ขณะที่มู่เฉินพลิ้วตัวลงบนแท่นของเฮยกวาง
ทุกคนยังคงนิ่งเงียบไปด้วยความตกตะลึงกับฉากเมื่อครู่
ความเงียบกินเวลานานก่อนที่ใครบางคนจะพึมพำ “นั่นคือ…วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่า—วิชาเจดีย์แปดองค์ใช่ไหม?”
จอมยุทธ์ขั้วอำนาจต่างๆ ล้วนมีประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มจดจำวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานที่มู่เฉินใช้ได้
ความสามารถในการทำลายล้างของลำแสงสีดำเหล่านั้นทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนหลายคนรู้สึกหนังหัวชาวาบไปหมด ด้วยพลังนี้จะมีอะไรอีกนอกเหนือจากการเป็นหนึ่งวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าได้?
“ไม่คิดว่าเขาจะฝึกสำเร็จได้จริงๆ” ผู้อาวุโสเผ่าฝูถู โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่จากตระกูลเฉวียนและมั่วก็พากันดวงตาแดงก่ำขึ้น ขณะมองไปที่มู่เฉิน แววตาแต่ละคนดูเหมือนมีความต้องการที่จะฉกมาเป็นของตัวเอง
ในฐานะจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน พวกเขารู้ว่าหนึ่งในวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าหมายถึงอะไร หากพวกเขาได้ครอบครอง พวกเขาก็จะอยู่ยงคงกระพันท่ามกลางจอมยุทธ์ในระดับเดียวกัน
ลองคิดดูสิว่ามีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนกี่คนในมหาพันภพ? ทว่าวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานมีเพียงสามสิบหกกระบวนท่า แสดงให้เห็นว่ามันมีค่าเพียงใด
แม้เผ่าฝูถูจะมีรากฐานหยั่งลึก พวกเขาก็ไม่มีทักษะอะไรที่สามารถเทียบเคียงกับวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่าได้
ชิงซวงเอามือปิดปากแน่น จ้องมองด้วยอารมณ์หลากหลาย นางไม่สามารถรักษาความเยือกเย็นไว้ได้อีกต่อไป
ตอนแรกพวกนางคิดว่าตระกูลชิงคงสิ้นท่า แต่ใครจะคิดว่ามู่เฉินจะปรากฏตัวและเหมือนจะพลิกสถานการณ์ได้
“มู่เฉิน สู้ๆนะ!” ชิงซวงพึมพำ
หลิงซีตบไหล่นางเบาๆ ทำให้รู้สึกเก้อเขินและสงบลง
“พี่ใหญ่หลิงซี มู่เฉินจะชนะไหม?” ชิงซวงถามด้วยความคาดหวัง นางรู้ดีแม้ว่ามู่เฉินจะชนะไปได้สองยก แต่คู่ต่อสู้ของเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้น
หลิงซียิ้มพูดแบบไม่ปิดบัง “ไม่ต้องกังวล ในเมื่อมู่เฉินเลือกที่จะออกโรง นั่นหมายความว่าเขามั่นใจ เรารอดูเหตุการณ์ทั้งหมดเท่านั้น”
ชิงซวงพยักหน้าพลางมองไปที่ร่างสูงโปร่งด้วยดวงตางดงาม
หลินจิ้งปรบมือหัวเราะร่า “มู่เฉินชนะได้เยี่ยมจริงๆ!”
มู่เฉินไม่มีความคิดหยั่งเชิงระหว่างการประลองสองยกก่อนหน้า เขาดึงพลังทั้งหมดออกมา ยอมเสี่ยงแม้กระทั่งเปิดเผยไพ่ตาย นี่ทำให้เขาประสบความสำเร็จอันรุ่งโรจน์ เขาชนะอย่างสง่างามด้วยสองกระบวนท่า ซึ่งทำให้เลือดในกายทุกคนลุกเป็นไฟ
เซียวเซียวพยักหน้าด้วยความชื่นชมในดวงตา
“ดูเหมือนมู่เฉินจะไม่พอใจมากกับเผ่าฝูถูนะเนี่ย” เย่าเฉินหัวเราะเบาๆ เขาสามารถบอกได้เลยว่ามู่เฉินทำอย่างนั้นแบบตั้งใจ การเดินทางมาเยือนที่นี่ของเขาก็เพื่อระบายความโกรธที่ฝังแน่นอยู่ในใจมานานกว่ายี่สิบปี เพราะบิดามารดาของเขาต้องแยกจาก โดยที่บิดาต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ส่วนมารดาก็ถูกคุมขัง ดังนั้นต้องคว้าชัยชนะอย่างงดงามให้ได้
ซึ่งนั่นหมายความว่าตระกูลเฉวียนจะต้องอับอายขายขี้หน้า
“แต่การต่อสู้ประเภทนี้ต้องมีความมั่นใจเต็มที่ หากทั้งสองฝ่ายมีพลังเท่ากันการเปิดเผยไพ่ตายก่อนจะทำให้เสียประโยชน์” หลินเตียวพยักหน้าและประเมินผล แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เผยความชื่นชมบนใบหน้า ในเมื่อมู่เฉินเลือกวิธีการต่อสู้แบบนี้ก็หมายความว่ามีความมั่นใจ
นี่เป็นสิ่งที่เขาเคยเห็นจากหลินต้ง
ใบหน้าของเฮยกวางเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว
เมื่อมองไปที่ชายหนุ่มที่เยื้องย่างเข้ามา ก็เกิดความกลัวลึกๆ ในดวงตา
ไม่ว่าจะด้วยเพลิงสีม่วงหรือวิชาเจดีย์แปดองค์ ก็ทำให้เฮยกวางรู้สึกขนพองสยองเกล้า
แม้ว่าขุมพลังของเขาจะเหนือกว่าเฉวียนไห่และเฉวียนเฟิง แต่ถึงจะอยู่ในขั้นหลิงระยะปลายเขาก็ยังไม่มั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับมู่เฉิน
“ให้ตายเถอะ ไอ้เวรนี่ทรงพลังขนาดนี้ได้ยังไง!”
เฮยกวงสาปแช่งในใจด้วยความเสียใจ เขาไม่ได้เสียใจที่ยั่วยุมู่เฉินในอดีต แต่รู้สึกเสียใจที่ไม่เด็ดขาดพอจะฆ่ามู่เฉินตอนที่ยังมีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม
ต่อให้จะไม่ได้ฆ่ามู่เฉิน แต่อย่างน้อยก็ควรทำให้พิการได้ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้ไม่ต้องเผชิญกับความทุกข์ยากเช่นวันนี้
“แกกำลังคิดว่าทำไมถึงไม่ฆ่าข้าตอนนั้นใช่ไหม?” ขณะที่ดวงตาเฮยกวางวูบไหว มู่เฉินก็จ้องมองเขาพลางยิ้ม
เฮยกวางตัวสั่นสะท้าน แม้มู่เฉินจะยิ้ม แต่ก็สัมผัสได้ถึงความเย็นชาและเจตนาฆ่าในน้ำเสียงได้
ทว่ายังไงเขาก็เป็นผู้อาวุโสเผ่าฝูถูที่มีตำแหน่งสูงล้ำ ดังนั้นไม่ช้าเขาก็สงบตัวเองลงพลางมองไปที่มู่เฉินอย่างน่ากลัว “มู่เฉินอย่าได้ใจนัก เป็นการดีสำหรับชายหนุ่มที่จะมีความทะเยอทะยาน แต่ความทะเยอทะยานที่เร่งเกินไปจะสะดุดได้นะ”
“ถ้าตระกูลเฉวียนมีความสามารถเพียงพอก็พิสูจน์ให้เห็นสิ” มู่เฉินตอบอย่างไม่เร่งรีบ
“แก!”
เฮยกวงหัวร้อนเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ แต่ก็ยังหวาดกลัวสายตาเย็นชาของมู่เฉินอยู่
“ไง ไม่สู้เหรอ?” มู่เฉินมองอีกฝ่ายพลางเอ่ยเสียงไม่แยแส เขายื่นมือออกมาแสงหลิงแล่นแปลบปลาบบนนิ้ว “ถ้าเจ้าไม่โจมตี งั้นข้าเริ่มละนะ”
เฮยกวางกัดฟัน ทว่าเมื่อเขากำลังจะหมุนเวียนคลื่นหลิง เสียงหนึ่งก็ถูกส่งมาที่โสตประสาท “เฮยกวาง ใช้ทักษะลับซะ แม้ว่าจะไม่สามารถชนะได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาหมดกำลังใจ จะมีคนจัดการกับเขาภายหลังเอง”
เมื่อเฮยกวางได้ยินคำพูดนั่น สายตาก็วูบไหวก่อนจะเหลือบมองไปที่เฉวียนกวาง ชัดว่าเป็นเสียงอีกฝ่าย
“ทักษะลับ?” เฮยกวงลังเล เขารู้ว่าตนเองจะต้องอ่อนแอลงอย่างน้อยครึ่งปีถ้าทำเช่นนั้น
แต่เขารู้ถึงความตั้งใจของเฉวียนกวางเช่นกัน ตอนนี้มู่เฉินฮึกเหิมเกินไป แม้ว่าในท้ายที่สุดจะไม่ได้รับชัยชนะสี่ครั้ง แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ตระกูลเฉวียนอับอายขายหน้า
ท่ามกลางธารกำนัลตระกูลเฉวียนต้องอับอายจากตัวกาลกิณี
ดังนั้นเฮยกวางไม่ยอมให้มู่เฉินได้รับชัยชนะอย่างง่ายดายหรอก
เขาต้องขัดขวางมู่เฉินเพื่อให้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนจัดการกับเขาได้อย่างง่ายดาย
“ได้!”
แม้จะลังเลเฮยกวางก็กัดฟัน เขารู้ว่าตนเองไม่มั่นใจในการเผชิญหน้ากับมู่เฉิน แล้วทำไมไม่เสี่ยงล่ะ?!
‘ไอ้เด็กเหลือขอ ข้าจะแสดงความหมายของการถูกตัดขาดเอง!’
เฮยกวางยิ้มเยาะในใจ จากนั้นก็ถอยพลางเย้ยหยัน “มู่เฉินอย่าได้ใจ ลองรับหนึ่งกระบวนท่าของข้ามั่ง!”
ตู้ม!
พูดจบ เกลียวแสงนับไม่ถ้วนถักทอที่ด้านหลังเฮยกวาง ร่างเวทสวรรค์ปรากฏขึ้นพร้อมกับปลดปล่อยพายุระหว่างสวรรค์และโลกออกมา
เมื่อร่างเวทสวรรค์ถูกเร้า เฮยกวางก็หายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะสร้างตราประทับแปลกประหลาดขึ้น
ในเวลาเดียวกันร่างเวทสวรรค์ที่อยู่เบื้องหลังก็สร้างตราประทับตามด้วย
เมื่อชิงเทียน ชิงเซวียนและชิงหยุนเห็นเช่นนั้น ดวงตาก็หดลงขณะที่ตะโกนลั่น “ไร้ยางอาย! มันคิดจะใช้ทักษะลับ!”
เฮยกวางเผยรอยยิ้มน่าสยดสยองขณะพูดอย่างน่าขนลุก “ในเมื่อแกคิดบีบข้า ดังนั้นอย่าโทษว่าข้าโหดเหี้ยม!”
สิ้นเสียงพูดท้องของเขาก็บวมขึ้น ท้องของร่างเวทสวรรค์ก็บวมขึ้นเช่นกัน อึดใจเขาก็อ้าปากพ่นลมหายใจออกทันที
ดวงดาวพรั่งพรูออกมาจากปากของร่างเวทสวรรค์ ด้วยการเคลื่อนไหวก็ราวกับว่าสามารถทำลายทุกสรรพสิ่งได้
เมื่อดวงดาวพรั่งพรูออกมาไม่หยุด ร่างเฮยกวางก็แห้งตอบลงอย่างรวดเร็ว ร่างเวทสวรรค์จางลง พวกเขาเทพลังทั้งหมดลงในดวงดาวนับไม่ถ้วนนี้
เมื่อเหล่าจอมยุทธ์เห็นฉากนี้ ใบหน้าก็เปลี่ยนไปพลางอุทานลั่น “เฮยกวางบ้าไปแล้ว! เขาจะสลายร่างเวทสวรรค์ด้วยเหรอเนี่ย?!”
ร่างเวทสวรรค์เป็นหนึ่งในทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน ถ้าสลายก็ต้องใช้เวลาและพลังงานมากในการสร้างใหม่ นอกจากนี้ยังอาจมีผลสะท้อนกลับมาอีกด้วย!
ดังนั้นจึงแทบไม่มีใครใช้วิธีนี้ มันเป็นการทำร้ายตัวเองในทางปฏิบัติก่อนที่จะทำร้ายศัตรู ซึ่งเหมือนกับการฆ่าตัวตาย
ฟู่ ฟู่!
ดวงดาวส่งเสียงหวีดหวิวโอบล้อมมู่เฉิน การเคลื่อนที่ทำให้ดูเหมือนว่าพวกมันสามารถทำลายดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้
ผู้คนฉายสีหน้าเคร่งเครียด มู่เฉินยโสเกินไปซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเฮยกวางถึงยอมทำเช่นนี้เพื่อรักษาหน้าตระกูลเฉวียน
“เฮยกวางเหี้ยมจริงๆ ตอนนี้มู่เฉินมีปัญหาแล้ว”