หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1508 ขวดมหาเพลิงวารี

บทที่ 1508 ขวดมหาเพลิงวารี

ฮึ่ม!

เมื่อลูกทรงกลมทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก็กวาดข้ามขอบฟ้าพุ่งเข้าใส่หมัวเฮอเทียนและร่างเทพมหันต์ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าเขา

แม้ว่าลูกทรงกลมนี้จะดูไม่ทรงพลัง แต่หมัวเฮอเทียนก็สัมผัสได้ถึงความเย็นเสียดแทงทะลุกระดูกออกมาพร้อมกับความกลัวและความไม่สบายใจกวนตัวในหัวใจ

“เจ้าสามารถฝึกฝนโลกผนึกหนึ่งนิรันดร์ได้เรอะ?!”

ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนเขียวคล้ำ ในฐานะผู้พิทักษ์ร่างมหาเทพนิรันดร์ พวกเขาเข้าใจทักษะเทห์สวรรค์นี้ได้โดยธรรมชาติและโลกผนึกหนึ่งนิรันดร์ก็เป็นหนึ่งในทักษะนั้น

เล่าลือกันว่าร่างมหาเทพนิรันดร์สามารถใช้แก่นนิรันดร์สร้างเป็นลูกทรงกลมขึ้นมาได้ ใครก็ตามที่ติดอยู่ในนั้นจะได้ตกอยู่ในกาลเวลาโบราณ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็จะมีช่วงเวลายากลำบากที่จะหลุดออกมาได้ พวกเขาทำได้เพียงยอมจำนนให้ร่างกายค่อยๆ สลายกลายเป็นขี้เถ้า

ในอดีตเทพจักรพรรดินิรันดร์ได้ใช้ทักษะเทห์สวรรค์นี้ในการสังหารจอมปีศาจจำนวนเท่าใดคงมีแต่เทพเซียนที่รู้

ดังนั้นในแง่ของพลังโลกผนึกหนึ่งนิรันดร์ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานเลย

เพียงแค่ว่าการจะใช้ต้องมีแก่นนิรันดร์จำนวนมาก แต่มู่เฉินเพิ่งได้รับการสืบทอดร่างมหาเทพนิรันดร์มา แล้วเขามีแก่นนิรันดร์มากมายที่จะสนับสนุนมาจากไหน?

แม้ความคิดนี้จะผ่านเข้ามาในใจ แต่ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนกลับไม่น่าดูและก็ไม่กล้าที่จะหย่อน

เขากระทืบฝ่าเท้า ร่างเทพมหันต์ก็กลายเป็นลำแสงถอยออกไป พริบตาก็อยู่ห่างออกไปหลายหมื่นลี้ เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจจะหลบหลีกเลี่ยงการโจมตีนี้

ฮึ่ม!

แต่เมื่อเขาปรากฏตัวห่างออกไป ความปั่นป่วนจากมิติก็ก่อตัวที่ด้านบน ลูกทรงกลมไล่ตามมาติดๆ

ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนไม่น่าดู ขณะที่สั่งให้ร่างเทพมหันต์ถอยห่างออกไปอีกหมื่นลี้

ทว่าความพยายามของเขาก็ไร้ผล ไม่ว่าความเร็วของเขาจากเพิ่มขึ้นมากเท่าไร ลูกทรงกลมก็เหมือนจะยึดติดเขาราวกับวิญญาณ ติดตามไปทุกหนแห่ง…

ดังนั้นสิบกว่าลมหายใจต่อมาหมัวเฮอเทียนก็ปรากฏตัวขึ้นเหนือเมืองวั้นกู่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ทำไม? ไม่วิ่งต่อแล้วเหรอ?” มู่เฉินมองไปที่หมัวเฮอเทียนพลางยิ้มไม่เชิงยิ้ม

“หึ แกคิดว่าข้ากลัวทักษะเทห์สวรรค์ของร่างมหาเทพนิรันดร์จริงๆ รึ!” หมัวเฮอเทียนกราดเกรี้ยว เขาเป็นประมุขเผ่าหมัวเฮอ แต่วันนี้กลับต้องเป็นลูกไก่ในมือเด็กเหลือขอ ช่างเป็นความอัปยศอดสูสำหรับเขานัก

หมัวเฮอเทียนหายใจเข้าลึกๆ วาดตราประทับเร็วรี่กลายเป็นภาพซ้อนนับไม่ถ้วน

ในเวลาเดียวกันร่างเทพมหันต์ที่อยู่เบื้องล่างก็กำจายหมอกสีดำขาวออกมาจากศีรษะ ก่อร่างเป็นร่มขนาดใหญ่เหนือศีรษะของหมัวเฮอเทียนอย่างรวดเร็ว

“ร่มมหาอุด!”

พร้อมกับเสียงหมัวเฮอเทียน ร่มขนาดมหึมาก็หมุนไปอย่างช้าๆ ปลดปล่อยความลึกซึ้งที่ไม่สิ้นสุด ราวกับว่าการยืนอยู่ใต้ร่มนี้จะทำให้เขาปลอดภัย แม้ว่าสวรรค์และโลกจะฉีกออกจากกันก็ตาม

ฮึ่ม!

เมื่อลูกทรงกลมลดระดับลงมา รัศมีแสงก็สะท้อนบนร่ม ทันใดนั้นทั้งคู่ก็กัดกร่อนกันรุนแรง ภายใต้การปะทะกันของพลังงานสองสาย มิติก็พังทลายลงเรื่อยๆ…

ทว่าแม้คลื่นหลิงสีดำขาวจะลึกซึ้ง แต่ก็ยังขาดเมื่อเทียบกับแก่นนิรันดร์ ดังนั้นแสงสีดำขาวจึงค่อยๆ ถูกกัดกร่อนภายใต้การเผชิญหน้า

เมื่อมองภาพนี้ฝ่ามือของมู่เฉินก็เปลี่ยนไป “โลกผนึกหนึ่งนิรันดร์ ตราประทับบุพกาล!”

ฮึ่ม ฮึ่ม!

ลูกทรงกลมเริ่มขยายออกห่อหุ้มร่ม หมัวเฮอเทียนและร่างเทพมหันต์ไว้

ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำสิ้นเชิง

ซ่า ซ่า

ภายในลูกทรงกลม เสียงน้ำกระเซ็นดังก้องราวกับว่าแม่น้ำแห่งกาลเวลาอันยาวนานปรากฏขึ้น เสียงซ่าซ่าเกิดอย่างต่อเนื่อง ทุกเสียงน้ำซัดสาดจะทำให้ร่มหดตัวดูเหมือนกับว่าจะไม่สามารถทนต่อการกัดกร่อนของกาลเวลาได้

ร่างมหาเทพนิรันดร์ไม่เพียงแต่มีความเป็นนิรันดร์เท่านั้น แต่ยังมีสิ่งที่ตรงกันข้ามซึ่งก็คือพลังแห่งการกัดกร่อน ดังนั้นร่างมหาเทพนิรันดร์สามารถใช้การกัดกร่อนของกาลเวลาเพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งกีดขวางให้กลายเป็นเถ้าถ่าน

ในสมัยโบราณจอมปีศาจจำนวนมากถูกขังในโลกผนึกหนึ่งนิรันดร์ สุดท้ายก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่านเมื่อเวลาผ่านไป

หมัวเฮอเทียนยืนอยู่บนร่างเทพมหันต์ด้วยสีหน้าเขียวคล้ำขณะมองไปที่ร่มที่ค่อยๆ อ่อนกำลังลง เขากระทืบเท้า ร่างเทพมหันต์ก็ส่งเสียงคำราม รัศมีสีดำขาวก่อร่างเป็นกระบี่พุ่งเข้าหาลูกทรงกลม

ฮึ่ม ฮึ่ม

แต่เมื่อกระบี่สัมผัสกับลูกทรงกลมก็สึกกร่อนอย่างรวดเร็วและหายไป แรงที่เหลือสามารถทำให้ลูกทรงกลมกระเพื่อมได้เท่านั้น

“บ้าเอ้ย!”

หมัวเฮอเทียนกัดฟัน ในที่สุดเขาก็สัมผัสได้ถึงทนทานของลูกทรงกลม มิน่าล่ะกระบวนท่านี้ถึงสามารถสังหารจอมปีศาจจำนวนมากในสมัยโบราณได้ ด้วยการใช้เวลากัดกร่อนทำให้ทุกอย่างสลายกลายเป็นอากาศธาตุ

หมัวเฮอเทียนฉายแววตาน่ากลัว ไม่คิดพยายามที่จะทำลายลูกทรงกลมอีกต่อไป ทันใดนั้นร่างเทพมหันต์ก็ระเบิดรัศมีสีดำขาวเทลงในร่ม การสนับสนุนของพลังนี้ทำให้รัศมีของร่มสีดำขาวกลับคืนมา ปกป้องหมัวเฮอเทียนและร่างเทพมหันต์เอาไว้

“มู่เฉิน โลกผนึกหนึ่งนิรันดร์ของแกทรงพลังก็จริง แต่แกคิดว่าตัวเองเป็นเทพจักรพรรดินิรันดร์เรอะ?! แกกำลังประเมินตัวเองสูงเกินไป ถ้าคิดว่าจะฆ่าข้าด้วยสิ่งนี้!” หมัวเฮอเทียนแผดเสียง

สิ่งที่เขาพูดไม่ใช่เรื่องเท็จ แม้ว่าจะเป็นปัญหามากที่จะหลบหลีก แต่โลกผนึกหนึ่งนิรันดร์ก็ไม่สามารถฆ่าเขาได้

มู่เฉินหลุบตายิ้มอ่อน แต่ไม่ได้ตอบโต้ เขารู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าหมัวเฮอเทียนด้วยโลกผนึกหนึ่งนิรันดร์ แต่แค่จับอีกฝ่ายเอาไว้ เขาก็บรรลุเป้าหมายแล้ว

เมื่อทุกคนเห็นภาพนี้ ความหวาดผวาก็กวาดไปทั่วใบหน้าขณะมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาแสดงความเคารพนับถือ

ครึ่งปีก่อนช่องว่างระหว่างหมัวเฮอเทียนกับมู่เฉินเรียกว่าห่างกันราวฟ้ากับเหว แต่ตอนนี้เขาสามารถต่อสู้ในระดับเดียวกับหมัวเฮอเทียนได้ มิหนำซ้ำยังผลักหมัวเฮอเทียนลงไปในกับดักได้อีกด้วย

ด้วยความสามารถดังกล่าว เขาสามารถติดอันดับหนึ่งในสุดยอดจอมยุทธ์แห่งมหาพันภพแล้ว

ผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอใบหน้ามืดครึ้มโดยเฉพาะอย่างยิ่งหมัวเฮอโยว เขาขบฟันจนเกือบแตก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากยอมรับความจริงที่พี่ชายของตนเองไม่สามารถทำอะไรกับมู่เฉินได้

“หมิ่นกันเกินไปแล้ว! ไอ้สารเลวปล่อยท่านประมุขซะ!”

จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งสองคนของเผ่าหมัวเฮอร้องตะโกน ขณะมองไปที่มู่เฉินพร้อมกับคลื่นหลิงผันผวนรอบตัว

“ฮ่าๆ ใจเย็นสิ นี่เป็นการประลองระหว่างหมัวเฮอเทียนและมู่เฉิน ทำไมต้องเข้าไปยุ่งด้วยล่ะ?” ไท่หมิงสะบัดแขนเสื้อ คลื่นหลิงไร้ขอบเขตรวมตัวกันและขัดขวางผู้เฒ่าทั้งสองเอาไว้

“เรื่องในวันนี้เกิดจากเผ่าหมัวเฮอขาดความซื่อสัตย์ ทำไมต้องกัดไม่ปล่อยด้วย?” ไท่หมิงเหลือบมองไปที่หมัวเฮอเทียนที่ติดอยู่ในลูกโลก “ประมุขหมัวเฮอ ให้ตาแก่คนนี้เป็นคนกลางไหม? ทุกคนต่างถอยกันคนละก้าว ข้าจะบอกให้มู่เฉินหยุด เผ่าหมัวเฮอก็ปล่อยมือจากร่างมหาเทพนิรันดร์ ตกลงไหม?”

รากฐานของเผ่าหมัวเฮอหยั่งลึก หากเรื่องนี้เกิดขึ้นสงครามก็เป็นอะไรที่จินตนาการไม่ได้

สายตาของหมัวเฮอเทียนเย็นชาลงเมื่อกวาดมองไปที่ไท่หมิง “วาจายิ่งใหญ่จริง เผ่าไท่หลิงได้รับโอกาสและได้รับร่างมหาปราชญ์วิญญาณไปแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้วันนี้เผ่าไท่หลิงยืนยง เผ่าหมัวเฮอของข้าต่อสู้เพื่อสิ่งนี้จากรุ่นสู่รุ่น ถ้ามีร่างมหาเทพนิรันดร์ในครอบครอง เผ่าหมัวเฮอจะอยู่ในแค่จุดนี้ได้อย่างไร?!”

“ในอดีตร่างมหาเทพนิรันดร์ถูกแย่งไปจากมือบรรพบุรุษเผ่าหมัวเฮอของข้าโดยเทพจักรพรรดินิรันดร์ แล้วจะให้เผ่าหมัวเฮอยอมทิ้งโอกาสนี้ได้อย่างไร?”

“วันนี้ไม่ว่าหน้าไหนก็ไม่สามารถนำร่างมหาเทพนิรันดร์ไปจากเผ่าหมัวเฮอของข้า!”

เมื่อคำพูดจบลงสายตาของหมัวเฮอเทียนก็น่าขนพองสยองเกล้าขณะที่ส่งเสียงคำราม

เขาไม่สนใจไท่หมิงอีกต่อไป หันไปจ้องมองมู่เฉินด้วยดวงตาแดงฉาน “ไอ้สารเลว แกคิดว่าเผ่าหมัวเฮอของข้าไม่มีรากฐานใดๆ เรอะ?!”

“แกไม่มีสิทธิ์ที่จะมาทำโอหังในดินแดนของเผ่าหมัวเฮอ!”

หมัวเฮอเทียนหัวเราะเสียงเย็นชาพร้อมกับแววเด็ดขาดพวยพุ่งในดวงตา เขาพ่นเลือดกลั่นออกมาหนึ่งคำและก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อเขาเริ่มวาดตราประทับก่อนที่จะกลายเป็นอักขระสีแดงเข้ม

เมื่ออักขระสีแดงเข้มทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ก็หายไปในส่วนลึกของพื้นที่นี้

ตู้ม!

ขณะที่อักขระสีแดงเข้มหายไป ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงพื้นดินที่สั่นสะท้าน ก่อนที่แสงสีดำขาวจะพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจากส่วนลึกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าหมัวเฮอ

เสานี้เชื่อมระหว่างฟ้าดิน มิติเบื้องบนเมืองแตกออก เสาแสงสีดำขาวส่องลงมากจากในมิติ

ท่ามกลางเสาแสงนั้นทุกคนเห็นขวดหยกสีดำขาวปรากฏขึ้น

เมื่อขวดหยกเผยออกมา ทั่วบริเวณก็มีแต่สีดำและสีขาวราวกับว่าเป็นจุดตัดของหยินหยาง

แรงกดดันที่น่ากลัวก็เอิบอาบออกมาจากขวดหยกนั่น

เมื่อชิงเหยี่ยนจิ้ง ฝูถูเฉวียนและไท่หมิงเห็นขวดหยก สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปพลางร้องอุทานว่า “ขวดมหาเพลิงวารี?! หมัวเฮอเทียน เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? ถึงขนาดใช้อาวุธมหสวรรค์ขั้นเซิ่งพิทักษ์เผ่า!”

โดยทั่วไปชนเผ่าโบราณจะมีอาวุธมหสวรรค์ขั้นเซิ่งอย่างเจดีย์บรรพบุรุษของเผ่าฝูถู ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องเผ่าและสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วจะไม่มีการใช้ เว้นแต่ว่าเผ่ากำลังเผชิญกับหายนะล้างโลกเท่านั้น

ย้อนกลับไปตอนนั้นที่หมัวเฮอเทียนพ่ายแพ้เซียวเหยียน เขาก็ถูกบีบให้ต้องใช้อาวุธนี้เพื่อบังคับให้เซียวเหยียนถอยออกไป

อาวุธมหสวรรค์ขั้นเซิ่งที่เขาใช้ในตอนนั้นก็คือขวดหยกดำขาวนี่

ไม่มีใครคิดว่าเมื่อเผชิญหน้ากับมู่เฉิน หมัวเฮอเทียนจะถูกบังคับให้ใช้อีกครั้ง

เห็นได้ชัดว่าหมัวเฮอเทียนไม่สนใจวิธีการใดๆ แล้ว ตราบใดที่สามารถคว้าร่างมหาเทพนิรันดร์กลับคืนมาครอบครอง!

ตอนนี้มู่เฉินตกอยู่ในอันตรายแล้ว

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท