หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1424 ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน

บทที่ 1424 ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน

“อีกรอบเดียว”

เมื่อเสียงเรียบเฉยของมู่เฉินดังก้อง ก็ทำให้เกิดประกายแสงในดวงตาของหลายคน ตอนนี้สายตาที่มองมาไม่มีความเยาะเย้ยที่เคยมีมาก่อนแล้ว มันถูกแทนที่ด้วยเคร่งเครียดและหวาดหวั่น

การเอาชนะอย่างเด็ดขาดกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงสามคนที่แข็งแกร่งกว่าเขาด้วยขั้นหลิงระยะต้นเพียงพอที่ทุกคนจะตกตะลึง

“มู่เฉินเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง เขาอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้นแท้ๆ แต่กลับทรงพลังแบบนี้ ไม่แน่ชายคนนี้อาจมีความสามารถในการท้าทายที่อยู่อีกขั้นอย่างแท้จริง”

“น่าเกรงขามจริง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงหยิ่งผยอง ดูเหมือนว่าเขาเตรียมพร้อมที่จะท้าทายตระกูลเฉวียนทั้งหมดด้วยตัวเอง”

“เขาชนะไปสามยกแล้ว ถ้าเขาชนะอีกครั้งเดียวตระกูลเฉวียนต้องคายตำแหน่งในสภาผู้อาโสที่เพิ่งฮุบไปคืนมา”

“เฮ้ พวกเจ้าประเมินเขาสูงเกินไปเปล่า เขาเผยไพ่ตายทั้งหมดในระหว่างการต่อสู้สามยกแล้วมั้ง ดังนั้นไม่ง่ายสำหรับเขาที่จะต่อสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนหรอก”

“ก่อนหน้าเจ้าก็พูดแบบนี้เหมือนกัน…”

“…”

เสียงกระซิบดังก้อง ผู้อาวุโสตระกูลเฉวียนหลายคนมีสีหน้าเขียวคล้ำพลางจ้องมู่เฉินราวกับว่าต้องการจะขบหัวแล้วเคี้ยวให้แหลก

ไม่มีใครคิดว่าตระกูลเฉวียนจะถูกบีบให้อยู่ในสภาพที่น่าสมเพชโดยจอมยุทธ์รุ่นใหม่

เฉวียนหลัวและคนอื่นๆ มีสีหน้าดำคล้ำ ตอนแรกพวกเขาเชื่อว่ามู่เฉินจะต้องแพ้แน่นอน แต่สุดท้ายพวกเขาก็ถูกตบหน้าจนปวดแสบปวดร้อนไปหมด

ท่าทางของเฉวียนกวางดูน่ากลัวอย่างยิ่ง ทว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ช้าก็ระงับความโกรธในใจลงได้ เขามองไปที่มู่เฉินอย่างไม่แยแสพูดช้าๆ “ไม่คิดว่าครั้งนี้จะตัดสินใจผิดพลาด ลูกชายของชิงเหยี่ยนจิ้งไม่ธรรมดาจริงๆ”

“ชมเกินไปแล้ว” มู่เฉินตอบอย่างใจเย็น

เฉวียนกวางหลุบตาลงตอบเสียงเบา “เจ้าได้พิสูจน์ความสามารถของตัวเองแล้วว่ามาได้ไกลขนาดนี้ แต่การประลองยกที่สี่จะไม่ง่ายอย่างที่คิด ข้าหวังว่าเจ้าจะไตร่ตรองให้ดี”

มู่เฉินยิ้ม “ขอบคุณสำหรับความห่วงใย แต่ข้าคิดว่ายังไปไหวนะ”

เวลานี้เขาฉีกหน้าตระกูลเฉวียนไปแล้ว ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะพอแค่นี้

เฉวียนกวางมองมู่เฉินเขม็งพร้อมกับริ้วความเย็นชาในส่วนลึกของดวงตาก่อนที่จะส่ายหัว “ดื้อจริง ในเมื่อเป็นเช่นนั้นตระกูลเฉวียนของข้าก็รอการท้าทายต่อไป”

“ตอนนี้มีพวกข้าสี่คน เจ้าสามารถเลือกใครก็ได้ที่ต้องการ แน่นอนว่ามาหาข้าก็ได้ถ้าเจ้ากล้าพอ เพราะยังไงข้าก็มีส่วนในการขังมารดาเจ้าเอาไว้”

ขณะที่พูด เสียงเค้นเย็นที่ริมฝีปากก็แฝงแววเยาะเย้ย

ม่านตามู่เฉินหดลง สายตาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขณะที่มองไปที่เฉวียนกวางจากนั้นก็พยักหน้า “ท่านแม่และข้าจะจำสิ่งที่เจ้าทำ แต่ตอนนี้ข้าต้องการตำแหน่งของตระกูลเฉวียนเท่านั้น หากในอนาคตมีโอกาสข้าจะมาขอคำชี้แนะแน่นอน”

เฉวียนกวางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว คำพูดของเขาตั้งใจที่จะยั่วยุให้มู่เฉินหัวร้อนซะหน่อย ถ้ามู่เฉินท้าทายเขาจริงๆ เขาก็จะให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าต่อหน้าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลาย ไม่ว่าเขาจะมีไพ่ตายเช่นไรก็ไม่มีประโยชน์

แต่เขาประเมินสภาพจิตใจของมู่เฉินต่ำไปอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเขาจะกระตุ้นไอสังหารที่จะฆ่ามู่เฉิน แต่อีกฝ่ายก็ไม่สูญเสียเหตุผลตัดสินใจอย่างบุ่มบ่าม

“งั้นข้าก็จะดูว่าเจ้ามีกลอะไรเล่นอีก” เฉวียนกวางเหลือบมองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา

“ข้าเชื่อว่าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”

มู่เฉินยิ้มอ่อน จากนั้นก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับเฉวียนกวางอีกต่อไปเขาปรากฏตัวบนแท่นต่อไป สายตามองไปที่ชายแก่หงำเหงือก

เมื่อมู่เฉินปรากฏตัว ชายชราก็จับจ้องเขาด้วยแววคมที่ซ่อนอยู่ในดวงตาที่ขุ่นมัว

มู่เฉินมองไปที่ผู้อาวุโสคนนี้ ท่าทางก็ดูเคร่งขรึมลง ชายชราคนนี้ชื่อเฉวียนจุนซึ่งเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นที่กุมอำนาจสูงในเผ่าฝูถู

อย่าประเมินต่ำว่าเขาเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้น แต่มู่เฉินรู้ดีว่ามีช่องว่างระหว่างขั้นหลิงกับขั้นเซียนมากเพียงใด เนื่องจากจอมยุทธ์ขั้นหลิงต้องสะสมพลังเป็นเวลานานเพื่อที่จะไปถึงอีกขั้น

แม้สามยกก่อนหน้าเขาจะชนะแบบเด็ดขาด เขาก็รู้ดีว่ายกนี่เป็นการประลองที่สำคัญที่สุด

ถ้าเขาชนะรอบนี้ก็คือชี้ขาด มิฉะนั้นชัยชนะสามครั้งที่ผ่านมาจะสลายเป็นควัน

“ผู้อาวุโสเฉวียนจุน ในเมื่อมีคนพยายามท้าทายตระกูลเฉวียนของเราไม่จำเป็นต้องยั้งมือ ข้าจะรับผลที่ตามมาทั้งหมดเอง” เสียงของเฉวียนกวางดังก้องอย่างเย็นชา

เฉวียนจุนโค้งคำนับกล่าวเสียงเย็น “รับทราบ”

สายตาของเขาจ้องเขม็งไปที่มูเฉิน แม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไร แต่ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันของคลื่นหลิงทรงพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย

ครืน

แม้แต่แท่นก็สั่นสะเทือนรุนแรงจากแรงกดดันคลื่นหลิงทรงพลัง

เมื่อสัมผัสได้ถึงรัศมีจากเฉวียนจุน หลายคนก็แสดงออกรุนแรง เมื่อเทียบกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงสามคน เฉวียนจุนอยู่ในระดับใหม่เลยทีเดียว

“การประลองครั้งนี้ถึงเรียกได้ว่าน่าดู”

เย่าเฉินและหลินเตียวยิ้ม มู่เฉินทรงพลังมาก ดังนั้นผู้อาวุโสตระกูลเฉวียนสามคนก่อนหน้า รวมถึงเฮยกวางที่อยู่ในขั้นหลิงระยะปลายก็ไม่สามารถคุกคามเขาได้ มีเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนที่จะบีบให้มู่เฉินใช้พลังที่แท้จริงออกมาได้

พวกเขาก็อยากเห็นว่ามู่เฉินจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้หรือไม่เมื่อประลองกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน

“มู่เฉินจะไม่แพ้แน่นอน” หลินจิ้งกล่าวโดยไม่ลังเล ความมั่นใจของนางที่มีต่อเขา อาจแข็งแกร่งกว่าความมั่นใจในตัวเองของมู่เฉินซะอีก

เซียวเซียวยิ้มให้กับคำพูดนั่น เมื่อเย่าเฉินและหลินเตียวได้เห็นปฏิกิริยาของสองสาวน้อย พวกเขาก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้จริงๆ ว่าความเชื่อมั่นของพวกนางที่มีต่อมู่เฉินมาจากไหน

ส่วนชิงเทียน ชิงเซวียนและชิงหยุนไม่ได้มองในแง่ดี พวกเขาฉายความกังวลบนใบหน้า เพราะพวกเขารู้ช่องว่างระหว่างขุมพลังเป็นสิ่งที่มู่เฉินก็ไม่สามารถเอาชนะได้ แม้ว่าจะใช้วิธีที่น่าตกใจเหล่านั้น

“ผลตัดสินของตระกูลชิงอยู่ที่การประลองยกนี้” ชิงเทียนถอนหายใจ

สมาชิกตระกูลชิงก็ฉายความกังวลและความหวังบนใบหน้า หากไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ไม่เหมาะสม พวกเขาคงตะโกนให้กำลังใจมู่เฉินไปแล้ว

“ในที่สุดเจ้านั่นก็ยั่วยุจอมยุทธ์ทรงพลังจนได้ มาดูสิว่าเขาจะทุกข์ทรมานแค่ไหน” หมัวเฮอโยวกอดอกมองไปที่มู่เฉินด้วยแววตาสนุกสนาน

“จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนไม่ธรรมดาจริงๆ…”

มู่เฉินไม่ได้สนใจสายตารอบข้าง ความสนใจทั้งหมดของเขาจดจ่อไปที่ชายชราด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ความกดดันที่มาจากเฉวียนจุนมากกว่าสามคนก่อนหน้า ในการประลองครั้งนี้เขาจะต้องใช้พลังเต็มที่แล้ว

ด้วยความคิดนี้ก็ไม่มีความกลัวใดๆ ในสายตาของมู่เฉิน แต่เป็นความตื่นเต้นสุดขีด ตอนนี้เขาแทบจะอยู่ยงคงกระพันท่ามกลางระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิง มีเพียงระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนเท่านั้นที่สามารถปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาและให้เขาได้ขัดเกลาตนเอง

เฉวียนจุนประสานมือเข้าด้วยกันอย่างช้าๆ ทันใดนั้นร่างเขาก็ยืดตัวขึ้น ผมหงอกก็เปลี่ยนเป็นสีดำและรูปลักษณ์แก่หงำก็ถูกแทนที่ด้วยวัยกลางคนที่ดุดัน

“ฮึ่ม!”

ในเวลาเดียวกันรัศมีไร้ขอบเขตก็ระเบิดออกจากร่างเปลี่ยนเป็นกายาหลิงเทียนจุนทันที

เมื่อเทียบกับกายาหลิงเทียนจุนของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิง ร่างนี้ได้รับการขัดเกลามากกว่า มองจากระยะไกลก็ดูราวกับอัญมณี ไม่อาจทำลายลงได้

ร่างกายนี้ถูกสลักด้วยลวดลายสีน้ำเงินนับไม่ถ้วนซึ่งดูราวกับหยดน้ำ แม้ว่าจะมีขนาดเล็ก แต่ก็ยังคงให้ความรู้สึกหนักแน่นเหมือนภูเขา

กายาหลิงเทียนจุนนี้น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดตอนนี้ ภายใต้พลังเต็มเปี่ยมเฉวียนจุนก็มองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาเฉียบคมพร้อมกับเสียงสะท้อนออกมา

“ต้องการได้ตำแหน่งจากมือข้า ก็มาดูซิว่าเจ้ามีความสามารถเพียงพอหรือไม่!”

มู่เฉินมองไปที่เฉวียนจุนพลางหายใจเข้าลึก ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นกายาหลิงเทียนจุนพร้อมกับไฟในการต่อสู้พลุ่งพล่าน

ขณะเดียวกันน้ำเสียงเย็นชาก็ดังก้อง

“ตำแหน่งนี้ ข้าเอาไปแน่ วันนี้ตระกูลเฉวียนจะให้ก็ต้องให้ ไม่ให้ก็ต้องให้!”

“วาจาสามหาว รนหาที่ตายแล้ว!”

ไอสังหารพล่านออกมาจากดวงตาของเฉวียนจุน เพียงเขาก้าวเท้าออกไปก้าวเดียวก็ทำให้มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ

ยามนี้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนตระกูลเฉวียนเคลื่อนไหวแล้ว!

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท