หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1453 แก่นโลหิตชั้นยอด

บทที่ 1453 แก่นโลหิตชั้นยอด

ปุ!

เมื่อกระโดดลงไปในสระมู่เฉินสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความผันผวนของมิติรอบตัว ก่อนที่เขาจะรู้สึกเหมือนดำดิ่งลงไปในน้ำ…

เขากวาดสายตาไปก็เห็นเพียงจิ่วโยวที่อยู่ภายในห้วงน้ำขนาดใหญ่ที่ไร้ก้นด้วยกัน ซึ่งให้ความรู้สึกน่าขนพองสยองเกล้านัก

แสงหลิงพวยพุ่งออกจากร่างกายทั้งสอง แยกตัวพวกเขาออกจากน้ำ เมื่อมองไปที่น้ำสีมรกตรอบตัว มู่เฉินก็หดดวงตา เนื่องจากเขาสัมผัสได้ถึงความหนาแน่นและรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าทุกๆ หยดบรรจุด้วยภาพสัตว์อสูรขนาดเล็ก…

“ในทะเลสาบนี้อัดแน่นด้วยพลังสายเลือดบริสุทธิ์”

มู่เฉินถอนหายใจ สถานที่ที่เรียกว่าสระยกเทพนั้นคล้ายมหาสมุทรเทพสร้างในดินแดนเสินโซ่ ทว่าที่นี่สร้างด้วยความตั้งใจของผู้คน ยิ่งกว่านั้นเนื่องจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเข้ามาด้วยความเต็มใจก่อนที่จะตาย ดังนั้นจึงง่ายต่อการดูดซึม

ตรงกันข้ามมหาสมุทรเทพสร้างมาจากเหล่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนที่เสียชีวิตในสงคราม ซึ่งแต่ละคนมีเจตจำนงที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงมีความรุนแรงและยากที่จะดูดซับ

“น่าเสียดายที่เจ้ายังไม่บรรละดับเทียนจื้อจุน มิฉะนั้นการเพาะบ่มในมหาสมุทรเทพสร้างจะดีกว่าที่นี่มาก” มู่เฉินกล่าว

ย้อนกลับไปตอนนั้นราชันเทพอสูรทั้งสามได้มอบป้ายหยกให้แก่เขา ซึ่งสามารถเปิดโอกาสให้เขาเข้าไปได้อีกครั้ง แต่หลังจากใช้แล้วมหาสุมทรเทพสร้างอาจสลายหายไปในความว่างเปล่า

“มหาสมุทรเทพสร้างทรงพลัง แต่ก็อันตรายเกินไป นอกจากนี้… เจ้าเหมาะที่จะใช้โอกาสสุดท้ายนั่นมากกว่าข้า” จิ่วโยวยิ้มเรียบง่าย

มู่เฉินส่ายหัวไม่พูดต่อ แต่มองไปรอบๆ แล้วถามว่า “เราจะทำยังไงกันต่อล่ะ?”

“สระยกเทพนี้ถูกสร้างขึ้นโดยบรรพบุรุษ สายเลือดที่นี่มีพลังมาก เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะเกิดการควบแน่นกลายเป็นแก่นโลหิตชั้นยอด ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเทพอสูร หากสามารถชำระได้ พวกมันก็จะช่วยปรับแต่งและพัฒนาสายเลือด”

ดวงตาของจิ่วโยวลุกเป็นไฟขณะที่มองไปรอบๆ พูดต่อว่า “แก่นโลหิตชั้นยอดทรงพลังมากและสามารถเปลี่ยนเป็นภาพเทพอสูรว่ายวนไปมาภายในสระนี้ หากพบก็ต้องพยายามจับภาพมาให้ได้”

“แต่เราต้องไม่ชักช้า แม้ว่าสระยกเทพจะดูใหญ่โต แต่แก่นโลหิตชั้นยอดมีจำกัดมาก พวกอัจฉริยะจากเผ่ามหาเทพอสูรจะต้องแย่งชิงกันด้วยความเร็วสูงสุดแน่นอน”

“สายเลือดหนาแน่นเรอะ…”

มู่เฉินครุ่นคิดก่อนที่จะหลับตาลง คลื่นหลิงของเขาก็พรั่งพรูออกมา แม้ว่าทะเลสาบนี้จะเต็มไปด้วยรัศมีสายเลือด แต่แก่นโลหิตชั้นยอดเหล่านั้นก็ควบแน่นอย่างมาก ดังนั้นหากอยู่ใกล้ๆ เขาสัมผัสได้แน่นอน

เมื่อเห็นความพยายามของมู่เฉิน จิ่วโยวก็รออยู่ด้านข้างเงียบๆ ไม่ได้รบกวนใดๆ

การรับรู้ของมู่เฉินเกิดขึ้นชั่วขณะก่อนที่เขาจะลืมตาโพลงมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ “ที่นั่นมีรัศมีสายเลือดทรงพลังอยู่!”

“ไปกันเถอะ!”

จิตใจของจิ่วโยวสั่นสะท้านเมื่อได้ยิน ทั้งสองคนพุ่งตัววาดเส้นลึกสองสายในน้ำสีมรกต

ตามทิศทางที่มู่เฉินบอก พวกเขาทะยานไปอยู่หลายนาทีก่อนที่จะลดความเร็วแล้วมองขึ้นไปข้างหน้าด้วยความอยากรู้ พวกเขาเห็นเหยี่ยวสีทองขนาดมหึมาสยายปีกพร้อมกับรัศมีสายเลือดโหมกระหน่ำรุนแรงออกไป

คลื่นหลิงรวมกันในดวงตามู่เฉิน เขาสามารถมองเห็นไข่มุกสีแดงเข้มที่ใจกลางเหยี่ยวสีทองตัวนั้น รัศมีสายเลือดหนาแน่นจนทำให้เขาพูดไม่ออก

“แม้ว่าเหยี่ยวทองคำตัวนี้จะเป็นแก่นโลหิตชั้นยอด แต่ก็เปรียบได้กับระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม” จิ่วโยวยิ้มอย่างขมขื่น นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมจอมยุทธ์ที่อยู่ภายใต้ระดับเทียนจื้อจุนจึงได้รับอนุญาตให้พาองครักษ์มาได้ มิฉะนั้นนางจะไม่สามารถรับอะไรไปได้ แม้ว่าจะพบแล้วก็ตาม

“ปล่อยให้ข้าจัดการเอง”

มู่เฉินยิ้มสะบัดมือออก คลื่นหลิงขนาดใหญ่ของเขากวาดไปกลายเป็นมือมหึมาคว้าไปที่ร่างเหยี่ยวทองคำ

เหยี่ยวทองคำรับรู้ถึงมือนั่น แม้ว่ามันจะไม่มีสติปัญญา แต่ก็พยายามที่จะหลบหนีตามสัญชาตญาณ

ตู้ม!

แต่เมื่อมันกางปีกออก มือก็พุ่งลงมาบดขยี้ ทำให้ร่างเหยี่ยวระเบิดออก

ขณะที่คลื่นสายเลือดพัดออกไป มู่เฉินก็ยื่นมือออกมาคว้าแสงสีแดงเข้มไว้ สุดท้ายก็ลอยอยู่บนฝ่ามือ

นี่เป็นมุกโลหิตขนาดเท่ากำปั้นที่ดูแปลกใหม่มากและเปล่งรัศมีสายเลือดที่หนาแน่นออกมา

มู่เฉินมองไปที่แก่นโลหิตชั้นยอดก็อดไม่ได้ที่จะตกใจกับความหนาแน่นของสายเลือด ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปเมื่อสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงที่ซ่อนตัวอยู่ในร่างกายกำลังคำรามออกมา

พวกมันกำลังกระหายอยากราวกับว่าต้องการกลืนกินแก่นโลหิตชั้นยอดนี้

มู่เฉินรู้สึกประหลาดใจเมื่อสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง ก่อนที่เขาจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุน วิญญาณเทพอสูรทั้งสองก็ช่วยเพิ่มพลังในการต่อสู้ได้มาก แต่หลังจากบรรลุเทียนจื้อจุน พวกมันก็เริ่มไร้ประโยชน์ไปแล้ว

เนื่องจากพวกมันมีพลังระดับตี้จื้อจุนเท่านั้น ดังนั้นต่อให้เรียกออกมาก็ไร้ประโยชน์ มู่เฉินเคยค้นหาวิธีมากมายที่จะพยายามพัฒนาจิตวิญญาณทั้งสองให้กลายเป็นมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่สำเร็จสักที

“ดูเหมือนสระยกเทพนี้จะเป็นโอกาสสำหรับมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงของข้าด้วย” มู่เฉินครุ่นคิด หากจิตวิญญาณทั้งสองสามารถบรรลุระดับเทียนจื้อจุนได้ พวกมันก็จะมีประโยชน์ต่อมู่เฉินอีกครั้ง

มู่เฉินระงับความคิดเหล่านั้นสะบัดนิ้วส่งแก่นโลหิตชั้นยอดไปให้จิ่วโยว

เป้าหมายของเขาในสระยกเทพก็คือเพื่อช่วยจิ่วโยวในการวิวัฒนาการ ดังนั้นอย่างน้อยเขาก็ต้องทำงานให้เสร็จก่อนถึงจะพิจารณาของตัวเองต่อ

“ขอบใจ!”

จิ่วโยวไม่มากมารยาท นางเปิดปากแก่นโลหิตชั้นยอดก็กลายเป็นกระแสแสงโลหิตเข้าสู่โพรงปากแล้วระเบิดด้วยคลื่นโลหิตรุนแรงในเวลาต่อมา

อักขระโลหิตปรากฏบนผิวของจิ่วโยวเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในร่างกายของนาง รัศมีโลหิตที่ไร้ขอบเขตอบอวลภายใน สายเลือดวิหคอมตะที่ซ่อนอยู่ก็ค่อยๆ หนาแน่นขึ้น

การเปลี่ยนแปลงนี้ใช้เวลาประมาณครึ่งก้านธูป ก่อนที่นางจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นพร้อมกับเพลิงสีม่วงเข้มลุกโชนอยู่ภายใน

“สมเป็นสระยกเทพจริงๆ”

จิ่วโยวอดไม่ได้ที่จะสรรเสริญ นางฝึกฝนอย่างขมขื่นในอดีตก็ยากที่จะทำให้สายเลือดหนาแน่นขึ้น ทว่าการเติบโตในสระยกเทพน่าตกใจมาก

มู่เฉินมองเห็นการเติบโตของจิ่วโยวได้อย่างชัดเจน แต่เขาก็ไม่แปลกใจ การฝึกฝนของเทพอสูรไม่เหมือนกับมนุษย์ มนุษย์อ่อนแอตั้งแต่แรกเกิดและจะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งด้วยการฝึกฝน ตรงกันข้ามเทพอสูรเกิดมาพร้อมพลังแข็งแกร่ง แต่ยากที่จะพัฒนา ทว่าเมื่อมีโอกาสก็จะรุดหน้าอย่างรวดเร็ว

“ไปต่อกันเถอะ”

มู่เฉินยิ้มแก่นโลหิตชั้นยอดในสระยกเทพหายากมาก ดังนั้นเขาต้องทำเวลาเพื่อคว้าให้ได้

เมื่อพูดจบเขาก็ทะยานออกไปโดยมีจิ่วโยวติดตามมาด้านหลัง

หลายชั่วโมงต่อจากนั้น พวกเขาพบสัตว์อสูรเจ็ดตัวที่สร้างขึ้นโดยแก่นโลหิตชั้นยอดด้วยการรับรู้ของมู่เฉิน ซึ่งมู่เฉินก็บดขยี้พวกมันให้กลายเป็นร่างเดิมได้อย่างง่ายดายเพื่อให้จิ่วโยวกลืนกินพวกมัน

ภายใต้อิทธิพลของแก่นโลหิตชั้นยอด รัศมีของจิ่วโยวก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น รัศมีโลหิตขนาดใหญ่ในร่างกายนางถึงขนาดซึมเข้าไปรวมกันเป็นไข่อยู่ข้างหลัง…

มู่เฉินรู้ดีว่านั่นเป็นสัญญาณว่าสายเลือดของจิ่วโยวกำลังพัฒนา เมื่อไข่แตกนางก็จะวิวัฒนาการเป็นวิหคอมตะ

“ในที่สุด… ก็มีโอกาสพัฒนา…” จิ่วโยวลืมตาขึ้นด้วยความตื่นเต้นฉายบนใบหน้า นางรอวันนี้มานานแล้ว

“แต่ข้ายังต้องการรัศมีสายเลือดยิ่งใหญ่กว่านี้เพื่อคว้าโอกาส…”

มู่เฉินพุ่งความสนใจไปทางซ้ายแล้วยิ้มหลังจากได้ยินคำพูดของจิ่วโยว “ข้ารู้สึกถึงของสุดยอด”

ขณะที่จิ่วโยวกำลังดูดซับแก่นโลหิตชั้นยอดที่เพิ่งได้มา เขาก็แผ่คลื่นจิตออกไปสัมผัสได้ถึงรัศมีที่แข็งแกร่งมากจากระยะไกลที่หนาแน่นกว่าที่เคยพบมาก่อนหน้านี้

รัศมีแก่นโลหิตชั้นยอดนั้นอาจเทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงเลยทีเดียว

“ลุยกันต่อ!”

มู่เฉินทะยานออกไปอย่างตื่นเต้นโดยมีจิ่วโยวติดตามมา

สิบกว่านาทีต่อมา มู่เฉินหยุดลงมองไปข้างหน้าด้วยความอัศจรรย์ใจ ส่วนที่ด้านหลังใบหน้าของจิ่วโยวก็ปกคลุมด้วยความตกตะลึง

เนื่องจากที่เบื้องหน้าทั้งสองมีปลาคุน[1] ขนาดมหึมากำลังซัดคลื่นออกมานับไม่ถ้วน

“รัศมีในแก่นโลหิตชั้นยอดนั่นเทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้นเลย”

มู่เฉินอุทานชื่นชม จากนั้นก็เคลื่อนไหวทันที ฝ่ามือคลื่นหลิงมหึมาพุ่งลงมาจากท้องฟ้าสกัดเส้นทางการหลบหนีของปลาคุน แม้ว่ามันจะมีรัศมีระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะต้น แต่ก็อ่อนแอในแง่ของการต่อสู้และไม่สามารถแข่งขันกับมู่เฉินได้

ดังนั้นการเคลื่อนไหวของมู่เฉินสามารถจับมันได้อย่างแน่นอน

แต่เมื่อฝ่ามือคลื่นหลิงกำลังจะสัมผัสกับร่างปลาคุน เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นฉับพลัน ปีกขนนกสีทองทะลุผ่านมิติคล้ายกับใบมีดทำให้ฝ่ามือคลื่นหลิงแตกเป็นเสี่ยง ๆ

แสงเย็นวูบวาบในดวงตาของมู่เฉิน ก่อนที่เขาจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา

นี่เป็นภาพเงาสีทองที่ก้าวย่างเข้ามาในท่ากอดอก เขาฉายรอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้า นี่คือฟังจิ้งจากเผ่าแร้งหงส์ทองคำที่เยาะเย้ยมู่เฉินนอกสระยกเทพ!

ฟังจิ้งกอดอกฉายความดุร้ายในดวงตาขณะจ้องมองไปที่มู่เฉินพร้อมกับเสียงตะเบ็งเยือกเย็นดังก้อง

“ข้าหมายตาแก่นโลหิตชั้นยอดนี้แล้ว ให้เวลาพวกเจ้าสิบลมหายใจ ไสหัวไปซะ!”

[1] 鲲 อ่านว่าคุน ปลาขนาดใหญ่ในหนังสือโบราณ

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท