หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1407

ตอนที่ 1407

“พระจันทร์ม่วงแปดดวง…”

มู่เฉินมองดวงจันทร์ทั้งแปดก็ยิ้มในใจ นี่หมายความว่าเส้นหลิงที่ซ่อนอยู่ในร่างกายเขาเป็นขั้นเสินจริงด้วย

ทว่าเขาก็ไม่แปลกใจกับเรื่องนี้มากนัก เนื่องจากความสามารถในการฝึกที่เขาแสดงออกมาได้พิสูจน์ทุกอย่างแล้ว

แน่นอนว่าการมีเส้นหลิงขั้นเสินไม่ได้หมายความว่าจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนได้ในที่สุด เส้นทางแห่งการฝึกยุทธ์ไม่ว่าพรสวรรค์จะดีแค่ไหนก็เป็นเพียงสิ่งสนับสนุน ปัจจัยที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นหัวใจที่แน่วแน่

หากปราศจากจิตใจที่มั่นคงไม่หวั่นเกรงต่อความทุกข์ทรมานแม้แต่เส้นหลิงขั้นเสินก็จะถูกฝังกลบไว้ตลอดกาล

ผลสำเร็จของมู่เฉินในหลายปีที่ผ่านมา มีครั้งไหนที่ไม่ได้ใช้ชีวิตเป็นการเดิมพัน? คนอื่นรู้แค่ว่าเขาขึ้นสู่จุดสูงสุดตั้งแต่อายุยังน้อย แต่จะมีกี่คนที่รู้เกี่ยวกับการฝ่าฟันที่เขาต้องอดทนเพื่อมาไกลขนาดนี้? ความล้มเหลวแม้แต่ครั้งเดียวก็จะทำให้เขาลาโลกไปนิรันดร์

“ในเมื่อเส้นหลิงขั้นเสินปรากฏแล้วก็ทำให้กายาหลิงเทียนจุนของข้าสมบูรณ์แบบ”

มู่เฉินพึมพำในใจและสงบใจลง อึดใจไฟก็ลุกขึ้นในความว่างเปล่า เปลวไฟโชติช่วงกวาดไปยังดวงจันทร์สีม่วงแปดดวง

เปลวไฟโชติช่วงนี้ไม่ได้ก่อตัวขึ้นจากคลื่นหลิงแต่เกิดจากจิตใจ เนื่องจากถ้าต้องการปรับแต่งเส้นหลิง ก็ต้องใช้เปลวไฟหัวใจเท่านั้น เปลวไฟคลื่นหลิงธรรมดาไม่อาจใช้ได้

ฟู่ ฟู่!

เปลวไฟพวยพุ่งออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดห่อหุ้มดวงจันทร์สีม่วงแปดดวงกลายเป็นความสุกสกราว

เวลานี้เปลวไฟหัวใจลุกโชน ดวงจันทร์สีม่วงทั้งแปดดวงก็เริ่มสลายไป ของเหลวสีม่วงหยดออกมาก่อนที่จะหายไป

แต่มู่เฉินก็รู้สึกได้ว่าของเหลวสีม่วงไม่ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ กลับหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขา…

เมื่อของเหลวสีม่วงหลอมรวมเข้าในร่างกายมากขึ้น เขาก็รู้สึกได้ว่าร่างกายเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง เหมือนกับว่าข้อบกพร่องค่อยๆ สมบูรณ์แบบ

“เป็นแบบนี้จริงด้วย…” มู่เฉินถอนหายใจ จากนั้นเปลวไฟก็ยิ่งลุกโชน ความเร็วของดวงจันทร์สีม่วงที่ลุกไหม้ก็เพิ่มขึ้น

เวลาไหลผ่านไป จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงดวงจันทร์สีม่วงแปดดวงก็เหลือขนาดเท่าฝ่ามือ…

ตอนนี้ลวดลายดวงจันทร์ทั้งแปดบนร่างกายมู่เฉินก็ชัดเจนขึ้น เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาเปลี่ยนไปเป็นกายาหลิงเทียนจุนแล้ว

ทว่ากายาหลิงเทียนจุนของมู่เฉินในอดีตเป็นรูปแบบผลึกบริสุทธิ์ แต่ในขณะนี้เนื่องจากดวงจันทร์สีม่วง ทำให้ระยิบระยับด้วยสีม่วง ดูลึกลับอย่างไม่น่าเชื่อ

“ดวงจันทร์ม่วงแปดดวง สมกับเป็นเส้นหลิงขั้นเสินจริงๆ… เพียงแต่ไม่รู้ว่าทักษะหลิงไม่เสินทงที่ก่อตัวจะเป็นยังไง?”

เฉวียนเทียนมองไปที่ลวดลายบนร่างกายของมู่เฉินด้วยความอิจฉา ทักษะหลิงไม่เสินทงจากเส้นหลิงขั้นเสินจะต้องพิเศษอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ในท่ามกลางวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยมก็ต้องอยู่ชั้นสูงแน่นอน

ภายใต้การจ้องมองของมู่เฉิน ในที่สุดดวงจันทร์สีม่วงทั้งแปดดวงก็ถูกเผาไหม้จนหมด ของเหลวหยดสุดท้ายตกลงมารวมเข้ากับร่างกาย

พริบตาความรู้สึกแปลกประหลาดก็ผุดขึ้นในใจของมู่เฉิน เขาเห็นความว่างเปล่าผันผวนและแสงสีม่วงปรากฏขึ้น

แสงสีม่วงขยายตัวอย่างรวดเร็ว ในไม่กี่ลมหายใจก็ก่อตัวเป็นเปลวไฟสีม่วงโชติช่วง

ดวงจันทร์สีม่วงแปดดวงหมุนเวียนอยู่ภายในเปลวไฟสีม่วงดูลึกลับมาก

“นี่คือทักษะหลิงไม่เสินทงของข้ารึ?” มู่เฉินจับจ้องเปลวไฟสีม่วงและพึมพำ

มู่เฉินสัมผัสเปลวไฟสีม่วง จากนั้นก็ต้องตกใจ เพราะพบว่าเปลวไฟเหล่านี้ดูเหมือนไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายและวัตถุอื่นๆ ทั้งหมด แต่ความสามารถในการทำลายคลื่นหลิงรุนแรงยิ่งนัก

ทันทีที่จับต้องคลื่นหลิง เปลวไฟสีม่วงจะแผดเผาคลื่นพลังงานอย่างรุนแรง

นั่นหมายความว่าเมื่อเขาต่อสู้ ตราบใดที่ถูกเปลวไฟสีม่วงสัมผัสและพยายามดับไฟด้วยคลื่นหลิงละก็ จะยิ่งทำให้ไฟลุกรุนแรงขึ้น

สิ่งนี้คล้ายกับพายุหลอมวิญญาณที่เขาเคยพบในเหวเทพร่วง เพียงแค่เปลวไฟสีม่วงนี้ดุร้ายพายุนั่นหลายส่วน

วิชาการต่อสู้ส่วนใหญ่ในมหาพันภพขึ้นอยู่กับคลื่นหลิง นั่นหมายความว่าการเผชิญหน้ากับเปลวไฟสีม่วงของเขา จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็จะหมดหนทาง

“ในแง่ของพลังเปลวไฟสีม่วงนี้ไม่อ่อนไปกว่าวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยมเลย” มู่เฉินถอนหายใจ แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่สามารถเทียบได้กับวิทยายุทธระดับเสินทงสามสิบหกกระบวนท่าในตำนาน

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มู่เฉินก็แอบขำตัวเอง วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วมหาพันภพ เขาคงไร้เดียงสาไปหน่อยหากคิดว่าสามารถหาสิ่งที่เทียบเคียงได้อย่างง่ายดาย

มู่เฉินสงบใจมุ่งความสนใจไปที่เปลวไฟสีม่วงก่อนที่จะเตรียมเก็บมันเข้าไป “ในเมื่อเส้นหลิงได้รับการขัดเกลาเรียบร้อยก็กลับกันเถอะ”

แต่ไม่รู้เพราะอะไร เขาก็ยังรู้สึกถึงความแปลกประหลาดในใจ

ราวกับว่ายังมีข้อบกพร่องอยู่ในร่างกาย

ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นอย่างแปลกประหลาด แต่เขาก็ไม่ได้มองข้าม ด้วยความแข็งแกร่งที่มี ต่อให้เป็นความรู้สึกฉับพลันก็ต้องมีเหตุผลแน่

“ข้าปรับแต่งเส้นหลิงแล้วและยังได้รับทักษะหลิงไม่เสินทง แต่ทำไมถึงยังรู้สึกเหมือนไม่สมบูรณ์ล่ะ?” มู่เฉินตกอยู่ในความเงียบ

เขาตกอยู่ในความเงียบเป็นเวลานานก่อนที่หัวใจจะกระเพื่อม

เปลวไฟสีม่วงลุกโชนบิดตัวในหัวใจของมู่เฉินและขยายตัวเป็นทะเลเพลิงกวาดออกไปในความว่างเปล่า

ในขณะที่เปลวไฟสีม่วงแพร่กระจาย ฉากแปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้น…

เปลวไฟสีม่วงลุกไหม้ ความว่างเปล่าก็กลายเป็นคล้ายกับกระจก รอยแตกกระจายออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะแตกเป็นเสี่ยงๆ ภายใต้ความตกตะลึงของมู่เฉิน

“นี่…”

มู่เฉินตกใจกับฉากเบื้องหน้า เขาไม่เคยคาดหวังกับสถานการณ์เช่นนี้

ทันใดนั้นรัศมีแสงก็ระเบิดออกจากรอยแตก ช่างดูยิ่งใหญ่มากราวกับถูกขังเวลานาน ก่อนที่ความตระการตาจะปรากฏขึ้น

สายตาของมู่เฉินมองตามรัศมีไปก็ต้องหายใจเข้าลึก พร้อมกับความว่างเปล่าที่แตกสลายดวงอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์ก็ลอยขึ้นสู่ขอบฟ้า

ดวงอาทิตย์ดวงที่หนึ่งปรากฏ ดวงที่สอง ดวงที่สาม…จนครบเก้าดวง

ดวงอาทิตย์ทั้งเก้าหมุนคว้างอยู่ในส่วนลึกของร่างกายมู่เฉิน คล้ายกับจักรพรรดิที่ไม่แสดงตัวและเมื่อเปิดเผยก็จะทำให้เกิดพลังที่ทำให้โลกแตกสลายได้

มู่เฉินอึ้งตะลึงงันขณะจ้องมองดวงอาทิตย์ทั้งเก้า ในตอนนี้เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง “ดวงอาทิตย์เก้าดวง? ทำไมถึงมีเส้นหลิงขั้นเสินอีก!”

นอกจากนี้ยังทรงพลังกว่าเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรเสียอีก!

นี่คือเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรที่อยู่ในระยะสูงสุด!

ที่สำคัญที่สุดเขาไม่ได้ปรับแต่งเส้นหลิงไปแล้วหรือ? เหตุใดจึงมีเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรซ่อนอยู่หลังแปดชีพจร?!

คลื่นสั่นสะเทือนในหัวใจของมู่เฉิน ความตกใจเกิดขึ้นเป็นเวลานานก่อนที่จะสงบลง เขารู้สึกได้ว่าเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรเข้ากับร่างกายของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ราวกับว่าเป็นของเขามาตั้งแต่เกิด

ในใจมู่เฉินปั่นป่วน ตอนนี้เขาก็พบว่าเมื่อเทียบกับความเข้ากันได้ของเส้นหลิงเก้าชีพจรนี้ แม้แปดชีพจรจะเข้ากันได้เช่นกัน แต่ก็เหมือนขาดอะไรบางอย่างไป

ราวกับว่ามีอันหนึ่งได้มาแต่กำเนิด ส่วนอีกอันได้มาภายหลัง

หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ถอนหายใจยาวๆ พูดด้วยความรู้สึกซับซ้อน “ท่านแม่นี่ก็เป็นสิ่งที่ท่านทำเอาไว้เหรอ?”

เขาคิดออกหลังจากไตร่ตรองชั่วครู่ ถ้าเขาเดาถูกต้องเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรน่าจะมาจากมารดาของเขา

ประโยชน์ของแปดชีพจรก็คือการปกปิดเก้าชีพจรในร่างกายเขา

บางทีเมื่อเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรกำเนิด เผ่าฝูถูอาจจะสามารถสัมผัสได้จากสายเลือดของเขา ดังนั้นมารดาจึงดึงเส้นหลิงของนางมาเพื่อปกป้องเขาและปกปิดเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจรของเขาไว้

โดยทั่วไปแล้วเส้นหลิงไม่สามารถโยกย้ายได้ แต่เขาและมารดาเป็นหนึ่งเดียวกันก่อนที่เขาจะเกิด ดังนั้นชิงเหยี่ยนจิ้งน่าจะฝังเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรของนางเข้าสู่ร่างกายของเขาตั้งแต่ตอนนั้น

ความคิดนี้ทำให้เกิดคลื่นในใจของมู่เฉิน เขารู้สึกปวดใจและอบอุ่นยิ่งนัก การแยกเส้นหลิงคล้ายกับการแล่เนื้อเถือหนังออกจากร่างกาย ยากที่จะจินตนาการว่ามารดาต้องทนกับความเจ็บปวดมากเพียงใดเพื่อให้การปกป้องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแก่เขา

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ กระทั่งคนแบบมู่เฉินก็ยังดวงตาคลอไปด้วยน้ำตา

ฮา

เขาหายใจเข้าลึกระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านพลางพึมพำ “ท่านแม่ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ทำให้ข้า… แต่ข้าไม่ได้เป็นทารกอีกต่อไป ข้าสามารถต้านพายุได้แล้ว”

“ถ้าเผ่าฝูถูต้องการมาหาก็ให้พวกเขามา!”

มู่เฉินมองไปที่ดวงอาทิตย์เก้าดวง จิตใจเคลื่อนไหว ขณะเดียวกันเสียงของเขาก็สะท้อนก้อง

“เจ้านิทรามาหลายปี…ตอนนี้ถึงเวลาที่จะเปล่งประกาย”

“เส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจร…จงตื่น!”

ฮึ่ม ฮึ่ม!

เมื่อรู้สึกถึงการเรียกของมู่เฉิน ดวงอาทิตย์ทั้งเก้าดวงก็เปล่งแสงออกมา พริบตารัศมีงดงามก็ระเบิดออก

บนยอดเขา

เฉวียนเทียนที่กำลังมองมู่เฉินด้วยความอิจฉา จู่ๆ ก็สังเกตเห็นแสงพราวจากร่างกายของอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็ตะลึงงัน ดวงจันทร์สีม่วงแปดดวงบนร่างมู่เฉินหดตัวลง ลวดลายดวงอาทิตย์เก้าดวงปรากฏขึ้นแทนที่พร้อมกับพลังยิ่งใหญ่!

ฟ้าดินสั่นสะเทือนพร้อมกับสายฟ้าฟาดไม่มีที่สิ้นสุดกวนเป็นพายุพัดกระหน่ำ ราวกับกำลังตกตะลึงกับการปรากฏของเส้นหลิงขั้นเสินเก้าชีพจร

เฉวียนเทียนอ้าปากตาค้าง ขณะมองไปที่ดวงอาทิตย์เก้าดวงบนร่างกายของมู่เฉิน ก่อนที่เสียงแหลมบาดลึกจะดังไปทั่วชั้นฟ้า

“สวรรค์โปรด! เสินหลิงขั้นเสินเก้าชีพจร?!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท