หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1431 ฝูถูเฉวียนออกโรง

บทที่ 1431 ฝูถูเฉวียนออกโรง

เมื่อเสียงเย็นชาของมู่เฉินดังก้องทุกคนก็เงียบไป

พวกเขาตกใจกับวิธีที่มู่เฉินปราบผู้อาวุโสตระกูลเฉวียนและมั่วด้วยตัวคนเดียว

พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงจะสามารถบังคับให้เผ่าฝูถูมาถึงจุดนี้ได้ ทุกคนรู้ว่าหลังจากวันนี้ชื่อเสียงของมู่เฉินจะดังสะท้อนไปทั่วมหาพันภพ…

สายตาทั้งหมดพุ่งตรงไปยังฝูถูเฉวียน พวกเขาเห็นบาตรแก้วแล่นแปลบปลาบด้วยแสง พลังงานหลายประเภทถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไร้ขอบเขต

ใบหน้าแก่ชราของฝูถูเฉวียนที่กำลังนั่งอยู่เย็นชาลง เขามองไปที่มู่เฉินโดยปลดปล่อยความกดดันน่ากลัวออกมา

แม้จะนั่งอยู่ที่นั่น ความกดดันที่เกิดขึ้นจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ยังทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนธรรมดารู้สึกบีบคั้น

“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงแบบเจ้าจะประสบความสำเร็จเช่นนี้ สมกับเป็นบุตรชายชิงเหยี่ยนจิ้งจริงๆ” ฝูถูเฉวียนเอ่ยเสียงต่ำ

“แต่ข้าบอกเจ้าไปนานแล้วว่ากฎก็คือกฎและจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ตราบใดที่ข้าเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าฝูถู ก็ไม่มีวันปล่อยแม่เจ้าไป!

“และเจ้าจะถูกตราหน้าว่าเป็นตัวกาลกิณีของเผ่าตลอดกาล!”

แสงน่ากลัววูบไหวในดวงตาของฝูถูเฉวียน เขาลุกขึ้นยืนช้าๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนภูเขากำลังกดทับ รัศมีน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายออกไปทั่วบริเวณ

“ตอนแรกข้าไม่ต้องการทำให้เรื่องยุ่งยากเพราะเห็นแก่ชิงเหยี่ยนจิ้ง แต่ในเมื่อเจ้ากล้ามาที่เผ่าฝูถูเพื่อสร้างปัญหา วันนี้ข้าก็จะขอสอนเจ้าสักหน่อย!”

ครืน!

เมื่อสิ้นเสียงของฝูถูเฉวียน ก็ทำให้เมฆบนท้องฟ้าม้วนตัวพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง ราวกับว่าวันพิพากษาโลกมาถึงแล้ว

ความโกรธเกรี้ยวของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งทำลายสวรรค์และโลกได้เลยทีเดียว

ขณะที่ผู้ชมรู้สึกกดดันก็แสดงความเคารพบนใบหน้าไปด้วย จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งอยู่บนยอดพีระมิดของมหาพันภพ เห็นได้ชัดว่าพลังของยอดยุทธ์น่าสะพรึงกลัวนัก

คราวนี้แม้แต่เย่าเฉินและหลินเตียวก็ยังฉายสีหน้าเคร่งเครียด แม้ว่าพลังของฝูถูเฉวียนจะด้อยกว่าเซียวเหยียนและหลินต้ง แต่ถึงยังไงก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งที่แท้จริง ดังนั้นจึงไม่สามารถมองข้ามไปได้

ฮึ่ม!

ทันใดนั้นบาตรแก้วก็เริ่มสั่น องค์ประกอบที่อยู่บนนั้นส่งเสียงหวีดหวิวก่อนที่จะกลายเป็นมังกรแปดตัวคำรามใส่ฝูถูเฉวียน

“เขากำลังจะเคลื่อนไหว!” ดวงตาของเย่าเฉินและหลินเตียวหดลง ก่อนที่ทั้งสองจะเทพลังงานลงในบาตรแก้วทันที

“หึ ถ้าเป็นเทพจักรพรรดิสงครามอยู่ที่นี่เอง ข้าคงไม่สามารถหลุดพ้นได้ แต่เจ้าสองคนเป็นแค่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายสุด แล้วจะนำพลังที่แท้จริงของอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นเซิ่งออกมาได้อย่างไร?”

เสียงสั่นพร่าของฝูถูเฉวียนสะท้อนก้องในบาตร เสื้อผ้าเริ่มกระพือขึ้นลงพร้อมกับรัศมียิ่งใหญ่กลั่นตัวอยู่บนฝ่ามือ

ตู้ม!

พริบตาต่อมาความสว่างไร้ขอบเขตก็พรั่งพรูออกมาจากฝ่ามือเขา กลายเป็นกงล้อสีดำขาวขนาดใหญ่โดยมีสองสีไขว้พันกัน ปลดปล่อยความผันผวนของการทำลายล้างออกมา

ฝูถูเฉวียนคำราม กงล้อก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากระแทกกับบาตรจังใหญ่

“โฮก!”

มังกรทั้งแปดธาตุก็รู้สึกว่าถูกคุกคาม ปล่อยลมปราณรุนแรงขององค์ประกอบต่างๆ มิติบิดเบือนปะทะกับกงล้อ

ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

เมื่อพลังสองสายปะทะกัน พื้นดินก็สั่นสะเทือน มิติยุบลงกลายเป็นกระแสน้ำวนอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ก้อนหินก็กลิ้งลงมาจากภูเขาจากแรงสั่นสะเทือน

แต่ไม่ว่ามังกรทั้งแปดจะพยายามโจมตีอย่างไร ก็แตกสลายทันทีเมื่อสัมผัสกับกงล้อดำขาว

“ลอยขึ้น!”

ฝูถูเฉวียนเปล่งเสียงตะโกน กงล้อก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าจากนั้นก็ชนกับบาตร

เคร้ง!

เสียงดังสนั่น ผู้ชมที่มีขุมพลังอ่อนด้อยก็กระอักเลือดออกมากบปาก ร่างร่วงนอนพังพาบลงบนพื้น มีเพียงคนที่แข็งแกร่งเพียงพอเท่านั้นที่สามารถลบล้างพลังของคลื่นเสียงได้

ทุกคนจับจ้องไปที่บาตร ก็เห็นอาการสั่นรุนแรงราวกับมีพลังมหาศาลสอดแทรก จากนั้นมันก็กระเด็นกลับไปพร้อมกับระเบิด

เมื่อบาตรเคลื่อนหลุด ฝูถูเฉวียนก็กลายเป็นลำแสงทะยานออกมา

หลินเตียวและเย่าเฉินขมวดคิ้วกับฉากนี้ จากนั้นก็เตรียมควบคุมบาตรแปดเทวลิขิตอีกครั้ง

“ผู้อาวุโสไม่ต้องลงมือแล้ว ให้ข้าจัดการส่วนที่เหลือเองเถอะ” ทันใดนั้นเสียงของมู่เฉินก็ดังขึ้นทำให้ทั้งสองคนหยุดชะงัก

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน แม้ว่าหลินเตียวและเย่าเฉินจะใช้บาตรแก้ว แต่พวกเขาก็ไม่สามารถต่อกรกับฝูถูเฉวียนได้ หากฝืนสู้พวกเขาอาจได้รับบาดเจ็บแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่มู่เฉินไม่เต็มใจที่จะเห็น

เย่าเฉินและหลินเตียวสบตากัน พวกเขาเข้าใจความคิดของมู่เฉินแต่ละคนผงกหัวหลังจากครุ่นคิดชั่วครู่

“มู่เฉิน หากสถานการณ์ไม่ดีก็ถอยเลย ถ้าพวกเขาคิดจะข่มเจ้าด้วยความอาวุโส ลูกศิษย์ข้าคงจะมาขอคำชี้แนะเอง” เย่าเฉินตอบอย่างไม่เร่งรีบ

“แคว้นหวูก็เหมือนกัน” หลินเตียวกล่าวอย่างเย็นชา

คำพูดของพวกเขาทำให้ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที พวกเขาหดดวงตาแม้แต่สมาชิกเผ่าฝูถูด้วย ถ้าเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามมาที่นี่จริงๆ ละก็ วันนี้คงจะหนักหน่วงอย่างมากแม้กระทั่งเผ่าฝูถูก็ตาม

บนท้องฟ้าแม้ว่าฝูถูเฉวียนจะยังคงเฉยเมย แต่ม่านตาก็กระเพื่อมเล็กน้อย ไม่ช้าก็สงบลง เขาจะไม่ได้ยินคำเตือนในคำพูดของเย่าเฉินและหลินเตียวได้อย่างไร? แต่ในฐานะคนยอมหักไม่ยอมงอ ไม่เพียงแต่เขาไม่ขวางยังเค้นเสียงใส่ด้วย “ข้าได้ยินมานานเกี่ยวกับชื่อเสียงของเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม แต่ยังไงก็ตามไม่มีใครสามารถขัดขวางเผ่าฝูถูในการจัดการกับไอ้หนูนี่!”

เมื่อพูดจบ สายตาคมของเขาก็พุ่งตรงไปที่มู่เฉิน “ถ้าเจ้าคิดว่าจะสู้กับข้าได้หลังจากควบคุมค่ายกลพิทักษ์ ก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”

ทว่ามู่เฉินไม่ได้สนใจคำพูดของฝูถูเฉวียน กลับสร้างตราประทับขึ้นอย่างรวดเร็ว ค่ายกลขนาดใหญ่บนท้องฟ้าก็เริ่มหมุน รังสีไร้ขอบเขตพุ่งไปที่ฝูถูเฉวียน

“ดูเหมือนว่าเจ้าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะมอบความปรารถนาให้เอง!”

ฝูถูเฉวียนทะยานออกมาด้วยความโกรธพลางสะบัดมือ กงล้อสีดำขาวอีกวงก็ถูกสร้างขึ้น พุ่งไปบนท้องฟ้าปะทะกับรังสีเหล่านั้น สลายการโจมตีทันที

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็หดตาลง จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งน่าเกรงขามอย่างแท้จริง ด้วยค่ายกลนี้เขาสามารถเอาชนะเฉวียนกวางและมั่วถงได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่สามารถทำอะไรกับฝูถูเฉวียนได้เลย

ฟิ้ว!

เมื่อกงล้อสีดำขาวทำลายรังสีได้ก็บินเข้าหามู่เฉินด้วยแรงเคลื่อนที่น่ากลัว ราวกับว่าสามารถบดทำลายทุกสิ่งในโลกได้

มู่เฉินสายตาสั่นไหว ไม่คิดจะปะทะกับกงล้อสีดำขาวซึ่งหน้า วูบเดียวเขาก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าซ่อนตัวอยู่ในค่ายกลขนาดใหญ่ จากนั้นก็ควบคุมค่ายกลโจมตีกงล้อสีดำขาวอย่างต่อเนื่อง

ครืนๆ!

ทันใดนั้นชุดเสียงสั่นสะเทือนก็สะท้อนออกมาพร้อมกับผลกระทบที่น่ากลัว ทำให้ภูเขาสูงยุบลง…ยุบลงไปบนพื้นต่อเนื่อง…

ทว่าทุกคนบอกได้ว่าค่ายกลพิทักษ์กำลังค่อยๆ อ่อนแอลงเนื่องจากกงล้อสีดำขาวเข้าใกล้มาทุกที

“สุดท้ายมู่เฉินก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงเท่านั้น แม้จะมีค่ายกลพิทักษ์ก็ไม่มีทางที่จะต่อสู้กับฝูถูเฉวียนได้” ผู้เชี่ยวชาญหลายคนถอนหายใจอย่างเสียดายเมื่อเห็นฉากนี้

“ค่ายกลพิทักษ์พิเศษมาก แต่น่าเสียดายที่มู่เฉินไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด มิฉะนั้นฝูถูเฉวียนก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้”

“ดูเหมือนว่าเขาจะยืนหยัดได้อีกไม่นานแล้ว…”

“…”

เสียงกระซิบดังก้อง ทุกคนเห็นแนวโน้มพ่ายแพ้ของมู่เฉิน

มู่เฉินยังคงแสดงออกอย่างสงบ ขณะที่ซ่อนตัวอยู่ในค่ายกลขนาดใหญ่พร้อมกับสายตาวูบไหว จากนั้นเขาก็หลับตาลง

ตั้งแต่เริ่มต้นเขารู้ว่าตนเองไม่สามารถต่อกรกับฝูถูเฉวียนด้วยค่ายกลได้ ท้ายที่สุดแล้วความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็เหนือจินตนาการ ไม่ใช่สิ่งที่จะสู้ได้ด้วยพลังภายนอก

ดังนั้นเหตุผลที่เขาควบคุมค่ายกลพิทักษ์ไม่ใช่เพื่อเผชิญหน้ากับฝูถูเฉวียนแต่ด้วยเหตุผลอื่น

ฮา

เขาพ่นลมหายใจสีขาวขุ่นออกมา ประสาทสัมผัสก็แพร่กระจายไปทั่วค่ายกลทันที ครอบคลุมมิติฝูถูทั้งหมด

บางส่วนของค่ายกลทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยและใกล้ชิด เขารู้ว่านั่นคือจุดที่แม่ของเขาเสริมเข้ามา ตราบเท่าที่เขาติดตามไปก็จะสามารถพบสถานที่ที่เขากำลังมองหา

ครืนๆๆๆ!

เขาตัดสิ่งรบกวนจากภายนอกออกไปมุ่งเน้นที่การรับรู้ในทุกๆ ตารางนิ้วของเผ่าฝูถู ท้ายที่สุดเขาก็รู้สึกถึงความผันผวนที่คุ้นเคย

ดังนั้นเมื่อกระแสจิตของเขาทะลุผ่านมิติ เขาก็เห็นเจดีย์โบราณตรงหน้า เจดีย์นี้เขาเคยเห็นมาก่อน เป็นสถานที่ที่เขามาเพื่อปรับแต่งเจดีย์พุทธะนั่นเอง

เมื่อกระแสจิตเข้าใกล้เจดีย์ก็ไม่ได้ถูกขัดขวาง เนื่องจากถูกถ่ายทอดจากค่ายกลทำให้เขาสามารถผ่านไปได้…

ไม่ช้ากระแสจิตก็หยุดลงในสถานที่หนึ่ง ร่างกายของเขาเริ่มสั่นสะท้านเพราะสัมผัสได้ถึงการเชื่อมโยงของสายเลือด

ดังนั้นกระแสจิตจึงเริ่มพึมพำเสียงสะท้อน

“ท่านแม่…ข้ามารับท่านกลับบ้านแล้ว”

ในพื้นที่แห่งนั้น จู่ๆ สตรีในชุดขาวก็เงยหน้าขึ้น มองไปที่มุมหนึ่งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

นางเช็ดน้ำตาบนแก้มเบาๆ แล้วยิ้ม จากนั้นรัศมีอ่อนโยนรอบตัวนางก็ค่อยๆ หดกลับแทนที่ด้วยรัศทีที่เยือกเย็นและดุร้าย

ร่างกายของนางสั่นสะท้าน ก่อนที่จะค่อยๆ หายไป ทิ้งเสียงที่ดังก้องไว้เบื้องหลังความว่างเปล่า

“ลูกรัก จากวันนี้ไปจะไม่มีใครมารังแกเจ้าได้อีก…”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท