หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1504 ได้เจอลั่วหลีอีกครั้ง

บทที่ 1504 ได้เจอลั่วหลีอีกครั้ง

เมื่อลำแสงโบราณเคลื่อนลงมา

คลื่นหลิงทรงพลังก็กวาดออก ทำให้ทุกคนที่อยู่นอกเมืองต้องตกตะลึง

“…เผ่าไท่หลิงก็มาที่นี่ด้วยเรอะ!”

“จุ๊ๆ สี่เผ่าโบราณ ปรากฏการณ์นี้หาได้ยากอย่างแท้จริง…”

“ความสัมพันธ์ของมู่เฉินน่ากลัวมาก ไม่เพียงแต่เทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามเท่านั้น แต่เขายังมีความสัมพันธ์กับเผ่าไท่หลิงด้วย…”

“ใช่เลย ดีที่ช่วงนี้เกิดสถานการณ์ตึงเครียดทำให้เทพจอมยุทธ์ทั้งสองไม่สามารถออกจากดินแดนของตนได้ มิฉะนั้นเผ่าหมัวเฮอคงตกที่นั่งลำบากในตอนนี้แน่”

“…”

เมื่อได้ยินบทสนทนา สีหน้าของผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอก็เขียวคล้ำ แม้แต่ดวงตาของหมัวเฮอเทียนยังจมลงเนื่องจากการปรากฏตัวของเผ่าไท่หลิงทำลายแผนการของเขาลงทั้งหมด

ทว่านี่ก็ทำเอาเขารู้สึกงุนงง เผ่าไท่หลิงไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเผ่าฝูถู ทำไมพวกเขาจึงยอมเสี่ยงเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้

“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ไท่หมิงนี่เอง ขออภัยที่ไม่ได้ต้อนรับ” ถึงอย่างไรหมัวเฮอเทียนก็สมกับเป็นประมุข ดังนั้นในเขาจึงหายจากอาการตื่นตะลึงอย่างรวดเร็ว

เมื่อเสาแสงสลายไป ร่างเงาสองร่างก็ปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของทุกคน

หนึ่งในนั้นเป็นชายชราแต่กลับมีผิวเรียบเนียนราวกับเด็กทารกพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตรประดับอยู่บนริมฝีปาก ม่านตาเต็มไปด้วยภูมิปัญญาและความลึกลับ

หมัวเฮอเทียนค่อนข้างคุ้นเคยกับชายชราคนนี้ดี เขาเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าไท่หลิง—ผู้อาวุโสไท่หมิง

ทุกคนพากันจ้องมองไปที่ไท่หมิงชั่วครู่ ก่อนที่คนด้านข้างจะดึงดูดสายตาของพวกเขาไป

นางมีผมสีเงินยวงยาวสลวยอยู่ในชุดสีดำปักลวดลายดวงดาว แสงสีม่วงกำจายออกมาจากช่วงปลายของเสื้อ

รูปลักษณ์นางช่างโดดเด่นพร้อมกับผิวเปล่งประกายด้วยความกระจ่างใส ริมฝีปากบางยกขึ้นเล็กน้อยดูขี้เล่น สิ่งที่ดึงดูดพวกเขามากที่สุดคือม่านตาทั้งคู่ที่ราวกับผลึกแก้วใส บริสุทธิ์ราวกับว่าสามารถมองทะลุความคิดของผู้อื่นได้ เมื่อทุกคนมองเข้าไปในนัยน์ตานั้นต่างก็รู้สึกมึนเมา

ลำคอเรียวระหงงดงาม ถัดลงมาส่วนโค้งเว้าก็ดูสะดุดตาอย่างยิ่ง ช่างเป็นสัดส่วนราวกับสวรรค์สร้าง…

นี่คือหญิงสาวที่มีจิตวิญญาณรายรอบตัว

นี่เป็นประโยคที่ปรากฏในหัวทุกคนเมื่อมองไปที่หญิงสาวคนนั้น ดวงตาอัดแน่นด้วยความตกใจในความงดงาม

“ฮ่าๆ เจ้ามากมารยาทจริง อย่าตำหนิที่ข้ามาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า” ไท่หมิงยิ้มตาหยี

หมัวเฮอเทียนหายใจเข้าลึกถามว่า “ข้าว่าเผ่าของเราไม่ได้มีเรื่องบาดหมางใช่หรือไม่? ทำไมท่านถึงเข้ามายุ่งเรื่องครั้งนี้”

เผชิญหน้ากับคำถามของหมัวเฮอเทียน ไท่หมิงก็ถอนหายใจอย่างหดหู่ เขาชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ “อย่าโทษเรื่องนั้นเลย สาวน้อยคนนี้กระวนกระวายใจที่จะช่วยเหลือคนรักของนาง ดังนั้นข้าเลยถูกบีบบังคับให้ต้องปรากฏตัว…”

หมัวเฮอเทียนหรี่ตาหันไปมองหญิงสาว “ไม่ทราบว่าเจ้าคือใคร?”

“ข้าชื่อลั่วหลี ต้องขอบคุณเหล่าผู้อาวุโสเผ่าไท่หลิงที่ให้ความสำคัญกับข้า ตอนนี้ข้าเป็นธิดาเทพของเผ่าเจ้าค่ะ” ลั่วหลีที่ยืนอยู่ข้างไท่หมิงยิ้ม เผชิญหน้ากับคำพูดของหมัวเฮอเทียน เสียงของนางเบาหวิวแต่ไม่มีนัยของการยอมจำนน นี่ทำให้จอมยุทธ์หลายคนดวงตาลุกโชนชื่นชมเลยทีเดียว

“ธิดาเทพเผ่าไท่หลิง?” หมัวเฮอเทียนขมวดคิ้วเข้าหากัน เผ่าไท่หลิงไม่มีประมุข มีเพียงธิดาเทพและใครก็ตามที่ดำรงตำแหน่งนี้จะเทียบเท่ากับจักรพรรดินีเผ่าไท่หลิงซึ่งมีอำนาจสูงสุด

ทว่าเผ่าไท่หลิงมีขั้นตอนที่เข้มงวดในการคัดเลือก ตำแหน่งนี้จึงว่างเปล่ามานาน แต่หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งธิดาเทพรึ?

“ในเมื่อเจ้าเป็นธิดาเทพเผ่าไท่หลิง เจ้าก็ควรมองว่าเผ่าไท่หลิงสำคัญกว่าสิ่งใดทั้งหมด หากเจ้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ อาจนำปัญหาไปสู่เผ่าไท่หลิงนะ” หมัวเฮอเทียนเทียนพูดด้วยน้ำเสียงคุกคาม

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคำพูดนี้ ลั่วหลีก็ยิ้มด้วยความรักใคร่และความเสน่หาในดวงตา ขณะที่เลื่อนไปมองชายคนรัก “ข้าเป็นธิดาเทพก็เพื่อเขา… ถ้าข้าช่วยเขาไม่ได้แล้วข้าจะเป็นธิดาเทพไปทำไมล่ะ?”

คำพูดของนางทำให้เกิดเสียงทอดถอนหายใจนับไม่ถ้วนทันที จากนั้นทุกสายตาก็มองไปที่มู่เฉินด้วยความอาฆาตมาดร้าย

ชายคนนั้นไม่เพียงแต่แช่ในความสุขของโอกาสเท่านั้น เขายังมีหญิงคนรักที่โดดเด่นเช่นนี้อยู่ข้างกาย เพื่อเขานางสามารถเผชิญหน้ากับหมัวเฮอเทียนได้ไม่หวั่นเกรง โชคดีจนน่าอิจฉาเสียจริง

“ลั่วหลีน้อย เจ้าช่างไม่สนใจหัวใจที่เปราะบางของชายชราคนนี้สักนิดเลย…” ไท่หมิงบ่นกระปอดกระแปด

เมื่อลั่วหลีได้ยินคำพูดเหล่านั้น นางก็รู้สึกเขินอายไปบ้างตอบว่า “ท่านรู้เรื่องนี้ไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ ผู้อาวุโสใหญ่?”

ไท่หมิงถอนหายใจก่อนจะมองไปที่มู่เฉินอย่างไม่มีความสุข ถ้าไม่ใช่เพราะชายหนุ่มคนนั้น ลั่วหลีจะได้เป็นธิดาเทพเผ่าไท่หลิงอย่างเต็มรูปแบบแล้ว

“ความสัมพันธ์ของธิดาเทพเผ่าไท่หลิงกับมู่เฉินคืออะไร?” ฝูถูเฉวียนก็ตกใจกับคำพูดเหล่านั้น

เมื่อมองไปที่ลั่วหลีดวงตาของชิงเหยี่ยนจิ้งก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ นางเคยพบกับลั่วหลีในทวีปเป่ยชาง ดังนั้นความประทับใจของนางที่มีต่อลั่วหลีจึงลึกซึ้งมาก เพราะเด็กสาวคนนี้มีความสามารถโดดเด่นและนิสัยมั่นคง

“ลูกสะใภ้ข้าน่ะ” ชิงเหยี่ยนจิ้งยิ้มขณะมองไปที่ฝูถูเฉวียนด้วยความภาคภูมิใจ

บุตรชายของนางมีความสามารถ ไม่เพียงแต่เขาจะเฟ้นหาว่าที่ฮูหยินที่งดงามเช่นนี้ แต่ยังเป็นธิดาเทพเผ่าไท่หลิงอีกด้วย

ฝูถูเฉวียนอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจ “ไอ้หนูนั่นมีความสามารถแท้จริง คว้าได้กระทั่งธิดาเทพของเผ่าไท่หลิง”

เผชิญหน้ากับเสียงเหล่านั้น ใบหน้าหมัวเฮอเทียนก็ดิ่งลงขณะมองไปที่ลั่วหลีและไท่หมิง “ดูเหมือนพวกเจ้ายืนกรานจะแทรกแซงให้ได้นะ แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งอีกคนก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก”

มีเพียงไท่หมิงเท่านั้นที่เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง แม้ว่าขุมพลังของลั่วหลีจะเพิ่มสูงขึ้นและบรรลุระดับเทียนจื้อจุนแล้ว แต่ก็เป็นอยู่ในขั้นหลิงเท่านั้น

ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ไท่หมิงก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “เจ้ากำลังประเมินธิดาเทพเผ่าไท่หลิงของข้าต่ำเกินไป”

ลั่วหลีกะพริบตาจากนั้นก็วาดตราประทับ

ฮึ่ม!

รัศมีโบราณพวยพุ่งขึ้นจากกระหม่อมของลั่วหลี ทุกคนต้องตกใจเมื่อเห็นแผนภาพโบราณแผ่ออกมาเหนือร่างนาง

แผนภาพโบราณดูเก่าแก่มาก แต่กลับปล่อยความผันผวนคลื่นหลิงรุนแรง เหมือนจะมีร่างเงาแสงปรากฏอยู่เลือนรางด้วย

ความกดดันที่กำจายออกมาเทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง!

เมื่อมองไปที่แผนภาพนั่น ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนก็ยิ่งไม่น่าดู มากจนแม้แต่ชิงเหยี่ยนจิ้งและฝูถูเฉวียนยังฉายความตกตะลึงในแววตา

“นั่นคือ…ยอดสมบัติของเผ่าไท่หลิง—แผนภาพวิญญาณโบราณ?!”

เสียงอุทานเปล่งลั่นพร้อมกับหัวใจที่ตกใจไม่แพ้กัน

ก่อนที่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งทุกคนของเผ่าไท่หลิงจะละสังขาร พวกเขาจะผนึกคลื่นหลิงลงในแผนภาพ ทำให้มันมีพลังที่น่าสะพรึงกลัว

พูดได้เต็มปากเลยว่าเพียงแค่พลังของแผนภาพนี้อย่างเดียวก็เทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแล้ว

ข้อเสียอย่างเดียวก็คือเผ่าไท่หลิงมีข้อกำหนดที่เข้มงวดสำหรับการเลือกเจ้าของ หลายปีที่ผ่านมามีไม่เกินสามคนเท่านั้นที่ครอบครองมันได้

ก็เป็นเพราะเช่นนั้น พวกเขาจึงตกใจมากที่เห็นลั่วหลีสามารถควบคุมได้

ยามนี้ในที่สุดพวกเขาก็รู้แล้วว่าทำไมไท่หมิงถึงให้ความสำคัญกับลั่วหลีมากขนาดนี้… การบัญชาแผนภาพวิญญาณโบราณได้ ต่อให้นางมีขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นหลิงเท่านั้น แต่กระทั่งพวกขั้นเซิ่งก็ไม่สามารถทำอะไรนางได้

เมื่อมองไปที่ลั่วหลี มู่เฉินก็ทั้งสุขใจและปวดใจ เพราะเขารู้ว่านางต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมายเพียงใดกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้

เมื่อรู้สึกถึงการจ้องมองของมู่เฉิน ลั่วหลีก็เอี้ยวหน้ามองกะพริบตาอย่างขี้เล่น เหมือนกับจะบอกว่านางกำลังไล่ตามเขาทันแล้วนะ…

เมื่อมองไปที่รอยยิ้มของหญิงสาวคนรัก มู่เฉินก็อดยิ้มไม่ได้ เขารู้สึกถึงความกล้าหาญที่เพิ่มพูนในอก จึงมองไปที่หมัวเฮอเทียนด้วยสายตาเฉียบคม อึดใจเสียงของเขาที่อัดแน่นด้วยเจตนาต่อสู้ก็ดังก้อง

“หมัวเฮอเทียน ถ้าอยากได้ร่างมหาเทพนิรันดร์ก็แสดงฝีมือออกมาเอง วันนี้ข้ามู่เฉินขอเห็นความน่าเกรงขามของประมุขเผ่าหมัวเฮอหน่อยจะเป็นไร!”

เสียงหัวเราะของเขาดังก้อง ทำให้ทุกคนตกตะลึง

‘นี่มู่เฉินกำลังท้าทายหมัวเฮอเทียนเรอะ!’

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท