หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1426 ดวลด้วยเส้นหลิงขั้นเสิน

บทที่ 1426 ดวลด้วยเส้นหลิงขั้นเสิน

ซ่าๆๆ!

เมื่อเสียงของเฉวียนจุนดังก้อง เสียงน้ำกระเซ็นก็สะท้อนออกมา จากนั้นผู้คนก็ต้องตกใจเมื่อเห็นแม่น้ำสีดำขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากร่างเฉวียนจุนปกคลุมขอบฟ้าครึ่งหนึ่งทันที

แม้ว่าน้ำเหล่านั้นจะดูเบาบาง แต่กลับให้ความรู้สึกหนาแน่นราวกับภูเขาพร้อมกับรัศมีเย็นยะเยือกที่ทำให้ความชื้นในชั้นบรรยากาศกลายเป็นน้ำแข็ง กลั่นตัวเป็นเกล็ดหิมะลงมา

เฉวียนจุนยืนอยู่บนร่างเทพโลกันตร์ยิ่งใหญ่ มองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชาพร้อมกับมวลน้ำสีดำม้วนตัวอยู่โดยรอบ ดูราวกับมังกรตัวมหึมาที่เอิบอาบไปด้วยแรงกดดันที่น่ากลัว

เส้นหลิงขั้นเสินของเฉวียนจุนดึงพลังทั้งหมดออกมา เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็ยังเกรงกลัว

ยามนี้ทุกคนบอกได้เลยว่าเฉวียนจุนคลั่งแล้ว

“แพะแก่ตัวนี้มีเส้นหลิงขั้นเสินเหมือนกันเรอะ?” สายตาของมู่เฉินเคร่งเครียดลงหลายส่วนขณะมองไปที่แม่น้ำ เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกได้ถึงพลังที่อยู่ภายใน

“ไป!”

ขณะที่มู่เฉินกำลังจดจ่อ เฉวียนจุนก็ไม่พูดพล่ามทำเพียงชี้นิ้วลงไป

ซ่าๆๆ!

แม่น้ำสายใหญ่ม้วนตัวขึ้นแล้วบีบกดลงมาจากท้องฟ้าพุ่งใส่มู่เฉิน ทันใดนั้นมิติก็ยุบลง ความแข็งแกร่งของมันสามารถบดขยี้กายาหลิงเทียนจุนของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงได้ในทันที

หลายคนปาดเหงื่อขณะดูการโจมตีนี้ แม้ว่ามู่เฉินจะมีไพ่ตายมากมาย แต่ถ้าไม่สามารถต้านทานแม่น้ำสายนี้ได้ แม้แต่วิชาสามพิสุทธิ์ก็จะถูกยับยั้งได้

ภายใต้สายตาของทุกคน มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นมองแม่น้ำที่ลดระดับลงมาพลางหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่ลวดลายโบราณสีม่วงจะเริ่มโชติช่วงขึ้นบนร่างกายของเขา

หนึ่ง สอง สาม… รวมทั้งหมดแปด!

เมื่อลวดลายสีม่วงแปดลายสว่างขึ้น เพลิงสีม่วงก็รวมตัวกันในปากของมู่เฉิน เขาพ่นออกไปยังแม่น้ำสีดำ

ฟู่ ฟู่!

สายเพลิงสีม่วงสายหนึ่งพ่นออกจากปากมู่เฉิน ราวกับเป็นมังกรเพลิงสีม่วงปล่อยเสียงคำรามขณะปะทะเข้ากับแม่น้ำสีดำ

ชี่ ชี่!

เมื่อเปลวไฟและแม่น้ำปะทะกัน เสียงฉ่าก็ดังขึ้นพร้อมกับควันพวยพุ่งไปทางดวงอาทิตย์

ทว่าทุกคนก็ต้องตกตะลึงกับเปลวไฟสีม่วง เนื่องจากไม่ว่าแม่น้ำสีดำจะพยายามเทลงมาอย่างไรก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

“ไม่น่าแปลกใจที่เพลิงสีม่วงครอบงำขนาดนั้น เพราะนั่นคือเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรของมู่เฉิน!”

ในที่สุดทุกคนก็เข้าใจที่มาของเปลวไฟสีม่วงเหล่านั้น เนื่องจากก่อนหน้ามู่เฉินใช้เพียงเล็กน้อย ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถเห็นเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรของมู่เฉินได้ แต่ภายใต้อำนาจเต็มมันก็ถูกเปิดเผยออกมา

เมื่อตระกูลเฉวียนเห็นเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรของมู่เฉิน พวกเขาต่างก็แสดงออกอย่างน่ากลัวโดยเฉพาะเฉวียนกวาง เนื่องจากในช่วงหลายปีภายในเผ่าฝูถูมีเพียงชิงเหยี่ยนจิ้งเท่านั้นที่มีเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจร แต่ตอนนี้ดันมาปรากฏขึ้นที่มู่เฉินเป็นคนที่สอง

นั่นไม่ได้หมายความว่าความบริสุทธิ์ของสายเลือดของชิงเหยี่ยนจิ้งและมู่เฉินแข็งแกร่งที่สุดในเผ่าฝูถูหรือ?

เมื่อเทียบกับความอิจฉาริษยาของตระกูลเฉวียน ตระกูลชิงก็ส่งเสียงโห่ร้องโดยเฉพาะผู้อาวุโส พวกเขาทั้งหมดรู้สึกโล่งใจมู่เฉินสมกับเป็นลูกของชิงเหยี่ยนจิ้ง เขามีพรสวรรค์อย่างแท้จริง

ขณะที่ตระกูลต่างๆ ของเผ่าฝูถูมีอารมณ์ที่แตกต่างกัน ฝูถูเฉวียนก็จ้องมองมู่เฉินด้วยดวงตาคมกริบ สายตาของเขาจ้องไปที่ลวดลายสีม่วงของมู่เฉิน เพียงชั่วครู่ก่เขาก็เค้นสียงออกมาด้วยความโกรธ “หึ เส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรอะไรกัน นี่เป็นของชิงเหยี่ยนจิ้ง นางสกัดออกมาจากตัวตอนที่ตั้งครรภ์และฝังลงในตัวบุตรชาย”

ฝูถูเฉวียนสมกับเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง และเข้าใจชิงเหยี่ยนจิ้งดีที่สุด ดังนั้นเขาจึงมองเห็นเล่ห์เหลี่ยมบางอย่างเมื่อมู่เฉินใช้ออกมา

ทุกคนตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดนั่น หลายคนรู้สึกอิจฉา “เป็นแม่ที่ดีจริงๆ!”

เฉวียนหลัวก็รู้สึกอิจฉา แต่กลับพูดออกมาว่า “มิน่าพรสวรรค์ของมู่เฉินถึงน่าตกใจมาก ที่แท้ก็เป็นเพราะเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรที่ชิงเหยี่ยนจิ้งมอบให้เขา”

“ถ้าไม่มีเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจร ไอ้กาลกิณีจะแข่งขันกับเราได้อย่างไร?”

พรรคพวกรอบๆ พยักหน้า ตอนแรกพวกเขายังคิดว่ามู่เฉินพึ่งพาตัวเองในการเติบโต แต่เมื่อพิจารณาจากที่เห็นในตอนนี้ชิงเหยี่ยนจิ้งวางรากฐานไว้ให้เขาตั้งแต่เกิดแล้ว

ถึงแม้จะไม่ได้หมายความว่าการครอบครองเส้นหลิงขั้นเส้นแปดชีพจรจะประสบความสำเร็จอย่างน่าตกใจ แต่อย่างน้อยก็สามารถเพิ่มโอกาส เส้นทางการฝึกของพวกเขาจะทิ้งห่างเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ

การมีอคติต่อมู่เฉิน ทำให้พวกเขาชี้ชัดว่ามู่เฉินประสบความสำเร็จเพราะเส้นหลิงที่ชิงเหยี่ยนจิ้งปลูกฝังไว้ให้

มู่เฉินก็ได้ยินเสียงของฝูถูเฉวียนเช่นกัน ทว่าสายตาไม่ได้มีความผันผวนแต่อย่างใด เขามุ่งเน้นไปที่การเผชิญหน้าระหว่างเพลิงม่วงและแม่น้ำสีดำ

แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะตกอยู่ในภาวะสูสี แต่มู่เฉินกลับหรี่ตาลง เนื่องจากสัมผัสได้ว่าแม่น้ำสีดำยังคงมีพลังซ่อนอยู่และยังไม่ระเบิดออกมา

เขากวาดสายตามองไปที่เฉวียนจุนก็เห็นความเฉยเมยบนใบหน้าโดยไม่มีความโกรธใดๆ กับสถานการณ์นี้

เมื่อรู้สึกถึงสายตาอีกฝ่าย เฉวียนจุนก็มองมาพลางยิ้มอย่างไม่แยแสก่อนที่จะเอ่ยเยาะ “เส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรของชิงเหยี่ยนจิ้งน่าเกรงขามอย่างแท้จริง”

ทว่ามู่เฉินไม่ได้ตอบสนองอะไร ราวกับว่าไม่ได้ยิน

เฉวียนจุนยืนเอามือไพล่หลัง “เพลิงสีม่วงของเจ้าไม่ง่ายเลยที่จะต้านทานแม่น้ำใต้พิภพของข้าได้ ถ้าเจ้าอยู่ในระดับเดียวกับข้า แม่น้ำของข้าคงไม่สามารถต้านทานได้”

แม้ว่าแม่น้ำนี่จะเป็นทักษะของเส้นหลิงขั้นเสินเจ็ดชีพจร แต่ไม่ว่าอย่างไรก็มีช่องว่างระหว่างขุมพลังของพวกเขาอยู่

“แต่น่าเสียดายโลกนี้ไม่มีความยุติธรรมแท้จริง ในเมื่อแกท้าทายตระกูลเฉวียนของข้า ดังนั้นก็ต้องเตรียมใจรับความล้มเหลวไป”

เฉวียนจุนส่ายหัวก่อนที่จะหายใจเข้าลึก เลือดกลั่นพรมลงบนแม่น้ำสีดำ

ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

ทันใดนั้นแม่น้ำสีดำก็เริ่มหมุนคว้างแล้วหดตัวลงอย่างรวดเร็ว มิหนำซ้ำยังมีริ้วสีแดงเข้มปรากฏในแม่น้ำสีดำ

ชี่ ชี่!

เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เปลวไฟสีม่วงที่ตอนแรกสามารถต้านไว้ได้ก็ระเบิดควันขาวขึ้นทันที เปลวไฟสลายหายไปอย่างรวดเร็วภายใต้การกัดกร่อนของแม่น้ำสีดำ

ฉากนี้ทำให้เกิดความโกลาหลในบริเวณโดยรอบ ขณะที่สมาชิกตระกูลชิงมีการเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกรุนแรง

ทุกคนบอกได้ว่าความได้เปรียบของเฉวียนจุนเริ่มเพิ่มขึ้น ขณะที่มู่เฉินกำลังทนทุกข์จากขุมพลังที่ด้อยกว่า แม้แต่เส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรก็ไม่สามารถชดเชยช่องว่างได้

แม่น้ำสีดำส่งเสียงลั่น ผลักเปลวไฟสีม่วงกลับมาอย่างต่อเนื่อง

“มู่เฉินแพ้แล้ว”

หลายคนส่ายหัวด้วยความเสียดายกับฉากนี้ ความได้เปรียบตกอยู่ในมือของเฉวียนจุนแล้ว ตราบใดที่ปราบปรามได้มู่เฉินก็ต้องแพ้อย่างแน่นอน

เหล่าผู้อาวุโสตระกูลชิงก็มีสีหน้าซีดเซียว พวกเขาไม่คิดว่าเส้นทางของมู่เฉินจะหยุดลงตรงนี้

แต่พวกเขารู้ดีว่ามู่เฉินได้ทำเต็มที่แล้ว การสู้ถึงระดับนี้ด้วยขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้น แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ธรรมดาเพียงใด

“จากวันนี้ไปตระกูลชิงจะต้องปกป้องมู่เฉินด้วยทั้งหมดที่มี” ชิงเทียนประกาศด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขารู้ว่าตระกูลเฉวียนจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ให้สงบลงได้ ดังนั้นตระกูลชิงก็ไม่สามารถนั่งมองเฉยๆ ได้อีกต่อไป

ชิงเซวียนและชิงหยุนพยักหน้า

“ผลลัพธ์ถูกกำหนดแล้ว” เฉวียนกวางรู้สึกโล่งใจ ก่อนที่แสงเย็นจะฉายในดวงตา ในเมื่อมู่เฉินไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ หลังจากนี้เมื่อตระกูลเฉวียนและมั่วเข้าควบคุมสภาผู้อาวุโส พวกเขาจะให้ไอ้เด็กนี่ชดใช้จนกระอักตาย!

ตู้ม ตู้ม!

เมื่อเปลวไฟสีม่วงสลายไป เฉวียนจุนก็มองไปที่มู่เฉิน เสียงไม่แยแสดังสะท้อนออกมาว่า “เจ้าแพ้แล้ว”

“ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนได้เปรียบอย่างแท้จริง”

มู่เฉินไม่ได้สนใจเขา หากพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกัน เขามั่นใจว่าจะสามารถทำลายแม่น้ำใต้พิภพคร่าชีวิตได้ด้วยเพลิงม่วงของเขา

เมื่อเฉวียนจุนเห็นว่ามู่เฉินไม่มีความกลัวในสายตา เขาก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจพลางคิดว่าชายหนุ่มคงจะทำตัวเป็นเข้มแข็ง ดังนั้นเขาจึงสะบัดแขนเสื้อพร้อมกับเค้นเสียงขึ้นจมูก

ตู้ม!

แม่น้ำสีดำไหลลงมาและดับเปลวไฟสีม่วงก่อนที่จะห่อหุ้มมู่เฉิน

“ข้าจะขังเจ้าไว้ ให้เจ้าคร่ำครวญถึงความโง่เขลาของตัวเอง!”

ซ่าๆๆๆ!

แม่น้ำสีดำโอบล้อมมู่เฉินภายใต้ความสนใจทั้งหมด เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์มู่เฉินหมดท่าแล้ว

หลายคนส่ายหัว ช่างน่าเสียดายเนื่องจากเขาอยู่ห่างจากความสำเร็จอีกก้าวเดียวเท่านั้น ทว่าก็ถูกยับยั้ง ตระกูลเฉวียนสมกับเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งในเผ่าฝูถูอย่างแท้จริง

แม่น้ำสีดำสะท้อนในม่านตา ทว่าเผชิญกับสถานการณ์สิ้นหวังมู่เฉินก็ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ พลางพึมพำ “ในเมื่อเส้นหลิงขั้นเสินแปดชีพจรยังไม่สามารถชดเชยช่องว่างได้… งั้นก็ปลี่ยนเป็นอีกขั้นแล้วกัน”

มือของเขาประสานเข้าด้วยกัน ก่อนที่ร่างกายจะเปล่งรัศมีกระจ่างใส

ในเวลาเดียวกันลวดลายสีม่วงทั้งแปดก็กลายเป็นสีแรกเริ่ม ลวดลายที่เก้าค่อยๆ ก่อตัวขึ้น…

เมื่อลวดลายที่เก้าถูกสร้างขึ้น แม้แต่ฝูถูเฉวียนก็มีท่าทางเปลี่ยนแปลง เขาลุกขึ้นทันทีพลางมองร่างที่ไกลออกไปบนท้องฟ้าจากยอดเขาด้วยความไม่เชื่อ

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท