หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1475 ผู้ทรงอำนาจ

บทที่ 1475 ผู้ทรงอำนาจ

ตู้ม!

ครั้นมังกรคำราม ลวดลายจั้นเหวินห้าสิบล้านลายก็วูบไหว แรงกดดันที่กำจายออกมาทำให้ทุกคนหวาดกลัว

ภายใต้สายตาหวาดกลัวเหล่านั้น มังกรก็ปะทะกับลำแสงสีเงิน…

ช่วงเวลาที่ชนกันท้องฟ้าก็เริ่มพังทลาย ความกดดันที่ไม่อาจอธิบายได้แผ่ออกไป ทำให้เกิดรอยแตกในมิติบนเส้นทาง

ทุกคนเงยหน้าขึ้นจับจ้องไปที่จุดเกิดเหตุที่น่ากลัวก็เห็นรัศมีจั้นยี่ป่าเถื่อนและแสงสีเงินปะทะกัน พยายามที่จะกลืนกินกันและกัน

ก่อนหน้าลำแสงสีเงินที่รวบรวมพลังของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนทั้งห้าสามารถทำลายลวดลายจั้นเหวินสี่สิบล้านลายได้ แต่สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเมื่อถึงระดับห้าสิบล้านลาย

ขณะที่ลวดลายจั้นเหวินกวาดออก คลื่นการทำลายล้างในแสงสีเงินก็เริ่มลดลงจนไม่สามารถขยับได้ ไม่เพียงแค่นั้นยังถูกผลักกลับด้วยเสียงมังกรคำราม…

เมื่อทั้งห้าเห็นฉากนี้ ใบหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างช่วยไม่ได้ ยามนี้พวกเขามีความกลัวริบหรี่อยู่ในดวงตา

“ลวดลายจั้นเหวินห้าสิบล้านลาย… ทำไมความสำเร็จของมู่เฉินในการเป็นจั้นเจิ้นซือถึงน่ากลัวขนาดนี้?!” พวกเขาทั้งห้าคำรามด้วยความไม่เต็มใจในใจ ต้องรู้ว่าลวดลายจั้นเหวินห้าสิบล้านลายสามารถต่อกรกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายได้เลยทีเดียว

โฮก!

ขณะที่ทั้งห้ากำลังตกตะลึงในใจ เสียงคำรามที่ทำให้แผ่นดินพิโรธก็ดังก้องมาจากมังกร อึดใจต่อมามันก็อ้าปากกลืนแสงสีเงินลงไป

ตู้ม ตู้ม ตู้ม!

เมื่อมันกลืนกินแสงสีเงิน การระเบิดรุนแรงก็เกิดขึ้นในร่างมังกรพร้อมกับแสงสีเงินแล่นแปลบปลาบ แต่ลวดลายจั้นเหวินห้าสิบล้านลายปะทุรัศมีออกมาระงับการระเบิดภายในตัวเอง…

การระเบิดดำเนินไปชั่วครู่ก่อนที่แสงสีเงินจะค่อยๆ หายไป ทว่ามังกรก็เริ่มหดตัวลง ลวดลายจั้นเหวินห้าสิบล้านลายลดลงครึ่งหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ามันใช้พลังงานจำนวนมหาศาลในการปราบปรามลำแสงสีเงิน

ปุ!

แต่เมื่อลำแสงสีเงินอ่อนตัวลง ใบหน้าของประมุขทั้งห้าก็ซีดลง คลื่นหลิงรอบตัวพวกเขาพลุ่งพล่านรุนแรง ก่อนที่เลือดจะกระอักออกมาจากปาก ความผันผวนของคลื่นพลังรอบตัวอ่อนลงฉับพลัน

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับผลกระทบ

“ไอ้หนูนี่ต่อกรยากเกินไป ไม่ง่ายที่จะจัดการเลย!” ใบหน้าของตันหยางซีดเซียวขณะมองไปที่มู่เฉินด้วยความกลัว เขารู้สึกอยากจะหนีไปให้ไกลแล้ว เพราะพลังที่มู่เฉินแสดงออกมาน่ากลัวเกินไป

คนที่เหลือก็มีสีหน้าไม่น่าดู เป็นเรื่องน่าอายเกินไปที่พวกเขาทั้งห้าไม่สามารถได้เปรียบใดๆ ในการต่อสู้กับมู่เฉิน

มีเพียงกุ่ยตี้เท่านั้นที่มองไปที่มู่เฉินด้วยความไม่เต็มใจ

“วันนี้เราถอยไปก่อนไหม?” ตันหยางเอ่ยแนะนำ เขาได้รับบาดเจ็บและความสามารถในการต่อสู้ก็ลดลง ดังนั้นเขาจึงไม่มีความตั้งใจที่จะประลองกับมู่เฉินอีกต่อไป

เมื่อได้ยินคำแนะนำนั้น ทุกคนก็เกิดความคิด คลื่นหลิงพุ่งขึ้นรอบตัวด้วยความตั้งใจที่จะล่าถอย

“คิดหนีเหรอ?”

