หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1437 ยกระดับเจดีย์พุทธะ

บทที่ 1437 ยกระดับเจดีย์พุทธะ

ภายในเจดีย์บรรพบุรุษ

ดูเหมือนจะมีมิติมากมายภายในเจดีย์และมู่เฉินก็นั่งอยู่หนึ่งในนั้น เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับดวงตาที่สั่นไหว เขาสามารถมองเห็นเงาโบราณวูบวาบภายในความว่างเปล่า พื้นที่นี้ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยรัศมีประสบการณ์

“เจดีย์บรรพบุรุษนี้เป็นไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าฝูถูซึ่งได้รับการสืบทอดมาหลายแสนปี ก่อนที่ผู้อาวุโสใหญ่ทุกคนจะสิ้นอายุขัย พวกเขาจะมาที่นี่และกระจายคลื่นหลิงออกไปเพื่อหลอมรวมกับเจดีย์บรรพบุรุษ ซึ่งนี่ทำให้เจดีย์บรรพบุรุษได้รับพลังอันไร้ขอบเขตเช่นนี้เมื่อเวลาผ่านไป”

ชิงเหยี่ยนจิ้งนั่งข้างมู่เฉินใบหน้านางดูเคร่งขรึมขณะที่กล่าวขึ้น “หากพลังอันเต็มเปี่ยมของเจดีย์บรรพบุรุษถูกปลดปล่อยออกมา สามารถสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งได้เลยทีเดียว”

“อดีตตอนที่จักรวรรดิปีศาจต่างมิติบุกเข้ามาในมหาพันภพ พวกมันก็โจมตีเผ่าฝูถู เหล่าบรรพบุรุษได้ใช้พลังของเจดีย์บรรพบุรุษเพื่อสังหารจอมปีศาจระดับเทียนสามคน”

เมื่อมู่เฉินได้ยินเช่นนั้นก็ฉายความขนพองสยองเกล้าบนใบหน้า จอมปีศาจระดับเทียนถือได้ว่าเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง ไม่คิดว่าพวกมันจะถูกสังหารโดยเจดีย์บรรพบุรุษ ดังนั้นบอกได้เลยว่าเจดีย์บรรพบุรุษน่ากลัวเพียงใด

“ที่จริงแล้วสรุปง่ายๆ ก็คือเจดีย์บรรพบุรุษถือว่าเป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยม มิหนำซ้ำยังอยู่ในแถวหน้าของชั้นเซิ่งอีกด้วย”

มู่เฉินพยักหน้า เขาเคยเห็นบาตรแก้วแปดเทวลิขิตที่เป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นเซิ่งที่ได้รับการปรับแต่งโดยเทพจักรพรรดิสงครามและมันก็แค่ปลิวออกไปหลังจากรับการโจมตีของฝูถูเฉวียน แต่กระนั้นก็ไม่มีร่องรอยการแตกหักใดๆ ดังนั้นเขาจึงสามารถบอกได้ว่าสุดยอดอาวุธเทพนี้ทรงพลังเพียงใด

เห็นได้ชัดว่าเจดีย์บรรพบุรุษทรงพลังยิ่งกว่าบาตรแก้วแปดเทวลิขิต ตามการคาดการณ์ของเขานี่อาจเป็นหนึ่งในอาวุธมหสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดในมหาพันภพ

“อีกครู่ข้าจะเร้ารัศมีบรรพบุรุษออกมา เจ้าก็รีบดูดซับซะ แม้ว่าเจดีย์พุทธะของเจ้าจะได้รับการพิจารณาให้เป็นอันดับต้นของอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมธรรมดา แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นหลิงด้วยซ้ำ ดังนั้นข้าหวังว่าระดับของเจดีย์พุทธะของเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นด้วยสิ่งนี้” ชิงเหยี่ยนจิ้งยิ้ม

หัวใจของมู่เฉินถูกล่อลวงเมื่อได้ยิน เขารู้ถึงผลของเจดีย์พุทธะดี ไม่เพียงแต่สามารถผนึกได้ ยังสามารถเปลี่ยนคลื่นหลิงของเขาให้เป็นผลึกคลื่นบริสุทธิ์ ซึ่งมอบความมั่นใจให้กับเขาที่จะต่อกรจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนได้

มิฉะนั้นเพียงแค่คลื่นหลิงของเขาเพียงอย่างเดียว อาจถูกปราบปรามโดยจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนแล้ว ดังนั้นนี่จึงเป็นข่าวดีหากเขาสามารถยกระดับเจดีย์พุทธะได้อีกครั้ง

“ตกลง”

มู่เฉินพยักหน้าด้วยความคาดหวัง

ชิงเหยี่ยนจิ้งไม่ได้พูดอะไรเมื่อเห็นภาพนี้ จากนั้นนางก็วาดตราประทับ ทันใดนั้นมิติก็ผันผวนพร้อมกับเสียงกระหึ่มเก่าแก่ดังผ่านมิติที่ไม่มีที่สิ้นสุด

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองเห็นรัศมีโบราณที่ไหลลงมา

เมื่อรัศมีโบราณปรากฏขึ้น มู่เฉินก็สัมผัสได้ถึงเจดีย์พุทธะภายในร่างกายสั่นไหวรุนแรงราวกับว่าได้เจออาหารอันโอชะ

มากจนก่อนที่มู่เฉินจะเรียกออกมา เจดีย์พุทธะก็ผุดขึ้นมาเหนือศีรษะและขยายออกไปอย่างรวดเร็ว มีขนาดหมื่นจั้งภายในเวลาไม่กี่ลมหายใจ

เจดีย์พุทธะแผ่รัศมี ดูดเกลียวรัศมีโบราณเข้าไปในเจดีย์

พร้อมกับการดูดซับรัศมีโบราณ แสงศักดิ์สิทธิ์ก็พวยพุ่งขึ้นบนเจดีย์ ดูลึกลับและบริสุทธิ์ยิ่งนัก

ในเวลาเดียวกันเจดีย์พุทธะขนาดใหญ่ก็ราวกับได้ขับสิ่งสกปรกออกไป ค่อยๆ ลดขนาดลง

ขณะที่หดตัวรัศมีศักดิ์สิทธิ์จากเจดีย์พุทธะก็บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ภายนอกเจดีย์ก็มีรัศมีโบราณไหลเวียนอยู่

เมื่อมู่เฉินสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเจดีย์พุทธะ เขาก็ค่อยๆ หลับตาลงเข้าสู่สมาธิลึกซึ้ง เนื่องจากเขารู้สึกได้ถึงคลื่นหลิงจำนวนมหาศาลที่ถ่ายเทเข้าสู่ร่างกาย

เมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งเห็นภาพนี้ก็ยิ้มก่อนจะหายตัวไปอย่างช้าๆ

มู่เฉินฝึกฝนตลอดทั้งเดือน

หลังจากหนึ่งเดือนผ่าน ชิงเหยี่ยนจิ้งก็ปรากฏตัวในมิติอีกครั้งพร้อมกับความตกใจและดีใจบนใบหน้าเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า

ยามนี้มู่เฉินยังคงนั่งนิ่ง ทว่าเจดีย์พุทธะได้หดตัวลงเหลือขนาดเท่าฝ่ามือขณะที่ลอยอยู่เหนือมู่เฉิน ดูดซับรัศมีโบราณอย่างต่อเนื่อง

ขนาดไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียว แต่แม้กระทั่งรัศมีก็ยังมีร่องรอยของกลิ่นอายโบราณเข้มข้น

ขณะนี้เจดีย์พุทธะดูเหมือนจะไม่ได้ถูกสร้างจากคลื่นหลิง แต่ได้รับการขัดเกลาจนถึงขีดสุด ราวกับเป็นเจดีย์ผลึกแก้วของจริงที่ล่องลอยอยู่ในความลึกซึ้ง

นอกจากนี้ยังมีความผันผวนคลื่นหลิงทรงพลังที่เปล่งออกมาราวกับว่าเป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมของแท้

ตามการคาดการณ์ของชิงเหยี่ยนจิ้ง เจดีย์พุทธะน่าจะมีคุณภาพเทียบเท่าอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นหลิงแล้ว

ทว่านั่นยังไม่ใช่ขีดจำกัด

นางสัมผัสได้ว่าเจดีย์พุทธะยังสั่นสะท้านอยู่ตลอดเวลา กำจายความตะกละตะกลามขณะที่ดูดซับรัศมีโบราณราวกับว่าต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นไปอีก

ทว่ารัศมีโบราณที่พุ่งลงมาไม่ได้เข้มข้นมาก ดังนั้นการเพิ่มประสิทธิภาพจึงช้าลง

“ในเมื่อเฉินเอ๋อมีความสามารถเช่นนี้ ในฐานะมารดาข้าต้องช่วยเขาหน่อยแล้ว”

ชิงเหยี่ยนจิ้งยิ้มถ้าเป็นผู้อาวุโสทั่วไป นางก็ไม่สนใจแน่นอน เนื่องจากรัศมีโบราณในเจดีย์บรรพบุรุษล้ำค่ามาก ดังนั้นเว้นแต่จะเป็นคนที่มีคุณูปการยิ่งใหญ่ มิฉะนั้นไม่มีทางที่จะได้รับแน่

ทว่าคนอย่างชิงเหยี่ยนจิ้งไม่เล่นตามกฎอยู่แล้ว ในมุมมองของนางรัศมีบรรพบุรุษอาจมีค่า แต่ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะลอยอยู่แค่ที่นี่ ดังนั้นใช้ประโยชน์มอบคุณค่าให้ซะจะดีกว่า

นางเคาะนิ้วมิติก็สั่นไหว รัศมีโบราณเริ่มหนาแน่นขึ้นและเทลงไปในเจดีย์พุทธะ

ฮึ่ม ฮึ่ม!

เมื่อรัศมีโบราณจำนวนมหาศาลหลั่งไหลลงมา เจดีย์พุทธะก็สั่นสะท้านรุนแรง เปล่งประกายราวกับว่าสามารถยับยั้งสรรพสิ่งในโลกได้

ชิงเหยี่ยนจิ้งยังสามารถเห็นลวดลายโบราณเริ่มปรากฏบนพื้นผิวของเจดีย์ซึ่งดูโบราณและลึกซึ้ง

ตู้ม!

เมื่อลวดลายโบราณปกคลุมทั้งเจดีย์ เจดีย์ผลึกแก้วนี้ก็สั่นสะท้าน แสงที่เปล่งออกมาทำให้กระทั่งชิงเหยี่ยนจิ้งยังต้องหรี่ตาลง

แสงคงอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะหายไป

เจดีย์พุทธะลอยอยู่เหนือศีรษะมู่เฉิน แสงเริ่มหดตัวลงกลายเป็นภาพโบราณที่มีลวดลายอยู่บนตัว ซึ่งทำให้มิติโดยรอบแปรปรวน

ในเวลาเดียวกันมู่เฉินก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เจดีย์พุทธะที่ลอยอยู่เหนือศีรษะก็พลิ้วลงมาที่ฝ่ามือ

มู่เฉินจ้องมองไปที่เจดีย์และสัมผัสได้ถึงพลังที่น่าตกใจนั่น

ตามการคาดการณ์ของเขาเจดีย์พุทธะนี้อาจไม่ได้ด้อยไปกว่ากระบี่เกล็ดจักรพรรดิเลย

ในอดีตกระบี่เกล็ดจักรพรรดิเป็นหนึ่งในไพ่ตายของเขา แต่ตอนนี้แม้ว่าเจดีย์พุทธะจะเทียบไม่ได้กับกระบี่ที่อยู่ในจุดสูงสุด แต่ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว

ที่สำคัญที่สุดยังมีคลื่นหลิงมหาศาลหลั่งไหลออกมาจากเจดีย์พุทธะกลับเข้าสู่ร่างกายของเขา ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาก้าวหน้าขึ้นอีกครั้งทะลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะกลางแล้ว

“สมกับเป็นเจดีย์พุทธะ สามารถพัฒนาในระดับนี้ได้ด้วยรัศมีโบราณ” ชิงเหยี่ยนจิ้งถอนหายใจ

ตอนนี้เจดีย์พุทธะมาถึงจุดสูงสุดของอาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นเซียนแล้ว

อาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นเซียนเป็นสิ่งที่หาได้ยาก แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็ไม่มีในครอบครอง มากจนจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งบางคนที่เพิ่งบรรลุก็ใช้อาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมในชั้นนี้ ดังนั้นจึงมองเห็นมูลค่าได้

ด้วยอาวุธมหสวรรค์ระดับนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มก็สามารถต่อกรกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงได้

“ขอบคุณท่านแม่”

มู่เฉินยิ้ม เขารู้ดีว่าถ้าไม่ใช่เพราะมารดาควบคุมเจดีย์บรรพบุรุษเพื่อให้รัศมีโบราณทรงคุณค่าเพิ่ม คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่เขาจะไปถึงจุดนี้ได้

ชิงเหยี่ยนจิ้งยิ้ม “รัศมีโบราณไม่มีประโยชน์ถ้าทิ้งไว้ที่นี่หรอก ในเมื่อเจ้ามีความสามารถก็เอาไปเถอะ แต่นี่คือสิ่งที่เป็นของเผ่าฝูถู แม่หวังว่าหากอนาคตเผ่าฝูถูตกอยู่ในอันตราย เจ้าจะลงมือช่วยเหลือนะลูกรัก”

ชิงเหยี่ยนจิ้งรู้ว่ามู่เฉินไม่มีความรู้สึกดีกับเผ่าฝูถูด้วยมีม่านกั้นอยู่ในใจเขา แต่นี่เป็นสิ่งที่นางไม่อยากเห็น ดังนั้นนางจึงอยากใช้สิ่งนี้ปัดเป่าความขุ่นเคืองในใจของบุตรชายไปบ้าง

มู่เฉินรู้ความคิดของชิงเหยี่ยนจิ้งดี ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าหลังจากไตร่ตรองชั่วครู่ “ตราบใดที่ท่านแม่สบายดี ก็ไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้ระหว่างข้ากับเผ่าฝูถู”

“ทักษะการฝึกฝนและสายเลือดของข้าแม้จะมาจากท่านแม่ แต่ท่านก็มาจากเผ่าฝูถู ดังนั้นหากเผ่ามีปัญหาในอนาคตข้าจะต้องช่วยเหลือแน่”

ชิงเหยี่ยนจิ้งพยักหน้าด้วยความพอใจพลางลูบศีรษะมู่เฉินด้วยความรักก่อนที่จะยิ้ม “ในเมื่อเรียบร้อยแล้ว เราก็เตรียมออกเดินทางกันเถอะ”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นความปีติยินดีก็ฉายบนใบหน้าของมู่เฉิน

“ได้เลย!”

เมื่อเห็นความสุขของบุตรชาย ชิงเหยี่ยนจิ้งก็รู้สึกยินดีตามไปด้วย นางยิ้มด้วยความปรารถนาข้นคลั่กในดวงตา

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท