“สำเร็จ?!”
เทียนฮวงและเหล่าผู้อาวุโสต่างมองวิหคสีดำด้วยความสุขบนใบหน้า ขณะที่ร่างกายสั่นสะท้าน
พวกเขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันสูงส่ง ซึ่งทำให้กระทั่งสายเลือดในร่างยังสั่นไหว
สมาชิกเผ่าวิหคโลกันตร์มีริ้วสายเลือดวิหคอมตะ แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถปลุกสายเลือดได้และก็หายากยิ่งสำหรับคนที่จะพัฒนาเป็นวิหคอมตะ
ดังนั้นเมื่อจิ่วโยววิวัฒนาการเป็นวิหคอมตะได้ ทุกคนที่นี่จึงรู้สึกถึงแรงกดดันจากสายเลือดของตนเอง
“ผู้อาวุโสหลู่ จิ่วโยวบรรลุระดับเทียนจื้อจุนแล้วใช่ไหม?” เทียนฮวงถามด้วยเสียงติดตื่นเต้น เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของบุตรสาว แต่ไม่สามารถวัดระยะที่แน่นอนได้
หลังจากสัมผัสอยู่ชั่วครู่ ใบหน้าของผู้อาวุโสหลู่ก็ฉายความตกใจ “จิ่วโยวน่าจะไปถึงระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลายแล้ว!”
มนุษย์และเทพอสูรไม่เหมือนกัน มนุษย์จะฝึกฝนไปทีละขั้น…ละขั้น ส่วนเทพอสูรจะไม่ก้าวหน้าขึ้นมาอีกเป็นเวลาหลายปี แต่ในช่วงเวลาที่มีพัฒนาการขึ้นพลังของพวกเขาจะทะยานไปสู่จุดสูงจนไม่อาจจินตนาการได้
นั่นหมายความว่าจิ่วโยวตอนนี้แข็งแกร่งกว่ามู่เฉินในแง่ขุมพลัง
“ระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลาย!”
เทียนฮวงและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ดีใจมาก ที่แล้วมาเผ่าวิหคโลกันตร์ได้แต่พึ่งพาผู้อาวุโสหลู่ซึ่งเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงเพียงผู้เดียวในการแทรกเข้าสู่อันดับของเผ่าเทพอสูร ทว่าพวกเขาก็เผชิญกับความท้าทายตลอดเวลาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้อาวุโสหลู่เข้าสู่วัยชรา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถก้าวหน้าในการเพาะปลูกของเขาได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตามวิวัฒนาการของจิ่วโยวทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากความคับแค้นอันสิ้นหวัง นางได้วิวัฒนาการเป็นมหาเทพอสูรวิหคอมตะ ในแง่ของความแข็งแกร่งสามารถติดหนึ่งในสามอันดับแรกเลยก็ว่าได้
ด้วยการดำรงอยู่ของจิ่วโยว ไม่ต้องไปพูดถึงเผ่าเทพอสูรเหล่านั้น แม้แต่เผ่ามหาเทพอสูรก็ยังต้องให้ความยำเกรงเผ่าวิหคโลกันตร์ของพวกเขา
ตู้ม ต้ม!
ขณะที่ทุกคนกำลังชื่นชมยินดี ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงดังก้องจากท้องฟ้า ใบหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไปทันที “ทำไมถึงมีภัยพิบัติสายฟ้าขึ้นอีก!”
ทุกสายตามองเห็นการรวมตัวของเมฆหนาแน่นพร้อมกับความผันผวนที่น่ากลัว
“ไม่ใช่ของจิ่วโยว!” ม่านตาผู้อาวุโสหลู่หดเกร็ง
เทียนฮวงตกตะลึงไปกับคำพูดนั่น ถ้าไม่ใช่ของจิ่วโยวแล้วเป็นของใครล่ะ? แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกบางอย่างได้รีบเบนสายตาไปยังมู่เฉินทันที ไข่ใบมหึมาสองฟองเหนือร่างมู่เฉินเอิบอาบด้วยความผันผวนที่น่ากลัว
“ไอ้ไข่แดงๆ นั่นคืออะไร? ทำไมถึงน่ากลัวขนาดนี้!” เทียนฮวงอุทานเสียงต่ำ รัศมีสายเลือดปิดกั้นการสัมผัสของพวกเขา ดังนั้นแม้แต่ผู้อาวุโสหลู่ยังไม่รู้ว่าอะไรกำลังฟักอยู่ในไข่เหล่านั้น
ครืนๆๆๆ!
สายฟ้าร้องรุนแรงดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง ดึงดูดความสนใจของมู่เฉินขณะที่ดวงตาเขาหดลงมองเมฆฝนสีดำพลางขมวดคิ้ว
เขาตระหนักได้ว่าพลังงานที่สร้างขึ้นในเมฆฝนฟ้าคะนองแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่โจมตีจิ่วโยวเสียอีก
แต่ไม่ช้าเขาก็คิดได้ว่ามังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ด้อยไปกว่าวิหคอมตะ ดังนั้นเมื่อทั้งสองก่อตัวขึ้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เมฆฝนฟ้าคะนองจะน่ากลัวกว่านี้
“หวังว่าจะทนไว้ได้” มู่เฉินจ้องไปที่ไข่ทั้งสองฟอง พวกมันไม่สามารถพึ่งพาปัจจัยภายนอกสำหรับภัยพิบัติสายฟ้า มังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น
ตู้ม!
ขณะที่มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง เมฆฝนฟ้าคะนองสีดำหนาแน่นก็กวนตัวจนถึงขีดสุด ทั่วบริเวณมืดมิดลง สายฟ้าสีดำสองสายที่คล้ายกับกรงเล็บมังกรยักษ์พุ่งเข้าใส่ไข่
ตึง!
ท้องฟ้าทั้งผืนเลื่อนลั่น ขณะที่ไข่สองฟองสั่นไหว ราวกับถูกกลืนกินไปส่วนหนึ่ง
ตู้ม ตู้ม!
เมื่อสายแรกไม่ได้ผล ภัยพิบัติสายฟ้าก็เริ่มรุนแรงขึ้น สายฟ้าสีดำจำนวนมากฟาดลงมาจากท้องฟ้ารุนแรง ทำให้กระทั่งหนังหัวของผู้อาวุโสหลู่ยังด้านชาไปหมด
พร้อมกับการโจมตีที่รุนแรงของสายฟ้า ไข่สีแดงเข้มก็เริ่มลดขนาดลง…
มือของมู่เฉินประสานเข้าด้วยกัน แก่นโลหิตชั้นยอดขนาดเท่ากำปั้นทั้งสามก็ระเบิดออกมาพร้อมกับรัศมีสายเลือดรุนแรงพุ่งเข้าไปในไข่ทั้งสองใบ
ด้วยการสนับสนุนของรัศมีสายเลือดที่ไร้ขอบเขตทำให้ไข่ฟื้นตัวช้าๆ…
ครืน!
แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงชั่วคราว ไข่สีแดงเข้มยังคงลดขนาดลงเรื่อยๆ จากสายฟ้าผ่าก่อนที่จะเหลือขนาดประมาณหนึ่งพันจั้งเท่านั้น
ฉากนี้ทำให้เทียนฮวงและคนที่เหลือกังวลเล็กน้อย แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่ามู่เฉินกำลังทำอะไรอยู่ แต่พวกเขารู้สึกว่าไข่สีแดงเข้มทั้งสองเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว
แต่เมื่อเทียบกับความกังวลของคนอื่น ท่าทางของมู่เฉินก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าความผันผวนของสิ่งมีชีวิตจากไข่สองฟองก่อตัวขึ้นแล้ว
ขณะที่เมฆฝนฟ้าคะนองสีดำยังคงบีบกด ก็ได้ก่อตัวเป็นกรวยที่มีริ้วการสั่นไหวของสายฟ้าที่รวมตัวกันเป็นเสาสายฟ้าขนาดมหึมา
เมื่อเสาพุ่งลงมาก็ฉีกออกจากกันกะทันหัน กลายเป็นมังกรสายฟ้าสีดำและหงส์ฟ้าสายฟ้าสีดำพร้อมกับพลังที่สามารถลดภูเขาทั้งหมดในรัศมีแสนลี้ได้หากตกลงมา
แต่ในขณะนี้เองไข่สีแดงเข้มสองฟองก็แตกออก เสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าดังก้องไปทั่วท้องฟ้า
ทันใดนั้นรัศมีแสงก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เทียนฮวงและผู้อาวุโสพากันตกตะลึง เมื่อเห็นมังกรและหงส์ฟ้าขนาดใหญ่แผ่ร่างออกมา
มังกรมีสีทองประกอบกับแสงลึกลับวาบบนเกล็ดซึ่งมีพลังในการทำลายล้าง เกล็ดยังสลักด้วยสัญลักษณ์โบราณซึ่งดูลึกลับมาก
หงส์ฟ้าก็มีสีทองดูสูงส่งพร้อมกับลาวาสีทองหยดลงมาจากปีกทำให้มิติถึงกับบิดเบี้ยว
ความกดดันที่น่ากลัวสองสายแผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้า ทำให้ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป
“นั่นคือ…มังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงเหรอ?!”
เสียงอุทานดังขึ้น เทียนฮวงและคนอื่นๆ แสดงความไม่เชื่อบนใบหน้า ในฐานะสมาชิกเผ่าเทพอสูร ก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงการปราบปรามจากสิ่งมีชีวิตเหนือกว่าทั้งสองได้
นอกจากนี้มังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงยังมีร่างเนื้อไม่ใช่ภาพลวงตา!
“เป็นไปได้ยังไง?!” ผู้อาวุโสหลู่อุทาน “มู่เฉินสร้างมังกรและหงส์ฟ้าของแท้ได้อย่างไร!”
ต้องรู้ว่าหงส์ฟ้าและมังกรเป็นจักรพรรดิในเผ่าพันธุ์ทั้งสอง มีสายเลือดสูงส่ง แม้แต่ในเผ่าพวกมันเองก็ยากที่จะเกิดมาสักคน แต่ตอนนี้มู่เฉินกลับให้กำเนิดทั้งสองขึ้นมางั้นเรอะ?!
ท่ามกลางสายตาไม่อยากจะเชื่อ มหาเทพอสูรทั้งสองก็ทะยานขึ้นสูง ใช้ร่างที่ทรงพลังปะทะมังกรสายฟ้าและหงส์ฟ้าสายฟ้า
ครืน!
ผืนฟ้าและผืนดินสั่นสะเทือน สายฟ้าก็สาดส่องไปทั่วท้องฟ้า ทำให้เกิดคลื่นกระแทกกวาดออกไป มังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงส่งเสียงคำราม สายฟ้าเหล่านั้นก็ไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้
นอกจากนี้ความผันผวนของคลื่นหลิงจากร่างกายพวกมันก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
เพียงสิบกว่าลมหายใจก็ก้าวข้ามระดับไปถึงขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน!
“ซี้ด…”
ผู้อาวุโสหลู่สูดลมหายใจเย็นพลางอุทาน “มังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงไปถึงระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นได้แล้ว!”
เทียนฮวงและคนที่เหลือแลกเปลี่ยนสายตา พวกเขาตกตะลึงเกินคำบรรยาย ใครจะคิดว่ามู่เฉินไม่เพียง แต่ให้กำเนิดมังกรและหงส์ฟ้า แต่ยังสามารถยกพวกมันไปถึงระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนอีกด้วย
“ถึงระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนแล้วซะงั้น…”
มู่เฉินก็ตกใจเช่นกัน ตอนแรกเขาคิดว่าจะอยู่ในระดับระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลาย ทว่าเขาไม่คิดมาก่อนว่ามังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงจะไปถึงระดับนี้และแข็งแกร่งกว่าเขา
อย่างไรก็ตาม…
เขาขมวดคิ้วขณะที่มองมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง เขารู้สึกได้ว่าสิ่งมีชีวิตทั้งสองไม่มีจิตสำนึกของตัวเอง ในระดับหนึ่งช่างคล้ายกับร่างรองที่เขาฝึกฝน
ทว่ามู่เฉินไม่ได้ใส่ใจเกินไป เพราะมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงมีต้นกำเนิดมาจากเขา ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีสติสัมปชัญญะเป็นของตัวเอง
เขาโบกมือ มังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงก็ปลดปล่อยเสียงคำรามไปทั่วขอบฟ้า ขณะที่พลิ้วลงมา มังกรแท้จริงกลายเป็นงูตัวจิ๋วฝังอยู่ในแขนเสื้อของมู่เฉิน ขณะที่หงส์ฟ้าแท้จริงกลายเป็นนกตัวน้อยเกาะอยู่บนไหล่ของมู่เฉิน
เมื่อรู้สึกถึงความเชื่อมโยงที่มีต่อกัน มู่เฉินก็อดยิ้มไม่ได้ ในที่สุดเขาก็สามารถเลี้ยงดูพวกมันหลังจากทำงานหนักมาตลอด
ขณะนี้เองวิหคสีดำก็โผทะยานลงมากลายเป็นเงาร่างเพรียวบาง
เมื่อทุกคนมองไปที่ร่างเงานั้น แม้แต่มู่เฉินก็ยังตกตะลึงในสายตา
จิ่วโยวได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์ ชุดสีดำแนบลำตัวพร้อมกับเรือนผมทิ้งตัวลงมา มีรัศมีลึกลับและสูงส่งบนใบหน้า ม่านตาของนางก็คล้ายกับมีเปลวไฟสีดำในก้นบึ้งที่ดูดผู้คนเข้าหา
ในอดีตจิ่วโยวเต็มไปด้วยความพยศ แต่ขณะนี้นางมีเสน่ห์ลึกลับและกลิ่นอายของสายเลือดสูงส่งที่ทำให้ผู้อื่นไม่กล้าเข้าใกล้
เมื่อรู้สึกถึงสายตาของมู่เฉิน จิ่วโยวก็หันกลับมาและยิ้ม
เมื่อมองไปที่รอยยิ้มของนาง มู่เฉินก็ยิ้มกว้าง ดูท่าไม่ว่านางจะเปลี่ยนไปอย่างไร นางก็ยังคงเป็นจิ่วโยว พี่สาวที่คอยปกป้องเขาคนเดิม…