ทว่าทันใดนั้นมู่เฉินก็รู้สึกได้ถึงความผันผวนของคลื่นหลิง ไอเย็นเยือกวูบไหวในดวงตา แม้ว่าอีกฝ่ายจะได้รับผลกระทบจากการปะทะ แต่กองทัพมังกรดำก็มีนักรบอย่างน้อยสองพันคนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว

นี่ทำให้มู่เฉินโกรธในใจ แล้วเขาจะปล่อยให้อีกฝ่ายไปได้อย่างไร?

แสงเย็นวูบวาบในดวงตามู่เฉิน จากนั้นเขาก็ลุกขึ้น ขณะเดียวกันภาพเงาหนึ่งก้าวออกมาจากเบื้องหลังนั่งลงในมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่แทน เร้ารัศมีสงครามเพื่อปราบปรามอีกฝ่าย

ส่วนร่างหลักมู่เฉินก็มีปีกสีทองคู่หนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลัง เกิดการกระพือขึ้นลงก่อนที่เขาจะหายตัวไป

“ระวัง!”

เมื่อมู่เฉินหายตัวไป กุ่ยตี้และคนอื่นๆ ก็ตะโกนด้วยสีหน้าหนักใจ เพราะพวกเขาไม่สามารถสัมผัสถึงความเร็วของมู่เฉินได้เลย

วาบ!

ทันทีที่สิ้นเสียงตะโกนของพวกเขา ใบหน้าของตันหยางก็เปลี่ยนไปรุนแรง เนื่องจากเขาเห็นภาพเงาก้าวออกมาประจันหน้ากับเขา

ไม่มีการแสดงออกใดๆ บนใบหน้า เจดีย์ปรากฏในดวงตามู่เฉิน ผลึกคลื่นหลิงไหลผ่านแขนขาก่อนที่เขาจะผลักฝ่ามือออกเบาๆ

แม้ว่ามู่เฉินจะผลักฝ่ามือออกไปเบาๆ แต่ความเร็วนั้นก็ไม่สามารถตรวจจับได้ ยิ่งกว่านั้นตันหยางยังได้รับบาดเจ็บมาเมื่อครู่ก็ ดังนั้นทันทีที่ตันหยางเร้าคลื่นหลิงสร้างการป้องกัน ฝ่ามือของมู่เฉินซึ่งปกคลุมไปด้วยผลึกแสงก็ซัดลงบนหน้าอกแล้ว

ปัง!

การซัดนี้ทำให้หน้าอกของตันหยางยุบลง คลื่นหลิงไม่สามารถต้านทานฝ่ามือนี้ของมู่เฉินได้เลย

อ็อก!

ตันหยางกระอักเลือดกระเด็นกลับไป ในเวลาเดียวกันร่างเวทสวรรค์ใต้เท้าก็ถูกปกคลุมไปด้วยรอยร้าว จนสุดท้ายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

วาบ!

ซัดฝ่ามือเดียวใส่หน้าอกตันหยาง มู่เฉินก็ไม่ได้มองไปที่อีกฝ่ายเลย ปีกสีทองที่ด้านหลังกระพืออีกครั้งและเขาก็วาบหายตัวไป

“เร้าการป้องกันร่างเวทสวรรค์ออกมา!”

อีกสี่คนรู้สึกได้เมื่อตันหยางได้รับบาดเจ็บหนัก พวกเขาคำรามลั่น ความเร็วของมู่เฉินเหนือกว่าพวกเขาหลายขุม แม้แต่กุ่ยตี้ก็ไม่สามารถตรวจจับมู่เฉินได้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงใช้การป้องกันของร่างเวทสวรรค์เพื่อต้านการโจมตีของมู่เฉิน

โฮก!

แต่เมื่อพวกเขาคิดใช้พลังของร่างเวทสวรรค์ วิญญาณสงครามมังกรก็คำรามภายใต้การควบคุมของมู่เฉินชุดดำ ร่างมันพันธนาการเข้ากับร่างเวทสวรรค์ของทั้งสี่

“เวรเอ้ย!” ทั้งสี่คนสาปแช่งและรู้สึกเย็นเยือกในหัวใจ ขณะนี้พวกเขาได้รับบาดเจ็บและมู่เฉินได้ใช้ความเร็วที่น่ากลัวโดยตั้งใจที่จะเอาชนะพวกเขาในยามอ่อนกำลังลง

ในเวลานี้พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะถอยหนี

วาบ!

ภาพเงามู่เฉินปรากฏขึ้นข้างหลังจื่อเหลย หมัดถูกชกออกไป

“ไอ้สารเลว แกคิดว่าข้ากลัวเรอะ?!” จื่อเหลยคำราม สายฟ้าป่าเถื่อนแล่นแปลบปลาบรอบตัวเขา เขาก็เหวี่ยงหมัดออกไป เมื่อสายฟ้ากวาดออกก็ดูราวกับว่าสามารถทำลายทุกสรรพสิ่งได้

ในตอนนี้เขารู้ว่ามู่เฉินปราบเขาแน่ หากเขาแสดงความขี้ขลาดออกมา

ตู้ม!

เมื่อหมัดทั้งสองปะทะกัน ใบหน้าของจื่อเหลยก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ผลึกแสงแผ่กระจายออกมาจากมู่เฉิน ก่อเป็นลวดลายผิดแผกพุ่งเข้ามาในร่างกายเขา

ในเส้นทางของผลึกแสงคลื่นหลิงก็หายไปอย่างน่าประหลาด

“พลังผนึก?!” จื่อเหลยอุทานออกมา

ตึง!

ทว่าก่อนที่เสียงจะสะท้อนออกไป หมัดของมู่เฉินก็ทะลุแนวป้องกันส่งร่างเขาถลาไปพร้อมกับอักขระผลึกที่ปกคลุมไปทั่วร่างกาย คลื่นหลิงไร้ขอบเขตลดลงฮวบ ชัดว่าถูกปิดผนึกไว้ชั่วคราว

ฟิ้ว ฟิ้ว!

หลังจากจัดการกับจื่อเหลยแล้ว มู่เฉินก็เล็งไปที่โยวเฉวียนและไป๋หู ทั้งสองคนเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้น ซึ่งตอนนี้พวกเขาได้รับบาดเจ็บหนัก พวกเขาจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่เฉิน ดังนั้นเพียงไม่กี่สิบลมหายใจ ทั้งสองก็ถูกผนึกคลื่นหลิงเอาไว้ ร่างดิ่งพสุธาลงไปที่จัตุรัสหยก

ขณะนี้เหลือเพียงกุ่ยตี้ที่ยังยืนอยู่

การตอบโต้ของมู่เฉินดุร้ายมากจนมาถึงจุดที่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะต้นสี่คนพ่ายแพ้ทั้งหมด ขณะนี้เหล่าผู้ชมถึงได้หลุดออกจากอาการตื่นตะลึงและหายใจเข้าลึกๆ

พวกเขาเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจหวาดผวามองไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ด้วยความเคารพในสายตา เห็นได้ชัดว่าทุกคนตะลึงในพลังการต่อสู้ของมู่เฉิน

“ตาเจ้าแล้ว”

มู่เฉินมองไปที่กุ่ยตี้โดยไม่สนใจสายตารอบข้าง

สีหน้าของกุ่ยตี้มืดครึ้มลง แต่ก็เลือกถอยกลับไป หากไม่มีอีกสี่คนช่วย เขาไม่มีทางที่จะต่อกรกับมู่เฉินได้แน่นอน ดังนั้นจึงได้แต่ถอนตัวเท่านั้น

“เจ้าคิดว่าจะวิ่งหนีได้เหรอ?”

ดวงตาของมู่เฉินกะพริบด้วยแสงเย็นชาขณะที่ปีกข้างหลังกระพือ เขาพุ่งผ่านมิติไปปรากฏตัวเบื้องหน้ากุ่ยตี้พร้อมกับเหวี่ยงหมัดออกไป

ผลึกแสงบนกำปั้นพร่างพราวมาก

กุ่ยตี้ปวดหัวกับความเร็วที่ปีกหงส์ฟ้าสีทองมอบให้กับมู่เฉิน ทว่าเขาก็เป็นจอมยุทธ์ที่น่าเกรงขาม ดังนั้นเมื่อเขาเห็นว่าไม่สามารถถอยได้ แสงดุร้ายก็วูบไหวในดวงตาทันที

“แกจัดการพวกเขาได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะทำแบบเดียวกับข้าได้!” กุ่ยตี้กล่าวขณะที่มือประสานกัน คลื่นหลิงเย็นเยือกไม่มีที่สิ้นสุดรวมตัวกันเบื้องหน้า ก่อร่างเป็นตราประทับพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนดังก้อง

“ตราประทับหมื่นผี!”

กุ่ยตี้แผดเสียงขณะที่กระแทกฝ่ามือใส่มู่เฉิน

ดวงตามู่เฉินกะพริบแสงวาบพร้อมกับเค้นเสียงเย็น แค่คิดเสียงคำรามรุนแรงก็ลั่นออกมาจากร่างกาย มังกรแท้จริงบิดตัวไปมาเคลื่อนไปที่แขนของเขา

แสงสีทองพร่างพราวระเบิดออกมาจากแขนของมู่เฉินทำให้ทั้งแขนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นกรงเล็บมังกรทอง

นี่คือกรงเล็บมังกรแท้จริง!

ตู้ม!

กรงเล็บมังกรฉีกผ่านมิติกระแทกกับตราประทับผี

ในช่วงเวลาที่ปะทะกันใบหน้าของกุ่ยตี้ก็เปลี่ยนไปรุนแรงด้วยความหวาดผวาสุดขีดขณะที่อุทานว่า

“นะ…นี่คือพลังระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียน?!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท