หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1411

ตอนที่ 1411

“มู่เฉินทักทายผู้อาวุโสขอรับ”

มู่เฉินไม่กล้าไร้มารยาทต่อชายชรา เขาประสานมือโค้งคำนับพร้อมกับท่าทางเคร่งขรึมลง บุคคลที่สามารถสั่งสอนใครสักคนที่ยิ่งใหญ่อย่างเทพจักรพรรดิอัคคี ชายชราคนนี้ต้องมีความพิเศษแน่

“ฮ่าๆ ข้าชื่อเย่าเฉิน พูดถึงเรื่องนี้ดูเหมือนว่าเราจะมีชะตาต่อกันนะ กระทั่งชื่อยังใช้คำว่า ‘เฉิน’ เหมือนกันอีกด้วย”

ชายชรายิ้มให้มู่เฉินอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะพูดต่อ “จอมยุทธ์หนุ่มน้อยขุมพลังเทียนจื้อจุน เจ้าถือได้ว่าเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดที่ข้าเคยเห็น ไม่น่าแปลกใจที่เซียวเหยียนประเมินเจ้าไว้สูง”

“ท่านเซียวเหยียนชมเกินไป” มู่เฉินยิ้มโดยไม่มีความโอหังหรือความเย่อหยิ่งสักนิด

แม้ว่าเย่าเฉินจะแก่ชรา แต่มู่เฉินก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันคลุมเครือที่แผ่ซ่านออกมา เห็นได้ชัดว่าชายชราคนนี้ต้องเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนของแท้

เมื่อเทียบกับระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงเช่นเขา เย่าเฉินอยู่ในระดับสูงขึ้นไปอีก

แต่มู่เฉินไม่แปลกใจกับเรื่องนี้เนื่องจากเป็นเรื่องธรรมดาที่อาจารย์ของเทพจักรพรรดิอัคคีจะมีความแข็งแกร่งเช่นนี้

ดังนั้นเทียบกับพลังของเย่าเฉินแล้ว มู่เฉินอยากรู้เกี่ยวกับของเซียวเซียวมากกว่า เขารู้สึกได้ว่าความผันผวนของนางไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขาเลย

“เจ้าก็บรรลุระดับเทียนจื้อจุนแล้วด้วยหรือ?” มู่เฉินมองเซียวเซียวด้วยความประหลาดใจ

ตอนที่พวกเขาพบกันครั้งแรก แม้ว่านางจะแข็งแกร่งกว่าเขา แต่ก็ยังอยู่ห่างจากระดับเทียนจื้อจุน ส่วนตัวมู่เฉินเองผ่านโชคลาภและประสบการณ์มากมายเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ดังนั้นเขาจึงประหลาดใจที่เซียวเซียวไล่ตามเขามาทันได้

“ทำไม? เจ้าเป็นอัจฉริยะคนเดียวในโลกเหรอ?” เซียวเซียวพ่นลมหายใจ

มู่เฉินยิ้มแหย ส่วนเย่าเฉินที่อยู่ด้านข้างก็หัวเราะเบาๆ “ในแง่ของเวลาการบ่มเพาะพลังเซียวเซียวไปไกลกว่าเจ้าสิบกว่าเท่า แต่นางจะเข้าสู่ห้วงนิทราเป็นระยะเนื่องจากสภาพร่างกาย ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นพลังก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ก่อนหน้านี้นางหลับไปประมาณหนึ่งปี เมื่อตื่นขึ้นมาก็ก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนน่ะ”

มู่เฉินตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น สายตามองเซียวเซียวแปลกไป ไม่คิดว่าจะมีเรื่องดีเช่นนี้ แค่นอนก็สามารถบรรลุระดับเทียนจื้อจุนได้ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยจริงๆ

ตรงกันข้ามกับเขาที่ต้องเสี่ยงชีวิต แค่คิดถึงก็รู้สึกเปรี้ยวฝาดในใจ

“มองอะไร?!” เซียวเซียวส่งเสียงแหววอย่างเขินอาย ใบหน้าแดงระเรื่อเมื่อนางเห็นสายตาที่มองแปลกไปของมู่เฉิน

มู่เฉินยิ้มแห้งๆ ก่อนที่จะถอนสายตาแนะนำหลิงซีและหลงเซี่ยงให้รู้จัก

ขณะที่บรรยากาศระหว่างทั้งสองฝ่ายกลมกลืน สายตาจำนวนมากก็พุ่งไปที่มู่เฉินอย่างอยากรู้อยากเห็น พวกเขาต่างสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของชายหนุ่ม เพราะในเมื่อได้รับความใส่ใจแบบนี้จากแคว้นหวู่จิ้งฮั่ว ชายหนุ่มผู้นี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาล่ะมั้ง?

วาบ!

ทว่าขณะที่ทุกคนกำลังเดาตัวตนของมู่เฉิน ทันใดนั้นความปั่นป่วนก็ดังขึ้นอีกครั้ง ร่างเงาสิบกว่าร่างพลิ้วลงมาที่จัตุรัส

เมื่อพวกเขาปรากฏขึ้นความกดดันมหาศาลแผ่กระจายออกไปทำให้ทั้งจัตุรัสเงียบเสียงลง

สายตาทุกคู่จ้องมองไปที่พวกเขา

นี่เป็นกลุ่มจอมยุทธ์ที่มีสิบกว่าคนโดยมีผู้นำเป็นชายที่มีรัศมียิ่งใหญ่ เขาสวมเสื้อคลุมยาวสีขาวดำพร้อมกับกลิ่นอายสูงส่ง โดยเฉพาะดวงตาข้างหนึ่งของเขาก็เป็นสีดำอีกข้างหนึ่งเป็นสีขาวดูมีมนตร์ขลังอย่างยิ่ง

เมื่อมองไปที่เสื้อผ้าที่เป็นเอกลักษณ์นั้น ก็มีเสียงอุทานดังออกมาจากโดยรอบ “นี่คือเผ่าหมัวเฮอ มิน่าล่ะรัศมีของพวกเขาถึงยิ่งใหญ่เพียงนี้”

เผ่าหมัวเฮอเป็นหนึ่งในห้าเผ่าเก่าแก่ของมหาพันโลกเช่นกัน

ชายคนนั้นไม่สนใจสายตาที่แสดงความเคารพรอบข้าง ท่าทางเขาประหนึ่งจักรพรรดิเสด็จ

ผู้ดูแลเผ่าฝูถูรีบเข้ามาต้อนรับอย่างรวดเร็ว เมื่อโบกมือเรือหรูหราก็ล่องลงมา

เรือหรูหราลำนั้นเป็นสิ่งที่มีเพียงแขกชั้นสูงที่สามารถใช้ได้

“เผ่าหมัวเฮอเรอะ?”

มู่เฉินมองไปที่คนกลุ่มนั้น สายตาก็วูบไหวเพราะเขาจำได้ว่าร่างมหาเทพนิรันดร์ที่สมบูรณ์แบบถูกเก็บไว้ในเผ่าโบราณเผ่านี้

ตอนนี้ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของเขามาถึงจุดสูงสุดแล้ว ดังนั้นอนาคตเขาจะต้องมุ่งหน้าไปยังเผ่าหมัวเฮอเพื่อสร้างร่างมหาเทพนิรันดร์ให้สมบูรณ์

“หืม?”

ขณะที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจเขา ประกายแสงสีม่วงทองก็พวยพุ่งรอบตัว ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ทำท่าจะปรากฏออกมา

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทำให้เขาตกใจก่อนที่จะระงับอย่างรวดเร็วแล้วมองไปที่ชายคนนั้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

เขารู้สึกได้ว่าความผิดปกติของร่างเทพสุริยะนิรันดร์เกิดจากคนผู้นั้น

ในเวลาเดียวกันอีกฝ่ายก็รู้สึกได้เช่นกัน เขาหยุดการเคลื่อนไหวลงก่อนที่จะมองไปทางมู่เฉิน

สองสายตาปะทะกัน กระแสเลือดและรัศมีในร่างกายของพวกเขาก็สั่นสะท้าน

มู่เฉินหรี่ตาลง สีหน้าเคร่งเครียดลงหลายส่วน เนื่องจากเขาสัมผัสได้ถึงไอหนาวเหน็บไม่เป็นมิตรที่มาจากชายคนนั้น

“เจ้านั่น…ฝึกฝนร่างเทพสุริยะนิรันดร์ด้วย!” มู่เฉินอึ้งไป ปฏิกิริยาที่แปลกประหลาดมาจากร่างเทห์สวรรค์ที่พวกเขาได้รับการฝึกฝน

“แต่ไม่แปลกที่สมาชิกเผ่าหมัวเฮอจะฝึกร่างเทพสุริยะนิรันดร์ ในเมื่อพวกเขาครอบครองร่างมหาเทพนิรันดร์อยู่” มู่เฉินพึมพำในใจ

มู่เฉินพึมพำในใจ ขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็มีปฏิกิริยาตอบสนองไม่ต่างกันพลางมองไปที่มู่เฉินด้วยความเยาะเย้ยดูถูก “น่าสนใจ…ไม่คิดว่าจะได้พบกับคนนอกที่ฝึกฝนร่างเทพสุริยะนิรันดร์ที่นี่”

ตั้งแต่โบราณมาแล้วที่เผ่าหมัวเฮอได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์จากเทพจักรพรรดินิรันดร์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาประกาศตัวว่าเป็นผู้สืบทอดชอบธรรมหนึ่งในสิบร่างมหาเทพปฐมกาล พยายามยับยั้งพวกฝึกฝนนอกรีตด้วยเพราะเกรงว่าจะมีคนที่เหมาะสมปรากฏขึ้นและนำร่างมหาเทพนิรันดร์ไปจากเผ่า

ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายสังเกตเห็นว่ามู่เฉินครอบครองร่างเทพสุริยะนิรันดร์ เขาก็ปลดปล่อยความเป็นศัตรูออกมาทันที

สายตาเขาวูบไหวด้วยไอเย็นชา เขาคิดจะสั่งให้คนไปตรวจสอบที่มาของมู่เฉิน แต่เมื่อเขาเห็นเซียวเซียวและเย่าเฉินที่อยู่ข้างๆ มู่เฉิน ดวงตาเขาหดลง

“แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว?”

แววตาชายคนนั้นจมลงด้วยความหวาดกลัววูบวาบในดวงตา ก่อนที่จะสะบัดแขนเสื้อจากไป

“เผ่าหมัวเฮอน่ารังเกียจเหมือนเดิม” เซียวเซียวส่งเสียงเย็นชาขึ้นจมูกขณะมองแผ่นหลังของชายคนนั้น

“เขาคือใครกัน?” มู่เฉินถาม ชายคนนั้นก็ฝึกฝนร่างเทพสุริยะนิรันดร์ จะต้องเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขาในอนาคตอันใกล้ เมื่อเขามุ่งหน้าไปยังเผ่าหมัวเฮอ

“เขาชื่อหมัวเฮอโยวเป็นน้องชายของประมุขเผ่าหมัวเฮอ—หมัวเฮอเทียน” เย่าเฉินตอบ

“หมัวเฮอเทียน?” มู่เฉินหดดวงตาเมื่อได้ยินชื่อนี้ นี่เป็นชื่อที่มีชื่อเสียงมากในมหาพันภพ

“หมัวเฮอเทียนเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานและพยายามกลืนกินแคว้นหวู่จิ้งฮั่วในอดีต แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับท่านพ่อข้า นับจากนั้นมาเผ่าหมัวเฮอก็ไม่กล้าเดินเฉียดแคว้นหวู่จิ้งฮั่วอีกเลย” เซียวเซียวตอบ

มู่เฉินพยักหน้า เขาเคยได้ยินเหตุการณ์นี้มาก่อน หลังจากครั้งนั้นแคว้นหวู่จิ้งฮั่วก็ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในสุดยอดขั้วอำนาจสูงสุดแห่งมหาพันภพ

“จักรพรรดิฟ้าเคยบอกว่าหากข้ามีภูมิหลังและความแข็งแกร่งเพียงพอ ก็ให้มุ่งหน้าไปยังเผ่าหมัวเฮอเพื่อรับร่างมหาเทพนิรันดร์ เมื่อพิจารณาถึงตอนนี้มีเหตุผลอยู่เบื้องหลังจริงๆ หากไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอแม้ว่าข้าจะมีวาสนากับร่างมหาเทพนิรันดร์ แต่ก็กลัวว่าจะไม่สามารถรับมาได้” มู่เฉินพึมพำในใจ ตอนแรกเขายังมีความคาดหวัง แต่เมื่อเห็นหมัวเฮอโยวในครั้งนี้ เขาก็รู้แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์อย่างสันติ

“งั้นเราเข้าสู่มิติฝูถูกันดีกว่า” เซียวเซียวเหลือบมองผู้คนในจัตุรัสที่เพิ่มมากขึ้น นางรู้สึกไม่ชอบใจกับสายตาที่จ้องมารอบตัวแล้ว

มู่เฉินพยักหน้าไม่มีข้อขัดข้องอะไร

แต่ในขณะที่พวกเขากำลังจะเดินไป ทันใดนั้นมู่เฉินก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งพลิ้วตัวลงมาจากท้องฟ้าก็ยิ้มกว้างออกมา “รอหน่อยนะ มาอีกคนแล้ว”

เมื่อสิ้นเสียงมู่เฉิน คนกลุ่มนี้ก็พลิ้วตัวลงมาข้างๆ พวกเขาเลยทีเดียว จากนั้นเรียวแขนก็ยื่นออกมาเกาะไหล่มู่เฉิน ในเวลาเดียวกันเสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสาวก็ดังขึ้น

“คิกๆ มู่เฉิน ไม่เจอกันตั้งนาน คิดถึงข้าไหม?”

เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะนั้น มู่เฉินก็ยิ้มบาง นี่จะเป็นใครอีกล่ะนอกจากหลินจิ้ง?

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท