หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1489 ก้าวหน้า

บทที่ 1489 ก้าวหน้า

เหนือขึ้นไปบนขอบฟ้า

มู่เฉินและหมัวเฮอโยวเผชิญหน้ากัน สายตาเย็นชาและจิตสังหารที่ฟาดฟันกันทำให้มิติโดยรอบตกไปในจุดเยือกแข็ง

มู่เฉินกำจายจิตสังหารที่มีต่อหมัวเฮอโยวไม่ไว้หน้า เนื่องจากอีกฝ่ายทำข้อตกลงกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนห้าคนบีบตำหนักมู่ มิหนำซ้ำยังสร้างความเดือดร้อนให้ ซึ่งนั่นก็เพียงพอสำหรับเขาที่จะจดจำบัญชีแค้นนี้ไว้ในใจ

นอกจากนี้หมัวเฮอโยวก็มีเจตนาต้องการฆ่ามู่เฉินมากเช่นกัน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการแข่งขันร่างมหาเทพนิรันตร์ เพียงแค่เรื่องบาดหมางระหว่างชิงเหยี่ยนจิ้งกับเผ่าหมัวเฮอก็เพียงพอที่หมัวเฮอโยวจะไม่ปล่อยมู่เฉินไป

ทั้งสองคนต่างพล่านด้วยเจตนาฆ่าในใจ ดังนั้นเมื่อพบกันที่นี่ก็เป็นธรรมชาติที่พวกเขาไม่คิดปล่อยอีกฝ่ายไป…

“ถ้าแกฉลาดก็ไสหัวออกจากเจดีย์วั้นกู่เดี๋ยวนี้” เสื้อคลุมสีดำขาวของหมัวเฮอโยวพลิ้วไหวเบาๆ ไปตามสายลมโดยไม่มีความผันผวนบนใบหน้าขณะมองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา

“ค่อยพูดหลังได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์เถอะ” มู่เฉินยิ้ม

“ข้ากลัวว่าแกจะไม่มีชีวิตอยู่ได้เห็นแบบนั้นนะสิ…” หมัวเฮอโยวถอนหายใจ อึดใจพายุทอร์นาโดคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็กวาดออกจากร่างกายกลืนกินทั้งสวรรค์และโลก

เมื่อรู้สึกถึงแรงกดดันนี้สายตาของมู่เฉินก็เริ่มเคร่งเครียด หมัวเฮอโยวสมแล้วที่เป็นอันดับหนึ่งของชุมนุมนิรันดร์ครั้งนี้ ความแข็งแกร่งที่แสดงออกมามากยิ่งกว่าซื่อหลัว

ชายคนนี้น่าจะอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายสุดและมีคุณสมบัติพอที่จะบรรลุขั้นเซิ่งได้แล้ว

ขณะที่คลื่นหลิงรุนแรงกวาดหายนะ ร่างกายของหมัวเฮอโยวก็ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในรัศมีก่อนที่ร่างเขาจะกลายเป็นอัญมณีแพรวพราว ซึ่งทำให้สวรรค์และโลกสั่นสะเทือน

เวลานี้คลื่นหลิงในร่างกายของหมัวเฮอโยวควบแน่นมาก เพียงแค่กำปั้นเบาๆ ก็บรรจุไปด้วยพลังทำลายล้างที่สามารถเทียบเคียงกับทักษะระดับเสินทงขั้นสุดยอดที่ดำเนินการโดยจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลาย

เมื่อมองไปที่แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างกายของหมัวเฮอโยว ใบหน้าของมู่เฉินก็เคร่งเครียด ก่อนที่เขาจะวาดตราประทับโดยไม่ลังเล ทันใดนั้นร่างรองทั้งสองก็ปรากฏออกมา

“สามรวม!”

ร่างรองทั้งสองพุ่งเข้าสู่ร่างกายของมู่เฉิน ทำให้คลื่นหลิงเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง เขายังเปลี่ยนเป็นกายาหลิงเทียนจุน ซึ่งดูเหมือนจะทำจากเพชรไม่สามารถประมาทได้เช่นกัน

“แกคิดว่าสามารถถมช่องว่างนี้ด้วยวิชาสามพิสุทธิ์เรอะ”

หมัวเฮอโยวยิ้มพลางก้าวเท้าออกไป มิติพังทลายลงก่อนที่เขาจะไปปรากฏที่เบื้องหน้ามู่เฉินพร้อมกับเหวี่ยงกำปั้นออกไป

แม้ว่าจะดูเหมือนการชกธรรมดา แต่มิติก็พังทลายเมื่อเหวี่ยงลงพร้อมกับเศษชิ้นส่วนมิตินับไม่ถ้วนปลิวว่อนอยู่รอบหมัด ซึ่งเป็นความหายนะแท้จริง

มู่เฉินหมุนเวียนคลื่นหลิงในร่างกายจนถึงขีดสุด จากนั้นก็ซัดกำปั้นออกไปเพื่อตอบโต้

ตู้ม!

เมื่อหมัดทั้งสองปะทะกัน เสียงโลหะก็ดังขึ้น พื้นที่รัศมีรอบตัวพวกเขาพังทลายลงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยพร้อมกับพายุเฮอริเคนพัดออกมา หมัวเฮอโยวไม่ได้ขยับเขยื้อน แต่มู่เฉินถูกผลักกลับไปหลายพันจั้ง

เมื่อมู่เฉินทรงตัวได้ก็มองไปที่กำปั้นตนเอง สามารถเห็นรอยแตกที่ถูกระงับจากการกระบวนท่าเมื่อครู่

“ตอนนี้แกรู้ซึ้งถึงช่องว่างระหว่างเราแล้วหรือยัง?” หมัวเฮอโยวยิ้มเยาะแต่ก็ไม่ได้ให้เวลามู่เฉินตอบกลับ ภาพเงาเขาวูบไหว กำปั้นกลายเป็นปราการกั้นภาพมายาห่อหุ้มไปทางมู่เฉิน

มู่เฉินฉายท่าทางเคร่งเครียดพลางกระตุ้นคลื่นหลิงแล้วเหวี่ยงหมัดออกไป

ปัง ปัง ปัง!

ในสิบกว่าลมหายใจสั้นๆ พวกเขาก็ปะทะกันมากกว่าร้อยกระบวนท่า แต่มู่เฉินจะถูกผลักกลับในทุกครั้งของการปะทะกัน

เมื่อคนที่อยู่นอกเจดีย์เห็นภาพนี้ พวกเขาก็เข้าใจถึงช่องว่างพลังระหว่างทั้งสอง

“มู่เฉินโง่มาก รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะสู้กับหมัวเฮอโยวด้วยกายาหลิงเทียนจุนแล้วยังจะทำอีก…”

“ใช่ แต่ช่องว่างกว้างใหญ่เกินไป ไม่ว่าจะมีทักษะอะไร ก็ว่างเปล่าต่อหน้าหมัวเฮอโยวที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง”

“…”

ตู้ม!

หลังจากการปะทะกันอย่างดุเดือดอีกครั้ง มู่เฉินก็กระเด็นออกไปตกลงบนพื้น ทำให้เกิดปากปล่องขนาดใหญ่ขึ้น…

หมัวเฮอโยวยืนกอดอกนิ่งบนท้องฟ้าขณะมองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา “ไอ้หยิ่งจอมโง่ แกคิดว่าการเอาชนะซื่อหลัวด้วยโชคจะทำให้สามารถต่อสู้กับข้าได้เรอะ?

“ดูเหมือนว่าแกจะลืมขุมพลังของตัวเองไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรแกก็เป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะกลาง ส่วนข้าอยู่ในขั้นเซียนระยะปลายสุดแล้ว!”

ทุกคนที่นอกเจดีย์พยักหน้า หากมู่เฉินใช้วิธีอื่นในการต่อสู้ ต่อให้ยังต้องเสียเปรียบแต่เขาก็จะไม่ถูกปราบจนน่าอนาถเช่นนี้แน่นอน

แต่เมื่อถูกหมัวเฮอโยวซัดขนาดนี้ เขาก็ต้องได้รับบาดเจ็บแน่ บางทีความสามารถในการต่อสู้ก็อาจลดลง…

คราวนี้มู่เฉินคงต้องหยุดไว้เท่านี้แล้ว

ในปากปล่องรัศมีหลิงบางจางค่อยๆ ลอยขึ้นไปในอากาศ ก่อนที่ร่างเงาของมู่เฉินจะปรากฏขึ้น แต่ตอนนี้รัศมีรอบตัวเขาหม่นหมองลง มากจนกายาหลิงเทียนจุนก็แสดงสัญญาณแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

แต่น่าแปลกที่ใบหน้าเขาไม่มีร่องรอยความพ่ายแพ้ใดๆ มีแต่รอยยิ้มจางๆ

“แกถูกตีจนเอ๋อแล้วเรอะ?” หมัวเฮอโยวหรี่ตาลงพลางเย้ยหยัน

มู่เฉินบิดคอสลายความเจ็บปวดรุนแรงที่มาจากร่างกาย จากนั้นก็แสยะยิ้มที่มุมปากขณะมองไปที่หมัวเฮอโยว “แม้ว่าแกจะหนักมือไปหน่อย แต่ข้าก็ยังต้องขอบคุณ…”

เมื่อได้ยินคำพูดนี่ หมัวเฮอโยวก็ขมวดคิ้ว การตอบสนองของมู่เฉินทำให้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ทว่ามู่เฉินไม่ได้สนใจ มือของเขาประสานเข้าด้วยกัน ทันใดนั้นกายาหลิงเทียนจุนที่มืดสลัวก็เปล่งประกายออกมาพร้อมกับพลังงานหลิงหลั่งไหลออกมาจากร่างกายเขา…

ผู้ชมนอกเจดีย์ต่างมองฉากนี้ด้วยความตกตะลึง แม้จะเป็นการดูผ่านกระจกแต่ก็สามารถสัมผัสได้ว่าความผันผวนของคลื่นหลิงที่มาจากมู่เฉินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เพียงสิบกว่าลมหายใจคลื่นหลิงของมู่เฉินก็เติบโตขึ้นอีกช่วงหนึ่ง!

“ขั้นหลิงระยะปลาย!”

ในที่สุดก็มีบางคนรู้สึกได้และอุทานออกมา “เขาก้าวหน้าได้ในเวลาแบบนี้เหรอเนี่ย!”

หลังจากตกตะลึงชั่วครู่ก็มีคนเริ่มเข้าใจการกระทำก่อนหน้าของมู่เฉินพลางร้องว่า “ที่แท้เขาตั้งใจที่จะปะทะกับหมัวเฮอโยวด้วยกายาหลิงเทียนจุนเพื่อใช้แรงกดดันของอีกฝ่ายบังคับตัวเองให้บรรลุ!”

ทุกคนสูดลมหายใจเย็น มู่เฉินโหดแท้จริง เขากล้าวางตัวเองไว้ช่องแคบแห่งความสิ้นหวังเพื่อให้มีความก้าวหน้า

ขณะที่คลื่นหลิงไร้ขอบเขตเพิ่มขึ้นก็ฟื้นฟูรอยแตกบนร่างกาย เขาเผยรอยยิ้มที่พึงพอใจเมื่อรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

สมาธิแบบปิดตายทำให้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยคลื่นหลิงบริสุทธิ์ แต่เพราะการชำระดูดซับที่ช้าทำให้เขาไม่ได้บรรลุสักที

แต่เมื่อเขาลงต่อสู้กับหมัวเฮอโยวที่เป็นภัยคุกคามก็ทำให้ร่างกายของเขาถูกกดดันและดูดซับคลื่นหลิงบริสุทธิ์เร็วขึ้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงสามารถบรรลุขุมพลังในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้…

เทียบกับความตกตะลึงภายนอก ใบหน้าของหมัวเฮอโยวเขียวคล้ำขณะมองไปที่มู่เฉินที่แข็งแกร่งขึ้นด้วยสายตาน่ากลัว ตอนแรกเขารู้สึกว่ามู่เฉินโง่ที่ใช้กายาหลิงเทียนจุนปะทะกับเขา แต่ความจริงกลับมาตบหน้าเขาเสียชา

นั่นเป็นเพราะมู่เฉินปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นแรงดันเพื่อใช้ในการเปิดเผยศักยภาพตนเองและบรรลุขุมพลัง

“ดี ข้าประเมินแกต่ำไป!” สายตาหมัวเฮอโยวที่จ้องมองมู่เฉินเต็มไปด้วยความเย็นชาพร้อมกับหัวเราะ “แต่ข้าจะดูสิว่าแกจะทำอะไรได้ถึงจะบรรลุขั้นหลิงระยะปลายแล้ว!”

มู่เฉินไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ และไม่คิดที่จะพูด รัศมีทรงกลดกำจายออกมาจากศีรษะของเขา เจดีย์ผลึกใสตั้งตระหง่านอยู่บนขอบฟ้าก่อนที่ตัวเจดีย์จะสั่นเทิ้ม ภาพร่างปีศาจทั้งแปดขยับออกมาจากภายใน

เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้อย่างหมัวเฮอโยว มู่เฉินไม่มีความคิดที่จะออมมือและเร้าวิชาเจดีย์แปดองค์ออกมาทันที

พร้อมกับการเพิ่มขึ้นของขุมพลัง พลังของเจดีย์แปดองค์ที่เขาสามารถนำออกมาได้ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ในแง่ของความสามารถไม่ได้อ่อนไปกว่าลวดลายจั้นเหวินหกสิบแปดล้านลายเลยทีเดียว

ปีศาจร้ายทั้งแปดยืนอยู่บนขอบฟ้า ความดุร้ายที่เล็ดลอดออกมาจากพวกมันทำให้หมัวเฮอโยวต้องหดเกร็งดวงตา เขารู้สึกว่าถูกคุกคามใหญ่หลวง

มู่เฉินสร้างตราประทับเรียบง่าย คลื่นลูกหนึ่งก็กวาดออก พลังงานหลิงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนที่ปีศาจทั้งแปดจะกลืนกินเข้าไป

โฮก โฮก!

เมื่อกินพลังงานเข้าไป ปีศาจทั้งแปดก็ขยายตัวพร้อมกับลวดลายปีศาจพล่านบนร่างเอิบอาบไปด้วยรัศมีรุนแรงพร้อมกับเสียงคำรามที่ทำให้แผ่นดินพิโรธ

บริเวณหว่างคิ้วของปีศาจทั้งแปดเหมือนจะแตกออก ราวกับเป็นดวงตาปีศาจที่เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างก่อนที่จะยิงออกไป

พร้อมกับความแข็งแกร่งของมู่เฉินที่เพิ่มขึ้น เขาก็ค่อยๆ ควบคุมรูปแบบการโจมตีของวิชาเจดีย์แปดองค์ได้แล้ว

ฟิ้ว ฟิ้ว!

ลำแสงแปดสายพุ่งออกมาจากดวงตาปีศาจตรงหว่างคิ้วของทั้งแปดก่อนที่จะรวมตัวกันเป็นรังสีมรณะทะลุผ่านมิติ ซึ่งทำให้ดวงตาของหมัวเฮอโยวถึงกับหดเกร็ง

เสียงแผ่วเบาดังออกจากปากของมู่เฉินพร้อมกับกระบวนท่า

“วิชาเจดีย์แปดองค์ แสงเจดีย์มรณะ!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท