หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1459 แก่นโลหิตชั้นยอดเสมือนขั้นเซิ่ง

บทที่ 1459 แก่นโลหิตชั้นยอดเสมือนขั้นเซิ่ง

ด้านนอกสระยกเทพความเงียบโรยตัว

ผู้คนต่างตกตะลึงขณะเงยหน้ามองกระจกที่ฉายภาพด้วยความตกใจ เพราะก่อนหน้านี้หวงเฉวียนจืออยู่ยงคงกระพันจนเกินไป

“มู่เฉินไม่น่ากลัวเกินไปหรือ?” ในที่สุดก็มีคนฟื้นสติและอดไม่ได้ที่จะเบะปาก

หวงเฉวียนจือถูกจับได้ในการเคลื่อนไหวครั้งเดียว แม้ว่าจะมีส่วนที่ไม่ทันตั้งตัว แต่ก็พิสูจน์ให้เห็นว่ามู่เฉินแข็งแกร่งมาก

“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงสร้างเรื่องให้เผ่าฝูถูได้ เขามีความสามารถจริงๆ” ขณะนี้ทุกคนมองไปที่มู่เฉินในแง่มุมใหม่หลังจากที่ได้เห็นกลยุทธ์ของเขา พวกที่ได้แค่ฟังผลสำเร็จของมู่เฉินในตอนแรกก็ต้องยอมรับในความโดดเด่นของอีกฝ่ายที่เกิดขึ้น

เทียนฮวงมองภาพนี้ด้วยความตกใจฉายบนใบหน้า เมื่อก่อนตอนที่เขาได้พบกับมู่เฉิน ชายหนุ่มไม่เป็นแม้แต่ฝุ่นในสายตาของเขา แต่ใครจะคาดคิดว่าในเวลาเพียงไม่กี่ปีหนุ่มน้อยคนนั้นจะเติบโตมากจนแม้แต่เขาก็ได้แต่แหงนดูเท่านั้น?

“นับเป็นโชคดีที่สุดในชีวิตจิ่วโยวที่ได้รู้จักกับเขา ดูเหมือนว่าพวกเราจะสายตาคับแคบเมื่อในอดีตที่พยายามแยกทั้งสองคนออกจากกัน” เทียนฮวงยิ้มอย่างขมขื่น

ขณะที่บทสนทนาเกิดขึ้นรอบสระยกเทพ หวงจิงก็มองไปที่กระจกโดยไม่มีระลอกคลื่นบนใบหน้า ไม่มีใครบอกได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

“มู่เฉินนั่นมีความสามารถจริงๆ” ผู้อาวุโสตระกูลหวงหดดวงตาอยู่เบื้องหลังหวงจิง

หวงจิงพยักหน้าจ้องมองไปที่กระจกขณะที่แสดงความคิดเห็นเบาๆ “แต่เขาประเมินความสามารถของอัจฉริยะเผ่าหงส์ฟ้าต่ำไป ถ้าเขาคิดว่าสามารถจัดการกับหวงเฉวียนจือได้ในลักษณะนี้”

ในมวลน้ำสีมรกต

มู่เฉิน จิ่วโยวและคนอื่นๆ ต่างมองไปที่สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่มีรัศมีสายเลือดพวยพุ่งออกมาจากร่าง พวกเขาอดไม่ได้ที่ลมหายใจขาดช่วง

หลังจากมองอยู่เป็นเวลานานมู่เฉินก็ขมวดคิ้ว “แม้ว่าแก่นโลหิตนี้จะแสดงสัญญาณของก้าวข้าม แต่กระบวนการก็ช้าเกินไป ถ้าจะรอให้มันสะสมเพียงพอคงต้องใช้เวลาหลายปี เราไม่มีเวลารอนานขนาดนั้น”

ข่งหลิงเอ๋อยิ้ม “พี่มู่พูดถูก ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเราก็ต้องช่วยให้มันเติบโตแล้ว”

ดวงตามู่เฉินวูบไหวพลางพยักหน้า “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะเตรียมตัวมาพร้อมนะ”

ข่งหลิงเอ๋อพยักหน้าไปทางหลินชางและเซียวเทียน พวกเขาโบกมือทันที แก่นโลหิตเกือบร้อยชิ้นที่มีขนาดเท่าศีรษะหมุนรอบตัวพวกเขา

เห็นได้ชัดว่าแก่นโลหิตเหล่านั้นถูกจับโดยพวกเขาและระดับไม่ได้ต่ำนัก เมื่อรวมเข้าด้วยกันก็ปลดปล่อยรัศมีสายเลือดที่หนาแน่น

“ถ้ามันดูดซับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดก็จะมีพัฒนาการได้” ข่งหลิงเอ๋อยิ้ม

เมื่อมองไปที่รัศมีสายเลือดไร้ขอบเขตมู่เฉินก็ประหลาดใจ “พวกเจ้าทำอะไรกับพวกมันเหรอ?”

มู่เฉินรู้สึกได้ถึงความผันผวนของคลื่นหลิงที่คลุมเครือจากแก่นโลหิตเหล่านั้น

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน ข่งหลิงเอ๋อก็ตกใจ นางไม่คิดว่ามู่เฉินจะประสาทสัมผัสไวขนาดนี้ นางผงกหัวทันที “พวกข้าได้ทำอะไรบางอย่างไว้ หลังจากที่แก่นโลหิตบรรลุเราก็จะสามารถทำให้มันบาดเจ็บและจับได้ง่ายขึ้น”

“เยี่ยม”

มู่เฉินกล่าวชื่นชม ความคิดของข่งหลิงเอ๋อช่างละเอียดถี่ถ้วน วิธีเช่นนี้ไม่ใหัโอกาสในการหลุดรอดของแก่นโลหิตเลย

แน่นอนว่าเป็นเพราะแก่นโลหิตเบื้องหน้าไม่มีสติปัญญาใดๆ ด้วย มิฉะนั้นมันจะไม่กลืนกินแก่นโลหิตเหล่านี้อย่างแน่นอน

ข่งหลิงเอ๋อส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มแล้วโบกมือ แก่นโลหิตจำนวนมหาศาลเหล่านั้นก็บินไปหาร่างขนาดมหึมา

เมื่อแก่นโลหิตจำนวนมากรวมเข้าด้วยกัน ก็ดึงดูดความสนใจของร่างขนาดมหึมานั่น มันส่งเสียงคำรามทันทีก่อนที่จะกลืนกินแก่นโลหิตเหล่านั้นไป

ตู้ม ตู้ม!

ภายใต้การเสริมพลัง รัศมีสายเลือดของร่างขนาดมหึมาก็เริ่มสั่นสะเทือน ส่งคลื่นกระแทกออกมา แม้แต่มิติยังบิดเบี้ยว

ทุกคนสามารถสัมผัสได้ว่ารัศมีของร่างมหึมานี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและไปถึงระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายสุดแล้ว

ทว่าจู่ๆ ก็เริ่มช้าลงราวกับว่าติดขัดจนไม่สามารถก้าวออกไปได้

“ไอ้บ้าเอ้ย!”

คิ้วของข่งหลิงเอ๋อขมวดเป็นปมเมื่อมองภาพนี้ นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลังจากจ่ายราคาแพงระยับ เจ้าตัวนี้ก็ยังขาดขั้นตอนอยู่

“ทำยังไงดี?” มู่เฉินขมวดคิ้ว พวกเขาใช้ความพยายามอย่างมาก ดังนั้นหากสุดท้ายได้เพียงแก่นโลหิตขั้นเซียนระยะปลายสุด ก็ไม่มีความหมายอะไร

ข่งหลิงเอ๋อกัดริมฝีปากลังเลชั่วครู่ก่อนที่จะพูดอย่างเด็ดขาด “คงได้แค่ทางเลือกสุดท้าย เราจะใช้แก่นโลหิตของมหาเทพอสูรเพื่อช่วยเร่งขั้นตอนสุดท้าย”

ขณะที่นางพูด หลินชางและเซียวเทียนก็ลังเล ท้ายที่สุดการสูญเสียแก่นโลหิตเป็นราคามหาศาลสำหรับมหาเทพอสูร เนื่องจากจะต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว

“ทุกอย่างคุ้มค่าถ้าเราได้มา!” ข่งหลิงเอ๋อพูดเสียงขรึม

หลังจากพิจารณาชั่วครู่ หลินชางและเซียนเทียนก็พยักหน้าก่อนที่จะมองไปที่จิ่วโยว

หลังจากลังเลชั่วครู่มู่เฉินก็เอ่ยว่า “จิ่วโยวมีส่วนช่วยได้เพียงเล็กน้อยเพราะนางยังอ่อนแอเกินไป ไม่เช่นนั้นนี่จะเป็นอันตรายต่อรากฐานของนาง”

เมื่อจิ่วโยวได้ยินคำพูดของเขา นางก็พยักหน้าเห็นด้วย

ทั้งสามแลกเปลี่ยนสายตากัน หากจิ่วโยวให้ได้เพียงน้อยนิด พวกเขาก็ต้องเสียเยอะเพิ่มขึ้น ช่างเป็นเรื่องที่น่าปวดใจสำหรับพวกเขา ถ้ามู่เฉินไม่อยู่ที่นี่พวกเขาจะเค้นเอาสายเลือดของจิ่วโยวออกมาสักครึ่งหนึ่งเพื่อป้อนให่แก่นเลือดชั้นยอดชิ้นนี้ ทว่าตอนนี้พวกเขากลัวมู่เฉินมาก ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ถอยความคิดไป

“ถ้างั้นก็ทำตามที่พี่มู่ว่า”

เมื่อทั้งห้าคนตัดสินใจ พวกเขาก็กัดลิ้นตัวเอง เลือดกลั่นไหลรินซึ่งเปล่งประกายรัศมีออกมา

สายธารเลือดทั้งสี่ไหลไปสู่แก่นโลหิตซึ่งเป็นยาบำรุงชั้นดียิ่งนัก มันฉายท่าทางเป็นสุขทันที คำรามด้วยความตื่นเต้นเมื่อกลืนกินแก่นโลหิตสดเหล่านั้น

ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

หลังจากซึบซาบแก่นโลหิตแล้ว รัศมีของแก่นโลหิตนี้ก็ได้รับการยกระดับอย่างรุนแรง แม้แต่เกล็ดสีแดงก็ปรากฏขึ้นบนร่างกาย

นอกจากนี้ยังปลดปล่อยความผันผวนที่น่ากลัวซึ่งทำให้ใบหน้าของพวกมู่เฉินเปลี่ยนไป ขณะที่พวกเขามองดูร่างมหึมาอย่างกังวล

ดวงตาของพวกเขาวูบไหวด้วยแสงหลิง สามารถมองทะลุร่างของแก่นโลหิตได้และเห็นร่างกายของมันเริ่มเปลี่ยนไป

โดยปกติแก่นโลหิตชั้นยอดจะอยู่ในรูปของไข่มุก แต่เจ้าสิ่งนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นลูกทรงกลมสีดำที่ดูเหมือนเม็ดยา แทรกซึมรัศมีสายเลือดที่น่าสะพรึงกลัว

มากจนพวกเขารู้สึกได้ถึงภูมิปัญญาวูบวาบในดวงตาของมัน

“เร็วเข้า! อย่าปล่อยให้มันบรรลุ ไม่งั้นเราจะไม่สามารถปราบมันได้แน่!” มู่เฉินร้องตะโกนทันทีกับฉากนี้

อีกสามคนก็รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของร่างมหึมา ดังนั้นพวกเขาจึงพยักหน้าโดยไม่ลังเลและสร้างตราประทับขึ้น

ตึง ตึง!

เมื่อพวกเขาสร้างตราประทับ ร่างมหึมาก็ระเบิดออกอย่างรุนแรง ความลับที่ซ่อนอยู่ในแก่นโลหิตถูกกระตุ้น

การระเบิดภายในร่างทำให้วิวัฒนาการของแก่นโลหิตชั้นยอดหยุดชะงัก มันส่งเสียงคำรามอย่างเจ็บปวด แม้แต่รัศมีสายเลือดก็อ่อนแอลง เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บหนัก

“ระเบิดแก่นโลหิตอีก!” ข่งหลิงเอ๋อร้องอีกครั้ง

แก่นโลหิตที่พวกเขาส่งออกไปถูกซ่อนด้วยกลวิธีบางอย่าง ซึ่งแก่นโลหิตนี้ยังไม่ได้รับการขัดเกลาอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถจุดชนวนได้อีกครั้ง

ตู้ม!

การระเบิดสี่ครั้งถูกกระตุ้นซึ่งดังก้องมาจากร่างมหึมา ครั้งนี้มันได้รับบาดเจ็บหนัก ร่างมหึมาลดขนาลง มันรู้สึกถูกคุกคามจนต้องการหนีให้เร็วที่สุด

“ตามมันไป!”

ข่งหลิงเอ๋อร้องลั่น ทั้งห้าก็ทะยานไล่ตามแก่นโลหิตเกือบจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง

ครืนๆ!

ขณะที่มันพยายามหลบหนี โดยมีทั้งห้าคนติดตามอยู่ข้างหลัง พวกเขาก็ปล่อยการโจมตีไม่ยั้ง

การไล่ล่าครั้งนี้ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงก่อนที่ร่างมหึมาจะหดตัวลงสิบกว่าเท่า แม้แต่รัศมีสายเลือดที่น่ากลัวรอบๆ ตัวมันก็อ่อนแอลงจนถึงขีดสุด

เมื่อพวกมู่เฉินเห็นว่ามันไม่มีพลังที่จะหลบหนีอีกต่อไป พวกเขาก็ล้อมกรอบปลดปล่อยการโจมตีที่รุนแรง

ตู้ม!

ในที่สุดมันก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ลำแสงสีดำทะยานขึ้น ลูกกลมลอยอยู่เบื้องหน้าพวกมู่เฉิน…

เมื่อมองไปที่เม็ดยานี้แม้แต่มู่เฉินยังอดกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท