หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1490 มหาภัยพิบัติไร้ขอบเขต

บทที่ 1490 มหาภัยพิบัติไร้ขอบเขต

“แสงเจดีย์มรณะ!”

รังสีมรณะพุ่งลงมาจากท้องฟ้าฉีกขาดมิติและกาลเวลาออกจากกัน เมื่อสิ้นเสียงมู่เฉิน ลำแสงก็ไปปรากฏเหนือร่างหมัวเฮอโยวแล้ว

ขณะที่รังสีมรณะพุ่งผ่าน แม้แต่คลื่นหลิงยังถูกลบออกไป ความสามารถในการทำลายล้างช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง

ในเวลานี้หมัวเฮอโยวก็มีสีหน้าเคร่งเครียด เขารู้สึกว่าถูกคุกคามจริงจัง ทั่วสรรพางค์กายรู้สึกเจ็บแปลบไปหมด

ฮา

เขาหายใจเข้าลึกมือประสานเข้าด้วยกัน อึดใจกระแสคลื่นหลิงก็กวาดออกมาจากร่างกาย

“ระฆังมหาสวรรค์!”

เสียงดังก้องออกมาจากปากขณะที่รัศมีสีดำขาวรอบตัวเขาหมุนเวียนป่าเถื่อน ก่อนที่จะก่อร่างเป็นระฆังสีดำขาวขนาดใหญ่ล้อมรอบตัว

ระฆังครอบร่างหมัวเฮอโยวไว้ภายใน สร้างเกราะป้องกันที่ทรงพลังที่สุด

“นั่นคือระฆังมหาสวรรค์! หนึ่งในทักษะระดับเสินทงขั้นยอดเยี่ยมของเผ่าหมัวเฮอ” เมื่อผู้ชมภายนอกเจดีย์เห็นภาพนี้พวกเขาก็มีแววตาเคร่งขรึม พวกเขาบอกได้ว่าหมัวเฮอโยวถูกบีบให้อยู่ในสถานการณ์อันตรายเพียงใด ถึงกับต้องดึงทักษะนี้ออกมา

หลังจากบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลาย พลังของมู่เฉินก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ที่สุดแล้วมู่เฉินมีการขยายคลื่นพลังของวิชาสามพิสุทธิ์ ตราบใดที่มีการเพิ่มพลังเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้ความสามารถในการต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

หมัวเฮอเทียนมีแววตามืดมน ส่วนผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอมีอาการตกตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าหมัวเฮอโยวจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ทั้งที่เมื่อครู่เขาถือไพ่เหนือกว่า

ชี่!

ภายใต้สายตาที่จ้องมองมาทั้งหมด รังสีมรณะก็ยิงเข้าใส่ระฆังสีดำขาว การปะทะกันไม่เกิดเสียงใดๆ ขึ้น แต่ช่างน่าตกใจที่ระฆังค่อยๆ ถูกกัดกร่อนและสลายลงไป…

แม้ว่าคลื่นหลิงบนตัวระฆังจะพยายามสกัดกั้นไว้ แต่ทุกคนสามารถบอกได้ว่ารังสีดำก็ยังคงค่อยๆ กัดกินระฆังทีละน้อย

รังสีสีดำคล้ายกับฝูงมดนับไม่ถ้วนที่กระจายออกไปทุกทิศทาง จากนั้นไม่กี่นาทีระฆังก็เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท…

ปัง!

เสียงลึกต่ำสะท้อนออกมา ระฆังแตกสลายกลายเป็นเถ้าถ่านพร้อมกับสีหน้าเขียวคล้ำของหมัวเฮอโยวเผยให้เห็นที่ข้างใต้

ฟิ้ว!

เมื่อขี้เถ้าสีดำปลิ่วว่อน รังสีสีดำที่เหลือก็พุ่งต่อเล็งไปที่กึ่งกลางคิ้วของหมัวเฮอโยว

รังสีดำรวดเร็วมาก แต่หมัวเฮอโยวก็ไม่ชักช้า เขาเอี้ยวตัวไปข้างหน้า รังสีสีดำก็ปัดผ่านใบหน้าเขาไป…

ชี่!

รอยเลือดสีดำปรากฏบนใบหน้าหมัวเฮอโยว แต่ที่ทำให้ใบหน้าของหมัวเฮอโยวเปลี่ยนไป เนื่องจากรอยเลือดสีดำนั้นราวกับพิษค่อยๆ แพร่กระจายและกัดกร่อนพลังชีวิตไป

วาบ!

หมัวเฮอโยวเหยียดมือเป็นใบมีดปัดเข้ากับใบหน้า เฉือนชิ้นเนื้อบนใบหน้าออกทันทีเพื่อหยุดการแพร่กระจาย

แต่เมื่อไม่มีชิ้นเนื้อบนใบหน้าซีกนี้ เลือดก็ไหลออกมาปกคลุมทำให้เขาดูน่าสะพรึงกลัวนัก

ภายนอกเจดีย์ทุกคนตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าหมัวเฮอโยวจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งที่ได้เปรียบมาก่อนหน้า

“ทำได้ดี!”

ฝูถูเฉวียนปรบมือสาสมใจ ดูท่าจะพอใจมากกับการโจมตีของมู่เฉิน

ชิงเหยี่ยนจิ้งก็ยิ้มแป้น นางรู้ว่าในเมื่อมู่เฉินกล้าสู้กับหมัวเฮอโยว เขาก็ต้องมีไพ่ตายเก็บอยู่ ด้วยสายตาของนางก็สามารถบอกได้ว่ามู่เฉินได้เตรียมการสำหรับความก้าวหน้านี้เอาไว้นานแล้ว รอแค่ใช้แรงกดดันจากหมัวเฮอโยวเพื่อย่นกระบวนการนั้น

ทว่านางรู้ดีว่าเร็วเกินไปที่จะดีใจเนื่องจากมู่เฉินได้ใช้วิชาเจดีย์แปดองค์แล้ว แต่สุดท้ายผลลัพธ์ที่เขาทำได้ก็คือหมัวเฮอโยวตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย แต่ไม่มีการสูญเสียใดๆ กับพลังในการต่อสู้…

เรื่องนี้ยังคงยากเกินไปสำหรับมู่เฉินที่จะเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลาย ด้วยขอบเขตของขั้นหลิงระยะปลาย

บนท้องฟ้าหมัวเฮอโยวหมุนเวียนคลื่นหลิงบนใบหน้าเพื่อหยุดเลือด ดวงตาแดงฉานจ้องไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา เสียงแผดดังก้องออกมาจากลำคอ “มู่เฉิน แกกำลังรนหาที่ตาย!”

ยามนี้หมัวเฮอโยวเดือดดาลในใจ เขามีความคิดแค่จะแกล้งเหยื่อ ไม่เคยมองมู่เฉินเป็นศัตรูในระดับเดียวกัน แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์น่าอนาถเช่นนี้

จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายสุดมีใบหน้าครึ่งหนึ่งถูกฉีกออกจากฝีมือจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลาย!

เขาจินตนาการได้เลยว่านี่จะเป็นเรื่องตลกในเผ่าหมัวเฮอไปอีกนานหลังจากเรื่องนี้จบลง

เผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของหมัวเฮอโยว ท่าทางของมู่เฉินก็ยังคงสงบ แต่มีแววเสียดายผุดขึ้นในดวงตา ตอนแรกเขาคิดว่าวิชาเจดีย์แปดองค์จะเพียงพอ แต่ใครจะคาดคิดว่าหมัวเฮอโยวจะใจเด็ดหั่นใบหน้าออกครึ่งหนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงการกัดกร่อนของรังสีมรณะ

ครืนๆ!

เสียงคำรามดังกึกก้องขึ้นเรื่อยๆ มู่เฉินเห็นรอยแยกบนภูเขาแพร่ออกเร็วรี่พร้อมกับรัศมีลึกลับและอมตะพวยพุ่งออกมา

ร่างมหาเทพนิรันดร์กำลังจะปรากฏตัวในไม่ช้า

“ไอ้สารเลวอย่าฝันไปเลย ข้าไม่ปล่อยให้แกเสนอหน้าอยู่หรอก!” เสียงเยือกเย็นดังก้อง ดวงตาของหมัวเฮอโยวเปลี่ยนเป็นสีแดงขณะมองไปที่มู่เฉินด้วยจิตสังหารเข้มข้น

เมื่อเห็นท่าทางของหมัวเฮอโยว มู่เฉินก็หดดวงตาขณะที่ร่างกายเกร็งขึ้นเตรียมพร้อม

สายตาหมัวเฮอโยวน่าขนพองสยองเกล้าขณะมองมู่เฉินอย่างเลือดเย็น “อย่าคิดว่าเผ่าหมัวเฮอของข้าไม่มีวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่า!”

ตู้ม!

หมัวเฮอโยวกัดลิ้น พ่นเลือดออกมา จากนั้นคลื่นหลิงไม่มีที่สิ้นสุดก็ระเบิดออกจากร่าง ราวกับเมฆหนาแน่นปกคลุมสวรรค์และโลก

การเคลื่อนไหวที่น่าทึ่งกลืนกินทั่วบริเวณนี้ ทำให้โลกสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น

เมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งและฝูถูเฉวียนเห็นภาพนี้ก็หดดวงตาพร้อมกับฉายการแสดงออกที่ไม่น่าดู “นี่คือ…หนึ่งในวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานสามสิบหกกระบวนท่า มหาภัยพิบัติไร้ขอบเขตของเผ่าหมัวเฮอ!”

ทั้งสองแลกเปลี่ยนสายตากัน ความมืดครึ้มพลุ่งพล่าน หมัวเฮอโยวเจ็บแค้นจนไม่อาจอดกลั้นต่อไปได้อีกแล้ว

ครืนๆ!

กลุ่มเมฆเคลื่อนตัวในบริเวณนี้พร้อมกับความกดดันน่ากลัวที่แผ่ออกไป มู่เฉินฉายสีหน้าเคร่งเรียด ตัวเขามีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับเผ่าหมัวเฮอและก็รู้ดีว่านี่น่าจะเป็นมหาภัยพิบัติไร้ขอบเขตหนึ่งในวิทยายุทธในตำนาน

“โง่เง่ามากที่ยั่วยุข้า” หมัวเฮอโยวยืนอหังการในมิติ แขนเสื้อกระพือไปในสายลมขณะที่จ้องมองมาที่มู่เฉิน

ตู้ม!

เหนือหมัวเฮอโยว เมฆสีดำสีขาวรวมตัวกันค่อยๆ ก่อตัวเป็นพายุทอร์นาโดสีดำขาวที่สอดประสานเสียงฟ้าร้อง สามารถทำลายทุกสิ่งที่กีดขวาง

“ทำลายมันซะ!”

หมัวเฮอโยวยิ้มเยาะขณะตราประทับเปลี่ยนไป มองเห็นพายุทอร์นาโดสีดำขาวเชื่อมต่อระหว่างสวรรค์และโลกซัดเข้าหามู่เฉิน

พื้นดินเบื้องล่างก็ถูกฉีกออกจากกัน

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองพายุทอร์นาโด ใบหน้าก็กลับกลายเป็นมืดครึ้ม อึดใจเขาก็สูดหายใจเข้าลึกสุดปอด กระจกกระดูกปรากฏขึ้นในมือ

นี่คืออาวุธมหสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมชั้นเซียน—กระจกรวมเทพโบราณที่เขาได้มาจากตี้กุ่ย

เมื่อหมัวเฮอโยวเห็นกระจกก็รู้สึกเดือดดาลขึ้นอีกหลายส่วน นี่เป็นอาวุธที่เขาให้ตี้กุ่ยยืมเพื่อจัดการกับมู่เฉิน แต่ตอนนี้กลับถูกมู่เฉินนำมาใช้งานกับเขา

มู่เฉินไม่สนใจสายตาเย็นชาของหมัวเฮอโยว เขาโยนกระจกขึ้นไปเบาๆ จากนั้นก็เกิดการขยายขนาดออกไปอย่างรวดเร็ว

มู่เฉินประสานเข้าด้วยกัน มู่เฉินชุดดำและชุดขาวก็ปรากฏขึ้นข้างหลัง เสาพลังงานหลิงไร้ขอบเขตสามเสาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

เสาแสงทั้งสามพุ่งเข้าไปในกระจก ปลดปล่อยความผันผวนที่น่ากลัว

เมื่อทุกคนเห็นภาพนี้ พวกเขาก็ส่ายหัว มู่เฉินซ่อนไพ่ตายไว้มากมายจริงๆ แต่น่าเสียดายที่แม้จะขยายกระจกรวมเทพโบราณได้ แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันการโจมตีของหมัวเฮอโยวได้

มู่เฉินก็ตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกัน เขาลังเลชั่วครู่ก่อนจะกระทืบเท้าลงไป

โฮก!

จังหวะที่ฝ่าเท้ากระแทกลงบนพื้น เสียงคำรามสั่นสะเทือนโลกาก็ดังขึ้นก่อนที่ทุกคนจะเห็นมังกรสีทองทะยานออกจากร่างมู่เฉินปลดปล่อยคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงออกมา นี่เป็นมังกรแท้จริงที่อยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียน!

มังกรอ้าปาก ลมหายใจมังกรทองพุ่งออกมาใส่กระจก

ด้วยพลังของมังกรแท้จริงนี้ พลังบรรจุลงไปภายในกระจกก็ถึงระดับที่น่ากลัว

ทว่ามู่เฉินไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ แขนเสื้อสะบัดวูบไหว

กีด!

เสียงร้องกังวานใสดังก้องพร้อมกับรัศมีสีทอง ทุกคนตกตะลึงอีกครั้งเมื่อหงส์ฟ้าแท้จริงขนาดใหญ่กระพือปีกบินฉวัดเฉวียนรอบร่างมู่เฉิน

นี่คือหงส์ฟ้าแท้จริงที่อยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนเช่นกัน!

คนที่อยู่นอกเจดีย์โกลาหลไปหมด ไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะซ่อนมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงไว้ในร่างกายของตน นอกจากนี้พวกมันก็ไม่ใช่ภาพลวงตาแต่เป็นร่างจริง!

เมื่อหงส์ฟ้าแท้จริงเปล่งเสียงร้องสดใส ปีกก็กระพือขึ้นลงระเบิดรังสีสีทองมากมายออกมาพร้อมกับเพลิงหงส์ฟ้าไร้ขอบเขตยิงเข้าไปในกระจก

ฮึ่ม ฮึ่ม

พร้อมกับพลังที่น่าสะพรึงกลัวรวบรวมอยู่ภายใน กระจกก็สั่นสะเทือนรุนแรงราวกับว่าใกล้จะพังทลาย ทว่าภายใต้การควบคุมของมู่เฉิน พลังถูกบีบอัดรุนแรงไว้ภายในก็ทำให้มิติยุบลงเป็นหลุมดำ…

เมื่อมองไปที่กระจกมู่เฉินก็ปล่อยลมหายใจยาว นี่เป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาโดยมีร่างรองสองร่างบวกกับมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง…

ห้าพลังงานที่แตกต่างกันรวมกันขยายในกระจกถึงระดับที่น่ากลัวแล้ว

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองดูพายุทอร์นาโดสีดำขาว จากนั้นก็แตะนิ้วเบาๆ

ฮึ่ม ฮึ่ม!

กระจกกระดูกสั่นรุนแรง แม่น้ำสีเงินไหลออกมาอย่างเชี่ยวกราก ภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน…

ยามนี้ฟ้าดินถึงกับเปลี่ยนสี

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท