หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1503 เผ่าเฮยเทียน

บทที่ 1503 เผ่าเฮยเทียน

“กายาเซิ่ง?!”

เสียงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งสะท้อนก้องก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนระหว่างฟ้าดิน ทุกคนถึงกับผงะไป พวกเขารู้สึกตกตะลึงเมื่อมองไปที่ร่างสูงโปร่งนั่น

ในมหาพันภพ จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งเทียบเท่ากับจักรพรรดิที่สามารถมองข้ามสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนได้

ทว่าแม้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งจะหายาก แต่ทุกคนก็รู้ว่ากายาเซิ่งนั้นหายากกว่า!

เพราะเส้นทางการฝึกฝนพลังกายนั้นยากลำบากมาก ต้องมีโอกาสmujน่าขนลุกในการฝึกฝนให้ถึงขั้นเซิ่ง ในมหาพันภพผู้ที่มีกายาเซิ่งสามารถนับได้ในมือเดียว

อย่างน้อยตอนนี้ในบรรดาจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งห้าคนที่อยู่ที่นี่ แม้แต่หมัวเฮอเทียนก็ไม่มีกายาเซิ่ง

เป็นเพราะความหายาก ทุกคนจึงตกตะลึงด้วยความไม่เชื่อเมื่อเห็นว่ามู่เฉินทำสำเร็จ

“ขะ…เขามีกายาเซิ่งด้วย?”

เฉวียนกวางและมั่วถงฉายความตะลึงใจบนใบหน้าพร้อมกับปากอ้าค้าง ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความอิจฉา เพราะนี่เป็นสิ่งที่พวกเขาได้แต่ฝันถึงเท่านั้น!

ยามนี้พวกเขาดับความคิดที่สับสนในใจลงหมดสิ้น การที่มู่เฉินได้ครอบครองกายาเซิ่งนั่นก็หมายความว่าเขามีคุณสมบัติพอที่จะต่อสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง ในแง่ของความแข็งแกร่งเขาล้ำหน้าพวกเขาสองคนไปไกลแล้ว

ตอนนี้มู่เฉินมีคุณสมบัติอย่างยิ่งในการดำรงตำแหน่งประขุมเผ่าฝูถู

เรื่องนี้ทำให้พวกเขารู้สึกซับซ้อนในใจ เพราะครั้งก่อนที่ปะทะกันมู่เฉินต้องใช้ค่ายกลในการถล่มพวกเขา แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถฝ่าแนวป้องกันของมู่เฉินได้ ต่อให้อีกฝ่ายจะยืนนิ่งอยู่ที่นั่นและปล่อยให้พวกเขาโจมตี

ที่สุดแล้วกายาเซิ่งไม่ใช่เรื่องตลกเลย

“ไม่เลว ไม่เลว…”

ฝูถูเฉวียนลูบเคราเบาๆ แม้แต่คนหัวรั้นอย่างเขายังอดยิ้มไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเขาตกใจกับความเป็นจริงที่เบื้องหน้าเช่นกัน

“ดูเหมือนเฉินเอ๋อจะได้รับการฝึกฝนกายาเซิ่งโดยใช้โอกาสที่ร่างมหาเทพนิรันดร์มอบให้” ชิงเหยี่ยนจิ้งยิ้มเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

“ความคิดของเจ้าหนูถือว่าใช้ได้ เขารู้วิธีที่จะถ่อมตัวไม่เย่อหยิ่งเพราะได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์ เขารู้จักซ่อนตัวในเจดีย์เพื่อเพิ่มศักยภาพของตนเองก่อนที่จะปรากฏตัว” ฝูถูเฉวียนกล่าวชื่นชม หากเป็นคนอื่นได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์ พวกเขาคงเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง แต่เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไม่ไกลจากหายนะแล้ว

เมื่อได้ยินคำชื่นชมจากฝูถูเฉวียน ชิงเหยี่ยนจิ้งก็ยิ้มพยักหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

ขณะที่ฝั่งเผ่าฝูถูกล่าวชื่นชมกัน ฝั่งเผ่าหมัวเฮอก็เงียบกริบไป ผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอมีสีหน้าเขียวคล้ำ พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่ามู่เฉินที่ไม่สามารถจัดการกับหมัวเฮอโยวได้เมื่อครึ่งปีก่อนจะมีกายาเซิ่ง

นั่นหมายความว่าตอนนี้ความแข็งแกร่งของมู่เฉินเติบโตขึ้นทะลุฟ้าพร้อมคุณสมบัติที่จะต่อสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแล้ว

ทางด้านหมัวเฮอโยวดวงตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขาอยากจะแล่เนื้อเถือหนังมู่เฉินนัก นั่นเพราะโอกาสนี้ควรเป็นของเขา ถ้าไม่ใช่การปรากฏตัวขึ้นของมู่เฉิน เขาจะเป็นคนเดียวในเผ่าหมัวเฮอที่มีกายาเซิ่ง เมื่อไรที่ขุมพลังหลิงของเขาไปถึงขั้นเซิ่งละก็ ความสามารถในการต่อสู้ของเขาก็จะก้าวนำหมัวเฮอเทียน กลายเป็นจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่า

ถ้าเขารู้เรื่องนี้ ย้อนกลับไปตอนที่ทวีปเทียนหลัว เขาก็จะฆ่ามู่เฉินโดยไม่ลังเลเพื่อไม่ให้มันเข้าร่วมงาน

ทว่าในโลกนี้ไม่มียาแก้อดีตที่น่าเสียดาย ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของมู่เฉิน ความตรอมตรมใจในใจของหมัวเฮอโยวก็เกือบจะทำให้ตนเองเป็นบ้า

ดวงตาของหมัวเฮอเทียนมืดครึ้มลง ทว่าเขาก็รักษาความสงบและหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับอารมณ์ในใจ “ไม่คิดว่าเจ้าจะมีกายาเซิ่ง มิน่าล่ะถึงจองหองพองขน ปฏิเสธความปรารถนาดีของเผ่าหมัวเฮอของข้า”

“ความปรารถนาดี?”

มู่เฉินยิ้มอ่อน “ช่างเป็นความปรารถนาดีที่ไม่สามารถเข้าใจได้จริงๆ”

ในฐานะประมุข หมัวเฮอเทียนไม่เพียงแต่มีพลังที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่เขายังหน้าหนามาก สามารถพูดคำที่ไร้ยางอายได้อย่างเปิดเผย

สีหน้าหมัวเฮอเทียนไม่เปลี่ยนแปลงขณะตอบอย่างเฉยเมย “ตอนแรกข้าอยากคุยกับเจ้าดีๆ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะหยิ่งเพราะมีกายาเซิ่ง งั้นข้าก็ขอประกาศวันนี้ไม่ว่าเจ้าจะคิดยังไงร่างมหาเทพนิรันดร์ต้องอยู่ที่นี่!”

“ฮ่าๆ วาจาใหญ่โตจริง วันนี้ข้าขอดูหน่อยว่าเผ่าหมัวเฮอจะทำยังไงให้ลูกชายข้าวางร่างมหาเทพนิรันดร์ไว้ที่นี่!” เสียงเยือกเย็นของชิงเหยี่ยนจิ้งดังสะท้อน

แววตาของหมัวเฮอเทียนมืดครึ้มพร้อมกับไอสังหารเย็นชาไหลเวียนในดวงตาขณะที่เขาหันไปหาชิงเหยี่ยนจิ้ง “พูดแบบนี้ก็หมายความว่าเผ่าฝูถูของเจ้าตัดสินใจประกาศสงครามกับเผ่าหมัวเฮอใช่ไหม?”

“ถ้าไม่ใช่เพราะเผ่าหมัวเฮอเอาแต่ใจ พวกข้าก็ไม่คิดจะเปิดศึกหรอก” ฝูถูเฉวียนตอบ

หมัวเฮอเทียนถอนหายใจ “ข้าก็คาดไว้แล้วว่าพวกเจ้าจะไม่ยอม ดังนั้นวันนี้ข้าคงต้องใช้บุญคุณที่คนอื่นติดไว้สักหน่อยแล้ว…”

เมื่อพูดจบหมัวเฮอเทียนก็มองไปที่มิติตรงหน้าพูดว่า “พี่เฮยเธียนออกมาเถอะ”

เมื่อหมัวเฮอเทียนพูดจบ ท้องฟ้าก็กลายเป็นมืดมิด ความมืดแผ่ซ่านกลืนกินแสงสว่างทั้งหมด

ความมืดปกคลุมไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ถอยร่นรวดเร็วเช่นกัน เมื่อความสว่างกลับคืน ทุกคนก็เห็นร่างสองร่างปรากฏข้างกายหมัวเฮอเทียน

ทั้งสองร่างสวมเสื้อสีดำ ดวงตาพวกเขาพิเศษมาก ไม่มีส่วนตาขาว ความมืดหมุนคว้างราวกับหลุมดำ ทำให้คนมองใจสั่นสะท้าน

เมื่อมองไปที่ทั้งสองมู่เฉินก็หดดวงตา เขาสัมผัสได้ถึงความผันผวนที่น่ากลัว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง!

“เผ่าเฮยเทียน…เฮยเธียน เฮยตี้ พวกเจ้าสองคนคิดจะมาสอดเกี่ยวกับเรื่องนี้เรอะ?” ใบหน้าของชิ้งเหยี่ยนจิ้งและฝูถูเฉวียนเปลี่ยนไปกับการปรากฏตัวของจอมยุทธ์ทั้งสอง

“เผ่าเฮยเทียน?”

หัวใจของมู่เฉินสั่นไหว ตอนนี้ทราบถึงตัวตนของผู้มาใหม่ทั้งสองคนแล้ว ที่แท้พวกเขาเป็นหนึ่งในห้าเผ่าโบราณนี่เอง?!

ความปั่นป่วนระเบิดนอกเมือง ไม่มีใครคาดคิดว่าเผ่าหมัวเฮอจะเชิญจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งสองคนจากเผ่าเฮยเทียนมาได้

ต้องรู้ว่าโดยทั่วไปแล้วแค่สมาชิกเผ่าเฮยเทียนยังมักไม่ปรากฏต่อหน้าผู้คน ไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ระดับนี้ของเผ่าเลย

เมื่อได้ยินคำพูดของชิงเหยี่ยนจิ้ง หนึ่งในนั้นก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าของเขาขาวซีดดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงแสงแดดมาเป็นเวลานาน เขาถอนหายใจ “เผ่าเฮยเทียนเป็นหนี้บุญคุณเผ่าหมัวเฮอ ดังนั้นพวกข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเคลื่อนไหว หวังว่าผู้อาวุโสใหญ่ชิงเหยี่ยนจิ้งจะเข้าใจความยากลำบากใจนี้นะ”

สีหน้าของชิงเหยี่ยนจิ้งและฝูถูเฉวียนไม่น่าดู สถานการณ์นี้เกินความคาดหมายแล้ว ไม่คิดว่าเผ่าหมัวเฮอจะสามารถเชิญเผ่าเฮยเทียนเข้าร่วมได้

ด้วยจอมยุทธ์เผ่าเฮยเทียนจะสร้างความแตกต่างอย่างมากระหว่างสองขุมกำลัง พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งถึงห้าคน แม้แต่เผ่าฝูถูก็รู้สึกกดดันไม่น้อย

ที่ด้านหลังชิงเหยี่ยนจิ้ง จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนของเผ่าฝูถูก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน

ดูเหมือนว่าเผ่าหมัวเฮอจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อแย่งร่างมหาเทพนิรันดร์…

หมัวเฮอเทียนประสานมือคำนับเฮยเธียนและเฮยตี้ก่อนจะมองไปที่มู่เฉิน “อย่างที่ข้าบอกไป ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ไม่สามารถนำร่างมหาเทพนิรันดร์ไปด้วยได้”

มู่เฉินหรี่ตาลงตอบกลับอย่างใจเย็น “ได้-ไม่ได้ก็ต้องลองดูก่อน”

แม้ว่าการปรากฏตัวของเผ่าเฮยเทียนจะเกินความคาดหมาย แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนอย่างเขาจะทิ้งร่างมหาเทพนิรันดร์ไว้ที่นี่

“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา แกมีเพียงกายาเซิ่งคิดว่าตัวเองอยู่ยงคงกระพันจริงหรือ?” ดวงตาของหมัวเฮอเทียนจมลงก่อนที่จะหันไปหาเฮยเธียนและเฮยตี้ “ข้าต้องรบกวนพวกเจ้าสองคนขัดขวางเผ่าฝูถูด้วย”

“ส่วนร่างมหาเทพนิรันดร์เป็นหน้าที่ของเผ่าหมัวเฮอที่จะแย่งชิงมาเอง”

เฮยเธียนและเฮยตี้พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ จริงๆ แล้วพวกเขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมในความขัดแย้งนี้ แต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นหนี้บุญคุณอีกฝ่ายอยู่…

ที่ด้านหลังของหมัวเฮอเทียน หมัวเฮอโยวมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาที่โหดเหี้ยมและเย็นชา ‘แกมีกายาเซิ่งแล้วยังไง? ต่อหน้าเผ่าหมัวเฮอของข้า แกก็ต้องถูกจับ’

“บังอาจ!”

ใบหน้าของชิงเหยี่ยนจิ้งเย็นเยือกลง ขณะที่มิติเบื้องหลังแปรปรวน ค่ายกลขนาดใหญ่บีบลงมาซึ่งเต็มไปด้วยแรงกดดันที่น่ากลัว

แสงสีดำวูบไหวบนท้องฟ้า เฮยเธียนและเฮยตี้เข้ามาขัดขวางการเคลื่อนไหวของนาง ความมืดแผ่ออกมาจากเบื้องหลังพวกเขา ราวกับเป็นโลกแห่งความมืด

ในเวลาเดียวกันหมัวเฮอเทียนก็พยักหน้าให้ชายชราสองคนที่อยู่ข้างหลัง ทั้งสองทะยานออกไปหามู่เฉิน

เมื่อมองสองคนที่พุ่งเข้ามา ดวงตาของมู่เฉินก็เย็นชาลงพลางกำหมัดแน่น รัศมีสีทองกระจายไปทั่วร่าง

ฮึ่ม!

แต่เมื่อเขากำลังจะออกกระบวนท่า ม่านคลื่นหลิงโบราณก็พลิ้วลงมาจากท้องฟ้าขวางทางจอมยุทธ์อาวุโสของเผ่าหมัวเฮอไว้

พร้อมกับม่านคลื่นหลิงเคลื่อนลงมา เสียงโบราณก็ดังก้อง

“ฮ่าๆ ครึกครืนดีจริง แต่ว่าท่านธิดาเทพประกาศไว้แล้วว่าเผ่าไท่หลิงต้องปกป้องมู่เฉิน…”

เสียงที่ดังขึ้นกะทันหันทำให้หัวใจของมู่เฉินสั่นไหว เขาเงยหน้าขึ้นทันที ก็เห็นเสาแสงพุ่งลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับภาพที่สลักลึกอยู่ในหัวใจเขาปรากฏขึ้น

ร่างนั้นมองลงมาตอบกับมู่เฉินด้วยแววตาเปี่ยมล้น รอยยิ้มผุดผาดเผยบนริมฝีปากบาง ทำให้หัวใจของมู่เฉินอ่อนระทวย

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท