หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1414

ตอนที่ 1414

“ในเผ่าฝูถูมีสภาผู้อาวุโส ทุกคำสั่งต้องผ่านที่นี่ ซึ่งนี่คืออำนาจควบคุมของเผ่า”

“ตอนนี้มีสิบเก้าตำแหน่งในสภาผู้อาวุโสโดยตระกูลเฉวียนมีเจ็ดคน ตระกูลมั่วหกคน ส่วนตระกูลชิง…มีเพียงสามคนบวกกับสามตำแหน่งสุดท้ายที่เป็นของตระกูลย่อย” เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของมู่เฉิน ชิงเซวียนก็ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นขณะที่ทอดถอนใจ

“สามเองเรอะ…” มู่เฉินขมวดคิ้ว จำนวนเท่านี้น้อยมากเมื่อเทียบกับทั้งหมด

“ในจุดสูงสุดเรามีหกคน แต่เนื่องจากเราอ่อนแอลงเรื่อยๆ จึงไม่สามารถยึดครองตำแหน่งเอาไว้ได้ ดังนั้นจึงเสียตำแหน่งทุกครั้งในงานชุมนุมสายเลือด”

“ตามกฎทุกตระกูลที่มีตำแหน่งอยู่แล้วจะมีคนรับการประลอง ซึ่งจำนวนคนที่รับจะเท่ากับตำแหน่งที่มี เมื่อสู้กันครบ หากตระกูลนั้นแพ้มากกว่าชนะ ก็ต้องสละตำแหน่งไปหนึ่ง” ชิงเซวียนอธิบาย

“เป็นอย่างนี้เอง…”

มู่เฉินพยักหน้า มิน่าเผ่าฝูถูถึงให้ความสำคัญอย่างมากกับงานชุมนุมสายเลือด การแข่งขันนี้ก็เพื่อแย่งชิงอำนาจในเผ่านั่นเอง

ตระกูลที่มีจำนวนผู้อาวุโสในสภามากกว่าก็จะมีอำนาจในเผ่ามากขึ้น

สำหรับการประลอง มู่เฉินเข้าใจว่าตระกูลชิงสามารถส่งคนออกไปได้สามคนเท่านั้นโดยตัดสินจากจำนวนตำแหน่งทั้งสาม หากพวกเขาพ่ายแพ้สองครั้งละก็ ต้องสละตำแหน่งไป

ในทางตรงกันข้ามถ้าสามารถเก็บชัยชนะได้สองครั้ง พวกเขาก็ยังรักษาตำแหน่งไว้ได้

“ตระกูลมั่วกับเฉวียนรวมหัวกันกดดันตระกูลชิง พวกเขาเล็งเป้ามาที่พวกเราในการประลองงานชุมนุมประจำตระกูลทุกครั้ง สามครั้งก่อนหน้านี้พวกเขาก็ยึดที่ตำแหน่งของเราไปสามที่” ขณะที่พูดสายตาของชิงเซวียนก็วาบแสงด้วยความโกรธและช่วยไม่ได้ เป็นเรื่องน่าเสียใจที่พวกนางไม่สามารถปกป้องตำแหน่งได้

“ถ้าตำแหน่งถูกเอาไปอีกหนึ่งตำแหน่ง ตระกูลชิงก็จะถูกปลดออกจากตระกูลหลัก ทำให้ทรัพยากรของเราลดลง ดังนั้นเราจะอ่อนแอลงเมื่อเวลาผ่านไปก็จะไม่สามารถสู้กับตระกูลเฉวียนและมั่วได้อีกต่อไป”

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ใบหน้าของชิงเซวียนก็ซีดเซียวลง ถ้าถึงขั้นนั้นใครจะรู้ว่าตระกูลชิงจะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าจะกลับมา นอกจากนี้สภาอาวุโสก็จะตกอยู่ในมือของตระกูลเฉวียนและมั่วอย่างสมบูรณ์แบบ

มู่เฉินหรี่ตาลง เขาไม่สนใจเผ่าฝูถูสักเท่าไร ทว่าตัวเขาไม่พอใจตระกูลเฉวียนและมั่ว นอกจากนี้เฮยกวางยังส่งเฉวียนเทียนไปยังตำหนักมู่เพื่อสร้างความอับอาย ดังนั้นแค้นนี้ต้องชำระ

ด้วยทัศนคติที่ตระกูลเฉวียนและมั่วมีต่อเขา ถ้าพวกเขาได้รับอำนาจ มู่เฉินก็ต้องเผชิญกับปัญหามากขึ้น แม้ว่าเขาจะไม่กลัวคนเหล่านั้นก็ตาม

ดังนั้นนี่ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับเขา หากสภาอาวุโสตกอยู่ในมือของตระกูลเฉวียนและมั่ว

“เราจะหยุดสิ่งนี้ได้อย่างไร?” มู่เฉินถาม

“ก็ต้องรักษาชัยชนะสองรอบในการประลองเพื่อรักษาตำแหน่งไว้” ชิงเซวียนถอนหายใจก่อนที่จะพูดต่อ “แต่ทั้งสองตระกูลมีรากฐานลึกมาก มิหนำซ้ำยังมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนมากกว่าตระกูลชิงซะอีก พวกเขาเตรียมพร้อมและไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะหยุดพวกเขา”

เมื่อได้ยินคำพูดของชิงเซวียน มู่เฉินก็รู้ว่าตระกูลชิงตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายแค่ไหน เขาถามต่อว่า “แล้วทำไมพวกท่านถึงเอาแต่ปกป้องไม่โจมตีล่ะ?”

ในเมื่อมีการรับประลอง ก็ต้องมีการท้าประลอง

ชิงเซวียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เราป้องกันไม่ได้แล้วจะโจมตียังไง?”

มู่เฉินไม่ใส่ใจกับคำพูดของนางและพูดต่อ “แล้วจะมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งลงประลองไหม?”

“เป็นไปได้อย่างไร… ตระกูลใดที่มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งจะเข้าสู่สภาผู้อาวุโสได้เลย ซึ่งเทียบเท่ากับห้าตำแหน่ง” ชิงเซวียนรีบตอบ

เมื่อได้ยินเช่นนั้นมู่เฉินก็ขมวดคิ้ว “ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมพวกเขาถึงขังแม่ข้าล่ะ?”

หลิงเจิ้นต้าจงซือขั้นเซิ่งคล้ายคลึงกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง เขาเชื่อว่าแม้กระทั่งเผ่าฝูถูที่มีรากฐานลึกซึ้ง ก็ไม่น่ากล้าที่จะปล่อยปละบุคคลเช่นนี้

ชิงเซวียนกัดฟัน “ทั้งหมดเป็นเพราะตระกูลเฉวียนและมั่ว ย้อนกลับไปตอนที่แม่เจ้าถูกคุมขัง นางยังไปไม่ถึงระดับนั้น แต่ทั้งสองตระกูลกลัวว่านางที่กลับไปตระกูลชิงจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับตระกูลและได้รับคะแนนเสียงมากขึ้นในสภาผู้อาวุโส นอกจากนี้ผู้อาวุโสใหญ่ยังดื้อรั้น เขาปฏิเสธตำแหน่งของแม่เจ้าในนามสภาและยังกักขังแม่เจ้าต่อไป”

เมื่อมู่เฉินได้ยินเช่นนั้นสายตาเย็นชาก็กะพริบด้วยเจตนาฆ่า ตระกูลสารเลวนั่นมากไปแล้ว!

ชิงเซวียนเผยความรู้สึกผิดบนใบหน้าขณะที่กล่าวว่า “นอกจากนี้ยังเป็นเพราะการลดลงของตระกูลชิง ดังนั้นแม้ว่าเราจะตอบโต้ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย”

แม้ว่าในตระกูลชิงจะยังคงมีบางคนไม่พอใจที่ชิงเหยี่ยนจิ้งละทิ้งพวกเขา แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าการกลับมาของชิงเหยี่ยนจิ้งเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะทำให้ตระกูลชิงผงาดขึ้นมาได้ ดังนั้นแต่ละคนก็พยายามเต็มที่เพื่อช่วยเหลือชิงเหยี่ยนจิ้ง

ทว่าตระกูลชิงไม่เหมือนในอดีตอีกต่อไป แม้ว่าพวกเขาจะพยายามทำทุกอย่าง ก็ไม่สามารถเผชิญหน้ากับตระกูลเฉวียนและมั่ว

มู่เฉินพยักหน้าหลังจากเงียบไปครู่หนึ่งก็พูดว่า “ข้าช่วยพวกท่านรักษาตำแหน่งได้”

เมื่อชิงเซวียนได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจก่อนที่จะมองมู่เฉินนิ่ง “เจ้ามีวิธีอะไร?”

มู่เฉินไม่ได้ตอบคำถามโดยตรงแต่กล่าวว่า “ข้ามีวิธีของตัวเอง ถ้าพวกท่านเชื่อในตัวข้าก็ปล่อยให้ข้าจัดการเรื่องนี้”

หลังจากลังเลชั่วครู่ชิงเซวียนก็กัดฟัน “ข้าจะกลับไปคุยกับคนอื่นเอง”

ตอนนี้พวกนางต้องคว้าโอกาสที่มาถึงมือไว้ให้หมด ในเมื่อมู่เฉินสามารถบรรลุระดับเทียนจื้อจุนได้ตั้งแต่อายุเท่านี้ เขาต้องมีความพิเศษแน่นอน

มู่เฉินพยักหน้าและพูดเบาๆ “แต่ในเมื่อข้าช่วยแล้ว พวกท่านก็ต้องช่วยข้าด้วยเรื่องหนึ่ง”

“เจ้าต้องการอะไร?”

มู่เฉินกำมือแถบหยกก็ปรากฏขึ้น เขาพลิกนิ้วเลือดกลั่นก็พุ่งไปบนแถบหยกสร้างอักขระโลหิตขึ้น

จากนั้นเขาก็ส่งแถบหยกให้ชิงเซวียน “ในเมื่อพวกท่านเป็นผู้อาวุโสของเผ่า ก็น่าจะสามารถเข้าไปในใจกลางของค่ายกลพิทักษ์เผ่าฝูถูได้ ข้าต้องการให้พวกท่านใส่แถบหยกนี้ก่อนที่งานชุมนุมสายเลือดจะเริ่มขึ้น”

ใบหน้าของชิงเซวียนเปลี่ยนไป นั่นคือค่ายกลพิทักษ์ที่ปกปักเผ่าฝูถู ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง พวกเขาจะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร?

“ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยท่านแม่และไม่ได้มีความตั้งใจที่จะสร้างความบาดหมาง ไม่ต้องกังวลข้าแค่อยากมีทุนเพื่อต่อรองกับทางเผ่าสักหน่อยน่ะ” มู่เฉินพูดเมื่อเห็นปฏิกิริยาของชิงเซวียน

ชิงเซวียนเผยสีหน้าดิ้นรนเมื่อได้ยิน

“ถึงท่านจะไม่เชื่อข้า แต่ก็ต้องเชื่อท่านแม่ข้าใช่ไหม? นางคงไม่นั่งดูเผ่าฝูถูถูกข้าทำลายหรอก”

พอได้ยินคำพูดเหล่านั้นสีหน้าของชิงเซวียนก็ดีขึ้น แม้ว่านางจะไม่เข้าใจนิสัยของมู่เฉิน แต่นางเข้าใจน้องสาวของตัวเองดี

แม้ว่าเผ่าจะกักขังนางทำให้เกิดความรู้สึกไม่พอใจ แต่นางก็ไม่มีทางคิดจะล้างแค้นแน่นอน เพราะที่นี่เป็นที่กำเนิดและเลี้ยงดูนาง ขณะเดียวกันยังมีญาติสายเลือดเดียวกันอีกมากมาย

นอกจากนี้แม้ค่ายกลพิทักษ์จะสำคัญ แต่ก็ไม่มีทางใช้พลิกทั้งเผ่าได้แน่นอน ด้วยความฉลาดของมู่เฉิน เขาก็คงรู้จุดนี้ดี

“ได้ ข้าตกลง”

ด้วยการตัดสินใจนี้ ชิงเซวียนก็ไม่ลังเลอีกต่อไป นางพยักหน้าก่อนที่จะรับแถบหยกเปื้อนเลือดมู่เฉินไป

มู่เฉินรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นเนื่องจากสิ่งนี้สำคัญมาก แม้ว่าเขาจะเชิญแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวูมา แต่เขาก็กลัวว่าพวกแพะแก่เผ่าฝูถูจะไม่มีเหตุผล เนื่องจากมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งอยู่ด้วย ดังนั้นเขาต้องการหลักประกันสักเล็กน้อยเพื่อเผชิญหน้ากับพวกเขา

“ถ้างั้นข้าต้องขอบคุณผู้อาวุโสชิงเซวียน”

มู่เฉินยิ้มอย่างสุภาพ ชิงเซวียนถอนหายใจในใจ ในแง่ของความอาวุโสมู่เฉินควรเรียกนางว่าท่านป้า ทว่ามู่เฉินมีม่านกั้นในใจอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงรักษาระยะห่างไว้

แต่เมื่อคิดถึงการที่มู่เฉินต้องแยกจากมารดาและพึ่งพาตัวเองมาไกลขนาดนี้ นางก็เข้าใจความขุ่นเคืองในใจนั้นได้

ตอนนี้นางหวังเพียงว่ามู่เฉินจะสามารถช่วยมารดาได้ เพื่อให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะค่อยๆ คลี่คลายลงในอนาคต

เนื่องจากทั้งคู่พูดสิ่งที่ต้องการหมดแล้ว ชิงเซวียนก็โบกมือลามู่เฉินก่อนจะเดินออกไป

มู่เฉินมองไปที่ร่างเงาของชิงเซวียนก็ถอนหายใจ นี่ช่วยลดปัญหาได้มากจริงๆ ด้วยความช่วยเหลือของชิงเซวียน

เวลานี้ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว เขาก็แค่รอให้การประลองงานชุมนุมสายเลือดเริ่มขึ้น

มู่เฉินยืนเอามือไพล่หลังมองไปบนท้องฟ้า

“เผ่าฝูถูครั้งนี้สู้กันแบบดีๆ เถอะ…”

เขารอมานานแล้วสำหรับวันนี้

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท