หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1433 การปะทะกันของระดับเซิ่ง

บทที่ 1433 การปะทะกันของระดับเซิ่ง

เมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งพูดจบ

สายตาก็จ้องมองไปที่ฝูถูเฉวียนอย่างเย็นชา

“ผู้อาวุโสใหญ่ช่างน่าประทับใจรังแกแม้กระทั่งลูกหลาน” เสียงเย็นเยือกของชิงเหยี่ยนจิ้งดังก้อง

ฝูถูเฉวียนแสดงออกเย็นชาพลางตะคอก “ลูกหลาน? เผ่าฝูถูของข้าไม่มีลูกหลานหยิ่งผยองเช่นนี้ ถ้าข้าไม่ออกโรงเองวันนี้ ข้ากลัวว่าลูกชายเจ้าจะพลิกทั้งเผ่าจนไม่เหลือซาก!”

ทว่าชิงเหยี่ยนจิ้งก็แสดงสีหน้าเย็นชาใส่เช่นกัน “คิดว่าข้าไม่รู้ว่าพวกท่านเป็นคนยังไงเรอะ? ที่เฉินเอ๋อทำเช่นนี้ก็เพราะถูกบีบบังคับจากพวกเจ้านั่นแหละ”

เมื่อฝูถูเฉวียนได้ยินคำพูดเหล่านั้น ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธตะคอกออกมาว่า “ชิงเหยี่ยนจิ้ง เจ้ากล้าดียังไง! ไสหัวไปซะ ข้าจะจับและสำเร็จโทษไอ้กาลกิณีเพราะกล้าเข้ายุ่งในเผ่าฝูถูของข้า!”

“ที่ผ่านมาข้าอดทนอดกลั้นเพื่อปกป้องเฉินเอ๋อ ตอนนี้พวกท่านท้าทายจุดเดือดของข้าครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วข้าจะยอมให้แตะต้องลูกชายต่อหน้าข้าได้อย่างไร!” ชิงเหยี่ยนจิ้งขมวดคิ้วขณะคำราม

ตอนนี้นางไม่ได้มีรูปลักษณ์อบอุ่นอีกแล้ว ท่าทางถูกแทนที่ด้วยไอเยือกเย็นทำให้หลายคนในเผ่าฝูถูรู้สึกหวาดกลัว เนื่องจากพวกเขาไม่เคยเห็นชิงเหยี่ยนจิ้งเกรี้ยวกราดโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าผู้อาวุโสใหญ่

เห็นได้ชัดว่าแม้แต่ผู้หญิงอ่อนโยนที่สุดก็ยังกลายเป็นเสือร้ายเพื่อลูก

“ชิงเหยี่ยนจิ้ง!”

ฝูถูเฉวียนแผดเสียงลั่น เขาไม่คิดมาก่อนว่าวันนี้ชิงเหยี่ยนจิ้งจะไม่ยอมแพ้ นางไม่แม้กระทั่งไว้หน้าเขา

“ในเมื่อเจ้ายืนกรานจะรั้นต่อ ข้าก็จะจับทั้งแม่ลูกไปด้วยกันเลย!”

ฝูถูเฉวียนตะเบ็งเสียงลั่น ในฐานะผู้มีอำนาจในเผ่าฝูถู เขาถือว่ากฎเผ่าเปรียบดังกฎสวรรค์ ทว่าการกระทำของชิงเหยี่ยนจิ้งกลับไม่สนใจกฎใดๆ แล้วเขาจะทนได้อย่างไร?

ตู้ม!

พร้อมกับเสียง รัศมีก็ระเบิดออกมาก่อร่างเป็นกงล้อสีดำขาวขนาดใหญ่ แผ่ซ่านด้วยพลังทำลายล้างขณะที่หมุนคว้าง

ในขณะนี้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งได้ปลดปล่อยพลังโดยไม่รั้งรอแล้ว

แรงกดดันจากความโกรธของเขาห่อหุ้มสวรรค์และโลกในทันที ทำให้จอมยุทธ์เทียนจื้อจุนบางคนรู้สึกว่าหนังหัวชาหนึบจากแรงกดดัน ประหนึ่งภูเขากดทับร่างกายของพวกเขาทำให้หนักอึ้ง

“หึ ข้าก็อดทนกับเรื่องนี้มามากพอแล้ว วันนี้ข้าขอคำชี้แนะจากผู้อาวุโสใหญ่เป็นการส่วนตัวหน่อย!”

ชิงเหยี่ยนจิ้งไม่ได้ถอยจากความโกรธเกรี้ยวของฝูถูเฉวียน แต่กลับก้าวออกไป นางก้าวเท้าออกจากขอบเขตของค่ายกลพิทักษ์ทันที เห็นได้ชัดว่านางไม่คิดเกี่ยวกับการยืมพลังของค่ายกลพิทักษ์

ในขณะที่นางก้าวออกไปทั้งมิติก็มืดลง สัญลักษณ์หลิงยิ่งจำนวนมากวูบวาบราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า

ครืน!

ฝูถูเฉวียนกระทืบเท้าทำให้พื้นสั่นสะเทือน กงล้อสีดำขาวที่อยู่ใต้เท้าก็หดตัวลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะมีขนาดเล็ก แต่สีที่ควบแน่นบนกงล้อก็น่าสะพรึงกลัวนัก มากจนกระทั่งแสงน้อยนิดยังสามารถทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนธรรมดารู้สึกหวาดกลัวเลยทีเดียว

วาบ!

เขาโบกมือกงล้อสีดำขาวก็พุ่งออกมา เมื่อหมุนไปรอยแตกก็ปรากฏขึ้นในมิติโดยรอบ ความคมชัดเป็นสิ่งที่แม้แต่มังกรก็ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้า

ชิงเหยี่ยนจิ้งวาดตราประทับขึ้นอย่างรวดเร็ว สัญลักษณ์หลิงยิ่งนับไม่ถ้วนบินฉวัดเฉวียนออกมา ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจก็เชื่อมต่อกลายเป็นค่ายกลนับพันระหว่างสวรรค์และโลก

ตู้ม ตู้ม!

เมื่อกงล้อสีดำขาวเข้าสู่ค่ายกลเหล่านี้ก็ฉีกทุกอย่างอย่างรวดเร็ว ถึงกระนั้นเมื่อพุ่งผ่านค่ายกลนับพันพลังก็หมดลงอย่างรวดเร็วก่อนที่จะหายไป

แม้ว่าการเผชิญหน้าของพวกเขาจะดูน่าตื่นตา แต่ความผันผวนที่คลุมเครือซึ่งเล็ดลอดออกมาทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนหลายคนสั่นสะท้าน หากการดวลนี้เกิดขึ้นโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ทั้งสองอาจจะทำลายมิติฝูถูทั้งหมดก็เป็นได้…

“ต้องขอบคุณผู้อาวุโสใหญ่ที่ช่วยข้าให้บรรลุหลิงเจิ้นต้าจงซือขั้นเซิ่งได้ ดังนั้นวันนี้ข้าจะขอให้ผู้อาวุโสใหญ่เป็นคนทดสอบพลังค่ายกลระดับต้าจงซือขั้นเซิ่งของข้าซะหน่อย!”

ชิงเหยี่ยนจิ้งเปล่งเสียงเย็นชา อึดใจต่อมาสัญลักษณ์หลิงยิ่งจำนวนมากก็หลอมรวมกันในมิติ ค่ายกลเริ่มกระจายออกไป ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ห่อหุ้มทั้งสวรรค์และโลกไว้ทั้งหมด

แม้ว่าค่ายกลจะมีขอบเขตกว้าง แต่ก็ห่อหุ้มฝูถูเฉวียนไว้เท่านั้น แม้ว่าส่วนที่เหลือจะอยู่ภายในขอบเขตด้วย แต่พวกเขาก็เหมือนอยู่ในอีกโลกหนึ่งภายในค่ายกล

ค่ายกลขนาดใหญ่นี้ดูเหมือนเป็นโลกขนาดมหึมา ไม่มีใครสามารถหลบหนีได้เว้นแต่ค่ายกลจะแตกสลาย

ทุกคนเบิกตากว้างเมื่อมองไปที่ค่ายกล เป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งออกโรง ส่วนหลิงเจิ้นต้าจงซือขั้นเซิ่งก็หาดูยากยิ่งกว่าอีก

วันนี้การเดินทางของพวกเขาไม่สูญเปล่าที่จะได้เห็นยอดยุทธ์สองคนประลองกัน

ฝูถูเฉวียนยืนอยู่ในค่ายกลมีท่าทางเคร่งขรึมลงหลายส่วน กระทั่งคนอย่างเขายังไม่กล้าดูถูกค่ายกลระดับต้าจงซือขั้นเซิ่งเลย

ฮึ่ม ฮึ่ม

ขณะที่ดวงตาฝูถูเฉวียนตั้งมั่น รัศมีก็ระเบิดออกจากภายในโลกของค่ายกล ดวงอาทิตย์เก้าดวงก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ

ดูเหมือนว่าจะมีอีกาทองคำโบราณเก้าตัวอยู่ในดวงอาทิตย์ พวกมันเปล่งเสียงร้องและพ่นไฟออกจากปากทำให้อุณหภูมิพุ่งสูง โลกค่ายกลก็ละลายจากอุณหภูมินี้ ความร้อนนี้สามารถทำให้ร่างกายของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงละลายได้เลยทีเดียว

กีด!

ทันใดนั้นเสียงร้องแหลมก็ดังขึ้นจากดวงอาทิตย์ทั้งเก้าดวง เกลียวไฟพล่านเข้าหาฝูถูเฉวียน

ท่าทางฝูถูเฉวียนเคร่งเครียดรุนแรงหลายส่วน ก่อนที่จะประสานมือเข้าหากัน รัศมีสีดำขาวแผ่ออกมาจากแขนเสื้อ กลายเป็นมังกรดำและมังกรขาวคำรามก้อง ขณะที่ปลดปล่อยลำแสงสองสีที่แตกต่างกันพุ่งใส่เปลวไฟ

ตู้ม ตู้ม!

ขณะที่ปะทะกันโลกค่ายกลก็เริ่มสั่นสะเทือนพร้อมกับความผันผวนของการทำลายล้างกวาดออกไป มากเสียจนผู้ชมที่อยู่ภายนอกยังรู้สึกถึงอุณหภูมิกระแทกกับร่างกายของพวกเขา ทำให้รู้สึกถึงความเจ็บปวด

ยากที่จะจินตนาการว่าภายในค่ายกลจะน่ากลัวเพียงใด

ชิ้งเหยี่ยนจิ้งยืนอยู่บนท้องฟ้า เสื้อคลุมพลิ้วไหวขณะมองไปที่มังกรสองตัวที่ฝูถูเฉวียนสร้างขึ้นก่อนที่มือจะประสานเข้าด้วยกัน “โลกกลั่นเก้าตะวัน!”

กีด!

อีกาทองคำทั้งเก้าเปล่งเสียงพุ่งลงไปบินฉวัดเฉวียนรอบตัวฝูถูเฉวียน ขณะที่เปลวไฟลุกโชนดวงอาทิตย์ทั้งเก้าดวงก็ค่อยๆ หายไปแทนที่ด้วยหม้อกลั่นสีทองขนาดใหญ่

พร้อมกับเพลิงเชี่ยวกราก หม้อกลั่นก็ขังฝูถูเฉวียนเอาไว้

ฟู่ ฟู่!

เพลิงสีทองรวมตัวกันรุนแรงในหม้อกลั่น อุณหภูมิสูงในโลกกลับค่อยๆ ลดลง ราวกับหดตัวไปทั้งหมด

เผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้แม้แต่ฝูถูเฉวียนยังมีสีหน้ารุนแรง

ปลายสุดของเพลิงสีทองหายไป ถูกแทนที่ด้วยลาวาสีทองเก้าหยดที่ลอยอย่างเงียบๆ แม้ว่าพวกมันจะดูไม่เป็นอันตราย แต่ฝูถูเฉวียนรู้ว่าหากหยดลาวาเก้าหยดตกลงบนพิภพเขตล่างใดๆ โลกใบนั้นก็จะไหม้เป็นเถ้าถ่าน

“ไป”

ชิ้งเหยี่ยนจิ้งชี้นิ้วออก ลาวาเก้าหยดพุ่งไปที่ฝูถูเฉวียน

ขณะที่ฝูถูเฉวียนถอยกลับก็โบกมือ มังกรดำและขาวไขว้พันกัน อึดใจเสียงตะโกนก็เปล่งว่า

“ถ้ำพุทธะ!”

รัศมีสีดำขาวไหลเวียนอย่างรุนแรง ก่อร่างเป็นหลุมดำขาว

ปุ ปุ!

เมื่อลาวาเก้าหยดพุ่งเข้าไปในถ้ำ ท่าทางฝูถูเฉวียนก็เปลี่ยนไปรุนแรง นั่นเป็นเพราะหลุมดำขาวสั่นสะเทือนบ้าคลั่งก่อนที่จะระเบิดออก

ระเบิดสีทองขนาดใหญ่ราวกับดอกเห็ดพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า คลื่นกระแทกสีทองก็กวาดออกนำพาความพินาศมาสู่โลก

ตู้ม ตู้ม!

ค่ายกลสั่นสะเทือนรุนแรงพร้อมกับใบหน้าผู้ชมซีดเซียวขณะที่เฝ้าดูคลื่นกระแทกจากภายนอก พวกเขารู้สึกว่าหนังหัวด้านชาไปหมด ถ้าค่ายกลแตกเป็นเสี่ยงๆ และคลื่นกระแทกกระจายออกไปคนส่วนใหญ่ก็จะสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน

แต่โชคดีเมื่อคลื่นกระแทกมาถึงขอบโลกค่ายกลก็สลายไป ทุกคนหันไปมองก็เห็นเคราของฝูถูเฉวียนถูกไฟไหม้ ไม่เพียงแค่นั้นเลือดเนื้อของเขายังไหม้เกรียมเป็นหย่อมๆ อีกด้วย

ภาพนี้ทำให้ผู้คนตกตะลึง ต้องรู้ว่าร่างกายของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแข็งแกร่งน่ากลัวเป็นพิเศษ แต่ถึงอย่างนั้นฝูถูเฉวียนก็ถูกทำให้อยู่ในสภาพน่าสังเวชนัก

“ค่ายกลระดับต้าจงซือขั้นเซิ่งน่ากลัวจริงๆ…” หลายคนอุทานออกมา เบื้องหน้าค่ายกลระดับนี้ใครก็ตามที่ต่ำกว่าขั้นเซิ่งตกอยู่ภายในก็ได้แต่รอความตายเท่านั้น

ภายใต้ความสนใจของทุกคนใบหน้าของฝูถูเฉวียนก็น่ากลัวลงหลายส่วน เขามองไปที่ชิงเหยี่ยนจิ้งเอ่ยตำหนิ “ชิงเหยี่ยนจิ้งคิดจะดื้อแบบนี้จริงๆ หรือ?!”

ชิงเหยี่ยนจิ้งกล่าวอย่างเย็นชา “พวกท่านรังแกลูกข้า จะให้ข้าปล่อยผ่านไปเรอะ?”

ใบหน้าของฝูถูเฉวียนเขียวคล้ำเมื่อได้ยินคำพูดของนาง จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัว “ดี ดี! ในเมื่อเจ้าตั้งใจจะดื้อด้านเองก็อย่าโทษข้าละกัน”

ฝูถูเฉวียนหายใจเข้าลึก เสียงดังก้องไปทั่วมิติฝูถู

“ขออัญเชิญเจดีย์บรรพบุรุษ!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท