หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – บทที่ 1518 ชำระเทพปีศาจจักรพรรดิ

บทที่ 1518 ชำระเทพปีศาจจักรพรรดิ

ตู้ม ตู้ม!

บริเวณเนินเขารกร้างทางเหนือเกิดเสียงดังก้องไม่หยุด โลงศพบนลานสีดำระเบิดแสงจำนวนมากถักทอกลายเป็นค่ายกลเหนือพื้นที่นี้

แม้ว่าค่ายกลจะดูเลือนรางแต่ก็พล่านด้วยพลังเต้นระริก ทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายยังหวาดกลัว

ม่านแสงเริ่มปรากฏขึ้นและกระจายออกไปห่อหุ้มดินแดนวั้นมู่ทั้งหมด ราวกับว่าเป็นการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด

ฉิงเทียนยืนขึ้นพลางเงยหน้า สายตาเหมือนจะสามารถทะลุผ่านวังยิ่งใหญ่มองไปที่ค่ายกลทรงพลังเหนือดินแดนวั้นมู่

“ทุกคนประจำตำแหน่ง เมื่อไรที่ได้รับคำสั่งข้าก็จงเทคลื่นหลิงลงในโลงศพทองสัมฤทธิ์นั่น!” เสียงหนักแน่นของฉิงเทียนดังก้องอยู่ในโสตประสาทของทุกคน

พูดจบฉิงเทียนก็โบกมือ มู่เฉินและคนอื่นๆ รู้สึกว่าวิวทิวทัศน์พร่ามัวไป ก่อนที่จะไปปรากฏเบื้องหน้าโลงศพทองสัมฤทธิ์

ที่นี่เป็นดินแดนสีดำกว้างใหญ่ ทุกโลงศพจะมีร่างร่างหนึ่งปรากฏขึ้น

มู่เฉินนั่งอยู่บนโลงศพทองสัมฤทธิ์มองไปที่ค่ายกลใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาสัมผัสได้ว่าพลังที่รั่วไหลออกมาเล็กน้อยก็ทำให้คลื่นหลิงในร่างกายของเขาสั่นสะท้าน

“พลังนี้…เกินขอบเขตระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งไปแล้ว…”

มู่เฉินพึมพำ ค่ายกลดับแสงพันปีศาจที่ยิ่งใหญ่นี้เป็นสิ่งที่เทพจักรพรรดินิรันดร์สร้างขึ้นด้วยชีวิตของเขา ซึ่งเกี่ยวข้องกับกฎลึกลับ ดังนั้นพลังจึงเป็นสิ่งที่จินตนาการไม่ได้

“นี่คือพลังงานอะไร?”

ขณะที่มู่เฉินกำลังมองไปที่ค่ายกล ฉิงเทียนก็ปรากฏตัวบนโลงศพที่อยู่ตรงกลางพลางจ้องไปที่ค่ายกลเช่นกัน

บนค่ายกลพลังอันยิ่งใหญ่กำลังค่อยๆ อ่อนลง

นี่เป็นเพราะค่ายกลดับแสงพันปีศาจอีกไม่ช้าก็จะจบสิ้นวงจรแล้ว เมื่อรอบนี้จบลงพวกเขาจะต้องเติมคลื่นหลิงของจอมยุทธ์ทุกคนลงไปเพื่อกระตุ้นให้วงจรสุดท้ายดับชีวิตเทพปีศาจจักรพรรดิ

บนท้องฟ้าค่ายกลขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบดินแดนวั้นมู่เริ่มจางหาย

อีกครึ่งก้านธูปต่อมารัศมีก็ดับวูบลง

ตู้ม!

ดินแดนวั้นมู่สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น รอยแตกขนาดใหญ่เริ่มปรากฏขึ้นพร้อมกับรัศมีปีศาจเชี่ยวกรากพวยพุ่งออกมาจากช่องปริแตกเหล่านั้น

เมื่อรัศมีปีศาจปรากฏขึ้นพื้นที่ทั้งหมดก็มืดลงพร้อมกับคลื่นหลิงถูกแปดเปื้อนและสึกกร่อนในเส้นทางของรัศมีนั้น

จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนคนหนึ่งที่ไม่ทันตั้งตัวไม่แม้แต่จะได้ส่งเสียงกรีดร้อง ร่างกายก็ถูกลดขนาดเป็นเถ้าถ่าน

เมื่อเห็นฉากนี้สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าการรั่วไหลจะน่ากลัวขนาดนี้

โฮก!

เสียงคำรามลึกดังมาจากใต้พิภพ เมื่อทุกคนมองไปที่รอยแตกก็เห็นนัยน์ตาน่ากลัวจ้องมองกลับมา

มองดวงตาที่น่าขนพองสยองเกล้าคู่นั้น ทุกคนก็สั่นสะท้านตั้งแต่หัวจรดเท้า

“เทคลื่นหลิงกระตุ้นค่ายกล! ห้ามปล่อยให้เทพปีศาจจักรพรรดิหลบหนีไปได้!” ฉิงเทียนตะโกน เสียงของเขาดังก้องปลุกทุกคนจากอาการตื่นตกใจ

ใบหน้าของจอมยุทธ์ทั้งหมดเปลี่ยนไป พวกเขาหมุนเวียนคลื่นหลิงโดยไม่ลังเลแล้วเทลงในโลงศพทองสัมฤทธิ์ที่อยู่เบื้องล่าง

ฮึ่ม ฮึ่ม!

เมื่อจอมยุทธ์จำนวนมากเคลื่อนไหว โลงศพทองสัมฤทธิ์ก็ระเบิดรัศมีพร่างพราว คลื่นหลิงกวาดออกไปตามเส้นทางที่เชื่อมโยงกับโลงศพ ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็กำจายไปทั่วดินแดนวั้นมู่โดยมีตาข่ายดักจับรัศมีปีศาจที่รั่วไหลไว้

ตึง ตึง!

เมื่อรัศมีปีศาจไร้ที่สิ้นสุดปะทะกับตาข่ายจังใหญ่ พื้นดินก็สั่นสะท้าน ทว่าก็ถูกยับยั้งไว้อย่างแน่นหนา

สีหน้าของฉิงเทียนเคร่งเครียดมาก เขาแลกเปลี่ยนสายตากับชิงซันและปู้สื่อ จากนั้นคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็พุ่งขึ้นที่ด้านหลังพวกเขา ร่างใหญ่โตสามร่างปรากฏขึ้น

ที่ด้านหลังฉิงเทียนเป็นร่างที่ถือกงล้อสีทองที่มีดวงดาวสลักอยู่บนนั้น นี่ก็คือร่างสังหารปีศาจล้อสวรรค์อยู่ในอันดับเก้าของทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง!

ที่ด้านหลังชิงซันเป็นร่างถือกระบี่สีฟ้าอมเขียว ขณะที่กระบี่ใหญ่สั่นสะท้านก็ปลดปล่อยรัศมีเชี่ยวกรากซึ่งสามารถฉีกมิติออกจากกันได้ นี่ก็คือร่างเทพกระบี่เขียวอยู่ในอันดับที่สิบ!

ส่วนปู้สื่อเป็นร่างถือไม้เท้ายักษ์ที่มีรัศมีความตายพลุ่งพล่านอยู่รอบตัว แต่ท่ามกลางรัศมีความตายกลับมีพลังชีวิตสอดประสาน ทั้งชีวิตและความตายลึกซึ้งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งอยู่ในอันดับสิบสอง ร่างจักรพรรดิอมตะ!

ยามนี้สุดยอดจอมยุทธ์ทั้งสามได้ใช้พลังทุกหยาดหยดแล้ว

ตู้ม ตู้ม!

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตราวกับมหาสมุทรเทลงมาในโลงศพใหญ่ที่สุดสามโลงที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าพวกเขา

ตึง!

ขณะที่พวกเขาเติมคลื่นหลิงตลบอบอวล โลงศพก็สั่นสะท้าน เสาคลื่นหลิงไร้ขอบเขตพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าขับเคลื่อนเข้าไปในค่ายกลดับแสงพันปีศาจ

ฮึ่ม ฮึ่ม!

พร้อมกับเสาพลัง ค่ายกลก็เอิบอาบไปด้วยรัศมีขณะพลังยิ่งใหญ่ที่กำลังอ่อนแรงลงได้รับการปรับปรุงอย่างรวดเร็ว

รัศมีลึกลับพุ่งออกมาจากใจกลางค่อยๆ บีบอัดเป็นหอกยาว

หอกถูกปกคลุมด้วยรูปแบบพลังงานโบราณ ราวกับว่ามันเป็นพลังงานลึกลับที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อโลกอุบัติขึ้น

เมื่อรู้สึกถึงพลังงานนั่น มู่เฉินก็หดดวงตา เนื่องจากเขาสัมผัสได้ว่าร่างมหาเทพนิรันดร์สั่นสะเทือน ราวกับว่าถูกบางอย่างดึงดูด

ทุกคนที่นี่กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายก็มีสีหน้าตกตะลึง เนื่องจากสัมผัสได้ถึงรัศมีคุกคามอย่างมากจากหอก

หากหอกนั้นเล็งมาที่พวกเขาก็คงตายคาที่อย่างไม่ต้องสงสัย

ฟิ้ว!

เมื่อค่ายกลดับแสงพันปีศาจสั่นไหว หอกก็พุ่งลงมา อึดใจก็ซัดลงมาบนพื้นดิน

ชี่!

เมื่อพุ่งลงสู่พื้นดินหอกก็หายไป แต่จังหวะนั้นทุกคนต่างได้ยินเสียงโหยหวนโกรธเกรี้ยวที่มาจากใต้พิภพ แผ่นโลกสั่นสะเทือนรุนแรงพร้อมกับรัศมีปีศาจเชี่ยวกรากราวกับว่ามีบางสิ่งที่น่ากลัวต้องการเคลื่อนตัวให้หลุดพ้น

ปัง!

ทว่ารัศมีปีศาจก็ถูกจำกัดไว้โดยตาข่าย ภูเขาหลายลูกในดินแดนวั้นมู่ถล่มลง แต่ตาข่ายก็ยังคงดักจับรัศมีปีศาจไว้อย่างแน่นหนา

หลังจากการเผชิญหน้ากันชั่วครู่ ในที่สุดรัศมีปีศาจก็สงบลง ดวงตาน่าขนพองสยองเกล้ากลัวปรากฏขึ้น “ไอ้พวกต่ำตม! หากเทพปีศาจคนนี้หลุดไปได้ละก็ ข้าจะทำให้ทุกชีวิตในมหาพันภพเป็นทาสของข้า!”

ดวงตาของฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อเย็นเยือกลง

“ไม่ต้องใส่ใจมัน ก็แค่การดิ้นรนครั้งสุดท้ายก่อนตาย คงค่ายกลไว้ให้ได้จนหอกเก้าสิบเก้าเล่มครบ ร่องรอยสุดท้ายของพลังชีวิตมันก็จะถูกลบออกไป!” ฉิงเทียนกล่าว

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ทุกคนก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น ก่อนที่จะหมุนเวียนพลังเทลงในโลงศพอย่างต่อเนื่อง

ฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อแลกเปลี่ยนสายตาพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก ค่ายกลดับแสงพันปีศาจถูกกระตุ้นแล้ว เทพปีศาจจักรพรรดิก็จะถูกสังหารหลังจากหอกเล่มที่เก้าสิบเก้าซัดลงไป

“ตอนนี้…เราต้องปกป้องดินแดนวั้นมู่ไว้ให้ดี” ฉิงเทียนกล่าว

ชิงซันเงยหน้ามองไปที่ขอบฟ้าตอบว่า “ไม่มีความวุ่นวายใดๆ จากโดยรอบ พวกปีศาจยังไม่ปรากฏตัว

ปู้สื่อเอ่ยว่า “ปีศาจเหล่านั้นไม่ยอมแพ้แน่ เทพปีศาจจักรพรรดิเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกมัน ดังนั้นพวกมันต้องทำทุกทางเพื่อช่วยเหลือ!”

ฉิงเทียนพยักหน้าขณะมองไปที่ขอบฟ้าด้วยไอเย็นเยือกพล่านอยู่ในดวงตา

ยามนี้ดินแดนวั้นมู่สงบนิ่ง ทุกคนต่างรอคอยพลังมหาศาลหมุนเวียนที่ขอบฟ้า ทุกหนึ่งก้านธูปก็จะสร้างหอกขึ้นมา ก่อนที่จะพุ่งลงไปแล้วตามด้วยเสียงคำรามกร้าว

ทุกครั้งที่หอกซัดลงไป เสียงนั้นก็ค่อยๆ อ่อนแอลง

เมื่อรับรู้ถึงฉากนี้ ความสุขก็ปรากฏบนใบหน้าของทุกคน มีเพียงฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อเท่านั้นที่ดูเคร่งขรึมและตื่นตัวมากขึ้น

“เผ่าปีศาจยังไม่ปรากฏตัวอีกเรอะ?” มู่เฉินพึมพำขณะขมวดคิ้ว

ทว่าทันใดนั้นดวงตาของสุดยอดจอมยุทธ์ทั้งสามก็เปล่งประกาย

มู่เฉินรู้สึกถึงสิ่งนี้ก็เงยหน้าขึ้น ใบหน้าเปลี่ยนไปรุนแรง

จอมยุทธ์ทุกคนเงยหน้าขึ้นตามด้วยความหวาดผวาเมื่อเห็นรอยแตกขนาดใหญ่ค่อยๆ ปริออกจากกันพร้อมกับรัศมีปีศาจเชี่ยวกรากพุ่งออกมารุนแรง

“ในที่สุดก็มา…”

ชิงซันกวัดแกว่งกระบี่พลางถอนหายใจ “ไม่คิดว่าจักรวรรดิปีศาจต่างมิติจะใช้จุดเชื่อมพิภพเขตล่างมาที่ชายแดนดินแดนวั้นมู่… ช่างเป็นแผนการที่ดีนัก”

เมื่อรอยแตกขยายใหญ่ขึ้น เหล่าปีศาจก็พุ่งทะยานออกมาราวกับคลื่นยักษ์ ร่างสูงตระหง่านของจอมปีศาจปรากฏตัวก้าวออกจากมิติ เสียงเยือกเย็นดังก้อง

“ไอ้พวกมหาพันภพสารเลว ถ้ายังไม่ปล่อยเทพปีศาจของพวกข้า วันนี้จักรวรรดิปีศาจจะทำลายมหาพันภพให้ราพณาสูร!”

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler ฟรี ได้ที่ novel-fast 


เรื่องย่อ

โดย เรื่อง หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler บางส่วนของนิยาย

บทนำ

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป

‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้

แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์

แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว

ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ

เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง?

ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน…

เรื่องย่อ

เมื่อคำพูดของมู่เฉินกระจายออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่มีการตอบสนอง แม้แต่ด้านนอกเจดีย์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศราวกับป่าช้า…

ทุกคนตกตะลึงไปกับฉากนี้ พวกเขาจ้องมองจุดที่ลู่สุยหายตัวไป ราวกับว่ายังไม่สามารถฟื้นจากอาการตะลึงงันที่เกิดขึ้นได้

ก่อนหน้าเมื่อลู่สุยออกกระบวนท่าที่น่าสะพรึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกกำหนดแล้ว ทว่าพวกเขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์ได้อีกครั้ง เตะลู่สุยที่เหมือนจะคว้าชัยชนะออกไป

ทุกคนตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะหลุดออกจากอาการได้ สายตาเคร่งเครียดลง การประลองกันครั้งนี้มู่เฉินไม่ได้ใช้ค่ายกล แต่เขาก็สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างลู่สุยได้ด้วยความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าจะมีผลจากลู่สุยประมาทเองในตอนแรก แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่ามู่เฉินน่ากลัวแค่ไหน

พลังเช่นนี้เขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์อันดับต้นๆ ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้เลยทีเดียว

ทางฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า ใบหน้าของหลิ่วชิงกลายเป็นเขียวสลับขาว นางมองไปที่ร่างสูงโปร่งบนหน้าจอ กลืนน้ำลายเหนียวหนืด ความกลัวปรากฏในดวงตาของนางเป็นครั้งแรก

มาถึงจุดนี้นางคงโง่แน่ถ้ายังคิดปฏิบัติต่อมู่เฉินเหมือนกับจอมยุทธ์ขั้นหกทั่วไป

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมา บวกกับค่ายกลทรงพลัง แม้แต่จงเถิงก็ยากจะได้เปรียบหากพวกเขาต่อสู้กัน

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะเยาะและมองจิ่วโยวด้วยความดูถูก แต่ตอนนี้นางอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ซึ่งจุดนี้รู้ได้จากสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นที่ปรายมองเข้ามา

“ทำไมมู่เฉินถึงทรงพลังเช่นนี้?” จงฮั้วที่พ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดเช่นกันว่ามู่เฉินพึ่งพาเพียงค่ายกลเพื่อจัดการกับศัตรู แต่ใครจะคิดว่าเมื่อไม่มีการใช้ค่ายกลมู่เฉินก็สามารถเอาชนะลู่สุยแบบดุร้ายยิ่งกว่าอะไร

“ดูเหมือนว่ามีเพียงพี่ใหญ่จงเถิงเท่านั้นที่สามารถจัดการกับเขาได้” จอมยุทธ์อีกคนของเผ่ากระเรียนฟ้าพยักหน้า

หลิ่วชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะพิจารณาพลังของมู่เฉินพลาดไปเท่านั้น แม้แต่จงเถิงก็ตัดสินอีกฝ่ายผิดไป ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

ขณะที่นอกเจดีย์ต่างตกตะลึงกับผลลัพธ์ที่มู่เฉินนำมา ทันใดนั้นแสงก็กะพริบบนแท่นนอกเจดีย์ ร่างน่าสังเวชปรากฏขึ้น

เมื่อร่างนั้นออกมาก็รีบถอยกลับไปปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มอีกาสายฟ้าทันควัน นี่ก็คือลู่สุยที่มีสีหน้าซีดขาว คลื่นหลิงของเขาถดถอยลงอย่างมาก

สายตาโดยรอบยิงเข้าหาในเวลานี้ทันที

ใบหน้าของลู่สุยเขียวคล้ำ สายตาเกลียดชังมองไปที่มู่เฉินที่อยู่บนหน้าจอ ก่อนที่จะหันหัวสาดสายตาดุร้ายใส่จิ่วโยวและมั่วหลิง ที่ข้างๆ พรรคพวกของเขาก็มีท่าทางไม่ดีเช่นกัน

ทว่าจิ่วโยวไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้น นางเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ลูกหมาที่ถูกฟาดยังกล้าที่จะออกมาแยกเขี้ยวอีกเหรอ?”

ตอนนี้ลู่สุยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมด ส่วนคนที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หากพวกเขากล้าที่จะคิดบัญชีกับพวกนาง จิ่วโยวก็ไม่คิดปล่อยพวกเขาไว้เป็นภัยคุกคามในอนาคตหรอก

สายตาแสดงความเกลียดชังของลู่สุยจ้องเขม็งอยู่ที่จิ่วโยว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องถอนสายตาออกไปอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะถอยกลับนั่งลงบนซากปรักหักพังเข้าสมาธิเพื่อฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ

จอมยุทธ์กลุ่มอีกาสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวเขาเพื่อปกป้อง

เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนั่น นางก็ไม่ได้ใส่ใจกับพวกเขาอีก นางมองไปที่หน้าจออีกครั้งโดยพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างเงาอ่อนเยาว์ มือที่กำแน่นผ่อนคลายลง

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับนางที่มู่เฉินจะเอาชนะได้เด็ดขาดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะตามการประเมินของนางแม้ว่ามู่เฉินจะยืนยงอยู่ได้ก็เป็นยากที่จะเอาชนะลู่สุยด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกและถ้าการต่อสู้ถูกลากไปจนสุดอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง

ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ทำให้นางทั้งประหลาดใจและดีใจ

เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินได้รับประโยชน์มหาศาลจากสามชั้นแรกของเจดีย์ฝึกพลังกาย ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถแสดงพลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้ได้

“ว่ากันว่าในชั้นสี่มหัศจรรย์กว่านี้มาก หากใครสามารถเข้าไปได้ พวกเขาจะสามารถได้รับผลประโยชน์เกินกว่าสามชั้นแรกมาก…”

จิ่วโยวยิ้มบาง ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันไม่น่ามีปัญหาใดๆ ที่มู่เฉินจะเข้าสู่ชั้นสี่ สำหรับมั่วเฟิงความแข็งแกร่งของเขาเป็นหนึ่งในอันดับต้นของกลุ่มที่เข้าไป ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเขาที่จะได้หนึ่งในห้าที่นั่งนี้ไปเช่นกัน

ดูเหมือนว่าการเดินทางมาที่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณครั้งนี้เผ่าวิหคโลกันตร์อาจเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

บนลานเมฆสายฟ้า

ไม่มีใครตอบคำถามของมู่เฉิน ขณะนี้แม้แต่จอมยุทธ์ทรงอำนาจอย่างหานซันและสีคุนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงมู่เฉินอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปปะทะกับมนุษย์ผู้นี้

ดังนั้นคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากรัศมีโดยรอบมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการต่อสู้กับเขา

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่มีอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก คนอื่นๆ เห็นเพียงฉากการต่อสู้ตระการที่เขาเอาชนะลู่สุยได้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าหมัดที่เขาชกออกไปก่อนหน้านี้คือพลังงานส่วนเกินจากสามชั้นแรก

ร่างกายของมู่เฉินก่อนหน้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับน้ำจนถึงขีดจำกัด หมัดของเขาจึงเท่ากับบีบน้ำออกจนหมด ทำให้ร่างกายที่อัดแน่นกลับสู่สภาพเดิม

ดังนั้นถ้าให้เขาโจมตีแบบนั้นอีกครั้ง พลังก็จะไม่ทรงประสิทธิภาพเหมือนเมื่อครู่แน่นอน

ประสิทธิผลพิเศษชนิดนี้ของการสะสมพลังงานในร่างกายเป็นทักษะที่ได้มาจากกายามังกรหงส์ ด้วยวิธีนี้เขาจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดไว้ กลายเป็นไพ่ลับอีกใบหนึ่ง

“คัมภีร์หลงเฟิ่งทรงพลังจริงๆ”

แม้แต่มู่เฉินก็ยังชื่นชมในสิ่งนี้ คัมภีร์หลงเฟิ่งสมแล้วที่เป็นทักษะยอดเยี่ยมแท้จริง จากการประเมินของเขาคัมภีร์นี้ต้องอยู่ในระดับเสินทงแน่นอน ซึ่งไม่ธรรมดาแม้จะอยู่ในกลุ่มวิทยายุทธระดับเสินทงด้วย

มู่เฉินชื่นชมก่อนที่จะใจเย็นลง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครท้าทายเขา แต่เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะท้าทายคนอื่นด้วยเช่นกัน เขายืนนิ่งบนตำแหน่งตนเองรอผลการคัดออก

สำหรับจงเถิง มู่เฉินรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกยุแยงให้ลู่สุยมาปะทะกับเขา แต่เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการจัดการ เขาจึงได้แต่ผลักแผนไปก่อน

แต่ถึงกระนั้นสายตาคมกล้าของมู่เฉินก็ยังจ้องเขม็งไปที่จงเถิง รอบตัวเต็มไปด้วยคลื่นหลิงราวกับเสือดาวที่กำลังจะจ้องตะครุบเหยื่ออัดแน่นด้วยภัยคุกคาม

เมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉิน จงเถิงที่ประจันหน้ากับมั่วเฟิงก็รู้สึกอึดอัดใจ เขาต้องแยกสมาธิอยู่ตลอดเพื่อจับตามองมู่เฉิน ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมาประสานพลังกับมั่วเฟิง

ด้วยวิธีนี้สมาธิของจงเถิงจึงค่อนข้างฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาได้แต่กัดฟัน ถอนคลื่นหลิงและถอยออกจากบริเวณของมั่วเฟิง

“พี่มั่วยากสำหรับการต่อสู้ของเราที่จะได้ข้อสรุป ทำไมเราไม่ไปจัดการคนอื่นและรับที่นั่งมาล่ะ?” ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงก็สะท้อนก้องไปด้วย

มั่วเฟิงจ้องมองจงเถิงอย่างไม่แยแสก่อนที่จะพยักหน้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าหากพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ยืนจ้องหน้ากันก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ใด หากเขาร่วมมือกับมู่เฉิน พวกเขาอาจทำให้จงเถิงบ้าดีเดือดขึ้นมา แม้แต่พวกเขาก็ต้องจ่ายราคามหาศาลจากการตีโต้

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ที่นั่งเพื่อเข้าสู่ชั้นสี่

เมื่อจงเถิงเห็นคำตอบของมั่วเฟิงก็รู้สึกโล่งใจในใจ เขาถอยกลับอย่างรวดเร็วออกจากจุดที่มู่เฉินและมั่วเฟิงอยู่ เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะเลือกปะทะกับคนที่อ่อนแอกว่า

พอมู่เฉินเห็นจงเถิงไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป สายตาหันมามองมั่วเฟิงแล้วก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแสดงความขอบคุณในการช่วยเหลือครั้งนี้

สายตาของมั่วเฟิงเป็นมิตรมากขึ้น คิดว่าการที่มู่เฉินเอาชนะลู่สุย ทำให้มั่วเฟิงมองมู่เฉินในฐานะจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางเฉยเมยเหมือนเมื่อก่อน

มั่วเฟิงพยักหน้าให้มู่เฉิน ก่อนที่จะหันหลังกลับและเริ่มเลือกคู่ต่อสู้ของตนเอง

ครืน!

เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้แล้ว ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็ระเบิดรุนแรงบนลานเมฆสายฟ้า คลื่นกระแทกกวาดออก ทำให้มิติเกิดการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไม่หยุด

บนลานเมฆสายฟ้าพลังงานหลิงกวาดหายนะ มีเพียงตรงมู่เฉินเท่านั้นที่ไม่ถูกรบกวน เนื่องจากไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในรัศมีพันจั้ง ยามนี้เขาเหมือนผู้ชมที่ดูการต่อสู้ติดขอบ ในเวลาเดียวกันก็บันทึกกระบวนท่าที่ทรงพลังของบางคนไว้ในสมอง

แม้ว่าในชั้นนี้พวกเขาอาจไม่ได้ประลองกัน แต่ก็ยังมีอีกสองชั้นรอพวกเขาอยู่ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลดจำนวนลงในชั้นต่อไป?

ดังนั้นถ้ามีโอกาสเขาต้องพยายามจดจำข้อมูลผู้อื่นเก็บไว้

ภายใต้การสังเกตของมู่เฉิน การประลองบนลานเมฆสายฟ้าก็คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่แต่ละคู่จะมาถึงจุดสิ้นสุด ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้

หลังจากมู่เฉินก็เป็นหานซันที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ที่นั่งที่สองไป

จากนั้นมั่วเฟิงและจงเถิงก็คว้าชัยชนะตามมา

ที่นั่งสุดท้ายตกเป็นของสีคุนที่ก่อนหน้านี้เคยแพ้หานซันที่ด้านนอกเจดีย์ ชายนี้มีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ แม้แต่หานซันยังต้องใช้ทักษะเต็มที่ถึงจะได้รับชัยชนะมา

เมื่อสีคุนได้รับที่นั่งสุดท้ายลานเมฆสายฟ้าขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ร่างทั้งห้ายืนอยู่ ขณะรัศมีไร้ขอบเขตทั้งห้าสายพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าชนกันเปรี้ยงปร้าง

ทว่าการชนกันก็ดำเนินไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้าจะถอนคลื่นพลังพร้อมกัน พวกเขาเหลือบมองกันและกัน จากนั้นก็ไม่ลังเลทะยานออกไปปรากฏตัวบนเบาะทั้งห้า

สายตาพวกเขาพุ่งตรงไปยังมิติด้านหลังลานเมฆสายฟ้าด้วยความโลภ ตรงนั้นเส้นดาวหางจำนวนมากกวาดผ่านราวกับฝนดาวตก

ในแสงเหล่านั้นแก่นหยดสายฟ้ากำลังกะพริบด้วยความแวววาว


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท