หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1512 หอหมื่นปีศาจ

บทที่ 1512 หอหมื่นปีศาจ

โถงดำมืดที่พวยพุ่งไปด้วยความมืดมิด

หมอกสีดำไหลวนเวียนราวกับว่าสามารถกลืนกินความมีชีวิตชีวาทั้งหมดได้ ให้ความรู้สึกหม่นหมองและเย็นเยือก

ในห้องโถงมีที่นั่งสีดำเป็นชั้นๆ ยื่นออกไป มีคนนั่งอยู่บนที่นั่งทุกตัวพร้อมกับรัศมีสีดำครอบคลุมเอาไว้ พลังชั่วร้ายทำให้มิติถึงกับสั่นสะเทือน

โถงแห่งนี้บรรจุไปด้วยกลิ่นอายน่ากลัว เหมือนกับหอหมื่นปีศาจอย่างไรอย่างนั้น

ที่ศูนย์กลางบัลลังก์สามสิบสองแท่นยื่นออกไปด้านข้าง มีร่างบนบัลลังก์ทุกที่ปลดปล่อยรัศมีปีศาจรุนแรงออกจากร่างกาย สร้างภาพมายาปีศาจที่อยู่เบื้องหลังแต่ละคน เอิบอาบด้วยแรงกดดันที่น่ากลัว

ภายใต้แรงกดดันของทั้งสามสิบสองคน คนอื่นๆ ก็ลดศีรษะลงเล็กน้อยด้วยความเคารพ

มีร่างที่พวยพุ่งด้วยเปลวไฟสีดำนั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธาน เพลิงปีศาจนี้มีสีดำมืดราวกับน้ำหมึกและแผ่ซ่านด้วยรัศมีบริสุทธิ์ออกมาในเวลาเดียวกัน ขณะที่คลื่นสองสายไหลเวียน ก็ดูแปลกประหลาดมาก

ภายใต้เพลิงปีศาจ สายตาไม่แยแสก็กวาดมองออกไป ทำให้มิติสั่นไหวราวกับหวาดกลัวอย่างไรอย่างนั้น

“ทุกคนมากันครบหรือยัง?” เสียงเบาหวิวดังขึ้นจากเพลิงปีศาจ

บนบัลลังก์ข้างๆ ภาพเงาที่สวมเสื้อคลุมสีดำก็เงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าซีดขาว แต่ดวงตากลับฉายภาพกระแสน้ำวนสีดำ ช่างแปลกตายิ่งนัก ในขณะที่เกิดปฏิกิริยาหมุนคว้างก็อาบด้วยความลึกลับที่ไม่อาจอธิบาย ซึ่งทำให้ผู้คนหลงทางอยู่ภายใน

ม่านตาของเขากวาดไปที่เพลิงปีศาจก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏขึ้น “ครั้งนี้เผ่าเทียนหมัวไม่ได้สายนะ”

ไม่ไกลนักอีกคนก็พูดว่า “เผ่าซือหมัวก็มาแล้ว”

ร่างนั้นถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายซากศพน่าขยะแขยงทำให้แม้แต่อากาศยังกลายเป็นสีเทาขาว ถ้ามู่เฉินอยู่ที่นี่ก็จะสามารถจดจำร่างร่างนี้ได้อย่างแน่นอน เพราะนี่ก็คือจอมปีศาจเฮยซือเทียนที่เคลื่อนไหวออกมาจัดการเขาในพิภพเขตล่าง

หลังจากเขาพูด คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ก็เอ่ยปาก พวกเขาเป็นตัวแทนแกนนำจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ สามสิบสองเผ่าใหญ่

ดังนั้นรัศมีปีศาจในหอหมื่นปีศาจนี้จึงบรรจุด้วยพลังรุนแรงเป็นทบทวีคูณ

เมื่อเห็นผู้นำเผ่าทุกคน ร่างเพลิงปีศาจก็ผงกศีรษะ เสียงแหบพร่าสะท้อนออกมา

“อีกสามเดือนนับจากนี้ สนธิสัญญาพันธมิตรมหาพันภพจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง”

เมื่อเขาพูดประมุขปีศาจทั้งหมดก็มีแสงน่าสะพรึงกลัวกะพริบในดวงตาเล็ดลอดด้วยไอเย็นเยือก

“ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง!” เสียงเยือกเย็นของจอมปีศาจเฮยซือเทียนดังก้อง รัศมีซากศพโดยรอบครางกระหึ่มก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นโครงกระดูกนับไม่ถ้วน

“เรารอมาหลายหมื่นปี ถึงเวลาแล้วที่มหาพันภพจะสั่นสะเทือนภายใต้อำนาจของเรา!” ร่างเงาอีกร่างหนึ่งกล่าวขึ้น ร่างนี้มีมือยาวคู่พร้อมกับเล็บสีดำ กระทั่งมิติยังถูกแยกออกอย่างง่ายดายด้วยเล็บที่แผ่ซ่านความคมที่น่ากลัว

นี่ก็คือผู้นำเผ่าเตาหมัว—จอมปีศาจจ่านเทียน

ในโถงคนอื่นๆ ก็ส่งเสียงคำรามด้วยเจตนาฆ่า

ร่างเพลิงปีศาจยื่นมือออกทำให้ทุกคนเงียบลง นี่แสดงให้เห็นถึงอำนาจที่มี เขาก็คือประมุขเผ่าเซิ่งหมัวที่เป็นผู้นำของสามสิบสองเผ่าใหญ่—จอมปีศาจเซิ่งเทียน

เทพปีศาจจักรพรรดิที่ใช้ชีวิตของเทพจักรพรรดินิรันดร์ผนึกเป็นคนของเผ่าเซิ่งหมัว นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเผ่าเซิ่งหมัวจึงดำรงตำแหน่งผู้นำของจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ

ดังนั้นเมื่อเทพปีศาจจักรพรรดิถูกผนึก จอมปีศาจเซิ่งเทียนจึงขึ้นเป็นผู้นำของจักรวรรดิปีศาจ

“อย่าดูถูกมหาพันภพ ตามรายงานถึงจะไม่มีจอมยุทธ์ที่เหมือนกับเทพจักรพรรดินิรันดร์ แต่พวกมันก็ยังมีจอมยุทธ์ชั้นยอดอีกนับไม่ถ้วนเช่นเทพจักรพรรดิอัคคี เทพจักรพรรดิสงครามที่เป็นภัยคุกคามยิ่งใหญ่ต่อเผ่าเรา” ดวงตาของจอมปีศาจเซิ่งเทียนกะพริบพร้อมกับเพลิงปีศาจสีดำขาว

“ครั้งหนึ่งเจ้าเคยต่อสู้กับเทพจักรพรรดิอัคคีนี่… มันเป็นอย่างไรบ้าง?” ผู้นำเผ่าเทียนหมัวถาม

เผ่าเทียนหมัวได้รับการจัดอันดับต้นๆ ของสามสิบสองเผ่า ส่วนประมุขเผ่าคนนี้ก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าจอมปีศาจเซิ่งเทียน ขณะเดียวกันยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อจอมปีศาจอั้นเทียน บอกได้ว่าเขาทรงพลังเพียงใด

เนื่องจากสถานะ เขาจึงรู้ว่าจอมปีศาจเซิ่งเทียนเคยต่อสู้กับเทพจักรพรรดิอัคคีเมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ทุ่มสุดแรง

ขณะที่เพลิงปีศาจในดวงตาของจอมปีศาจเซิ่งเทียนวูบไหวก็ตอบว่า “เทพจักรพรรดิอัคคีไม่ธรรมดา มันทรงพลังในศาสตร์แห่งเปลวไฟและมีความรู้แจ้งที่น่ากลัว แม้แต่เพลิงปีศาจเทวะของข้าก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้”

ขณะที่เขาพูดทุกคนภายในโถงก็ตัวสั่นสะท้าน ยังเกิดการกระเพื่อมที่ภาพปีศาจเบื้องหลังพวกเขาด้วย

“ขนาดเพลิงปีศาจเทวะยังทำอะไรมันไม่ได้เลยเหรอ?”

แต่ละคนแลกเปลี่ยนสายตากัน ขณะที่แววตาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด พวกเขารู้ดีว่าเพลิงปีศาจเทวะของจอมปีศาจเซิ่งเทียนทรงพลังเพียงใด แม้แต่คนในระดับเดียวกันก็ไม่กล้าเผชิญหน้า แต่กลับทำอะไรเทพจักรพรรดิอัคคีไม่ได้?

“ดูเหมือนว่ามหาพันภพก็มีรากฐานใช้ได้… มิหนำซ้ำยังมีเทพจักรพรรดิสงครามซึ่งเป็นที่รู้กันว่าอยู่ในระดับเดียวกับเทพจักรพรรดิอัคคี ข้าว่ามันคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ธรรมดาเช่นกัน”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นจอมปีศาจเฮยซือเทียนก็เอ่ยว่า “ข้าได้ปะทะกับเทพจักรพรรดิสงครามคนนั้นแล้ว มันทำให้ข้ากดดันมาก ถ้าต่อสู้กันด้วยร่างหลัก ข้าคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน”

จอมปีศาจเฮยซือเทียนหยุดพูดชั่วครู่ก่อนจะกวาดสายตาไปที่มุมหนึ่งของโถง “ว่ากันว่าพิภพเขตล่างที่เทพจักรพรรดิสงครามถือกำเนิด ครั้งหนึ่งเคยประสบกับการรุกรานของเผ่ายี่หมัว แต่สุดท้ายพวกเจ้ากลับล้มเหลว ยังทำให้ดาวหายนะนั้นมาถึงมหาพันภพ ไม่ได้เรื่องจริงๆ!”

ทุกคนสายตามองไปที่ร่างร่างหนึ่งที่กำลังสั่นสะท้าน รัศมีปีศาจรอบตัวแสดงถึงอารมณ์ที่ผันผวน

นี่ก็คือผู้นำเผ่ายี่หมัวคนปัจจุบัน แต่ในหมู่จักรวรรดิปีศาจตำแหน่งของเขาอยู่ในระดับสามัญเท่านั้น มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างเขาและสามสิบสองเผ่าใหญ่ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะเหวี่ยงกับการตำหนิของจอมปีศาจเฮยซือเทียน ได้แต่ก้มหน้ายอมรับไป

ทว่าหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความอัปยศอดสู การครอบครองพิภพเขตล่างเป็นสิ่งที่ทุกเผ่าปีศาจต้องทำ แต่เผ่ายี่หมัวโชคร้ายไปรุกรานพิภพเขตล่างที่มีเทพจักรพรรดิสงคราม ยิ่งกว่านั้นมันยังข้ามขอบเขตมาที่มหาพันภพและขึ้นเป็นศัตรูตัวฉกาจของจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ

“ไม่ต้องขุดคุ้ยเรื่องนี้แล้ว” จอมปีศาจเซิ่งเทียนโบกมือเพื่อหยุดจอมปีศาจเฮยซือเทียนพูดอย่างเฉยเมยว่า “เทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามเป็นภัยคุกคามต่อเราก็จริง แต่การฆ่าพวกมันจะง่ายแสนง่ายหากเราปลดปล่อยท่านเทพปีศาจจักรพรรดิให้เป็นอิสระได้”

“ออกคำสั่ง เราจะทำการโจมตีแคว้นหวู่จิ้งฮั่งและแคว้นหวู รั้งตัวจอมยุทธ์ทั้งสองไว้ ไม่ให้พวกเขาไปยังพื้นที่ผนึก”

“รับทราบ!”

ทุกคนโห่ร้องรับคำสั่ง

“เซิ่งเทียน ถึงแม้เราจะสามารถยับยั้งเทพจักรพรรดิทั้งสองได้ แต่ผนึกของเทพจักรพรรดินิรันดร์ยังคงอยู่เพื่อต่อต้าน พวกเราจะถูกขัดขวางทันทีที่เข้าใกล้ แล้วเราจะช่วยท่านเทพทำลายผนึกนั้นได้อย่างไร?” คนที่พูดขึ้นร่างเอิบอาบด้วยรัศมีปีศาจ คล้ายกับมหาสมุทรปีศาจ นี่ก็คือผู้นำเผ่าหลิงหมัว หนึ่งในสามสิบสองเผ่าใหญ่—จอมปีศาจหลิงเทียน

จอมปีศาจเซิ่งเทียนหลุบตาตอบว่า “ข้ามีแผนของข้า เพียงทำตามคำสั่งก็พอ”

“พวกเจ้าทุกคนแค่จำไว้ว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับเรา แม้ว่าเราจะครอบครองครึ่งหนึ่งของมหาพันภพ แต่เราก็แตกต่าง ดังนั้นจึงถูกปฏิเสธจากที่นี่ เว้นแต่จะสามารถครอบครองได้อย่างสมบูรณ์ เพียงเท่านี้เราถึงจะสามารถสร้างโลกที่เหมาะกับเราได้ มิฉะนั้นเราจะค่อยๆ ถูกทำให้บริสุทธิ์โดยมหาพันภพหลังจากผ่านไปหมื่นปี…”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทุกคนก็พล่านด้วยไอหนาวเย็นที่ดุร้ายในดวงตา

“ไปได้”

จอมปีศาจเซิ่งเทียนไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป ทุกคนลุกขึ้นโค้งคำนับมาทางเขาและจากไป

ผู้นำสามสิบสองเผ่าก็ลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมกับรัศมีปีศาจรุนแรง

เพียงสิบกว่าลมหายใจหอหมื่นปีศาจก็ว่างเปล่า จอมปีศาจเซิ่งเทียนเงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางของมหาพันภพพร้อมกับดวงตาสั่นไหวด้วยอาการตื่นเต้นและบ้าคลั่ง

“ท่านเทพปีศาจ เมื่อท่านกลับมาก็จะเป็นวันที่เราเหยียบมหาพันภพไว้ใต้ฝ่าเท้า!”

“ในเวลานั้นทุกสรรพสิ่งในมหาพันภพจะต้องชดใช้เวลาสี่หมื่นเก้าพันปีที่ผ่านมา!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท