว่าศิลาจะสงบลง แต่ทั้งโถงก็ยังคงตกอยู่ในความโกลาหล
สุดท้ายก็เป็นฝูถูเฉวียนที่ดึงสติกลับ เขามองไปรอบๆ ก่อนที่จะกล่าวเสียงขรึม “ตรวจสอบทุกตระกูลทันที ค้นหาเด็กที่มีเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรเพื่อพาเข้าสู่ตระกูลใหญ่ คนผู้นี้ถูกจัดให้เป็นสมบัติของเผ่าเรา ซึ่งจะได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีที่สุด!”
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากำลังคิดอะไร แต่ข้าขอบอกไว้ ณ ที่นี้ ถ้าใครกล้าขัดขวางเรื่องนี้ ข้าจะไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะมาจากตระกูลไหนก็ตาม!”
เสียงตะเบ็งระเบิดออกมาด้วยพลังที่น่ากลัว ภายใต้เสียงของเขา แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสยังรู้สึกถึงหัวใจสั่นไหว
หลังจากข่มขู่ ผู้อาวุโสใหญ่ก็พยักหน้า “ไป การชุมนุมสายเลือดของเผ่าฝูถูจะเริ่มขึ้นในอีกสองเดือน ขั้วอำนาจมากมายในมหาพันภพก็จะมาเข้าชม จัดการให้ดี อย่าให้ชื่อเสียงของเรามัวหมอง”
“รับทราบ!”
ขณะที่ผู้อาวุโสเผ่าฝูถูตกตะลึงกับการปรากฏตัวของเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจร…
ร่างเงาในมิติโบราณที่นั่งเงียบๆ โดยมีพื้นที่รอบตัวนางบิดเบี้ยว ก่อตัวเป็นค่ายกลที่น่าอัศจรรย์
ทันใดนั้นนางก็ลืมตาขึ้น ความสุขเอ่อล้นภายใน
นางกุมหัวใจเอาไว้ เมื่อครู่นางรู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือนจากในสายเลือด
นางรู้สึกได้ว่าเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรที่ทิ้งไว้ในร่างบุตรชายได้รับการขัดเกลาแล้ว
ความปีติและความภาคภูมิใจปรากฏบนดวงหน้า นางรู้สึกเป็นสุขยิ่งกว่าตอนที่บรรลุหลิงเจิ้นต้าจงซือเสียอีก
“มู่เฉินลูกแม่…ในที่สุดเจ้าก็ก้าวมาถึงจุดนี้แล้วใช่ไหม?”
นางยิ้มจากนั้นไม่นานก็รู้สึกปวดร้าวใจ นางรู้ดีว่าแม้จะมีพรสวรรค์ แต่บุตรชายก็ต้องผ่านความทุกข์ทรมานมานับไม่ถ้วนเพื่อมาถึงจุดนี้
นางกำหมัดแน่นเสียงแว่วออกมา “ในเมื่อลูกข้ามาถึงขนาดนี้ ก็ถึงเวลาที่ข้าต้องเตรียมการ…”
ชิงเหยี่ยนจิ้งฉายแววคาดหวัง เนื่องจากนางรู้สึกได้ว่าวันที่จะได้พบกับบุตรชายใกล้เข้ามาแล้ว