หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1434 ผู้อาวุโสใหญ่คนใหม่

บทที่ 1434 ผู้อาวุโสใหญ่คนใหม่

“ขออัญเชิญเจดีย์บรรพบุรุษ!”

เมื่อน้ำเสียงที่เยือกเย็นของฝูถูเฉวียนดังก้อง เหล่าผู้ชมก็ยังคงนิ่งเฉย แต่สมาชิกเผ่าฝูถูอดไม่ได้ที่จะมีปฏิกิริยาเปลี่ยนไป

“แย่แล้ว ผู้อาวุโสใหญ่อัญเชิญเจดีย์บรรพบุรุษ!” ชิงเซวียนร้องออกมาอย่างกังวล

ท่าทางของชิงเทียนก็ไม่น่าดู เจดีย์บรรพบุรุษเป็นหนึ่งในไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าฝูถูและเพราะเจดีย์บรรพบุรุษทำให้เผ่าฝูถูสามารถยืนหยัดมั่นคงเป็นหนึ่งในห้าเผ่าโบราณโดยไม่ตกเป็นเป้าหมายของผู้อื่น

เจดีย์บรรพบุรุษนี้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ยังเกรงกลัว ย้อนกลับไปตอนที่ชิ้งเหยี่ยนจิ้งต่อสู้กับผู้อาวุโสใหญ่ เขาก็อัญเชิญเจดีย์บรรพบุรุษออกมาเพื่อปราบปรามนาง

ตอนนี้ผู้อาวุโสใหญ่รู้ชัดเจนว่าสามารถพึ่งพาเจดีย์บรรพบุรุษเพื่อปราบปรามชิงเหยียนจิ้งได้เท่านั้น

“เฮ้ เขาถูกบีบให้เรียกเจดีย์บรรพบุรุษเลยเหรอ” เมื่อหมัวเฮอโยวเห็นภาพนี้ก็ยิ้ม เขายินดีที่จะเห็นการห้ำหั่นของสองจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งของเผ่าฝูถู จะดีมากถ้าทั้งสองคนล้มลง เผ่าฝูถูจะตกจากที่นั่งการเป็นหนึ่งในห้าเผ่าโบราณด้วยเหตุผลฆ่าฟันกันเอง

ยิ่งกว่านั้นเขาก็ไม่ได้รู้สึกดีกับชิ้งเหยี่ยนจิ้งสักนิด ย้อนไปตอนนั้นที่เผ่าฝูถูต้องการสร้างสัมพันธ์กับเผ่าหมัวเฮอโดยการผ่านการแต่งงานกับหมัวเฮอเทียนพี่ชายของเขา แต่สุดท้ายชิ้งเหยี่ยนจิ้งก็ดื้อดึงหนีงานแต่ง สำหรับหมัวเฮอโยวนี่เป็นเรื่องสร้างความน่าอับอายอย่างยิ่งสำหรับเผ่าของพวกเขา

“ข้าจะขอดูว่าชิ้งเหยี่ยนจิ้งจะต้านทานสิ่งนี้อย่างไร รากฐานของเผ่าโบราณไม่ใช่สิ่งที่จะสั่นคลอนได้โดยจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งคนเดียวหรอกนะ” หมัวเฮอโยวกอดอกพลางเค้นเสียง

หากชิ้งเหยี่ยนจิ้งถูกปราบปรามภายในเจดีย์บรรพบุรุษ มู่เฉินก็ไม่รอดพ้นในการถูกจองจำแน่นอน

มู่เฉินสัมผัสได้ถึงสายตาอื่นๆ ก็ขมวดคิ้ว ถ้าฝูถูเฉวียนจะพึ่งพาเจดีย์บรรพบุรุษจริงๆ เขาคงต้องขอความช่วยเหลือจากเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม

ไม่ว่าจะต้องใช้อะไรก็ตาม วันนี้เขาต้องพามารดาไปให้ได้!

“ฝูถูเฉวียน มีวิธีการแค่นี้เองเหรอ?” ชิ้งเหยี่ยนจิ้งกล่าวเสียงเย็นขณะมองไปที่ฝูถูเฉวียน

ใบหน้าของฝูถูเฉวียนมืดครึ้ม “ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเจ้าสองแม่ลูกท้าทายอำนาจเผ่าของข้าตลอดเวลา ข้าก็ไม่อยากทำเช่นนี้ พวกเจ้าหาเรื่องใส่ตัวเอง!”

ชิงเหยี่ยนจิ้งสาดสายตาเย็นชาและกล่าวเสียงเยียบเย็น “ได้ ในเมื่อยืนกรานที่จะทำเช่นนี้ ก็มาลองดูกัน!”

“หึ ยังจะปากกล้าอีก?!”

ฝูถูเฉวียนตะคอกพลางประสานมือ ทันใดนั้นทุกคนก็สัมผัสได้ว่ามิติฝูถูสั่นสะเทือน บนท้องฟ้าสูงโลกเหมือนถูกฉีกออกจากกัน เจดีย์หินที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดค่อยๆ เคลื่อนลงมาพร้อมกลิ่นอายโบราณ

เมื่อเจดีย์หินเคลื่อนลงมา ทุกคนก็สัมผัสถึงแรงกดดันที่น่ากลัว นี่เป็นสิ่งที่ทำให้จอมยุท์ขุมพลังเทียนจื้อจุนคนอื่นตัวสั่นสะท้าน แม้แต่คลื่นหลิงในร่างกายของพวกเขาก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้เพื่อปกป้องตัวเอง

ทุกคนฉายสีหน้าตกใจหวาดผวา พวกเขามีลางสังหรณ์ว่าหากเจดีย์บรรพบุรุษพุ่งมาในทิศทางของพวกเขา งานนี้หลบหนีไม่ได้อย่างแน่นอน

“เผ่าฝูถูสมกับชื่อเสียงแท้จริง มีไพ่ตายที่น่ากลัวเช่นนี้” เหล่าจอมยุทธ์ทรงพลังถึงกับถอนหายใจ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ทำได้เพียงหลบหนี ขณะเผชิญหน้ากับเจดีย์เก่าแก่นี่

ดูเหมือนฝูถูเฉวียนจะโกรธมากในครั้งนี้

ครืนๆๆๆ!

เมื่อเจดีย์พลิ้วลงมาก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวลงสู่โลกค่ายกลที่สร้างโดยชิ้งเหยี่ยนจิ้ง ค่ายกลไม่สามารถต้านทานเจดีย์ ปล่อยให้มันเข้าไปได้อย่างง่ายดาย

“ชิ้งเหยี่ยนจิ้งตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าจะไตร่ตรองถึงความผิดพลาดหลังจากผ่านมาหลายปี แต่สุดท้ายก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในตัวเจ้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะขังเจ้าไว้จนกว่าจะรู้ข้อผิดพลาดของตัวเอง!” ฝูถูเฉวียนตะเบ็งเสียง

“ดันทุรัง”

ชิ้งเหยี่ยนจิ้งเค้นเสียง “ฝูถูเฉวียน ท่านไม่เหมาะที่จะเป็นผู้อาวุโสใหญ่ ดูสิว่าภายใต้การดูแลของท่าน ตำแหน่งประมุขว่างเว้น ไม่มีผู้ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ตระกูลเฉวียนและมั่วก็กอบโกยทรัพยากรทั้งหมดของเผ่าและไม่สนใจตระกูลอื่นที่มีความสามารถ ทำให้เผ่าฝูถูเสื่อมทรามกลายเป็นเผ่าที่อ่อนแอที่สุดในห้าเผ่าโบราณ ทั้งหมดนี้เกิดจากความดันทุรังของท่าน!”

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ฝูถูเฉวียนก็คำรามด้วยความโกรธ “ไร้สาระ!

“ไปสำนึกผิดในเจดีย์บรรพบุรุษซะ!”

ใบหน้าของเขาเขียวคล้ำ ตราประทับในมือเปลี่ยนแปลง เจดีย์ก็ปรากฏขึ้นเหนือร่างชิ้งเหยี่ยนจิ้งในทันที แม้ว่าจะเคลื่อนช้า แต่ก็ลงไปหาชิ้งเหยี่ยนจิ้งอย่างต่อเนื่อง

เจดีย์เก่าแก่ช่างแปลกประหลาด ราวกับว่าได้กำหนดเป้าหมายไว้แล้ว ไม่ว่าจะหนีอย่างไรก็เป็นความพยายามที่ไร้ประโยชน์

ทว่าชิงเหยี่ยนจิ้งไม่ได้แสดงสีหน้าตื่นตระหนกเมื่อเผชิญหน้ากับเจดีย์ นางมองไปที่ฝูถูเฉวียนด้วยแววตาผิดหวัง

“ท่านต่างหากที่ควรสงบสติอารมณ์”

ทันใดนั้นนางก็ยื่นมือออกค่อยๆ ผลักไปที่เจดีย์บรรพบุรุษที่พุ่งลงมา จากนั้นผู้คนก็ต้องตกตะลึง เจดีย์บรรพบุรุษหยุดนิ่งอยู่เหนือร่างชิงเหยี่ยนจิ้ง

“อะไรน่ะ?!”

สมาชิกเผ่าฝูถูตกตะลึงราวกับเห็นผี แม้แต่ผู้อาวุโสตระกูลชิงก็มีใบหน้าตกใจกลัว

พวกเขาเห็นอะไรน่ะ? ชิงเหยี่ยนจิ้งควบคุมเจดีย์บรรพบุรุษได้หรือเนี่ย?!

ต้องรู้ว่ามีเพียงประมุขและผู้อาวุโสใหญ่เท่านั้นที่สามารถควบคุมเจดีย์บรรพบุรุษได้ แล้วชิงเหยี่ยนจิ้งจะสั่งการได้อย่างไร?

“จะ…เจ้า!”

ฝูถูเฉวียนตกใจจนดวงตาเบิกกว้าง นิ้วมือสั่นระริกชี้ไปที่ชิงเหยี่ยนจิ้ง เขาพูดไม่ออกจากความตกใจ

“เจ้าสั่งเจดีย์บรรพบุรุษได้ยังไง?!”

พักใหญ่ฝูถูเฉวียนก็หาเสียงเจอในที่สุดก็พูดขึ้นด้วยความยากลำบาก

ชิงเหยี่ยนจิ้งเหลือบมองไปที่เขาตอบว่า “นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เจ้าจะได้สั่งการเจดีย์บรรพบุรุษแล้ว”

ใบหน้าของฝูถูเฉวียนเปลี่ยนไปรุนแรง ก่อนที่จะพยายามเปลี่ยนตราประทับเพื่อควบคุมเจดีย์บรรพบุรุษ แต่คราวนี้ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไรเจดีย์ก็หยุดนิ่งอยู่เหนือชิงเหยี่ยนจิ้งเงียบๆ โดยไม่ขยับและไม่สนใจคำสั่งของเขา

สีหน้าของฝูถูเฉวียนเปลี่ยนไปมาก เขาก้าวถอยหลังอุทานว่า “เป็นไปได้ยังไง?”

ทว่าดวงตาของชิงเหยี่ยนจิ้งไม่มีความผันผวนใดขณะอธิบาย “เมื่อผู้อาวุโสใหญ่ทั้งหลายของเผ่าฝูถูสัมผัสได้ถึงอายุขัยที่กำลังจะสิ้น พวกเขาก็จะเข้าไปในเจดีย์บรรพบุรุษและปล่อยให้คลื่นจิตถูกรักษาไว้ภายใน นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เจดีย์บรรพบุรุษทรงพลังมาก

“นั่นหมายความว่าเจตจำนงของท่านบรรพบุรุษทั้งหลายยังไหลเวียนอยู่ภายใน เจดีย์บรรพบุรุษก็ค่อยๆ สร้างจิตสำนึกของตัวเองขึ้น…”

“สิ่งที่ข้าทำก็คือรายงานการกระทำของท่านในช่วงที่ข้าถูกจองจำ สรุปสั้นๆ ก็คือไปฟ้องไงล่ะ”

“เจดีย์บรรพบุรุษมีไว้เพื่อเผ่าฝูถู ท่านบรรพบุรุษปรารถนาให้เผ่าเข้มแข็ง ดังนั้นพวกเขาจึงตอบสนองข้า…”

ชิงเหยี่ยนจิ้งมองไปที่ฝูถูเฉวียนอย่างเย็นชา “พวกเขาไม่พอใจท่านมาก ตาแก่”

ฝูถูเฉวียนราวกับว่าถูกโจมตีหนักหน่วง เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าการจัดการของเขาจะทำให้บรรพบุรุษไม่เป็นสุข นั่นไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่เขาทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาผิดเรอะ?

ชิงเหยี่ยนจิ้งพูดต่อด้วยสีหน้าสงบ “ตามกฎของเผ่าผู้ใดที่สามารถสั่งการเจดีย์บรรพบุรุษได้ก็คือผู้อาวุโสใหญ่คนใหม่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าคือผู้อาวุโสใหญ่คนใหม่!”

คำพูดของนางทำให้เกิดคลื่นในเผ่าฝูถูทันที พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมเพียงไม่กี่นาทีผู้อาวุโสใหญ่ก็เปลี่ยนคนแล้ว!

ตระกูลเฉวียนและมั่วหน้าซีดเผือด เมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่ พวกเขาก็ไม่มีเวลาที่เสวยสุขอีกแล้ว

ในทางตรงกันข้ามตระกูลชิงส่งเสียงโห่ร้อง แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสก็แสดงความยินดี ในอดีตชิงเหยี่ยนจิ้งเกลียดเรื่องประเภทนี้มาก ไม่งั้นป่านนี้นางคงเป็นประมุขหญิงของเผ่าฝูถูไปแล้ว

แต่ตอนนี้ที่ทำให้พวกเขาไม่คาดคิดคือชิงเหยี่ยนจิ้งยอมรับตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่

ท่าทางของฝูถูเฉวียนเศร้าสลด เขายังไม่หลุดจากความคิดที่ว่าท่านบรรพบุรุษทั้งหลายไม่พอใจในตัวเขา พักใหญ่เขาถึงได้ดึงสติกลับ ดูเหมือนแก่ลงมากเลยทีเดียว

ฝูถูเฉวียนมองไปที่ชิงเหยี่ยนจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงซับซ้อน “ตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่แต่แรกก็เป็นของเจ้า ข้าแค่ไม่คิดว่าเจ้าจะมาเอาไปเอง”

ชิงเหยี่ยนจิ้งเค้นเสียงเย็น “ทั้งหมดนี้ก็เพื่อลูกข้า ไม่งั้นใครจะอยากเป็นผู้อาวุโสใหญ่คร่ำครึกัน?”

“ตอนนี้ท่านจะลงจากตำแหน่งหรือยัง?”

ทุกคนมองไปที่ฝูถูเฉวียนอย่างใจจดใจจ่อ หากเขาไม่เต็มใจการต่อสู้ครั้งใหญ่ก็จะอุบัติขึ้นในเผ่าฝูถู ท้ายที่สุดก็มีโอกาสที่ยอดยุทธ์ทั้งสองจะล้มลง ทำให้เผ่าล่มสลาย หากเป็นเช่นนั้นก็จะสร้างความเสียหายใหญ่หลวงกับเผ่าฝูถู

หลังจากเงียบไปนานฝูถูเฉวียนก็ถอนหายใจยาวๆ คลี่รอยยิ้มขมขื่น “เจ้าบอกว่าข้าดื้อรั้นไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อข้าปฏิบัติตามกฎเผ่าราวกับกฎสวรรค์ ข้าจะต่อต้านพวกเขาได้อย่างไร?”

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าจะเก็บตัวเข้าสมาธิ หากเผ่าสามารถพัฒนาได้ดีขึ้นในมือเจ้า งั้น…ก็อาจเป็นข้าที่ผิดล่ะมั้ง”

“และเจ้า…ก็จะเป็นผู้อาวุโสใหญ่คนใหม่ของเผ่าฝูถู”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท